รับคำท้าฯ
ตอนที่ 29
“สวัสดีค่ะ คุณการ” บุตรสาวคนสวยของผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสียงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองหนุ่มผมยาวในชุดเสื้อนอกสีน้ำตาลอ่อนใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเรียบหรูเพราะคนใส่นั้นหล่อมาก
“สวัสดีครับ คุณปักษา” ปฏิการยิ้มตอบตามมารยาท แอบถอนหายใจ ทำไมลูกสาวผู้อำนวยการต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย เขามองหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้ยาวสีโอรสอย่างอึดอัดใจ แม้ว่าวันนี้เธอจะดูสวยมากก็ตาม มองเลยไปที่หนุ่มหล่อเนี้ยบในชุดทักซิโด้สีดำ ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ คือบุตรชายของผู้อำนวยการ
‘หมอนี่คือพี่หรัสของยัยตัวแสบสินะ’
ปัณณวัตร์สบตากับลูกชายราวกับจะถามว่า เป็นไง! เธอสวยใช่มั้ย? แต่ลูกชายกลับตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบเฉยแทน คนเป็นพ่อรู้สึกสงสัย สวยน่ารักขนาดนี้ยังไม่พอใจอีก รู้สึกกลุ้มใจกับลูกชายตัวดีเสียจริง เขามองฝ่ายหญิงดูพอใจลูกชายของเขาอย่างมาก
“คุณการทานน้ำอะไรดีคะ” ปักษาเอ่ยถาม พลางก้าวมาประชิดตัวหนุ่มหน้าหวาน
ปฏิการก้าวถอยหลังทันที เมื่อรู้สึกฝ่ายหญิงเข้ามาใกล้เขาเกินไป
“ผมขอน้ำเปล่าครับ”
ปักษานิ่งไปชั่วอึดใจ สะดุดกับคำตอบของหนุ่มผมยาว ซึ่งเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกันตอนฝึกเล่นโรลเลอร์เบรด
“ได้เวลาทานข้าวแล้ว เชิญที่โต๊ะอาหารกันเลย” เสียงของปิติภัทรเอ่ยเชิญแขกที่มาร่วมงานวันเกิดของเขา ทุกคนจึงเดินตามผู้อำนวยการโรงพยาบาลไปยังห้องอาหารด้านใน
“ผมสั่งอาหารมังสวิรัติให้คุณและครอบครัวด้วยนะ” เจ้าภาพหันมาบอกศัลยแพทย์โรคหัวใจอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ
“ขอบคุณครับท่าน” ปัณณวัตร์ค้อมศีรษะลงด้วยความขอบคุณ
“คุณคะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ปัถยาหันมาบอกสามี
“ผมไปด้วยครับ” ปฏิการรีบขอตามไปด้วย
“เดี๋ยวษาพาไปค่ะ” ปักษาผายมือไปยังทางไปห้องน้ำ
ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินลงบันไดสองสามขั้นเพื่อออกจากห้องโถงใหญ่ เธอแกล้งเหยียบถูกชายกระโปรงของตัวเองทำให้สะดุดจนเกือบหกล้มจึงคว้าตัวของหนุ่มหน้าหวานที่เดินอยู่ใกล้ ๆ เอาไว้ ใบหน้าสวยกระแทกกับแผ่นอกของชายหนุ่มอย่างจัง
หนุ่มผมยาวตกใจจึงช่วยประคองตัวหญิงสาว เมื่อเห็นเธอสะดุดจะหกล้ม
ปักษานิ่งอึ้งไปชั่วขณะราวกับหัวใจจะหยุดเต้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบใบหน้าของชายหนุ่มที่ประคองตัวเธอเอาไว้อยู่ใกล้กันนิดเดียว เธอตกตะลึงในความหล่อราวเทพบุตร ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก คาง แก้ม ทุกอย่างดูดีลงตัวน่ามองจนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
ปฏิการปล่อยมือจากตัวบุตรสาวผู้อำนวยการเมื่อประคองให้เธอยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ทว่ามือของหญิงสาวยังค้างอยู่บนบ่าของเขา
“คุณปักษาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ปัถยาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายหญิงจึงได้สติรีบดึงมือที่ค้างอยู่บนบ่าของหนุ่มหน้าหวานกลับมาอย่างเขินอาย
