JJNY : 5in1 ปชน.จัด 30 ขุนพลอภิปราย│ปชน.ช่วย‘โฟล์ค’หาเสียง│‘อ.บางบาล’จมบาดาล!│ธุรกิจถ.ข้าวสารโอด│คลิปสะพรึง! “ยางิ” ถล่ม

ประชาชน จัด 30 ขุนพล อภิปรายนโยบาย ล็อกเป้าดุเดือด ทวงสัญญาเลือกตั้ง-1 ปีรบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4778565
 
 
“ศิริกัญญา” เผย ปชน.จัดขุนพล ถลกนโยบาย “แพทองธาร” 30 คน ลั่น ดุเดือดแน่ จ่อทวงสัญญาช่วงเลือกตั้ง-ตรวจการบ้าน 1 ปี เหน็บ ได้แต่เก็งข้อสอบจากคำพูด ”ทักษิณ“ เหตุเอกสารยังไม่ถึงฝ่ายค้าน
 
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ได้มีการเตรียมแล้ว ทั้งผู้ที่จะอภิปรายและประเด็น แต่ทั้งนี้กำหนดการออกมากระชั้นชิด เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ ครม.เร่งด่วน ไปแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ทันภายในวันที่ 17 กันยายน และทางสภาฯ ยอมให้แถลงนโยบายในวันที่ 12-13 กันยายน ซึ่งเราได้มีการเตรียมการทั้งวันทั้งคืน ในระยะเวลาเร่งด่วน
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า วันนี้ที่มีการประชุมครม.นัดพิเศษ ได้มีการพูดคุยถึงคำที่จะแถลงในนโยบาย ซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และทางฝ่ายค้านยังไม่ได้รับเอกสารฉบับดังกล่าว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือเก็งประเด็นว่ามีอะไรบ้าง ครอบคลุมในเรื่องใด โดยเทียบเคียงจากการแถลงนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และคำพูดของ น.ส.แพทองธาร ที่เคยพูดก่อนหน้านี้ รวมถึงการแถลงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนจำนวนผู้อภิปรายและประเด็นนั้น ก็จะจัดตามเวลาที่ได้รับจัดสรรจากสภาฯ อีกครั้ง แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว ราวๆ 30-40 คน
 
เมื่อถามว่า คิดว่าการอภิปรายในรอบนี้จะดุเดือดหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า น่าจะดุเดือด เพราะรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลใหม่ถอดด้าม แต่สืบทอดมาจากรัฐบาลที่แล้ว ยังเป็นรัฐบาลเพื่อไทยอยู่ จึงจะมีกลิ่นอายการตรวจการบ้าน 1 ปี ของนโยบายที่เคยแถลงไว้ รวมถึงทวงถามสัญญาที่เคยมีไว้ ตอนหาเสียงเลือกตั้ง หรือการพูดนโยบายในต่างกรรมต่างวาระ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และความคาดหวังว่าประเทศจะเดินหน้าไปอย่างไร ในอีก 3 ปีข้างหน้า ดังนั้น อาจจะมีความดุเดือดเล็กน้อย เพราะเราผิดหวังการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนายเศรษฐา
 
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ยังคล้ายคลึงกับรัฐบาลของนายเศรษฐา น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า อาจจะมีในส่วนที่เหมือนเดิม เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลเดิม ถึงแม้จะมีพรรคใหม่เพิ่มเข้ามา แต่ใจความสำคัญ หรือนโยบายส่วนใหญ่ คล้ายคลึงของเดิม ซึ่งเราไม่มีข้อท้วงติง แต่สิ่งที่เราคาดหวังว่า จะมีมากกว่าเดิม คือการลงรายละเอียดเพื่อสร้างความชัดเจนมากขึ้น มีการกำหนดเป้าหมายเป็นรูปธรรม หรือตัวเลขที่เจน เพื่อให้เราสามารถติดตาม ทวงถามสัญญาได้ ไม่เช่นนั้น จะเป็นการให้คำสัญญาที่ฟุ้ง ลอย และไม่สามารถตามต่อได้ ว่าสิ่งที่สัญญาไว้จะสำเร็จได้จริงหรือไม่



ปชน.ขนทีมแกนนำ ช่วย ‘โฟล์ค’ หาเสียงพิษณุโลก ‘พิจารณ์’ ลั่นเตรียมพร้อมเป็นรบ.ถัดไป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4778653

ปชน.ขนทีมแกนนำ-สส.-ผู้ช่วยหาเสียงดาวกระจายทั่วเมืองพิษณุโลก หาเสียงช่วย “ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์” ย้ำการเลือก ปชน. คือการส่งสัญญาณว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง
 
เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก แกนนำ พร้อมด้วย สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมกิจกรรมหาเสียงและประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง สส. เขต 1 จ.พิษณุโลก แทนตำแหน่งที่ว่างลง ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 กันยายน 2567 โดยพรรคประชาชนได้ส่ง นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์  หมายเลข 1 เป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้

โดยบรรดาแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน อาทิ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน, ฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา เขต 1, พงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง เขต 3, ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี  เขต 3, กันตภณ ดวงอัมพร สส.กรุงเทพฯ เขต 6 รวมถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ได้ร่วมกันดาวกระจายหาเสียงไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งเขต 1 ทั้งการเดินแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์ ขึ้นรถแห่กระจายเสียง และเปิดวงกาแฟพบปะพูดคุยกับผู้สนับสนุนและประชาชน โดยตลอดการหาเสียง ทั้งหมดได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนในพื้นที่ ที่ทั้งออกมาต้อนรับ ถ่ายรูป และส่งเสียงให้กำลังใจตลอดเส้นทาง
 
โดยทางด้าน พิจารณ์ ได้กล่าวระหว่างการหาเสียงช่วงหนึ่ง ว่าการเพิ่ม สส. อีก 1 คนให้พรรคประชาชนเป็น 144 มีความสำคัญมาก แม้จะมีบางคนบอกว่าเลือก สส. จากพรรครัฐบาลดีกว่าเพราะประสานงานกับรัฐบาลแก้ปัญหาได้ แต่ประสบการณ์บอกกับเราแล้วว่าต่อให้มี สส. จากฝ่ายรัฐบาลแต่ถ้ารัฐบาลไม่กล้าแตะกับต้นตอของปัญหา ปัญหาของประชาชนก็จะไม่ได้รับการแก้ไข แต่ถ้ามีผู้แทนจากฝ่ายค้าน เมื่อฝ่ายค้านมีความเข้มแข็ง ตรวจสอบได้มากขึ้น รัฐบาลก็ต้องทำงานให้ดีขึ้น เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญกว่าการได้ผู้แทนของคนพิษณุโลก แต่เป็นการยืนยันในการทำงานของอดีตพรรคก้าวไกล และให้เราเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ในส่วนของ ณัฐพงษ์ ระบุว่าตนมีความมั่นใจว่าณฐชนนจะเป็นปากเป็นเสียงให้คนพิษณุโลกเขต 1 ได้อย่างแน่นอน ณฐชนนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่พร้อมสู้เพื่อทุกคนที่ถูกกระทำอย่างไม่ถูกต้องจากการใช้อำนาจรัฐและการใช้งบประมาณ นี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับพรรคประชาชน ตั้งแต่เป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล คือวิธีการทำงานของเราที่ถือว่าเราทุกคนเป็นคนธรรมดา นักการเมืองไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน นี่คือระบบการเมืองที่เราอยากทำให้เกิด ไม่ต้องมีนายทุนมีเงินในกระเป๋า ไม่ต้องเป็นลูกหลานนักการเมืองก็มาทำงานการเมืองได้
 
ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณที่มีคนลงแข่งเพื่อให้ประชาชนมีตัวเลือกและให้ชัยชนะมีความสง่างามมากขึ้น วันนี้การเลือกตั้งมีสองเบอร์ชัดเจน และสิ่งที่เป็นเส้นแบ่งชัดเจนคือพรรคประชาชนต้องการเข้ามาสร้างการเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลง การเลือกณฐชนนคือการส่งสัญญาณว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนการเมืองให้ดีขึ้นเป็นจุดหมายปลายทาง
 
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไป ว่าตอนนี้สนามพิษณุโลกคือต้นทาง ถ้าอยากทำให้ก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น ขอให้ทุกคนช่วยกันบอกต่อ ชวนเพื่อนบ้าน ชวนทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขต 1 พิษณุโลก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ให้ช่วยกันกลับมายึดเก้าอี้นี้คืน ส่งณฐชนนเข้าไปทำหน้าที่นี้ต่อเนื่องในสภาผู้แทนราษฎรต่อจาก ปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ทำผลงานครองใจชาวพิษณุโลกมาตั้งแต่อนาคตใหม่จนถึงก้าวไกลอีกครัง.
 

