วันนี้ผมได้รับการรับเชิญจาก PR ของร้าน Neta Grill ให้เข้ามารีวิวบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างยากินิคุ/ซีฟู๊ดและซูชิระดับพรีเมี่ยมของที่ร้านราคาเริ่มต้นคนละ 499++ โดยวันนี้เรามารีวิวกันที่สาขา Mega Bangna เพราะว่าเป็นสาขาแรกที่ทางร้านได้ทำการเปลี่ยน Supplier ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากมีกระแสบุฟเฟ่ต์ของทางร้านในด้านลบมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่มักจะไปตามรีวิวแล้วเกิดปัญหาคือวัตถุดิบไม่สดใหม่อย่างที่ Blogger หลายๆคนได้เข้าไปชิม จึงได้ทำการเปลี่ยนผู้ส่งสินค้าเข้าร้านเป็นรายใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นและอยากให้ทางเราได้เข้ามาชิมและถ่ายรีวิวกันในวันนี้ ส่วนตัวแล้วไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนเพราะเคยได้ยินปัญหาดังกล่าวดังที่เคยบอกในเบื้องต้น เลยถือโอกาสนี้มาพิสูจน์รสชาติด้วยตัวเองสักหน่อย วิธีการเดินทางมาที่ร้านถ้ามาด้วย BTS ให้ลงสถานีอุดมสุขทางออก 1 จากนั้นรอ Shuttle Bus ที่ป้ายรถเมล์ขึ้นแล้วมาลงปลายทางที่ห้าง Mega Bangna ได้ฟรี ส่วนตัวร้านก็หาไม่ยากอยู่ตรงโซนลานกว้างวงกลมที่มีการจัดกิจกรรมด้านนอกห้าง ถ้าเดินมาไม่ถูกก็ให้เปิดแอป Google Maps มีการปักหมุดร้านไว้อย่างแม่นยำ ที่หน้าร้านมีป้ายบุฟเฟ่ต์ราคาต่างๆวางไว้อย่างเด่นชัดรวมถึงยังมีการวางของสดแช่น้ำแข็งตัวใหญ่ๆไว้ให้ลูกค้าที่ผ่านไป-มาได้ชมความสดใหญ่ของซีฟู๊ดที่ร้านอีกด้วย (เราพาเจ้าถิ่นมาทานด้วยได้รับการยืนยันมาว่าหากไม่มี Blogger มารีวิวจะไม่มีการนำวัตถุดิบมาวางไว้หน้าร้านแบบนี้) ราคาบุฟเฟ่ต์นั้นเริ่มต้นตั้งแต่ 499+/ 599+/ 899+ และแพงสุด 1,299+ ทุกราคาไม่รวมเครื่องดื่ม(ยกเว้นบุฟเฟ่ต์ราคาแพงสุดสั่งน้ำดื่มและเบียร์รีฟิลได้ไม่อั้น!) ทุกราคาสามารถนั่งทานได้ 90 นาที ถ้าใครรู้สึกว่าเวลาให้ทานน้อยเกินไปกลัวย่างแล้วทานไม่ทันเขามีบริการย่างให้ เพิ่มเงินอีกคนละ 100 บาท (สำหรับบุฟเฟ่ต์ทุกราคา) ส่วนใครสั่งบุฟเฟ่ต์ราคาต่ำกว่า 1,299+ แล้วอยากดื่มเบียร์เย็นๆก็เพิ่มเงินอีก 199 บาทนั่งดื่มเบียร์สิงห์กับไฮเนเก้นได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมดเวลาบุฟเฟ่ต์ถือว่าคุ้มมากๆสำหรับสายกิน/ดื่มเร็วเน้นความอร่อยและคุ้มเป็นสำคัญ แต่จะมีเมนูให้เลือกทานเยอะขนาดไหนนั้นไปดูเล่มหน้าร้านกันครับ