“ขอบคุณมากนะคะ”
ครอบครัวของศัลยแพทย์โรคหัวใจมือหนึ่งของโรงพยาบาลถูกจัดให้นั่งใกล้กับลูกสาวคนสวยของผู้อำนวยการด้านซ้ายมือ โดยเธอนั่งติดกับปฏิการ ส่วนด้านขวาเป็นภรรยาและลูกชายของเขา
“คุณการทานนี่ค่ะ เมนูเด็ดของบ้านเราเลย อร่อยมาก ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย” เธอเอื้อมมือตักมาให้ชายหนุ่ม
“ขอโทษครับ คุณษา ผมเป็นมังสวิรัติครับ” ปฏิการรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาถึงจานของเขา
หญิงสาวทำหน้าอึ้งเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ ก่อนจะดึงมือที่ยื่นไปหาจานของหนุ่มข้างตัวกลับมาใส่จานตัวเองแทน
“มิน่าล่ะ คุณการผิวดีมากเลยนะคะ” ปักษาพูดพลางส่งยิ้มแก้เก้อ
ปฏิการผงกศีรษะขอบคุณคนนั่งข้าง ๆ ไปอย่างนั้น แต่ใจกลับคิดถึงยัยตัวแสบ สาว ๆ ต่างตกตะลึงในความหล่อเหลาของเขา แต่เธอกลับไม่เคยสนใจเขาบ้างเลย ตอนนี้ปริมากำลังทำอะไรอยู่...คง...กำลังทำขนมกับเด็ก ๆ สินะ เขารู้สึกคิดถึงเธอจัง... ใบหน้านั้นกำลังอมยิ้มน้อย ๆ ขณะก้มหน้ามองเมล็ดข้าวขาวสวยในจานของตัวเอง บ้านของเขาเปลี่ยนมาทานข้าวกล้องเพราะมีประโยชน์มากกว่าข้าวขาวทั่วไป ซึ่งยังมีกากใยและวิตามินอยู่มากมาย เขารู้สึกว่า ข้าวกล้องนั้นมีความหวาน แต่ข้าวขาวในจานนี้แม้จะเป็นข้าวอย่างดี นุ่มละมุนลิ้น แต่มันกลับจืดชืด ไม่มีความหวานเลย ในด้านคุณค่าทางอาหารมันเหลือเพียงแป้งและน้ำตาลเท่านั้น
สายตาของนักร้องหนุ่มหน้าหวานมองจานอาหารบนโต๊ะแต่ละจาน ที่ล้วนแต่ทำจากเนื้อสัตว์อย่างดีหลากหลายเมนู เขาคิดถึงงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับอาหารเพื่อลดไขมันในเลือดและลดการเป็นโรค เป็นงานวิจัยที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นงานวิจัยขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ติดตามดูผลของคนแปดหมื่นกว่าคนนานถึงสิบสองปี เพื่อจะดูว่าการกินไขมันแบบไหนทำให้ป่วยและตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจมากที่สุด โดยใช้แคลอรี่ที่เท่ากันเป็นตัวเทียบ และเอาแคลอรี่จากอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นเกณฑ์มาตรฐาน พูดง่าย ๆ ว่าเป็นงานวิจัยเทียบระดับความชั่วร้ายของไขมันชนิดต่างๆ ก่อนหน้านี้เขามีความเข้าใจว่าน้ำมันหมู น้ำมันวัว หรือที่เรียกกันว่าไขมันอิ่มตัวนั้น เป็นไขมันที่ชั่วร้ายที่สุด แต่พอมาศึกษางานวิจัยนี้จึงรู้ว่าเข้าใจผิดไปแล้ว
ผลของงานวิจัยนี้ ไขมันที่ชั่วร้ายที่สุดคือไขมันทรานส์ ทำให้ป่วยและตายมากกว่าคาร์โบไฮเดรตถึงเก้าสิบสามเปอร์เซ็นต์ ชั่วร้ายกว่าน้ำมันหมูน้ำมันวัวที่ทำให้ป่วยและตายมากกว่าคาร์โบไฮเดรตสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น คือสรุปว่าไขมันทรานส์นี้ชั่วร้ายกว่าน้ำมันหมูหลายเท่า
