แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนัก 4 กิโลกรัม ใน 2 เดือน

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะทุกคน

หลังจากที่เราเคยแชร์เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามไปแล้ว วันนี้ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องรูปร่างเช่นเคยค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงรูปร่างกับพฤติกรรมที่ทำให้เรามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก่อนนะคะ
เราอายุ 30 ปีค่ะ สูง 158 cm และน้ำหนักปกติจะอยู่ช่วง 45-49 kg ค่ะ 
เป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายอย่างรุนแรงค่ะ ให้ไปวิ่งกับให้ทำงานบ้านทั้งวัน เราเลือกงานบ้านแบบไม่ลังเลเลยค่ะ
เราไม่ชอบกินจุบจิบและอาหารมัน ๆ อยู่แล้วเป็นทุนเดิม  เช่น พวกขาหมู เราก็จะเอาแต่เนื้อ ๆ ไม่เอาหนังหรือมันเลยค่ะ แต่เราชอบของทอดนะคะ กับอีกอย่างเราไม่ติดหวานค่ะ พวกน้ำหวานแทบไม่ดื่มเลย หรือถ้ากินก็จะสั่งเป็นหวานน้อยมาก ๆ เกือบตลอด ซึ่งเป็นข้อดีค่ะ ทำให้เราลดน้ำหนักง่ายขึ้นมาก ๆ 

แต่พอมาช่วงโควิด เราก็ต้อง wfh ทำให้มือมันหยิบของกินถึงง่ายขึ้น บวกกับแฟนเราเป็นสาวกบุฟเฟต์ค่ะ

รู้ตัวอีกทีคือคุณพ่อเราทักว่า ทำไมพุงห้อย!

คนอื่นทักว่าอ้วนเราไม่รู้สึกอะไรนะคะ มองตัวเองในกระจกทุกวันก็รู้สึกว่าไม่เห็นจะอ้วนเลย
แต่ถ้าคุณพ่อเราทัก นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตค่ะ!

คุณพ่อที่มีแต่บอกเราว่ากินอีกสิลูก กินน้อยไป มาทักว่าเราพุงห้อย เรายอมไม่ได้ค่ะ!

บวกกับใกล้งานแต่งเพื่อน เราเลยลองเอาชุดเดรสที่เคยใส่ได้มาลองใส่ดูเพราะชุดนั้นมันพอดีตัวมาก
และตามคาดค่ะ ใสไม่ได้! แน่นไปหมด ซิปแทบปริ!

เราเลยมีความมุ่งมั่นแบบแรงกล้ามาก ๆ ค่ะที่จะต้องลดน้ำหนักเอา 48  kg กลับคืนมาให้ได้!

เริ่มแรก เราไปชั่งน้ำหนักวัดไขมันทุกอย่างแล้วเก็บไว้ค่ะ
เราหนัก 53.30 kg ไขมัน 29.1% BMI 21.3 ไขมันในอวัยวะภายใน 3
ถึงผลจากเครื่องจะดูปกติ แต่รูปร่างมันเผละค่ะ มันไม่ได้จริง ๆ

เราศึกษาวิธีการลดน้ำหนักเยอะมาก ๆ ค่ะ
ดูว่าอะไรได้ผลเร็ว ทั้งการออกกำลัง คุมอาหาร รวมถึงพวกอาหารเสริมช่วยลดน้ำหนักด้วยค่ะ

จนเราได้ค้นพบวิธีที่เหมาะกับตัวเอง

นั่นคือเราเริ่มทำ IF 16/8 ค่ะ เพราะวิธีนี้ใกล้เคียงกับพฤติกรรมการกินแบบปกติของเรามาก ๆ แทบไม่เปลี่ยนเลย
มีปรับเวลานิด ๆ หน่อย ๆ ให้เป็นระบบมากขึ้น แต่แทบจะไม่กระทบชีวิตเราเลยค่ะ
เราเริ่มทานข้าวเช้าเป็นควบเที่ยง คือช่วง 10-11โมงอยู่แล้ว และเป็นคนทานเป็นมื้อ ไม่ค่อยทานของว่างระหว่างมื้อ มากินอีกทีก็ตอนเย็น ช่วง 6โมงเย็น ถึง1ทุ่มค่ะ ก็เลยทำให้เราได้กินข้าวแค่วันละ 2 มื้อ 

