[CR] รีวิว Bargyuu Rooftop Bar & Charcoal Grill ร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นบนชั้นดาดฟ้าติด BTS ย่านสะพานควาย

วันก่อนเราแวะมาทานบุฟเฟ่ต์ปิ้ง-ย่างสไตล์ญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมกันที่ร้าน Guru Gyuu ย่านสะพานควาย ก่อนจะกลับสังเกตว่ามีอีกร้านนึงอยู่ชั้นบนชื่อว่า Bargyuu Rooftop Bar & Charcoal Grill เป็นร้านนั่งดื่มชิลล์ๆรับลมธรรมชาติบนชั้นดาดฟ้าติดรางรถไฟฟ้า BTS เสิร์ฟเมนูสเต็กและยากินิคุคุณภาพสูงแบบ A La Carte ในราคาที่สมเหตุผล ดูรีวิวเก่าๆในเพจและเว็บไซต์ต่างๆแล้วก็น่าสนใจดีวันนี้เลยนัดกับแฟนมาทานดินเนอร์ด้วยกันที่นี่ วิธีการเดินทางถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตาม Google Maps สามารถจอดได้ที่ริมถนนหน้าร้านได้หากมีที่ว่างยาวตลอดแนวเฉพาะช่วงหลัง 18.00 น.เท่านั้น และที่จอดรถอีกจุดตรงซอยข้างๆร้านภายในโครงการ The Hub มีอาคารจอดรถอัตโนมัติ คิดราคาค่าจอดชั่วโมงละ 50 บาท รับได้ประมาณ 40 คัน ถ้ามาทานอาหารภายในร้านแล้วแสดงใบเสร็จจะได้รับสิทธิ์ 2 ชม. แรกจ่ายเพียงแค่ 50 บาท (ปกติราคาเต็ม 100 บาท) ในตึกนี้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความสะดวกให้ถึงแค่เวลา 21.00 น. (สามารถรับรถได้ไม่เกิน 24.00 น.) หากมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีสะพานควายแล้วเดินต่อหรือเรียกรถเข้าไปที่ร้านประมาณ 700 เมตร ทางขึ้นไปด้านบนอยู่ในร้าน Guru Gyuu ชั้น 5 มาถึงจะพบกับประตูทางเข้าห้อยด้วยผ้าสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมป้ายชื่อร้านแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับผม

เดินขึ้นมาค่อนข้างเหนื่อยขอชมบรรยากาศ Outdoor ด้านนอกรับลมเย็นสบายๆกันก่อน ในโซนนี้แบ่งออกเป็นโต๊ะใหญ่สำหรับนั่ง 4 คน โต๊ะเล็กเอาไว้นั่ง 2 คนและบาร์เดี่ยวยาวสำหรับนั่งกิน-ดื่มชิลล์ๆติดกับรางรถไฟฟ้า BTS การตกแต่งภายในเป็นสไตล์ Loft ด้วยพื้นปูนเปลือย-เฟอร์นิเจอร์เน้นโทนสีเข้มตัดด้วยสีน้ำเงินน้ำทะเลลึกที่เป็นธีมหลักของทางร้านเพิ่มความสดชื่นด้วยสีเขียวจากไม้ใบหลากหลายสายพันธุ์ล้อมรอบทั่วบริเวณ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติพร้อมสายลมเย็นเบาๆเปิดดนตรีจังหวะฟังสบาย แต่วันนี้เราโทรมาจองไว้เป็นโต๊ะด้านในโซนห้องแอร์ติดกับครัวที่เชฟจะทำการแล่เนื้อวัวนำเข้าคุณภาพสูงและจับย่างลงบนเตาถ่านไม้หอมๆให้เราชมกันสดๆ หากใครอยากได้อารมณ์แบบ Chef Table แบบนี้ต้องรีบจองกันหน่อยเพราะมีให้นั่งเพียงแค่ 2 โต๊ะนะครับ

เมนูต่างๆภายในร้านส่วนใหญ่จะเน้นเนื้อวัวและอาหารทานเล่นสำหรับแกล้มกับเครื่องดื่ม (ใครไม่ทานเนื้อก็มีหมูให้สั่งด้วยเล็กน้อย) ตอนนี้ร้านมีเมนูโปรโมชั่น Beef Festival เริ่มจากสเต็กวากิวไทยพรีเมี่ยมมีให้สั่ง 4 ส่วนราคาชิ้นละ 499-799 บาท แถมเมนูทานเล่นเลือกได้ 2 จาก 4 รายการ (เลือกระดับความสุกได้ตามที่ต้องการ) และชุดยากินิคุมีให้เลือก 2 เซ็ตราคา 799-1,299 บาท เพิ่มเงินอีก 100 บาทเพื่อเลือกอาหารทานเล่นกับเครื่องเคียงได้ 2 จากทั้งหมด 8 รายการ ทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 280 บาท มีไปจนถึงสาเกพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นราคาสูงสุด 3,220 บาท เมนู A La Carte ปกติหน้าแรกคือสเต็กแบบเดียวกับชุดโปรโมชั่นเสิร์ฟชิ้นละ 150-180 กรัม ยกเว้น Totoro Steak หรือสเต็กหมูส่วนคอราคา 399 บาท ที่ไม่ร่วมโปรโมชั่นของทางร้าน