ในอดีตไขมันทรานส์มีในอาหารของมนุษย์เราน้อยมาก เพราะมันไม่มีอยู่ในธรรมชาติ แต่อยู่ ๆ คนเราเกิดความกลัวน้ำมันหมูน้ำมันวัว คนก็หันไปหาน้ำมันพืชซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลือง แต่ว่าน้ำมันไม่อิ่มตัวนี้มันเอามาทำอาหารอุตสาหกรรมไม่ได้ เพราะมันเหลว อัดเป็นก้อนไม่ได้ ทำให้เป็นผงก็ไม่ได้ นักอุตสาหกรรมจึงเอาน้ำมันพืชมา แล้วใส่ไฮโดรเจนเข้าไปเพื่อให้โมเลกุลของมันมีความเสถียร ทำเป็นก้อนได้ ทำเป็นผงได้ น้ำมันที่ได้จากการใส่ไฮโดรเจนนี้เรียกว่าไขมันทรานส์ มันทำมาจากน้ำมันถั่วเหลืองก็จริง แต่มันกลายเป็นน้ำมันอีกอย่างไปแล้ว คุณสมบัติมันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งตรงกับคลิปวิศวกรไฟฟ้าที่บอกไว้ว่า น้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี เป็นไขมันทรานส์
แต่ก่อนวงการแพทย์ยังไม่รู้ เอาไขมันทรานส์มาทำอาหารอุตสาหกรรมเช่นเนยเทียม ครีมเทียมใส่กาแฟ และเอามาทำ เค้ก คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบต่างๆ เหล่านี้คือไขมันทรานส์ทั้งสิ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมพ่อของเขาถึงเป็นโรคหัวใจ เพราะเขาเห็นพ่อดื่มกาแฟ “ทรีอินวัน” ใส่ครีมเทียมและน้ำตาลก้อนวันละหลายแก้ว มีคุ้กกี้ควบกับกาแฟเสมอ แถมพ่อยังชอบทานเค้กซาราลีเป็นมื้อเย็นอีก เรียกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไขมันทรานส์ ไขมันที่ชั่วร้ายที่สุดมานาน
สมองของปฏิการคำนวณแคลอรี่ของอาหารแต่ละจานบนโต๊ะอาหาร ซึ่งมันเกินกว่าความต้องการของร่างกาย เมื่อได้อ่านงานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐาน สรุปข้อมูลได้แน่ชัดว่าหากเรากินอาหารคาร์โบไฮเดรตเข้าไปมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้ง น้ำตาล หากคาร์โบไฮเดรตมันเหลือใช้ ร่างกายจะเปลี่ยนมันเป็นไขมันเก็บไว้ และทำให้ระดับไขมันเลวในร่างกายเพิ่มขึ้น และเมื่อตามไปดูงานวิจัยที่มาของคาร์โบไฮเดรตในอาหารของคนอเมริกัน ก็พบว่า สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์มาจากเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลเช่นน้ำอัดลมต่างๆ หลังจากเขาเอางานวิจัยนี้ให้พ่อดู พ่อบอกว่า พ่อดื่มโค้กแทนน้ำเปล่า จึงหมดข้อสงสัยโดยปริยาย ทำไมพ่อของเขาจึงเป็นโรคหัวใจตีบได้
เสียงพูดคุยสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเกี่ยวกับลูก ๆ ของเหล่าบรรดานายแพทย์ใหญ่ที่มาร่วมงาน ซึ่งแต่ละคนต่างเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น เรียนได้คะแนนดีเกรดสูงมาก หลายคนเรียนในคณะแพทย์สาขาต่าง ๆ หรือคณะที่โด่งดังเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว เป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นพ่อแม่เมื่อเอ่ยถึงลูก ๆ ของเขา เมื่อเจ้าภาพที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร หันมาถามลูกชายของศัลยแพทย์โรคหัวใจมือหนึ่งของประเทศ
“หมอวัตร์เคยเล่าให้ฟังว่า เราก็เรียนคณะแพทย์ศาสตร์ใช่ไหม?” ปิติภัทรถามพ่อหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างบุตรสาว
ปฏิการอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง หันไปมองหน้าบิดา เขาจะทำให้พ่อต้องขายหน้าหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจตอบไปตามตรง
“ผมดรอปการเรียนอยู่ครับ”