นอกจากนี้เราลดปริมาณแป้งลงด้วยค่ะ จากที่เคยกินข้าวประมาณทัพพีครึ่ง-2ทัพพี เราลดลงมาเหลือแค่ครึ่งทัพพีค่ะ แล้วกินกับข้าวอย่างอื่นเสริม โดยเฉพาะผักกับเนื้อสัตว์ เรากินเพิ่มเข้าไปค่อนข้างเยอะค่ะ

แล้วเราก็ออกกำลังกายด้วยค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าเราไม่ชอบออกกำลังกายหนัก ๆ เราเลยลองหาวิดีโอสอนออกกำลังในยูทูปที่ไม่หนักมาก เหมาะกับคนเริ่มต้นออกกำลังค่ะ
ส่วนมากที่เราเจอจะเป็นของคนญี่ปุ่น นี่ก็ออกตามเค้าไป เช้า-เย็น ด้วยความที่มันไม่เหนื่อย เลยทำได้ทุกวันค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาวิดีโอที่ลดเฉพาะสัดส่วน เช่นลดพุง ลดต้นขา แล้วออกกำลังตามค่ะ เราแปะลิงค์ออกกำลังไว้ให้นะคะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
พอออกกำลังมาได้สักอาทิตย์นึง เอวจากที่หายไปมันเริ่มกลับมาค่ะ ตอนแรกเราวัดเอวได้ 67cm พอเราทำผ่านไปอาทิตย์นึง เอวเราเหลือ 65 cm ค่ะ
ถือว่าค่อนข้างได้ผลเลย เราเลยออกกำลังทุกวันไม่พักเลยค่ะ

ผ่านไป 2อาทิตย์ เอาเราลดเหลือ 63 cm และมองเห็นเอวชัดขึ้นมากๆ ค่ะ เราเลยมีแรงฮึดที่จะทำต่อ และด้วยความที่อยากลดเร็ว ๆ เราเลยเริ่มออกกำลังหนักขึ้นค่ะ โดยการเพิ่ม HIIT แบบเบา ๆ เข้าไปในการออกกำลังประจำวันด้วย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
รวมถึงเพิ่มการออกกำลังแบบยืดกล้ามเนื้อเป็นการคูลดาวน์ไปด้วยออกกำลังไปด้วยค่ะ จะได้เผาผลาญแคลอรี่

เราทำแบบนี้เกือบทุกวันค่ะ กลายเป็นว่าเริ่มติดเป็นนิสัยที่จะต้องออกกำลังเช้าให้มากกว่า 30 นาที เย็นให้มากกว่า 30นาที
พอผ่านไปเดือนนึง น้ำหนักเราลงมาแตะที่ 51 kg ค่ะ ไขมัน 29.4% BMI 20.4 ไขมันในอวัยวะภายใน 3 ค่ะ

แล้วน้ำหนักเรามันก็เริ่มทรงตัวค่ะ ไม่ยอมไปแตะเลข4สักที เราเลยหาตัวช่วยเป็นอาหารเสริมค่ะ เป็นตัวถั่วขาวผสมส้มแขก และไคโตซานที่ช่วยลดการดูดซึมแป้ง และไขมันจากอาหารเข้าสู่ร่างกายค่ะ เราขออนุญาตไม่บอกยี่ห้อนะคะ แต่มีขายตามร้านยาค่ะ ค่อนข้างปลอดภัย แต่ถ้าใครแพ้อาหารทะเลเราไม่แนะนำให้ทานนะคะ เพราะมีไคโตซาน เดี๋ยวเกิดอาการแพ้ได้

