ภาคประชาชน บุกทำเนียบ ค้านเปิดผับถึงตี 4 ยกเหตุเมาแล้วขับ จี้ครม.อย่าอนุมัติ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7359937
เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต บุกทำเนียบ ชูป้าย คัดค้านรัฐบาลขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 จี้ ครม.อย่าเห็นชอบตาม ก.ท่องเที่ยวเสนอ
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 ที่บริเวณลานน้ำพุสะพานมัฆวาน ข้างทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต นำโดย น.ส.เครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ และสมาชิก รวมตัวเพื่อยื่นหนังสือถึงพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องคัดค้านการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
โดยมีนาย
สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) พร้อมด้วยนาง
นลินี มาหาขันธ์ ผอ.ศูนย์บริการประชาชน สปน. และนาย
สาธิต สุทธิเสริม ผอ.ส่วนประสานมวลชน เป็นผู้แทนรับเรื่อง
เครือข่ายฯ ระบุว่า ภาคประชาชนมีเจตนาในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อรณรงค์ป้องกันภัยจากแอลกอฮอล์ โดยพบว่าข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จากเหตุเมาแล้วขับเป็นสาเหตุหลักที่ควบคุมไม่ได้ และก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล ดังนั้น การขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 จะส่งผลกระทบที่น่าเป็นห่วงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคม
เครือข่ายฯ ระบุต่อว่า ขอประณามและคัดค้านนโยบายขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 4 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่อ้างว่าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และขอเรียกร้องไปยัง นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ควรมีจุดยืน ไม่เพิ่มภาระทางการแพทย์ และในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ควรสั่งการให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยุติการผลักดันนโยบายดังกล่าว
เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ลงไปพูดคุยสัมผัสกับเหยื่อเมาแล้วขับหรือครอบครัวคนตาย คนพิการ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ครอบครัวแตกแยก ผู้หญิงที่ถูกทำร้าย เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เพื่อกระตุ้นสำนึกในความเป็นมนุษย์ มากกว่ามุ่งแค่เงินทองจากนักท่องเที่ยวสายเมา ท่ามกลางความเสื่อมทรามของสังคม
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ให้ความเห็นชอบต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากทราบว่ารมว.ท่องเที่ยวฯ จะเสนอแนวทางขอขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 เข้าที่ประชุมครม.ในวันที่ 15 พ.ย.นี้
"ตรีชฎา" ชื่นชมสมาคมแพทย์ฯยืนข้างประชาชน ร่วมมือ "พท." ให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด
https://siamrath.co.th/n/398514
"ตรีชฎา" ชื่นชมสมาคมแพทย์นิติเวชฯยืนข้างประชาชน ร่วมมือ "เพื่อไทย" ให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด จี้ "ประยุทธ์" สั่ง "อนุทิน" ยกเลิกประกาศ สธ.ให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น
วันที่ 11 พ.ย.65 น.ส.
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชน ขอแสดงความขอบคุณ ผศ.นพ.
สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 8 ก.พ.65 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีการออกประกาศฉบับดังกล่าว และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศ สธ.ลงวันที่ 8 ธ.ค.63 ดังเดิม
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวว่า การที่นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย จับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ต่อสู้ เพื่อต่อต้านคัดค้านกัญชาเสรีที่มีการนำมาใช้เกินเลยไปจากทางการแพทย์ เป็นสิ่งที่สร้างความถูกต้องให้กับผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกัญชาเสรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการ เพราะมีความห่วงใยอนาคตของเด็กและเยาวชนที่จะพลัดหลงเข้าไปสู่วงจรยาเสพติด ผศ.น.พ.
สมิทธิ์ มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ถือเป็นตัวแทนของบรรดาแพทย์นิติเวชทั้งประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างในขณะนี้ ทั้งหมดจึงเป็นคำตอบว่า สิ่งที่รัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและนาย
อนุทิน ที่มีความพยายามผลักดันกัญชา โดยที่ไม่มีกฎหมายรองรับนั้น เป็นสิ่งที่ผิดพลาด สร้างความสับสนให้ประชาชนและเกิดผลกระทบในหลายด้าน ข่าวรายวันรายงานเหตุสลดอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ ทำร้ายทุบตีเพราะขาดสติจากการเสพยา ซึ่งรัฐบาลไม่อาจปฏิเสธความจริงนี้ได้
"
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยออกมาตอบโต้คนที่ไม่เห็นด้วยจนเรียกได้ว่า แทบจะเอาชีวิตเข้าแลก’ เป็นตายร้ายดีก็จะต้องผลักดันให้สภาเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ให้ได้ กระทั่งเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล การซดเกาเหลากัญชาผ่านหน้าสื่อในแต่ละวันนั้น รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ควรแสดงภาวะผู้นำ สั่งการนายอนุทินยกเลิกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับลงวันที่ 8 ก.พ.65 โดยเร็วที่สุด ให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเดิมที่ถือว่า กัญชาเป็นยาเสพติด การครอบครอง การเสพที่เข้าข่ายผิดกฎหมายจะต้องได้รับโทษ ยกเว้นนำไปใช้ในทางการแพทย์ เวลาเป็นสิ่งมีค่า หากยิ่งปล่อยไว้ไม่ระงับยับยั้ง ทาสกัญชาจะพุ่งขึ้นจนรัฐบาลประยุทธ์ทั้งคณะจะรับผิดชอบไม่ไหวเอาได้" น.ส.