คำตอบนั้นทำให้คนถามขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ผมคิดว่า คงเรียนหมอไม่ไหว ผมรู้สึกไม่อยากเป็นหมอแล้วครับ เทอมสุดท้ายติดเอฟมาตัวหนึ่ง กำลังทำเรื่องขอย้ายคณะอยู่ ผมสนใจอยากเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากกว่าครับ”
นายแพทย์ปัณณวัตร์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ในขณะที่ลูก ๆ ของบรรดาหมอคนอื่น ๆ ต่างเรียนดี ได้คะแนนสูง เรียนหมอกันหลายคน แต่ลูกชายของเขากลับบอกหน้าตาเฉยว่าติดเอฟอยู่ หมดกันอนาคตที่เขาอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกสาวของผู้อำนวยการ
ปิติภัทรเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถามต่อไปว่า
“หมอวัตร์เคยเล่าให้ฟังว่า เธอสอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ” เขาไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่สอบติดอันดับหนึ่งของคณะแพทย์จะติดเอฟได้ แต่อดทึ่งในตัวหนุ่มหน้าหวาน ที่เป็นคนตรงไปตรงมาดี กล้าบอกเขาตรง ๆ ในขณะที่ลูกของหมอคนอื่น ๆ ต่างบอกถึงความสามารถเด่นดังของตัวเองคืออะไร แต่พ่อหนุ่มคนนี้กลับบอกด้านที่ไม่ได้เรื่องเลยกับเขา
“คุณการสอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งเลยเหรอคะ” บุตรสาวของเจ้าภาพหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งติดกับเธอด้วยความชื่นชม และเชื่อว่าคนที่นั่งข้างเธอนอกจากความหล่อแล้วยังมีความสามารถพิเศษที่ซ่อนเอาไว้แน่นอน
“อาจจะฟลุ้คมากกว่าครับ” ปฏิการตอบเสียงเรียบพลางอมยิ้มกลบเกลื่อน
“ทำไมเธอไม่อยากเป็นหมอแล้วล่ะ” เจ้าภาพถามต่อไปและรู้สึกสนใจพ่อหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ
“ผมคิดว่า การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นการรักษาโรคที่ปลายเหตุมากกว่าครับ เพราะยิ่งรักษาก็ยิ่งมีแต่คนป่วยเพิ่มมากขึ้น ขนาดพ่อของผมเป็นหมอโรคหัวใจ ก็ยังป่วยเป็นโรคหัวใจได้เลยครับ”
“แล้วเธอคิดว่า ควรเป็นแบบไหน” ผู้อำนวยการถามต่อไป สิ่งที่หนุ่มหน้าหวานพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ
“เราน่าจะส่งเสริมการกินอาหารเป็นยาครับ”
“ปฏิการ ค้นงานวิจัยหลายชิ้นมาให้ผมดูครับ และบอกว่า การปรับเปลี่ยนอาหารจะทำให้ผมหายจากโรคนี้ได้” ศัลยแพทย์โรคหัวใจพูดถึงลูกชายตนเองอย่างภูมิใจ
“เธออ่านงานวิจัยด้วยเหรอ” ผู้อำนวยการรู้สึกทึ่งที่คนไม่ได้เรียนหมอแถมติดเอฟ ค้นงานวิจัยให้คนเป็นหมออ่านได้ เขารู้สึกว่า พ่อหนุ่มคนนี้นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ
“ผมกลัวพ่อไม่เชื่อครับ เลยต้องค้นงานวิจัยมาสนับสนุนเหตุผลของผม” ปฏิการหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขานึกถึงปริมาขึ้นมา ก่อนจะพูดต่อไป
“ท่านสนใจอยากจะขายผักไร้สารพิษหรือเปล่าครับ ผมมีเพื่อนปลูกผักไร้สารพิษอยู่เชื่อถือได้แน่นอน”
“เธออยากจะช่วยเพื่อนขายผักแล้วเหรอ” ปิติภัทรหัวเราะร่วนอย่างพอใจ ทำให้หนุ่มหน้าหวานอมยิ้มเขินเมื่อถูกจับได้
“น่าสนใจนะ”
“ผมเห็นด้วยครับพ่อ น้องรหัสของผมก็ปลูกผักไร้สารพิษเหมือนกันครับ เราน่าจะส่งเสริมให้ประชาชนได้ทานอาหารที่ดี และปลอดภัยนะครับ” ปกป้องรีบสนับสนุนความคิดนี้ทันที
หนุ่มผมยาวหันไปมองคนสนับสนุน น้องรหัสของเขาคงหมายถึง ปริมา แน่นอนเลย
