รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 29

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 29

                “สวัสดีค่ะ คุณการ”  บุตรสาวคนสวยของผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสียงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองหนุ่มผมยาวในชุดเสื้อนอกสีน้ำตาลอ่อนใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเรียบหรูเพราะคนใส่นั้นหล่อมาก
                “สวัสดีครับ คุณปักษา”  ปฏิการยิ้มตอบตามมารยาท  แอบถอนหายใจ  ทำไมลูกสาวผู้อำนวยการต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย เขามองหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้ยาวสีโอรสอย่างอึดอัดใจ  แม้ว่าวันนี้เธอจะดูสวยมากก็ตาม   มองเลยไปที่หนุ่มหล่อเนี้ยบในชุดทักซิโด้สีดำ ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ คือบุตรชายของผู้อำนวยการ  
                ‘หมอนี่คือพี่หรัสของยัยตัวแสบสินะ’

                ปัณณวัตร์สบตากับลูกชายราวกับจะถามว่า เป็นไง! เธอสวยใช่มั้ย? แต่ลูกชายกลับตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบเฉยแทน  คนเป็นพ่อรู้สึกสงสัย สวยน่ารักขนาดนี้ยังไม่พอใจอีก  รู้สึกกลุ้มใจกับลูกชายตัวดีเสียจริง  เขามองฝ่ายหญิงดูพอใจลูกชายของเขาอย่างมาก  
                “คุณการทานน้ำอะไรดีคะ”  ปักษาเอ่ยถาม พลางก้าวมาประชิดตัวหนุ่มหน้าหวาน
                ปฏิการก้าวถอยหลังทันที เมื่อรู้สึกฝ่ายหญิงเข้ามาใกล้เขาเกินไป
                “ผมขอน้ำเปล่าครับ”  

                ปักษานิ่งไปชั่วอึดใจ  สะดุดกับคำตอบของหนุ่มผมยาว ซึ่งเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกันตอนฝึกเล่นโรลเลอร์เบรด
                “ได้เวลาทานข้าวแล้ว  เชิญที่โต๊ะอาหารกันเลย”  เสียงของปิติภัทรเอ่ยเชิญแขกที่มาร่วมงานวันเกิดของเขา ทุกคนจึงเดินตามผู้อำนวยการโรงพยาบาลไปยังห้องอาหารด้านใน
                “ผมสั่งอาหารมังสวิรัติให้คุณและครอบครัวด้วยนะ”  เจ้าภาพหันมาบอกศัลยแพทย์โรคหัวใจอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ
                “ขอบคุณครับท่าน”  ปัณณวัตร์ค้อมศีรษะลงด้วยความขอบคุณ
                “คุณคะ  ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”  ปัถยาหันมาบอกสามี
                “ผมไปด้วยครับ”  ปฏิการรีบขอตามไปด้วย
                “เดี๋ยวษาพาไปค่ะ”  ปักษาผายมือไปยังทางไปห้องน้ำ

                ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินลงบันไดสองสามขั้นเพื่อออกจากห้องโถงใหญ่  เธอแกล้งเหยียบถูกชายกระโปรงของตัวเองทำให้สะดุดจนเกือบหกล้มจึงคว้าตัวของหนุ่มหน้าหวานที่เดินอยู่ใกล้ ๆ  เอาไว้  ใบหน้าสวยกระแทกกับแผ่นอกของชายหนุ่มอย่างจัง
                หนุ่มผมยาวตกใจจึงช่วยประคองตัวหญิงสาว เมื่อเห็นเธอสะดุดจะหกล้ม

                ปักษานิ่งอึ้งไปชั่วขณะราวกับหัวใจจะหยุดเต้น  เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบใบหน้าของชายหนุ่มที่ประคองตัวเธอเอาไว้อยู่ใกล้กันนิดเดียว  เธอตกตะลึงในความหล่อราวเทพบุตร ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก คาง แก้ม ทุกอย่างดูดีลงตัวน่ามองจนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
                ปฏิการปล่อยมือจากตัวบุตรสาวผู้อำนวยการเมื่อประคองให้เธอยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ทว่ามือของหญิงสาวยังค้างอยู่บนบ่าของเขา