เปิดดูเล่มเมนูฉบับเต็มที่หน้าร้านถือว่ามีวัตถุดิบต่างๆให้เลือกเยอะมาก แค่ราคาเริ่มต้นที่ 499+ ก็ถือว่ามีเมนูให้เลือกเยอะมากถึง 61 เมนู / ราคา 599+ มีมาให้เพิ่มอีก 24 เมนู / ราคา 899+ มีมาให้สั่งอีก 18 เมนู ส่วนราคาสูงที่สุด 1,299+ สั่งได้ทั้งเล่มกว่า 131 เมนู มีวัตถุดิบหลายๆอย่างที่น่าสนใจทั้งเนื้อวัวนิวซีแลนด์/กุ้งโบตั๋น/มันปูซูไว/ไข่ปลาแซลมอน/ปูม้า/กั้งกระดาน/เนื้อวากิว/หอยนางรมญี่ปุ่น/เอนกาวะ/ปลาไหลญี่ปุ่น/หอยโฮตาเตะ/ปลาอายุนำเข้าจากญี่ปุ่น/ปูไข่ดอง/ก้ามปูหิมะและฟัวกรา ของหวานเป็นโมจิไอศครีม(ได้คนละ 1 ชิ้น) ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งแบบ A La Carte และรีฟีล ใครที่รู้ตัวว่าทานบุฟเฟ่ต์ไม่คุ้มที่ร้านเขาก็มีชุดอาหารกลางวัน (11.00-14.30 น.) ราคาเริ่มต้นที่ 129-289 บาท แถมฟรีข้าว/ซุป/สลัด/น้ำชาเขียว และชุดอาหารที่สามารถสั่งได้ทั้งวันราคาเริ่มต้น 229 บาท ฟรีสลัด/น้ำชาเขียวถึงเมนูให้เลือกเยอะแต่ถ้าวัตถุดิบไม่ดีก็ถือว่าเสียเปล่า เดี๋ยวเราเดินเข้าไปด้านในร้านด้วยกันครับ

เมื่อมาถึงภายในร้านบรรยากาศการตกแต่งก็คือร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีความโมเดิร์นดูสว่างปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่ละโต๊ะมีเตาย่างเป็นของตัวเอง ครัวที่นี่เป็นแบบบาร์เปิดสามารถมองดูเชฟหั่นและเตรียมวัตถุดิบต่างๆ นอกจากนี้ยังมีตู้กดน้ำแบบรีฟีล(เราไม่ต้องเดินมากดเองเดี๋ยวพนักงานจะคอยเดินมาเติมให้) ดูแล้วน่านั่งนานๆไม่อึดอัดแบบร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างทั่วไป โดยวันนี้ทางร้านได้จัดเตรียมอาหารให้เราไว้เรียบร้อยแล้ว ไปรอชิมที่โต๊ะกันได้เลยครับผม

ก่อนอื่นจะต้องบอกว่าชุดที่ทางร้านจัดให้เรามารีวิวนั้นเป็นบุฟเฟ่ต์ราคาสูงสุดของทางที่นี่ราคา 1299+ เมื่อรวม กับ Service Charge อีก 10% เสิร์ฟพร้อมเมนูที่ใช้วัตถุดิบพิเศษอย่างซูชิหน้าโอโทโร่และซูชิหน้าไข่หอยเม่นจะเป็นราคาพิเศษ 1,499 Net. เมนูชุดแรกเป็นทะเลรวมย่างประกอบไปด้วย กั้งกระดาน/กุ้งทะเล/กุ้งแม่น้ำ/กุ้งแม่น้ำชีส/หอยนางรม/หอยนางรมชีส/หอยแมลงภู่ชิลี/หอยหวาน/หอยเชลล์/หอยเชลล์ชีส/ปูม้า/ปูทะเล/ปลาหมึกกล้วย