หน้าต่อไปเป็นยากินิคุเสิร์ฟที่ขนาดเล็กทานได้หลากหลายส่วนเริ่มจากไทยพรีเมี่ยมวากิวคุณภาพสูงยกเว้น Jyo Karubi A4 ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ราคา 199-299 บาท เนื้อไทยพรีเมี่ยมคัดพิเศษมีให้เลือก 6 ส่วนราคาที่ละ 149 บาท และหมูเกรดคุณภาพสูงมีให้เลือก 3 ส่วนราคาที่ละ 79-89 บาท โดยแต่ที่ละจานทางร้านตัดเสิร์ฟให้ 50 กรัม หรือจะสั่งเป็นชุดยากินิคุรวม 5 ส่วน ขนาด 250 กรัม ราคา 799 บาท (ประหยัดเงินกว่าสั่งแยก 96 บ.) และชุดยากินิคุรวม 9 ส่วน ขนาด 400 กรัม ราคา 1,299 บาท (ประหยัดเงินกว่าสั่งแยก 292 บาท) แถมยังสามารถใช้โปรฯ Beef Festival ได้อีกถือว่าคุ้มดีครับ ถ้าอยากทานเป็นอาหารจานเดียวก็มีให้สั่งทั้งข้าวหน้าสเต็กเนื้อและข้าวหน้าเนื้อย่างราคาชามละ 299-399 บาท (ราคาถูก-แพงขึ้นอยู่กับส่วนของเนื้อวัวที่สั่ง) ถ้าหากมีเพื่อนร่วมโต๊ะที่ไม่ทานเนื้อวัวก็มีข้าวหน้าหมูย่างราคาที่ละ 199 บาท (แถมซุปมิโสะและกิมจิให้ฟรีทุกชาม) ตามมาด้วยอาหารทานเล่นสไตล์ร้านนั่งดื่มแบบญี่ปุ่นหรือ Izakaya ราคาที่ละ 69-99 บาท เมนูของย่างและตุ๋นใช้วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมราคาจานละ 99-299 บาท เครื่องเคียงสำหรับทานพร้อมกับเมนูหลัก 29-59 บาท ของหวานราคาที่ละ 69 บาท เครื่องดื่มเริ่มต้น 20-30 ไปจนถึงขวดละ 1,800 บาท ราคาโดยรวมส่วนตัวถือว่ารับได้แต่จะอร่อยแค่ไหนต้องรอชิมครับ

เริ่มจากชุดโปรโมชั่นของทางร้าน Yakiniku Set : B ราคา 1,299 บาท ได้ทานเนื้อพรีเมี่ยมวากิว A4 และเนื้อไทยวากิวพรีเมี่ยมรวม 9 ส่วน หนัก 400 กรัมในราคาสุดคุ้ม ภายในจานนี้ประกอบไปด้วย Jyo Karubi A4 /Jyo Misuji /Jyo Tan /Sasabara /Kainomi /Hiuchi /Kurimi /Harami และ Nakaochi Karubi โดยทางร้านจะตัดเสิร์ฟให้อย่างละ 50 กรัมเรียงใส่มาในจานอย่างสวยงามพร้อมป้ายกำกับ หากนั่งด้านในโซนห้องแอร์ทางเชฟจะนำไปย่างบนเตาถ่านให้ก่อนเสิร์ฟ หากนั่งด้านนอกสามารถขอเป็นเตาถ่านเพื่อย่างได้เองฟรีแบบหลายๆรีวิวที่เคยอ่านมาหรือขี้เกียจ+กลัวหัวเหม็นก็ให้เชฟย่างมาให้ก่อนเสิร์ฟเลยก็ได้ มาพร้อมกับน้ำจิ้มรวม 5 ชนิดไว้ทานคู่กับเนื้อที่สั่งไป เนื่องจากเรานั่งในห้องแอร์และเนื้อแต่ละส่วนใช้ไฟไม่เหมือนกันเลยให้ในครัวจัดการย่างมาพร้อมเสิร์ฟเลยครับ