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 29
ตอนที่ 29
“สวัสดีค่ะ คุณการ” บุตรสาวคนสวยของผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสียงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองหนุ่มผมยาวในชุดเสื้อนอกสีน้ำตาลอ่อนใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเรียบหรูเพราะคนใส่นั้นหล่อมาก
“สวัสดีครับ คุณปักษา” ปฏิการยิ้มตอบตามมารยาท แอบถอนหายใจ ทำไมลูกสาวผู้อำนวยการต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย เขามองหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้ยาวสีโอรสอย่างอึดอัดใจ แม้ว่าวันนี้เธอจะดูสวยมากก็ตาม มองเลยไปที่หนุ่มหล่อเนี้ยบในชุดทักซิโด้สีดำ ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ คือบุตรชายของผู้อำนวยการ
‘หมอนี่คือพี่หรัสของยัยตัวแสบสินะ’
ปัณณวัตร์สบตากับลูกชายราวกับจะถามว่า เป็นไง! เธอสวยใช่มั้ย? แต่ลูกชายกลับตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบเฉยแทน คนเป็นพ่อรู้สึกสงสัย สวยน่ารักขนาดนี้ยังไม่พอใจอีก รู้สึกกลุ้มใจกับลูกชายตัวดีเสียจริง เขามองฝ่ายหญิงดูพอใจลูกชายของเขาอย่างมาก
“คุณการทานน้ำอะไรดีคะ” ปักษาเอ่ยถาม พลางก้าวมาประชิดตัวหนุ่มหน้าหวาน
ปฏิการก้าวถอยหลังทันที เมื่อรู้สึกฝ่ายหญิงเข้ามาใกล้เขาเกินไป
“ผมขอน้ำเปล่าครับ”
ปักษานิ่งไปชั่วอึดใจ สะดุดกับคำตอบของหนุ่มผมยาว ซึ่งเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกันตอนฝึกเล่นโรลเลอร์เบรด
“ได้เวลาทานข้าวแล้ว เชิญที่โต๊ะอาหารกันเลย” เสียงของปิติภัทรเอ่ยเชิญแขกที่มาร่วมงานวันเกิดของเขา ทุกคนจึงเดินตามผู้อำนวยการโรงพยาบาลไปยังห้องอาหารด้านใน
“ผมสั่งอาหารมังสวิรัติให้คุณและครอบครัวด้วยนะ” เจ้าภาพหันมาบอกศัลยแพทย์โรคหัวใจอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ
“ขอบคุณครับท่าน” ปัณณวัตร์ค้อมศีรษะลงด้วยความขอบคุณ
“คุณคะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ปัถยาหันมาบอกสามี
“ผมไปด้วยครับ” ปฏิการรีบขอตามไปด้วย
“เดี๋ยวษาพาไปค่ะ” ปักษาผายมือไปยังทางไปห้องน้ำ
ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินลงบันไดสองสามขั้นเพื่อออกจากห้องโถงใหญ่ เธอแกล้งเหยียบถูกชายกระโปรงของตัวเองทำให้สะดุดจนเกือบหกล้มจึงคว้าตัวของหนุ่มหน้าหวานที่เดินอยู่ใกล้ ๆ เอาไว้ ใบหน้าสวยกระแทกกับแผ่นอกของชายหนุ่มอย่างจัง
หนุ่มผมยาวตกใจจึงช่วยประคองตัวหญิงสาว เมื่อเห็นเธอสะดุดจะหกล้ม
ปักษานิ่งอึ้งไปชั่วขณะราวกับหัวใจจะหยุดเต้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบใบหน้าของชายหนุ่มที่ประคองตัวเธอเอาไว้อยู่ใกล้กันนิดเดียว เธอตกตะลึงในความหล่อราวเทพบุตร ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก คาง แก้ม ทุกอย่างดูดีลงตัวน่ามองจนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
ปฏิการปล่อยมือจากตัวบุตรสาวผู้อำนวยการเมื่อประคองให้เธอยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ทว่ามือของหญิงสาวยังค้างอยู่บนบ่าของเขา
“คุณปักษาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ปัถยาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายหญิงจึงได้สติรีบดึงมือที่ค้างอยู่บนบ่าของหนุ่มหน้าหวานกลับมาอย่างเขินอาย
“ขอบคุณมากนะคะ”
ครอบครัวของศัลยแพทย์โรคหัวใจมือหนึ่งของโรงพยาบาลถูกจัดให้นั่งใกล้กับลูกสาวคนสวยของผู้อำนวยการด้านซ้ายมือ โดยเธอนั่งติดกับปฏิการ ส่วนด้านขวาเป็นภรรยาและลูกชายของเขา
“คุณการทานนี่ค่ะ เมนูเด็ดของบ้านเราเลย อร่อยมาก ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย” เธอเอื้อมมือตักมาให้ชายหนุ่ม
“ขอโทษครับ คุณษา ผมเป็นมังสวิรัติครับ” ปฏิการรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาถึงจานของเขา
หญิงสาวทำหน้าอึ้งเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ ก่อนจะดึงมือที่ยื่นไปหาจานของหนุ่มข้างตัวกลับมาใส่จานตัวเองแทน
“มิน่าล่ะ คุณการผิวดีมากเลยนะคะ” ปักษาพูดพลางส่งยิ้มแก้เก้อ
ปฏิการผงกศีรษะขอบคุณคนนั่งข้าง ๆ ไปอย่างนั้น แต่ใจกลับคิดถึงยัยตัวแสบ สาว ๆ ต่างตกตะลึงในความหล่อเหลาของเขา แต่เธอกลับไม่เคยสนใจเขาบ้างเลย ตอนนี้ปริมากำลังทำอะไรอยู่...คง...กำลังทำขนมกับเด็ก ๆ สินะ เขารู้สึกคิดถึงเธอจัง... ใบหน้านั้นกำลังอมยิ้มน้อย ๆ ขณะก้มหน้ามองเมล็ดข้าวขาวสวยในจานของตัวเอง บ้านของเขาเปลี่ยนมาทานข้าวกล้องเพราะมีประโยชน์มากกว่าข้าวขาวทั่วไป ซึ่งยังมีกากใยและวิตามินอยู่มากมาย เขารู้สึกว่า ข้าวกล้องนั้นมีความหวาน แต่ข้าวขาวในจานนี้แม้จะเป็นข้าวอย่างดี นุ่มละมุนลิ้น แต่มันกลับจืดชืด ไม่มีความหวานเลย ในด้านคุณค่าทางอาหารมันเหลือเพียงแป้งและน้ำตาลเท่านั้น
สายตาของนักร้องหนุ่มหน้าหวานมองจานอาหารบนโต๊ะแต่ละจาน ที่ล้วนแต่ทำจากเนื้อสัตว์อย่างดีหลากหลายเมนู เขาคิดถึงงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับอาหารเพื่อลดไขมันในเลือดและลดการเป็นโรค เป็นงานวิจัยที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นงานวิจัยขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ติดตามดูผลของคนแปดหมื่นกว่าคนนานถึงสิบสองปี เพื่อจะดูว่าการกินไขมันแบบไหนทำให้ป่วยและตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจมากที่สุด โดยใช้แคลอรี่ที่เท่ากันเป็นตัวเทียบ และเอาแคลอรี่จากอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นเกณฑ์มาตรฐาน พูดง่าย ๆ ว่าเป็นงานวิจัยเทียบระดับความชั่วร้ายของไขมันชนิดต่างๆ ก่อนหน้านี้เขามีความเข้าใจว่าน้ำมันหมู น้ำมันวัว หรือที่เรียกกันว่าไขมันอิ่มตัวนั้น เป็นไขมันที่ชั่วร้ายที่สุด แต่พอมาศึกษางานวิจัยนี้จึงรู้ว่าเข้าใจผิดไปแล้ว
ผลของงานวิจัยนี้ ไขมันที่ชั่วร้ายที่สุดคือไขมันทรานส์ ทำให้ป่วยและตายมากกว่าคาร์โบไฮเดรตถึงเก้าสิบสามเปอร์เซ็นต์ ชั่วร้ายกว่าน้ำมันหมูน้ำมันวัวที่ทำให้ป่วยและตายมากกว่าคาร์โบไฮเดรตสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น คือสรุปว่าไขมันทรานส์นี้ชั่วร้ายกว่าน้ำมันหมูหลายเท่า
