กลุ่มที่ 1 เชื่อว่า นิพพานมีสภาวะเป็น นิจจัง สุขขัง อัตตา กลุ่มนี้มีแนวคิดว่าสภาวะของนิพพานนั้นต้องตรงข้ามกับกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) โดยเฉพาะข้อความใน อนัตลักขณสูตร ที่กล่าวว่า สิ่งไดไม่เที่ยง สิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์ และอนัตตา โดยทรงยกเอาขันธ์ 5 มาเป็นตัวอย่างในคุณลักษณะแห่ง สภาวะที่ตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ดังนั้นเมื่อนิพพานอยู่นอกเหนือจากกฎไตรลักษณ์ นิพพานจึงมีคุณลักษณะที่เที่ยงแท้ แน่นอน และเป็นบรมสุข ดังนั้นนิพพานจะเป็นอนัตตาไม่ได้ เพราะถ้านิพพานเป็นอนัตตา นิพพานก็จะมีสภาวะเดียวกับขันธ์ ๕ แต่นิพพานไม่ใช่ขันธ์ 5 นิพพานนั้นเป็นธรรมขันธ์ นิพพานจึงไม่สามารถเป็นอนัตตา...กลุ่มนี้แปล "อนัตตา" ว่า ไม่ใช่ตัวตน (ที่แท้จริง) คือ อัตตาที่มีขันธ์ห้าทั้งหลายที่คนมักยึดติดนั้นนั้นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ซึ่งตัวตนที่แท้จริงนั้นมีอยู่ เป็นอสังขตธรรม เป็นอัตตาโดยวิมุติ
กลุ่มที่ 2 เชื่อว่า นิพพานมีสภาวะเป็นอนัตตา เป็นสุขสูงสุดคือความสงบ ไม่ใช่สุขอย่างโลก ไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่การมา ไม่ใช่การไป ไม่สถานที่ คือความหยุดโดยสมบูรณ์สิ้นสุดความเปลี่ยนแปลงจึงคงอยู่ในสภาพเดิมหรือเป็น "ตถตา" (ความเป็นเช่นนั้นเอง) ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ เป็น "สุญญตา" (ความว่าง) ธรรมธาตุของนิพพานนั้นจึงเป็นธาตุว่าง กลุ่มนี้แปล "อนัตตา" ว่า ไม่มีตัวตน คือ สภาพแห่งสังขตธรรมทั้งหลาย เมื่อส่วนประกอบทั้งหลายหายไป--ย่อมสูญสิ้น
**********************
ข้อสังเกต
- พระดัง ๆ สายทฤษฎี/ปริยัติ ของไทย...จะอธิบายตามแนวที่ 2 อนัตตา (โดยอ้างข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฏก บางข้อความ)
- พระดัง ๆ สายปฏิบัติ สายป่า/กรรมฐาน สายเล่นฌานฝึกจิต ของไทย...บางรูปเทศน์ไปเทศน์มา เหมือนจะบอกว่า เมื่อพระอรหันต์ตายแล้ว (อนุปาทิเสสนิพพาน) ท่านยังมีอยู่ แต่มีอยู่แบบไม่ใช่ขันธ์ 5, มีอยู่แบบไม่ใช่กามภพ รูปภพ อรูปภพ (โดยอ้างญาณหรือประสบการณ์ตรงอะไรบางอย่าง)
(ในสังคมไทย...กลุ่มที่ 2 จะโดนกลุ่มที่ 1 โจมตีว่าเป็นคำสอนของนิกายมหายาน หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ)
- คนที่ขี้เกียจถกเถียง จะปัดประเด็นปัญหานี้ทิ้งไป โดยบอกว่า...พวกเราปุถุชนคนธรรมดาอย่าถกเถียงกันเลย ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีใครรู้ความจริงหรอก
*********************
คุณล่ะ จัดอยู่กลุ่มไหน?
สภาวะของ "นิพพาน"...ข้อถกเถียงพันปี ไม่มีวันจบ!?
กลุ่มที่ 2 เชื่อว่า นิพพานมีสภาวะเป็นอนัตตา เป็นสุขสูงสุดคือความสงบ ไม่ใช่สุขอย่างโลก ไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่การมา ไม่ใช่การไป ไม่สถานที่ คือความหยุดโดยสมบูรณ์สิ้นสุดความเปลี่ยนแปลงจึงคงอยู่ในสภาพเดิมหรือเป็น "ตถตา" (ความเป็นเช่นนั้นเอง) ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ เป็น "สุญญตา" (ความว่าง) ธรรมธาตุของนิพพานนั้นจึงเป็นธาตุว่าง กลุ่มนี้แปล "อนัตตา" ว่า ไม่มีตัวตน คือ สภาพแห่งสังขตธรรมทั้งหลาย เมื่อส่วนประกอบทั้งหลายหายไป--ย่อมสูญสิ้น
**********************
ข้อสังเกต
- พระดัง ๆ สายทฤษฎี/ปริยัติ ของไทย...จะอธิบายตามแนวที่ 2 อนัตตา (โดยอ้างข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฏก บางข้อความ)
- พระดัง ๆ สายปฏิบัติ สายป่า/กรรมฐาน สายเล่นฌานฝึกจิต ของไทย...บางรูปเทศน์ไปเทศน์มา เหมือนจะบอกว่า เมื่อพระอรหันต์ตายแล้ว (อนุปาทิเสสนิพพาน) ท่านยังมีอยู่ แต่มีอยู่แบบไม่ใช่ขันธ์ 5, มีอยู่แบบไม่ใช่กามภพ รูปภพ อรูปภพ (โดยอ้างญาณหรือประสบการณ์ตรงอะไรบางอย่าง)
(ในสังคมไทย...กลุ่มที่ 2 จะโดนกลุ่มที่ 1 โจมตีว่าเป็นคำสอนของนิกายมหายาน หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ)
- คนที่ขี้เกียจถกเถียง จะปัดประเด็นปัญหานี้ทิ้งไป โดยบอกว่า...พวกเราปุถุชนคนธรรมดาอย่าถกเถียงกันเลย ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีใครรู้ความจริงหรอก
*********************
คุณล่ะ จัดอยู่กลุ่มไหน?