JJNY : ยื่นป.ป.ช.หลังอภิปราย│เตือน 23 จว.ระวัง"น้ำล้นตลิ่ง"│น้ำกระจุกตัวบางบาล เกือบเท่าปี 54│แม่ค้าพังงา โอดผักราคาพุ่ง

ฝ่ายค้าน ยื่นร้อง ป.ป.ช. สอบเอาผิด ครม.-นายกฯ-2 รมว. ทุจริต หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2972718

‘ฝ่ายค้าน’ ยื่นร้อง ป.ป.ช. สอบเอาผิด ครม.ทั้งคณะ-นายกฯ-รมว.สธ.-รมว.เกษตรฯ ข้อหาทุจริตหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
 
เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 4 ตุลาคม ที่สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคพท. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ (พช.) นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อป.ป.ช. ​​กล่าวหา ครม.ทั้งคณะ และรัฐมนตรีรายบุคคลหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
 
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคได้รวบรวมเอกสารคำร้องต่อป.ป.ช. ซึ่งมีทั้งหมด 4 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย 
1. เรื่องการบริหาราชการที่ผิดพลาด ล้มเหลว ทุจริตต่อหน้าที่เรื่องโควิด โดยเป็นประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัคซีนที่ผิดพลาด การทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค และการผูกขาดวัคซีนแอสตราเซเนกา 
2. เรื่องการทุจริตการจัดซื้อชุดตรวจ ATK 
3. การใช้วัคซีนที่ไร้คุณภาพมาฉีดให้พี่น้องประชาชน 
และ 4. การทุจริตสต๊อกยางพารา และการเอ้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริต
 
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราร้องโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม 

จำเลยกลุ่มที่ 1 คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีความรับผิดชอบร่วมกัน เพราะมีการแถลงนโยบายไว้ต่อประชาชน ดังนั้น จึงมีส่วนโดยตรง 
กลุ่มที่ 2 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ 
กลุ่มที่ 3 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
และกลุ่มที่ 4 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
 
ขณะที่เนื้อหาคำร้องประกอบด้วย 4 คำร้อง เหตุที่ร้องเราร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) เป็นเรื่องความผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย มติครม. และข้อสั่งการของนายกฯ ไปจนถึงปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิดกฎหมายป.ป.ช. นี่คือข้อกล่าวหาทั้ง 4 สำนวน
 
ทั้งนี้ พรรคพท. ทำ 2 สำนวนคำร้อง คือ 

1. เรื่องการบริหารวัคซีน เช่น การไม่เข้าโคแว็กซ์ ความฉ้อฉล แสวงหาผลประโยชน์ในการบริหารวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่ส่อไปในทางทุจริต 
 
2. การจัดซื้อชุดตตรวจ ATK ที่ส่อไปในทางทุจริต กระทำผิดต่อหน้าที่ราชการทั้ง ครม. นายกฯ และนายอนุทิน พรรคก.ก. 1 สำนวน เรื่องการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่ไร้ประสิทธิภาพาฉีดให้พี่น้องประชาชน และพรรคปช. เรื่องทุจริตการจัดขายยางในสต๊อกยางพารารา ซึ่งส่องไปในทางทุจริต กระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ
 
“อย่างไรก็ตาม คำร้องเรื่องการจัดซื้อชุดตตรวจ ATK เป็นเรื่องที่มีความชัดเจนมาก โดยส่อไปทางเอื้อประโยชน์ตั้งแต่กระบวนการที่ใช้มติ ครม. เอื้อประโยชน์ เจตนา หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่ของตัวนายกฯ ในการออกมติครม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลด้านนี้ ดังนั้น สิ่งที่เราร้องไป เราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน” นพ.ชลน่าน กล่าว
  
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า คำร้องของพรรคก้าวไกล ร้อง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างเรื่องวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐและประชาชน โดยการจัดซื้อวัคซีนนั้นหน้าที่ในการพิสูจน์ถึงความมีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพของวัคซีน เป็นหน้าที่ของผู้จัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ต้องชี้แจงกับ ป.ป.ช. และชี้แจงต่อประชาชนว่าวัคซีนที่ซื้อขณะนั้นมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์โควิดที่ระบาดในประเทศไทย คือสายพันธุ์เดลต้าที่เริ่มระบาดแล้วในขณะนั้น
 
