ธุรกิจเช่าเรือ ล่องเจ้าพระยา เตรียมปล่อยเรือจม หากเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น
https://ch3plus.com/news/category/276295

 
ธุรกิจเช่าเรือ ล่องเจ้าพระยา เตรียมปล่อยเรือจม หากเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น
 
วันนี้ (26 ม.ค.) เมื่อเวลา 17..00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง ตลาดน้ำประชารัฐวัดแคนอก ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังธุรกิจท่องเที่ยวทางน้ำไร้นักท่องเที่ยวเนื่องจากภาวะเศรษกิจที่ย่ำแย่ ข้าวของต่างๆขึ้นราคา ซ้ำยังอยู่ในช่วงที่โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กำลังระบาดอย่างหนักทั่วประเทศในช่วงนี้การท่องเที่ยวทางเรือ ทั้งล่องเรือไหว้พระ 9 วัด ล่องเรือชมแสงสีและบรรยากาศยามค่ำคืน ที่แต่ก่อนเป็นที่นิยมมีลูกค้าจองคิวกันตลอดทั้งเดือน มาถึงในจุดที่ผู้ประกอบการต้องเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป ตอนนี้กำลังท้อและใกล้จะหมดแรงสู้ต่อแล้ว เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องกับรายได้
 
โดยนายสุรชาติ กันนิ่ม เจ้าของธุรกิจให้เช่าเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เล่าว่า ช่วงนี้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะเพราะกลัวโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ลูกค้าที่เคยจองไว้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็ขอเลื่อนออกไปหมด พอเข้ามกราคมก็เลื่อนออกไปอีก ทำให้ช่วงนี้แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเลย ซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวมากถึง 30 รายที่ขอจองไว้แล้วขอเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะค่อนข้างจะวิตกกังวลกับการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ  แต่ก็ยังพอมีบางกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการอยู่ ทางเราก็มีมาตรการป้องกัน ทั้งให้เจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครนนท์เข้ามาตั้งโต๊ะตรวจ ATK ให้กับนักท่องเที่ยวฟรี หากลูกค้าต้องการตรวจ ผู้โดยสารบนเรือจากปกติ 60 คน เราก็จำกัดเหลือเพียงแค่ 40 คนเท่านั้น โดยการท่องเที่ยวทางเรือนั้นจะแตกต่างกับการท่องเที่ยวในแบบอื่นๆ เพราะบนเรืออากาศจะถ่ายเทสะดวกและปลอดโปร่งกว่า
 
นายสุรชาติ กล่าวอีกว่า ตนมีเรืออยู่ทั้งหมด 3 ลำ เป็นเรือไม้นำเที่ยว 2 ชั้น เมื่อก่อนคนจีนจะเรียกเรือชนิดนี้ว่า เรือเอี้ยมจุ๊น ซึ่งตนได้ซื้อมาแล้วนำมาต่อเติม โดยใช้เงินลงทุนลำละ 3-4 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 การล่องเรือนำเที่ยวนี้สร้างกำไรให้ตนต่อเดือน เดือนละประมาณ 300,000 บาท แต่หลังๆ พอมาเจอช่วงที่โควิด-19 ระบาด รายได้ก็ลดลงเรื่อยๆ ยิ่งพอมาเจอโควิดสายพันธุ์โอมิครอนและรวมกับภาวะของแพงในช่วงนี้ ทำให้ผู้คนหรือนักท่องเที่ยวยิ่งต้องรัดกระเป๋าการใช้จ่ายน้อยลง ทำให้รายได้เหลือเพียงเดือนละ 5-6 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่ต้องเสียทุกๆเดือน เดือนละกว่าแสนบาท ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่าเงินเดือนพนักงาน ค่าบำรุงรักษาเรือ เมื่อก่อนมีพนักงาน 21 คน ตอนนี้ลดพนักงานเหลือเพียง 8 คน เท่านั้น ราคาข้าวของช่วงนี้ก็แพงขึ้น  รายจ่ายเราเยอะมากแต่รายได้เราลดลงทุกเดือนๆ  ไม่รู้ว่าจะประคองธุรกิจของตัวเองไปได้นานเท่าไร หากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ตนก็ต้องปล่อยเรือให้จมน้ำไปเพราะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายนี้ต่อไปไหมไหวแล้ว นายสุรชาติ กล่าว
 
