ไทยพบโอไมครอนเพิ่มรวมเป็น 14 ราย ยืนยันแล้ว 9 ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6783837
 
 
กรมวิทย์เผยพบ “โอไมครอน” แล้ว 14 ราย ยืนยัน 9 ราย ทั้งหมดมาจากต่างประเทศ ยังไม่มีติดในประเทศ แต่วันหนึ่งอาจเกิดขึ้น ต้องเจอให้เร็ว สกัดให้ทัน
 
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.64 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการตรวจเชื้อโควิด “โอไมครอน” ในงานเสวนาวิชาการออนไลน์ “เปิดข้อมูล (ไม่) ลับ กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ” ว่า ก่อนหน้านี้เราเคยจะลดการตรวจ RT-PCR โดยจะให้ตรวจเฉพาะ ATK เฉพาะกลุ่มเดินทางเข้ามาแบบ Test&Go แต่เมื่อมีโอมิครอนเข้ามา จึงคงมาตรการตรวจ RT-PCR ตามเดิม
 
อย่างไรก็ตาม การตรวจโควิดปัจจุบันมีแล็บ 465 แห่งทั่วประเทศที่ให้การรับรองมาตรฐาน แต่ไม่ใช่ทุกแห่งตรวจสายพันธุ์ได้ ซึ่งขณะนี้มีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งทั่วประเทศ และที่ส่วนกลาง รวมทั้งมหาวิทยาลัยบางแห่ง ซึ่งถือว่าครอบคลุมมากพอสมควร เนื่องจากเราตรวจมาตั้งแต่เริ่มระบาด
 
ล่าสุดกรมวิทย์ตรวจเพิ่มเติม ข้อมูลวันที่ 15 ธ.ค.2564 พบเข้าข่ายโอไมครอนรวมเป็น 14 ราย ยืนยันด้วยวิธีถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวแล้ว 9 ราย ทั้งนี้ การตรวจหาสายพันธุ์ในผู้ติดเชื้อจะสุ่มตรวจจากคนไข้อาการหนัก ชายแดน ผู้เดินทางจากต่างประเทศทุกราย เกิดคลัสเตอร์แปลกๆ และไม่รู้สาเหตุ เป็นต้น
โดยตรวจสัปดาห์ละเป็นพัน ถ้ามีเข้ามาก็จะเจอ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่ในไทยยังเป็นเดลตา การตรวจพบโอไมครอนยังมาจากต่างประเทศ แต่วันใดวันหนึ่งก็อาจมีการติดในประเทศ ซึ่งเราก็มีการเตรียมรับมือ เพราะทุกประเทศเจอกันหมด สิ่งสำคัญคือต้องเจอเร็วและสกัดได้เร็ว ก็จะไม่มีปัญหา

---

ดร.อนันต์ โพสต์บอกใคร ความเชื่อที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์แย้งภายหลัง จะกลายเป็นการสร้างเรื่องที่เกินจริง
https://www.matichon.co.th/bullet-news-today/news_3088294
 
ดร.อนันต์ โพสต์บอกใคร ความเชื่อที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ สุดท้ายมีการพิสูจน์แย้งในภายหลัง จะกลายเป็นการสร้างเรื่องที่เกินจริง
 
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ใจความว่า
 
การตั้งข้อสรุปจาก สมมติฐาน หรือ ความเชื่อ ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์จริง ท้ายที่สุดถ้ามีการพิสูจน์แย้งในภายหลังก็จะกลายเป็น Overclaim ครับ …ตรงไปตรงมา
 
พร้อมโพสต์ข้อความกรณี ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ส่งข่าวชี้แจงว่าเมื่อครั้งไปเรียนที่เอ็มไอที ได้รับคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ว่าโชคดีมากที่ได้เรียนกับอาจารย์คนนี้ เพราะเป็นหลานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจมาตลอด เพราะทั้งชื่อ นามสกุล และอีเมล์ใช้นามสกุลเดียวกัน
  
ซึ่งเกิดภายหลังแถลงนโยบายในฐานะผู้สมัครอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่าเป็นลูกศิษย์ ของศาสตราจารย์ เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) หลานแท้ๆ ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก ก่อนที่ ศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต  จะเปิดเผยกับ มติชนออนไลน์ ว่าไม่ได้เป็นญาติกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แต่อย่างใด
 
https://www.facebook.com/anan.jongkaewwattana/posts/5088696954503519
  

---

บลิงเกนเผยสหรัฐเตรียมออกมาตรการกดดันเมียนมารอบใหม่
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3088429

บลิงเกนเผยสหรัฐเตรียมออกมาตรการกดดันเมียนมารอบใหม่
 
นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ กล่าวขณะเดินทางเยือนมาเลเซียว่า สหรัฐกำลังพิจารณามาตรการใหม่เพื่อกดดันรัฐบาลทหารพม่าให้กลับสู่วิถีประชาธิปไตย
 
ทั้งนี้นับตั้งแต่พลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ยึดอำนาจการปกครองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมียนมาก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย มีการเดินขบวนประท้วงเพื่อต่อต้านการยึดอำนาจ ตามด้วยการใช้กำลังปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ขณะที่สหรัฐก็ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อเมียนมาไปแล้วเช่นกัน
 
บลิงเกนยอมรับว่า สถานการณ์ในเมียนมายังไม่ดีขึ้น และเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมากในอาจจะเป็นสัปดาห์หรือเดือนข้างหน้าที่จะดูว่า มีขั้นตอนและมาตรการเพิ่มเติมใดที่เราสามารถดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบรายบุคคลและแบบองค์รวม เพื่อกดดันให้มีการนำประเทศกลับคืนสู่วิถีประชาธิปไตย นั่นคือสิ่งที่กำลังดูอยู่ แต่บลิงเกนไม่ได้ขยายความว่ามาตรการเพิ่มเติมดังกล่าวจะเป็นอย่างไร
 
บลิงเกนกล่าวว่า สหรัฐกำลังมองอย่างจริงจังว่าการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมา ซึ่งคนส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาพุทธนั้นถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่