  
‘อ.บางบาล’ จมบาดาล! ระดับน้ำเพิ่มอีก เกษตรกรทำคอกเลี้ยงวัวบนถนน
https://www.dailynews.co.th/news/3838016/

สถานการณ์น้ำหลากท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงน่าเป็นห่วง หลังจากน้ำเข้าท่วม อ.บางบาล 13 ตำบล 64 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 1,624 ครัวเรือน ล่าสุดเกษตรกรเลี้ยงวัว ต้องทำคอกเลี้ยงบนถนน เนื่องจากพื้นบ้านถูกน้ำท่วมทั้งหมดแล้ว
  
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จากการที่เขื่อนเจ้าพระยา ยังคงระบายน้ำในอัตรา 1,498 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย ลำคลองสาขาต่างๆ ที่ไหลผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำทรงตัว โดยพบว่าในพื้นที่ อ.บางบาล ถูกน้ำท่วมแล้ว 13 ตำบล 64 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 1,624 ครัวเรือน

ขณะเดียวกันในชุมชน หมู่ที่ 8 ต.น้ำเตา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำที่ล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้านและขยายวงกว้างท่วมพื้นที่นาไร่ทั้งหมด ทำให้ นายไตรรงณ์ สุขกฤกษ์กิจ อายุ 67 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ต้องทำคอกเลี้ยงวัวชั่วคราวบนถนน ภายหลังเปิดเผยว่า บ้านตนเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ติดริมแม่น้ำน้อย พอน้ำเอ่อล้นจึงทำให้ท่วมตัวบ้านและคอกวัว ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม. และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย จึงอยากขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านโดยเร็วด้วย



ธุรกิจ ถ.ข้าวสาร ขอนโยบายชัดเจน จากนายกอิ๊งค์ โอดขึ้นค่าแรง 400 เสียมากกว่าได้.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4778615

ธุรกิจ ถ.ข้าวสาร ขอนโยบาย  ชัดเจน จากนายกอิ๊งค์ โอดขึ้นค่าแรง 400 เสียมากกว่าได้

วันที่ 7 กันยายน นายสง่า เรืองวัฒนะกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผย มติชนออนไลน์ ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังติดตามการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งยังมองว่าจะยังสานต่อนโยบายเดิม เพราะพรรคแกนนำยังเป็นพรรคเดิม แต่ที่กังวลคือระยะเวลาการทำงานของรัฐมนตรีและรัฐบาลจะนานแค่ไหน จะมีการปรับเปลี่ยนอะไรจากนี้ ซึ่งภาคเอกชนเรากังวลเรื่องความไม่ต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนและการเจรจาการค้า โดยเฉพาะกับนักลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงการวางแผนงานทางธุรกิจทำได้ช่วงสั้นๆ ผู้ประกอบการอยากเห็นแต่ละนโยบายมีความชัดเจนและผลักดันให้สุดทาง
 
อาทิ นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ดูจะแผ่วลงและไร้ทิศทางว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อหรือไม่ หรือ นโยบายกัญชา จะไปต่อแค่ไหนอย่างไร ก็อยากให้เร่งออกกฎหมายคุ้มครองและต้องมีใบอนุญาตถึงประกอบการได้ วันนี้ยังเห็นเร่ขาย ก็ไม่รู้สินค้าผสมอะไรบ้าง หรือ โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากจะสานต่อ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะตั้งในเมือง จังหวัดใหญ่ หรือ จังหวัดที่นักท่องเที่ยวรู้จักแล้ว ควรตั้งในเมืองรอง จังหวัดที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของทางเศรษฐกิจในพื้นที่กันดาร จะได้ประโยชน์กว่า เหมือนในต่างประเทศ นโยบายที่ชดัเจนและนิ่ง จะเป็นแรงผลักดันดีที่สุดในเวลานี้” นายสง่า กล่าว
 
นายสง่า กล่าวว่า หรืออย่างการท่องเที่ยว เพียง 1 ปี ไทยเปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวฯถึง 3 คน รัฐมนตรีท่านใหม่ ก็อยากให้เร่งหารือกับสมาคมต่างๆและภาคเอกชนด้วย เพื่อได้รับฟังถึงปัญหาและความต้องการแท้จริง ที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ภาคท่องเที่ยวยังไม่ดีเท่าที่ควร คนในประเทศประหยัดใช้จ่ายลดลงมาก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่ได้สูง รายได้จึงหายไป 20-30% คงต้องรอดูสถานการณ์เดือนตุลาคม ที่จะเข้าฤดูท่องเที่ยวไทย(ไฮซีซั่น)อีกครั้ง โดยเรื่องเร่งด่วนที่ธุรกิจบนถนนข้าวสารอยากให้นายกฯอิ๊งค์ เข้ามาสั่งการ คือ การบูรณาการหน่วยงานและแก้ปัญหาภาพพจน์ความไม่ปลอดภัยในการเที่ยวในไทย
 
ตอนนี้เราได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น คือ รถแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์รับส่งนักท่องเที่ยว พฤติกรรมแรงงานต่างด้าวในการก่อกวนหรือแย่งดึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในถนนข้าวสาร หรือ ข่าวอาชญากรรมต่างๆ ซึ่งสมาคมฯได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ไขแล้ว ไทยเรายังพึ่งพาการท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจยังฝืดอย่างวันนี้ การสร้างภาพพจน์ประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ และต้องเร่งแก้ไขเหลือบไรเหล่านี้ ” นายสง่า กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่