เราเลยลองซื้อมาทานพร้อมมื้ออาหารค่ะ ส่วนตัวเราเราว่าไม่ค่อยมีความแตกต่างเท่าไหร่ เพราะเราลดปริมาณการกินลงไปค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว
แต่แฟนเราที่เป็นสายบุฟเฟต์ เค้าลองทานดูค่ะ ปรากฏว่าเค้ารู้สึกว่ามันอิ่มเร็วขึ้น จากปกติทานได้เยอะว่านี้กลายเป็นทานได้ลดลงค่ะ
ก็เลยคิดว่าคงช่วยล่ะมั้ง แต่ตอนนี้เราก็ยังทานอยู่นะคะ

จากนั้นเราก็ทำแบบนี้สม่ำเสมอมาอีก 1เดือนค่ะ เรารู้สึกว่ารูปร่างเราไม่ได้ลดลงเยอะมาก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เราเริ่มมีกล้ามค่ะ
กล้ามแขนคือเห็นชัดมาก ส่วนท้องก็เริ่มมีเงา ๆ กล้ามนิด ๆ
แล้วเราก็ลองชั่งน้ำหนักอีกทีค่ะ
ตอนนี้คือ 48.7 kg BMI 19.5 ไขมัน 26.6% ไขมันในอวัยวะภายใน 2 ค่ะ
เราตกใจมากค่ะ ระหว่างที่ออกกำลังอย่างหนักหน่วงกับคุมอาหาร เราแทบไม่ได้สนตาชั่งเลย เพราคิดว่าน่าจะไม่ลงแล้ว
ดูรูปร่างไม่เปลี่ยน พอมาชั่งอีกทีกลายเป็นว่าแต่เลข 4 สมใจแล้วค่ะ
เราเลยลองเอากางเกงที่เคยใส่ไม่ได้มาใส่ดู เพราะแม่เราบอกว่าไม่น่าจะใส่ได้ ปรากฏว่าหลวมค่ะ หลวมทั้งเอวทั้งสะโพกเลย
เพราะว่าตัวเรากับพ่อแม่เราเห็นตัวเราทุกวันจนชิน มันเลยไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างและน้ำหนัก

แต่ช้าแต่ เจ้าเดรสเจ้าปัญหาก็คือยังคงแน่นอยู่นะคะ ใส่ได้มากขึ้น แต่พอจะรูดซิปนี่คือแน่นค่ะ!
เราเลยต้องพยายามต่อไปค่ะ เพื่อที่จะใส่เจ้าเดรสตัวนั้นให้ได้!

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้นะคะ
ใครที่อยากจะลดน้ำหนัก แล้วไม่อยากออกกำลังหนัก ๆ ลองเอาวิธีแบบเราไปใช้ดูนะคะ
วิธีนี้ค่อนข้างใช้ระยะเวลา ไม่ได้ทำให้น้ำหนักลงเร็วแบบฮวบฮาบ อาจจะมีวิธีอื่นที่ลงเร็วกว่า
แต่ที่เราลองทำ แล้วเริ่มมีกล้าม เวลาขึ้นบันไดหลาย ๆ ชั้นก็ไม่ค่อยเหนื่อย หลับได้ดีขึ้น
มันเลยทำให้เห็นว่าที่เราทำอยู่ทำให้สุขภาพมันดีขึ้นจริง ๆ ค่ะ

เราขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังพยายามจะลดน้ำหนักทุกคนนะคะ 
กว่าจะลงมาแต่ละกิโลมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยความอดทนและมุ่งมั่นมาก ๆ 
ถ้าคุณลดน้ำหนังลงมาได้ ปรบมือให้ตัวเองดัง ๆ เลยค่ะ คุณเก่งมาก ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่