ระหว่างรอยากินิคุส่วนต่างๆย่างไปสเต็กที่ไว้สั่งก็พร้อมมาเสิร์ฟเริ่มจาก Harami Steak ราคา 699 บาท เป็นเนื้อส่วนท้องของวัววากิวไทยพรีเมี่ยมแทรกลายหินอ่อนสวยงามไม่แพ้เนื้อนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นหั่นมามีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตรสั่งให้เชฟย่างสุกแบบ Medium Well ด้านนอกกรอบเกรียมหอมเตาถ่าน ด้านในเนื้อฉ่ำสีอมชมพูมีไขมันแทรกละเอียดได้เคี้ยวนิดๆเหมาะสำหรับคนที่อยากได้เนื้อที่นุ่มชุ่มฉ่ำพอได้ออกแรงฟันกดลงบนเนื้อนิดๆ ส่วนอีกจานเป็น Nakaochi Karubi Steak ราคา 499 บาท เป็นเนื้อส่วนซี่โครงวัวไทยวากิวพรีเมี่ยมติดเอ็นเคี้ยวหนุบๆรสชาติเข้มข้นเสิร์ฟมาชิ้นหนาประมาณ 1.30 ซม. ย่างมาสุกแบบ Medium Rare ด้านนอกกรอบเกรียมด้วยเกลือ-พริกไทยด้านในชุ่มฉ่ำสีชมพูไล่ระดับอย่างสวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อรสชาติเข้มข้นยิ่งเคี้ยวแล้วรสชาติของเนื้อ-ไขมันค่อยๆไหลเข้ามาในปากเรื่อยๆ ทั้ง 2 จานเสิร์ฟมาพร้อมกับกระเทียมสไลด์ทอดกรอบ/ยูสุบด/วาซาบิดองและสาหร่ายญี่ปุ่นแบบเส้นหนารสเค็มกลมกล่อมเปลี่ยนรสชาติ-กลิ่นหอมไปได้เรื่อยๆจนหมดชิ้นสุดท้าย

ชุดยากินิคุเนื้อที่เราสั่งให้เชฟไปย่างมาพร้อมเสิร์ฟประกอบไปด้วยเนื้อวัวทั้งหมด 9 ส่วนนั่นคือ 1. Jyo Karubi A4 : เป็นส่วนซี่โครงด้านบนของเนื้อวัววากิว A4 นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่รสชาติอันเข้มข้น/ไขมันแทรกละเอียดเป็นเนื้อวัวส่วนที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของทางร้าน 2. Jyo Misuji : เป็นเนื้อส่วนอกของวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวที่มีรสชาติปานกลางแทรกไขมันละเอียดให้สัมผัสเคี้ยวฉ่ำๆเป็นเนื้อวัวส่วนที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของทางร้าน 3. Jyo Tan : เป็นลิ้นวัวของไทยวัววากิว (บางวันก็นำเข้ามาจากอาเจนติน่า) จุดเด่นอยู่ตรงความกรุบกรอบ-ฉ่ำไขมัน-กลิ่นไม่แรงทานง่ายเคี้ยวเพลินสุดๆ 4. Sasabara : เป็นเนื้อส่วนท้องใกล้กับขาหลังของวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวจุดเด่นอยู่ที่ไขมันน้อยแต่นุ่มและเข้มข้นหอมหวานโดนใจ 5. Kainomi : เป็นเนื้อส่วนปลายท้องติดกับสันในของวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวจึงมีความนุ่มคล้ายๆกับสันในแต่ไขมันเยอะและมีรสชาติมากกว่า 6. Hiuchi : เป็นเนื้อส่วนสะโพกต้นขาของวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวมีไขมันน้อยสัมผัสนุ่ม-หนึบเคี้ยวได้รสชาติออกมาในปากเรื่อยๆ 7. Kurimi : เป็นเนื้อส่วนสันคอของวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวมีไขมันน้อยแต่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำรสเนื้อเบาๆทานง่ายๆไม่ค่อยเลี่ยน 8. Harami : เป็นเนื้อส่วนท้องปลายซี่โครงวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวแทรกไขมันละเอียดติดเอ็นนิดๆเคี้ยวหนุบหนับรสชาติเข้มข้นพรั่งพรูมาในปากไม่มีหยุด และ 9. Nakaochi Karubi : เป็นเนื้อส่วนตรงกลางของซี่โครงวัวที่มีไขมันเยอะที่สุดเหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อมันๆรสชาติเข้มข้นถึงใจ จานต่อไปเป็นเมนูพิเศษกำลังลดราคาเลยสั่งมาเพิ่มก็คือ ลิ้นวัวตุ๋นย่างเกลือ ราคาปกติจานละ 199 ลดพิเศษเหลือแค่ 99 บาท เป็นลิ้นวัวไทยพรีเมี่ยมวากิวหรืออาเจนติน่าเอามาตุ๋นจนนุ่มเด้งแล้วก็นำมาย่างบนเตาต่อให้ด้านนอกสุกแห้งหอมกลิ่นถ่านไม้โรยด้วยเกลือเค็มกำลังดีแค่บีบเลมอนลงไปก็อร่อยแล้วครับ

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ *******
ชื่อสินค้า:   Bargyuu Rooftop Bar & Charcoal Grill
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่