ตรีชฎากล่าว
ปภ.เผย ชาวบ้าน 33 อำเภอใน 9 จว. ยังได้รับผลกระทบน้ำท่วม เร่งช่วยเหลือปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3667898
ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัด ภาพรวมระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง เร่งคลี่คลายสถานการณ์-ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม รวม 33 อำเภอ 221 ตำบล 1,396 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 99,772 ครัวเรือน ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งระบายน้ำ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งฟื้นฟูพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย รวมถึงความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังในพื้นที่ 59 จังหวัด รวม 353 อำเภอ 1,879 ตำบล 11,770 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 528,063 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย
ปัจจุบัน (11 พฤศจิกายน เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด 33 อำเภอ 221 ตำบล 1,396 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 99,772 ครัวเรือน ภาพรวมระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัด ดังนี้
1. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 15 ตำบล 108 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,931 ครัวเรือน
2. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 7 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 210 ครัวเรือน
3. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ รวม 4 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,709 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย
4. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอตาลสุม และอำเภอดอนมดแดง รวม 15 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,884 ครัวเรือน อพยพประชาชน 281 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 67 จุด
5. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอมโนรมย์ รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 87 ครัวเรือน
6. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอแสวงหา รวม 48 ตำบล 281 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,822 ครัวเรือน
7. พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางซ้าย และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 53 ตำบล 312 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,725 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
8. สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 25 ตำบล 185 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,811 ครัวเรือน
9. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามพราน อำเภอบางเลน และอำเภอนครชัยศรี รวม 50 ตำบล 344 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,593 หมู่บ้าน
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน สิ่งสาธารณประโยชน์ สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอพพลิเคชั่น “THAI DISASTER ALERT
JJNY : ภาคปชช.บุกทำเนียบ| "ตรีชฎา"ชื่นชมสมาคมแพทย์ฯ| ปภ.เผย 33 อ.ใน 9จว.ยังได้รับน้ำท่วม| ผอ.รร.โอด ค่าอาหารกลางวัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7359937
เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต บุกทำเนียบ ชูป้าย คัดค้านรัฐบาลขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 จี้ ครม.อย่าเห็นชอบตาม ก.ท่องเที่ยวเสนอ
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 ที่บริเวณลานน้ำพุสะพานมัฆวาน ข้างทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต นำโดย น.ส.เครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ และสมาชิก รวมตัวเพื่อยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องคัดค้านการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) พร้อมด้วยนางนลินี มาหาขันธ์ ผอ.ศูนย์บริการประชาชน สปน. และนายสาธิต สุทธิเสริม ผอ.ส่วนประสานมวลชน เป็นผู้แทนรับเรื่อง
เครือข่ายฯ ระบุว่า ภาคประชาชนมีเจตนาในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อรณรงค์ป้องกันภัยจากแอลกอฮอล์ โดยพบว่าข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จากเหตุเมาแล้วขับเป็นสาเหตุหลักที่ควบคุมไม่ได้ และก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล ดังนั้น การขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 จะส่งผลกระทบที่น่าเป็นห่วงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคม
เครือข่ายฯ ระบุต่อว่า ขอประณามและคัดค้านนโยบายขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 4 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่อ้างว่าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และขอเรียกร้องไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ควรมีจุดยืน ไม่เพิ่มภาระทางการแพทย์ และในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ควรสั่งการให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยุติการผลักดันนโยบายดังกล่าว
เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ลงไปพูดคุยสัมผัสกับเหยื่อเมาแล้วขับหรือครอบครัวคนตาย คนพิการ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ครอบครัวแตกแยก ผู้หญิงที่ถูกทำร้าย เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เพื่อกระตุ้นสำนึกในความเป็นมนุษย์ มากกว่ามุ่งแค่เงินทองจากนักท่องเที่ยวสายเมา ท่ามกลางความเสื่อมทรามของสังคม
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ให้ความเห็นชอบต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากทราบว่ารมว.ท่องเที่ยวฯ จะเสนอแนวทางขอขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 เข้าที่ประชุมครม.ในวันที่ 15 พ.ย.นี้
"ตรีชฎา" ชื่นชมสมาคมแพทย์ฯยืนข้างประชาชน ร่วมมือ "พท." ให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด
https://siamrath.co.th/n/398514
"ตรีชฎา" ชื่นชมสมาคมแพทย์นิติเวชฯยืนข้างประชาชน ร่วมมือ "เพื่อไทย" ให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด จี้ "ประยุทธ์" สั่ง "อนุทิน" ยกเลิกประกาศ สธ.ให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น
วันที่ 11 พ.ย.65 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชน ขอแสดงความขอบคุณ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 8 ก.พ.65 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีการออกประกาศฉบับดังกล่าว และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศ สธ.ลงวันที่ 8 ธ.ค.63 ดังเดิม
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า การที่นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย จับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ต่อสู้ เพื่อต่อต้านคัดค้านกัญชาเสรีที่มีการนำมาใช้เกินเลยไปจากทางการแพทย์ เป็นสิ่งที่สร้างความถูกต้องให้กับผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกัญชาเสรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการ เพราะมีความห่วงใยอนาคตของเด็กและเยาวชนที่จะพลัดหลงเข้าไปสู่วงจรยาเสพติด ผศ.น.พ. สมิทธิ์ มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ถือเป็นตัวแทนของบรรดาแพทย์นิติเวชทั้งประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างในขณะนี้ ทั้งหมดจึงเป็นคำตอบว่า สิ่งที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและนายอนุทิน ที่มีความพยายามผลักดันกัญชา โดยที่ไม่มีกฎหมายรองรับนั้น เป็นสิ่งที่ผิดพลาด สร้างความสับสนให้ประชาชนและเกิดผลกระทบในหลายด้าน ข่าวรายวันรายงานเหตุสลดอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ ทำร้ายทุบตีเพราะขาดสติจากการเสพยา ซึ่งรัฐบาลไม่อาจปฏิเสธความจริงนี้ได้
"ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยออกมาตอบโต้คนที่ไม่เห็นด้วยจนเรียกได้ว่า แทบจะเอาชีวิตเข้าแลก’ เป็นตายร้ายดีก็จะต้องผลักดันให้สภาเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ให้ได้ กระทั่งเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล การซดเกาเหลากัญชาผ่านหน้าสื่อในแต่ละวันนั้น รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ควรแสดงภาวะผู้นำ สั่งการนายอนุทินยกเลิกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับลงวันที่ 8 ก.พ.65 โดยเร็วที่สุด ให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเดิมที่ถือว่า กัญชาเป็นยาเสพติด การครอบครอง การเสพที่เข้าข่ายผิดกฎหมายจะต้องได้รับโทษ ยกเว้นนำไปใช้ในทางการแพทย์ เวลาเป็นสิ่งมีค่า หากยิ่งปล่อยไว้ไม่ระงับยับยั้ง ทาสกัญชาจะพุ่งขึ้นจนรัฐบาลประยุทธ์ทั้งคณะจะรับผิดชอบไม่ไหวเอาได้" น.ส.ตรีชฎากล่าว
ปภ.เผย ชาวบ้าน 33 อำเภอใน 9 จว. ยังได้รับผลกระทบน้ำท่วม เร่งช่วยเหลือปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3667898
ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัด ภาพรวมระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง เร่งคลี่คลายสถานการณ์-ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม รวม 33 อำเภอ 221 ตำบล 1,396 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 99,772 ครัวเรือน ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งระบายน้ำ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งฟื้นฟูพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย รวมถึงความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังในพื้นที่ 59 จังหวัด รวม 353 อำเภอ 1,879 ตำบล 11,770 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 528,063 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย
ปัจจุบัน (11 พฤศจิกายน เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด 33 อำเภอ 221 ตำบล 1,396 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 99,772 ครัวเรือน ภาพรวมระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัด ดังนี้
1. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 15 ตำบล 108 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,931 ครัวเรือน
2. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 7 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 210 ครัวเรือน
3. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ รวม 4 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,709 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย
4. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอตาลสุม และอำเภอดอนมดแดง รวม 15 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,884 ครัวเรือน อพยพประชาชน 281 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 67 จุด
5. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอมโนรมย์ รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 87 ครัวเรือน
6. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอแสวงหา รวม 48 ตำบล 281 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,822 ครัวเรือน
7. พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางซ้าย และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 53 ตำบล 312 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,725 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
8. สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 25 ตำบล 185 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,811 ครัวเรือน
9. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามพราน อำเภอบางเลน และอำเภอนครชัยศรี รวม 50 ตำบล 344 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,593 หมู่บ้าน
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน สิ่งสาธารณประโยชน์ สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอพพลิเคชั่น “THAI DISASTER ALERT