ในอดีตไขมันทรานส์มีในอาหารของมนุษย์เราน้อยมาก เพราะมันไม่มีอยู่ในธรรมชาติ แต่อยู่ ๆ คนเราเกิดความกลัวน้ำมันหมูน้ำมันวัว คนก็หันไปหาน้ำมันพืชซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลือง แต่ว่าน้ำมันไม่อิ่มตัวนี้มันเอามาทำอาหารอุตสาหกรรมไม่ได้ เพราะมันเหลว อัดเป็นก้อนไม่ได้ ทำให้เป็นผงก็ไม่ได้ นักอุตสาหกรรมจึงเอาน้ำมันพืชมา แล้วใส่ไฮโดรเจนเข้าไปเพื่อให้โมเลกุลของมันมีความเสถียร ทำเป็นก้อนได้ ทำเป็นผงได้ น้ำมันที่ได้จากการใส่ไฮโดรเจนนี้เรียกว่าไขมันทรานส์ มันทำมาจากน้ำมันถั่วเหลืองก็จริง แต่มันกลายเป็นน้ำมันอีกอย่างไปแล้ว คุณสมบัติมันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งตรงกับคลิปวิศวกรไฟฟ้าที่บอกไว้ว่า น้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี เป็นไขมันทรานส์
แต่ก่อนวงการแพทย์ยังไม่รู้ เอาไขมันทรานส์มาทำอาหารอุตสาหกรรมเช่นเนยเทียม ครีมเทียมใส่กาแฟ และเอามาทำ เค้ก คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบต่างๆ เหล่านี้คือไขมันทรานส์ทั้งสิ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมพ่อของเขาถึงเป็นโรคหัวใจ เพราะเขาเห็นพ่อดื่มกาแฟ “ทรีอินวัน” ใส่ครีมเทียมและน้ำตาลก้อนวันละหลายแก้ว มีคุ้กกี้ควบกับกาแฟเสมอ แถมพ่อยังชอบทานเค้กซาราลีเป็นมื้อเย็นอีก เรียกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไขมันทรานส์ ไขมันที่ชั่วร้ายที่สุดมานาน
สมองของปฏิการคำนวณแคลอรี่ของอาหารแต่ละจานบนโต๊ะอาหาร ซึ่งมันเกินกว่าความต้องการของร่างกาย เมื่อได้อ่านงานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐาน สรุปข้อมูลได้แน่ชัดว่าหากเรากินอาหารคาร์โบไฮเดรตเข้าไปมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้ง น้ำตาล หากคาร์โบไฮเดรตมันเหลือใช้ ร่างกายจะเปลี่ยนมันเป็นไขมันเก็บไว้ และทำให้ระดับไขมันเลวในร่างกายเพิ่มขึ้น และเมื่อตามไปดูงานวิจัยที่มาของคาร์โบไฮเดรตในอาหารของคนอเมริกัน ก็พบว่า สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์มาจากเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลเช่นน้ำอัดลมต่างๆ หลังจากเขาเอางานวิจัยนี้ให้พ่อดู พ่อบอกว่า พ่อดื่มโค้กแทนน้ำเปล่า จึงหมดข้อสงสัยโดยปริยาย ทำไมพ่อของเขาจึงเป็นโรคหัวใจตีบได้
เสียงพูดคุยสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเกี่ยวกับลูก ๆ ของเหล่าบรรดานายแพทย์ใหญ่ที่มาร่วมงาน ซึ่งแต่ละคนต่างเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น เรียนได้คะแนนดีเกรดสูงมาก หลายคนเรียนในคณะแพทย์สาขาต่าง ๆ หรือคณะที่โด่งดังเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว เป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นพ่อแม่เมื่อเอ่ยถึงลูก ๆ ของเขา เมื่อเจ้าภาพที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร หันมาถามลูกชายของศัลยแพทย์โรคหัวใจมือหนึ่งของประเทศ
“หมอวัตร์เคยเล่าให้ฟังว่า เราก็เรียนคณะแพทย์ศาสตร์ใช่ไหม?” ปิติภัทรถามพ่อหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างบุตรสาว
ปฏิการอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง หันไปมองหน้าบิดา เขาจะทำให้พ่อต้องขายหน้าหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจตอบไปตามตรง
“ผมดรอปการเรียนอยู่ครับ”