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า คำร้องที่ 4 เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย คือการขายยางพาราโละสต๊อก จำนวนหนึ่งแสนสี่พันตัน ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางของตลาด โดยใช้มติ ครม.ที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง พ.ร.บ.ฮั้วประมูล พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย เพราะยางจำนวนดังกล่าวเป็นยางที่ใช้รักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศ ที่จะนำออกมาขายในช่วงที่ราคายางในประเทศมีความมั่นคงแล้ว แต่การที่นำยางออกมาขายแบบทุ่มตลาดในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายในประเทศ ทำให้ยางราคาตกมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนและรัฐเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท และเอื้อประโยชน์แก่เอกชนเพียงบริษัทเดียว โดยเรื่องดังกล่าวร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ และนายเฉลิมชัย ในฐานะประธานและรองประธานคณะกรรมการยางธรรมชาติ

ขณะที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า หลังจากนี้จะตรวจสอบคำร้องว่ามีพยานหลักฐาน และการเรียกส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งการดำเนินการอาจใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ร้องขอเอกสารเพิ่มเติมด้วย แต่กฎหมายของ ป.ป.ช. ได้กำหนดกรอบให้ดำเนินการในแต่ละคดีให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และต่ออายุได้ไม่เกิน 1 ปี ส่วนความคืบหน้าการร้องเอาผิดคณะรัฐมนตรี ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นเอาผิดในการอภิปรายไม่ไว้วางครั้งที่ผ่านมา นายนิวัติไชย กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร พยานหลักฐาน เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
 


เตือน 23 จว. เหนือ-อีสาน-กลาง เฝ้าระวัง "น้ำล้นตลิ่ง" เช็คเลยมีอำเภอไหนบ้าง
https://www.komchadluek.net/hot-social/486580
 
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย "ปภ." รายงานสถานการณ์ "น้ำท่วม" ข้อมูลคาดการณ์และแจ้งเตือนภัย "น้ำล้นตลิ่ง" ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2564 เมื่อเวลา 08.30 น. โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย "ปภ." รายงานสถานการณ์ "น้ำท่วม" และแจ้งเตือนภัย พื้นที่เฝ้าระวัง "น้ำล้นตลิ่ง" น้ำท่วมขัง ดังนี้ 
 
ภาคเหนือ 
• จ.สุโขทัย (อ.เมืองฯ อ.ศรีสำโรง อ.คีรีมาศ) 
• จ.พิษณุโลก (อ.วังทอง อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ) 
• จ.เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ) 
• จ.พิจิตร (อ.บึงนาราง อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพทะเล อ.สามง่าม) 
• จ.นครสวรรค์ (อ.พยุหคีรี อ.โกรกพระ อ.เมืองฯ) 
• และ จ.อุทัยธานี (อ.เมืองฯ) 
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 
• จ.นครราชสีมา (อ.สูงเนิน อ.ด่านขุนทด อ.โนนสูง อ.เมืองฯ อ.พิมาย อ.ปักธงชัย อ.โนนไทย อ.คง อ.พระทองคำ อ.จักราช อ.แก้งสนามนาง อ.สีดา อ.ขามสะแกแสง อ.บ้านเหลื่อม) 
• จ.ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ อ.ภูเขียว อ.บ้านเขว้า อ.จัตุรัส อ.คอนสวรรค์) 
• จ.ขอนแก่น (อ.ชุมแพ อ.ภูผาม่าน อ.หนองเรือ อ.แวงน้อย อ.แวงใหญ่ อ.โคกโพธิ์ไชย อ.ชนบท อ.มัญจาคีรี อ.โนนศิลา อ.บ้านแฮด อ.พระยืน อ.เมืองฯ อ.บ้านไผ่) 
• จ.มหาสารคาม (อ.โกสุมพิสัย อ.กันทรวิชัย อ.เมืองฯ) 
• จ.กาฬสินธุ์ (อ.ฆ้องชัย อ.กมลาไสย อ.ร่องคำ) 
• จ.ร้อยเอ็ด (อ.จังหาร อ.เชียงขวัญ อ.ธวัชบุรี อ.โพธิ์ชัย อ.เสลภูมิ อ.ทุ่งเขาหลวง อ.พนมไพร อ.อาจสามารถ) 
• จ.ยโสธร (อ.เมืองฯ อ.คำเขื่อนแก้ว อ.มหาชนะชัย อ.ค้อวัง) 
• จ.ศรีสะเกษ (อ.กันทรารมย์) 
• และ จ.อุบลราชธานี (อ.เมืองฯ อ.วารินชำราบ) 
 