ท้ายนี้อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ให้มาล่องเรือท่องเที่ยวไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ไหว้พระ 9 วัด ชมแสงสีบรรยากาศยามค่ำคืนพร้อมรับประทานอาหารบนเรือ หรือหากลูกค้าอยากเช่าเหมาลำเรือไปต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็น ไปไหว้พระที่จังหวัดอยุธยาก็สามารถโทรมาแจ้งหรือจองได้ที่ เบอร์ 081-816-9589 หรือ 02-103-4356 โดยคิดอัตราเรือใหญ่ ชั่วโมงละ 4,000 บาท และเรือเล็ก ชั่วโมงละ 3,000 บาท  รายละเอียดต่างๆสามารถโทรมาสอบถามได้
 

---

 
อาหารทะเล ’ส่อ’ ราคาพุ่ง ร้านดังทยอยขึ้นราคา
https://www.bangkokbiznews.com/business/984744
 
จับตาราคาอาหารทะเลพุ่ง​ หลายร้านดังทยอยขึ้นราคาเมนูละ​ 50บาท​ ตามรอยหมู​ ไก่​แพง ร่วมพูดคุยกับ พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย
 
จับตาราคาอาหารทะเลพุ่ง​ หลายร้านดังทยอยขึ้นราคาเมนูละ​ 50บาท​ ตามรอยหมู​ ไก่​แพง ร่วมพูดคุยกับ พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย
 

---

“สุรชาติ”เดินหน้าหาเสียงต่อเนื่อง เมิน “สิระ” ร้องกกต.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_280978/

“สุรชาติ”เดินหน้าหาเสียงต่อเนื่อง เมิน “สิระ” ร้องกกต. ย้ำเป็นนโยบายของพรรคไม่ใช่ขายฝัน ชี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
 
นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่อง โดยวันนี้เริ่มจากการเดินแนะนำตัว และเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ที่ชุมชนก้าวหน้า ชุมชนชายคลองบางบัว ชุมชนสะพานไม้ 1 ชุมชนสะพานไม้ 2 และปิดท้ายที่ตลาดเคหะบางบัว หมู่บ้านการเคหะบางบัว โดยในระหว่างหาเสียงผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้พบปะกับผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ที่ได้ลงพื้นที่เดียวกัน ซึ่งทั้งสองได้ทักทาย ให้กำลังซึ่งกันและกัน ก่อนแยกย้ายกันหาเสียงต่อ
 
โดยนายสุรชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจรจาคะจะไปร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตรวจสอบนโยบายหาเสียงค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลาดสาย ว่า เป็นเรื่องของนโยบายตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย แต่อยากตอกย้ำว่า หากได้โอกาสจะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่นโยบายขายฝัน เพราะมีการศึกษาจากหลายฝ่ายที่มองว่า 20 บาท เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ พร้อมฝากไปยังรัฐบาลอย่ามองว่านโยบายนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย แต่รัฐบาลอยากให้มองประโยชน์ของประชาชน และยังไม่เห็นประเด็นว่าจะต้องร้องเรียน เพราะเสนอด้วยความบริสุทธิ์ใจ พร้อมย้ำว่า แม้จะเป็น ส.ส. ฝ่ายค้าน แต่ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะล้มรัฐบาล แต่พยายามทำงานเชิงสร้างสรรค์ สร้างความหวังให้ประชาชนซึ่งมองว่ายุติธรรมกว่า

พร้อมย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องเร่งหาเสียงในช่วงหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย แต่จะทำทุกอย่างให้ปกติ เพราะทุกวันเป็นวันของประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงไหนก็อยู่กับประชาชนอยู่แล้ว เวลาในการหาเสียงเพียง 20 วัน มองว่าไม่ได้พิเศษ แต่ทุกวันอยู่กับประชาชนสำคัญและพิเศษมากกว่าส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายพรรคคู่แข่งมักใช้ช่องทางกฎหมายมาโจมตี ตนมองว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ประชาชน และให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