คำตอบนั้นทำให้คนถามขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ผมคิดว่า คงเรียนหมอไม่ไหว ผมรู้สึกไม่อยากเป็นหมอแล้วครับ เทอมสุดท้ายติดเอฟมาตัวหนึ่ง กำลังทำเรื่องขอย้ายคณะอยู่ ผมสนใจอยากเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากกว่าครับ”
นายแพทย์ปัณณวัตร์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ในขณะที่ลูก ๆ ของบรรดาหมอคนอื่น ๆ ต่างเรียนดี ได้คะแนนสูง เรียนหมอกันหลายคน แต่ลูกชายของเขากลับบอกหน้าตาเฉยว่าติดเอฟอยู่ หมดกันอนาคตที่เขาอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกสาวของผู้อำนวยการ
ปิติภัทรเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถามต่อไปว่า
“หมอวัตร์เคยเล่าให้ฟังว่า เธอสอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ” เขาไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่สอบติดอันดับหนึ่งของคณะแพทย์จะติดเอฟได้ แต่อดทึ่งในตัวหนุ่มหน้าหวาน ที่เป็นคนตรงไปตรงมาดี กล้าบอกเขาตรง ๆ ในขณะที่ลูกของหมอคนอื่น ๆ ต่างบอกถึงความสามารถเด่นดังของตัวเองคืออะไร แต่พ่อหนุ่มคนนี้กลับบอกด้านที่ไม่ได้เรื่องเลยกับเขา
“คุณการสอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งเลยเหรอคะ” บุตรสาวของเจ้าภาพหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งติดกับเธอด้วยความชื่นชม และเชื่อว่าคนที่นั่งข้างเธอนอกจากความหล่อแล้วยังมีความสามารถพิเศษที่ซ่อนเอาไว้แน่นอน
“อาจจะฟลุ้คมากกว่าครับ” ปฏิการตอบเสียงเรียบพลางอมยิ้มกลบเกลื่อน
“ทำไมเธอไม่อยากเป็นหมอแล้วล่ะ” เจ้าภาพถามต่อไปและรู้สึกสนใจพ่อหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ
“ผมคิดว่า การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นการรักษาโรคที่ปลายเหตุมากกว่าครับ เพราะยิ่งรักษาก็ยิ่งมีแต่คนป่วยเพิ่มมากขึ้น ขนาดพ่อของผมเป็นหมอโรคหัวใจ ก็ยังป่วยเป็นโรคหัวใจได้เลยครับ”
“แล้วเธอคิดว่า ควรเป็นแบบไหน” ผู้อำนวยการถามต่อไป สิ่งที่หนุ่มหน้าหวานพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ
“เราน่าจะส่งเสริมการกินอาหารเป็นยาครับ”
“ปฏิการ ค้นงานวิจัยหลายชิ้นมาให้ผมดูครับ และบอกว่า การปรับเปลี่ยนอาหารจะทำให้ผมหายจากโรคนี้ได้” ศัลยแพทย์โรคหัวใจพูดถึงลูกชายตนเองอย่างภูมิใจ
“เธออ่านงานวิจัยด้วยเหรอ” ผู้อำนวยการรู้สึกทึ่งที่คนไม่ได้เรียนหมอแถมติดเอฟ ค้นงานวิจัยให้คนเป็นหมออ่านได้ เขารู้สึกว่า พ่อหนุ่มคนนี้นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ
“ผมกลัวพ่อไม่เชื่อครับ เลยต้องค้นงานวิจัยมาสนับสนุนเหตุผลของผม” ปฏิการหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขานึกถึงปริมาขึ้นมา ก่อนจะพูดต่อไป
“ท่านสนใจอยากจะขายผักไร้สารพิษหรือเปล่าครับ ผมมีเพื่อนปลูกผักไร้สารพิษอยู่เชื่อถือได้แน่นอน”
“เธออยากจะช่วยเพื่อนขายผักแล้วเหรอ” ปิติภัทรหัวเราะร่วนอย่างพอใจ ทำให้หนุ่มหน้าหวานอมยิ้มเขินเมื่อถูกจับได้
“น่าสนใจนะ”
“ผมเห็นด้วยครับพ่อ น้องรหัสของผมก็ปลูกผักไร้สารพิษเหมือนกันครับ เราน่าจะส่งเสริมให้ประชาชนได้ทานอาหารที่ดี และปลอดภัยนะครับ” ปกป้องรีบสนับสนุนความคิดนี้ทันที
หนุ่มผมยาวหันไปมองคนสนับสนุน น้องรหัสของเขาคงหมายถึง ปริมา แน่นอนเลย