และปลาหมึกไข่จัดมาชุดใหญ่ตัวสดใหญ่ไร้กลิ่นคาว (ไม่ถึงกับสดหวานแต่เนื้อไม่เละไม่มีกลิ่นหืนก็ถือว่าผ่านครับ) ต่อมาเป็นชุดซาชิมิและหอยย่างประกอบไปด้วย ซาชิมิปลาแซลมอน/ซาชิมิปลาเนื้อขาว(น่าจะเป็นกะพง)/ซาชิมิปูอัด/ซาชิมิพุงปลาแซลมอน/ซาชิมิซาบะดอง/ซาชิมิกุ้งโบตั๋น/ไข่หวาน/กุ้งโบตั๋นสำหรับย่าง/หอยนางรมญี่ปุ่นซอสพอนสึ/หอยนางรมญี่ปุ่นโรยชีส/มันปูซูไวสำหรับย่าง/หอยเชลล์ฮอกไกโดท๊อปชีสและไข่ปลาแซลมอนและหอยเชลล์ฮอกไกโดซาชิมิราดซอสพอนสึ ส่วนใครที่เป็นสายแซ่บอยากทานเมนูพรีเมี่ยมอย่างปูทะเลไข่ดองน้ำปลาหรือกุ้งโบตั๋นแช่น้ำปลาก็สั่งมาทานได้ไม่อั้น ปูตัวขนาดกลางๆไข่ไม่เยอะมากแต่เนื้อหวานดองมาเค็มกำลังดีกุ้งก็เนื้อหวานเด้งเข้าได้ดีกับน้ำยำรสแซ่บ ถ้าคิดว่าจะทานปูหรือกุ้งไม่ทันให้มาลงกับเมนูเหล่านี้ก็ถือว่าไม่เลวอีกทั้งราคายังถูกกว่าบุฟเฟ่ต์ปูไข่ดองที่อื่นอีกด้วย สุดท้ายเป็นปลาพิเศษนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นชื่อว่า"ปลาอายุ"ตัวขนาดกลางๆ เหงือกแดงสดดวงตาใสแจ๋วเมื่อย่างจนสุกดีแล้วรสชาติจะเหมือนกับปลาไข่ย่างแบบที่ไม่มีไข่ในช่องท้อง มีเนื้อให้ทานเยอะ/หวานและแทรกไขมันชุ่มฉ่ำทานได้อร่อยดี เคยได้ยินแต่ชื่อเพิ่งเคยได้ลองทานจริงๆก็คราวนี้รสชาติถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลยครับผม

ต่อกันด้วยแซลมอนแซ่บปรุงรสชาติมาเปรี้ยว/หวาน/เผ็ดทานกับแซลมอนหั่นเต๋าเนื้อมันๆอร่อยดีครับ กุ้งทะเลแช่น้ำปลาก็อร่อยเนื้อกุ้งเด้งแซ่บดีแต่ส่วนตัวว่าไปลงกับกุ้งโบตั๋นตัวใหญ่ๆเคี้ยวเต็มปากกว่าเยอะเลยครับ มาลุยกันต่อกับหอยนางรมแซ่บที่เป็นเนื้อหอยนางรมสดกระเทาะเปลือกแล้วราดด้วยน้ำยำใส่น้ำพริกเผารสแซ่บกำลังดี ใครที่ชอบทานหอยแครงลวกตัวใหญ่ๆที่นี่ก็มีให้สั่ง ลวกมากำลังดีแบบไม่มีเลือดไหลนองทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรของที่ร้านรสเปรี้ยว/เผ็ดฉุนพริก-กระเทียมขึ้นจมูกดี ตั้งแต่ทานมายังถือว่าดีทุกจานอาจเป็นเพราะวัตถุดิบ Lot. แรกก็เป็นได้