ภาคกลาง 
• จ.ชัยนาท (อ.มโนรมย์ อ.วัดสิงห์ อ.เนินขาม อ.หันคา อ.สรรคบุรี อ.สรรพยา อ.เมืองฯ อ.หนองมะโมง) 
• จ.ลพบุรี (อ.เมืองฯ อ.ชัยบาดาล อ.บ้านหมี่) 
• จ.สระบุรี (อ.วังม่วง อ.แก่งคอย อ.เสาไห้ อ.บ้านหมอ อ.หนองโดน อ.วิหารแดง อ.พระพุทธบาท อ.เมืองฯ อ.มวกเหล็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ดอนพุด อ.หนองแซง อ.หนองแค) 
• จ.สุพรรณบุรี (อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง) 
• จ.สิงห์บุรี (อ.เมืองฯ อ.อินทร์บุรี อ.ค่ายบางระจัน อ.พรหมบุรี) 
• จ.อ่างทอง (อ.เมืองฯ อ.วิเศษชัยชาญ อ.ป่าโมก อ.ไชโย) 
• จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางบาล อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางไทร อ.บางปะอิน อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง) 
• และ จ.ปทุมธานี (อ.เมืองฯ อ.สามโคก) 

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเมือง พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ริมลำน้ำ อาจได้รับผลกระทบจาก น้ำล้นตลิ่ง และ น้ำท่วม ในระดับสูง ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ อันตรายจากกระแสไฟฟ้า รวมทั้งการขับขี่พาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านเส้นทาง 
 
ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.50 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย "ปภ." รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุ "เตี้ยนหมู่" ในช่วงวันที่ 23 ก.ย. - 4 ต.ค. 2564 เกิดอุทกภัย
 
ใน 32 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, ตาก, สุโขทัย, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, กำแพงเพชร, เลย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, ยโสธร, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, จันทบุรี, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สุพรรณบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี และนครปฐม รวม 201 อำเภอ 1,046 ตำบล 7,144 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 271,092 ครัวเรือน  
สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด (มีผู้เสียชีวิต 8 ราย สูญหาย 1 ราย) ได้แก่ เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, ตาก, บุรีรัมย์, นครปฐม, ยโสธร, สุรินทร์, เลย, ศรีสะเกษ, สระแก้ว, จันทบุรี, ปราจีนบุรี และกำแพงเพชร 
 
ยังคงมี "น้ำท่วมขัง" ใน 18 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สุพรรณบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา และ ปทุมธานี 


 
น้ำกระจุกตัว บางบาล สูงเกือบเท่าปี 54 เผยอยุธยา 16 อำเภอ จมบาดาล
https://www.matichon.co.th/region/news_2972380
  
น้ำกระจุกตัว บางบาล สูงเกือบเท่าปี 54 เผยอยุธยา 16 อำเภอ จมบาดาล
 
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม กรมชลประทาน รายงานว่ามีการปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จำนวน 2,779 ลบ.ม./ วินาที ทำให้ระดับน้ำท่วม ในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เขต จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีระดับที่สูงอยู่เช่นเดิม
 
โดยนายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมตรีตำบลบางบาล ยืนยันว่าระดับน้ำท่วมปีนี้ ปริมาณน้ำมากระจุกตัว อยู่ในเขต อ.บางบาล ในส่วนของ 2 ฝั่งแม่น้ำ ท่วมชุมชนที่ตั้งอยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งพบว่าระดับน้ำท่วมสูงที่ประมาณ 2 เมตร 70 เซนติเมตร ซึ่งเรียกได้ว่าเกือบเท่ากับปี 2554 แล้ว
 
ส่วนแม่น้ำป่าสัก พบว่ามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ปล่อยน้ำที่ 1,210 ลบ.ม./วินาที และเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปล่อยน้ำที่ 940 ลบ.ม./วินาที
 
ขณะที่สำนักงาน ปภ.พระนครศรีอยุธยา รายงานสรุปตัวเลขล่าสุดว่า ในพื้นที่มี 16 อำเภอ ได้ถูกน้ำท่วม ตามชุมชนนอกเขตชลประทาน ไปแล้ว รวม 9 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บางบาล, เสนา, ผักไห่, พระนครศรีอยุธยา, บางปะอิน, บางไทร, บางปะหัน, นครหลวง และท่าเรือ รวม 107 ตำบล และ 579 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมเกือบ 20,000 หลังคาเรือน และมีวัดตั้งริมแม่น้ำลำคลอง ถูกน้ำท่วมไปแล้วประมาณ 20 วัด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่