ต่อมาเป็นเมนูพรีเมี่ยมอย่างซูชิโอโทโร่(ที่มีสีเหมือนส่วนชูโทโร่มากกว่า) รสชาติก็คือส่วนชูโทโร่ที่มีรสชาติเข้มข้นแทรกไขมันแต่ข้าวซูชิปรุงรสมาเปรี้ยวไปหน่อยกวนรสชาติของปลาไปนิดนึง แต่โดยรวมแล้วไม่มีพังพืดเหนียวๆหรือกลิ่นคาวเลือดมากวนในปากถือว่าใช้ได้ครับ จานต่อมาเมื่อได้ทานแล้วก็สั่งมารัวๆอีก 30 คำคือซูชิหน้าฟัวกราส์(ตับห่านฝรั่งเศส) เป็นฟัวกราส์เบิร์นไฟหอมๆให้มาชิ้นหนากำลังดีแล้วราดด้วยซอสซีอิ๊วญี่ปุ่น ตัดเลี่ยนด้วยกระเทียมสดฝานบางๆด้านบนสุดความฉุนของกระเทียมช่วยล้างความคาวในปากทำให้ทานได้อีกหลายคำเลยครับ ซูชิแบบพรีเมี่ยมอีกอันคือซูชิหน้าไข่หอยเม่นที่ใส่ไข่ปลาแซลมอนรสเค็มกับวาซาบิดองรสเปรี้ยวฉุนมาให้ใน 1 คำ ทำให้ทานได้ง่ายขึ้นแต่ก็ได้รับรสชาติความเป็นครีมละมุนของไข่หอยเม่นน้อยลงเช่นเดียวกัน ต่อมาคือซูชิมันปูซูไวที่เหมือนว่าทางร้านจะทำให้กลิ่นของมันปูลดลงแต่ทานได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอกระเทียมสดช่วยล้างกลิ่นมันปูในปากได้เป็นอย่างดีเลยครับผม

ความพรีเมี่ยมไม่ได้หมดแค่นั้นยังมีซูชิเนื้อวากิวเบิร์นไฟห่อไข่นกกระทา+ไข่ปลาแซลมอน/ซูชิเนื้อวากิวเบิร์นไฟห่อไข่ปลาแซลมอน+ฟัวกราส์/ซูชิเอนกาวะลนไฟห่อฟัวกราส์+ไข่ปลาแซลมอน(มีแต่ไขมันปลาและตับห่านเต็มปาก) ส่วนเนื้อวากิวที่ใช้ห่อมีความเหนียวติดเอ็นนิดๆแต่ก็ถือว่าใช้ได้ครับ จานต่อมาเป็นซูชิรวมอย่างแซลมอนเบิร์นไฟบนสุดวางฟัวกราส์และมิโสะปรุงรสเข้มข้น/ซูชิหน้าปลาไหลญี่ปุ่นเนื้อมันรสหวานนำตามมาตรฐาน/ซูชิหอยเชลล์สดที่เนื้อไม่เด้งแต่ก็ไม่ถึงกับเละยังมีความเคี้ยวหนึบนิดๆอร่อยดีครับ ใครที่ติดใจกุ้งโบตั๋นก็มีซูชิแบบปกติกับท๊อปปิ้งฟัวกราส์(กุ้งตัวใหญ่เนื้อเด้งๆทานกับอะไรก็อร่อย) ทานแต่ของดิบและซูชิมารัวๆเลยสั่งเป็นก้ามปูซูไวทอดร้อนๆ ปูเนื้อแน่นหวานทอดมาร้อนๆทานกับซอสรสหวานเผ็ดนิดๆ เหมาะสำหรับคนอยากทานก้ามปูแต่ขี้เกียจรอย่างนานๆหรือเสียเวลาแกะ ตามมาด้วยอาหารทานเล่นอย่างหนังปลาแซลมอนทอดกรอบราดซอสสไปซี่+มาโย หนังปลาทอดจานนี้เหมือนทิ้งเอาไว้นานทำให้เหนียวไปหน่อยแต่ซอสสไปซี่ที่นี่รสชาติเผ็ดดีถือว่าพอใช้ครับ สุดท้ายเป็นข้าวราดผัดกระเพราเนื้อวากิว รสชาติเค็ม/เผ็ดจัดจ้านหอมกลิ่นใบกระเพราและเหมือนที่ร้านเขาจะใส่ใบมะกรูดลงไปนิดๆเหมือนผัดกระเพราในร้าน 7-11 ส่วนเนื้อที่ใช้มีปริมาณไขมันเยอะไปหน่อย (เหมือนเป็นเนื้อส่วนที่เหลือจากการตัดแต่ง) ส่วนตัวเป็นคนชอบทานเนื้อวัวมันเยอะแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งเอามาทำกระเพราราดข้าวเผ็ดๆแบบนี้ทานได้ไม่มีปัญหาเลยครับ