                “คุณปักษาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”  ปัถยาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง  ฝ่ายหญิงจึงได้สติรีบดึงมือที่ค้างอยู่บนบ่าของหนุ่มหน้าหวานกลับมาอย่างเขินอาย
                “ขอบคุณมากนะคะ”
 
                ครอบครัวของศัลยแพทย์โรคหัวใจมือหนึ่งของโรงพยาบาลถูกจัดให้นั่งใกล้กับลูกสาวคนสวยของผู้อำนวยการด้านซ้ายมือ โดยเธอนั่งติดกับปฏิการ  ส่วนด้านขวาเป็นภรรยาและลูกชายของเขา         
                “คุณการทานนี่ค่ะ  เมนูเด็ดของบ้านเราเลย  อร่อยมาก ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย”  เธอเอื้อมมือตักมาให้ชายหนุ่ม
                “ขอโทษครับ คุณษา ผมเป็นมังสวิรัติครับ”  ปฏิการรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาถึงจานของเขา
                หญิงสาวทำหน้าอึ้งเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ  ก่อนจะดึงมือที่ยื่นไปหาจานของหนุ่มข้างตัวกลับมาใส่จานตัวเองแทน
                “มิน่าล่ะ คุณการผิวดีมากเลยนะคะ”  ปักษาพูดพลางส่งยิ้มแก้เก้อ

                ปฏิการผงกศีรษะขอบคุณคนนั่งข้าง ๆ ไปอย่างนั้น  แต่ใจกลับคิดถึงยัยตัวแสบ สาว ๆ ต่างตกตะลึงในความหล่อเหลาของเขา  แต่เธอกลับไม่เคยสนใจเขาบ้างเลย  ตอนนี้ปริมากำลังทำอะไรอยู่...คง...กำลังทำขนมกับเด็ก ๆ สินะ  เขารู้สึกคิดถึงเธอจัง... ใบหน้านั้นกำลังอมยิ้มน้อย ๆ  ขณะก้มหน้ามองเมล็ดข้าวขาวสวยในจานของตัวเอง  บ้านของเขาเปลี่ยนมาทานข้าวกล้องเพราะมีประโยชน์มากกว่าข้าวขาวทั่วไป ซึ่งยังมีกากใยและวิตามินอยู่มากมาย  เขารู้สึกว่า ข้าวกล้องนั้นมีความหวาน  แต่ข้าวขาวในจานนี้แม้จะเป็นข้าวอย่างดี นุ่มละมุนลิ้น แต่มันกลับจืดชืด ไม่มีความหวานเลย ในด้านคุณค่าทางอาหารมันเหลือเพียงแป้งและน้ำตาลเท่านั้น 

                 สายตาของนักร้องหนุ่มหน้าหวานมองจานอาหารบนโต๊ะแต่ละจาน ที่ล้วนแต่ทำจากเนื้อสัตว์อย่างดีหลากหลายเมนู เขาคิดถึงงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับอาหารเพื่อลดไขมันในเลือดและลดการเป็นโรค  เป็นงานวิจัยที่น่าสนใจมาก  เพราะเป็นงานวิจัยขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  ติดตามดูผลของคนแปดหมื่นกว่าคนนานถึงสิบสองปี  เพื่อจะดูว่าการกินไขมันแบบไหนทำให้ป่วยและตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจมากที่สุด โดยใช้แคลอรี่ที่เท่ากันเป็นตัวเทียบ และเอาแคลอรี่จากอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นเกณฑ์มาตรฐาน พูดง่าย ๆ ว่าเป็นงานวิจัยเทียบระดับความชั่วร้ายของไขมันชนิดต่างๆ ก่อนหน้านี้เขามีความเข้าใจว่าน้ำมันหมู น้ำมันวัว หรือที่เรียกกันว่าไขมันอิ่มตัวนั้น เป็นไขมันที่ชั่วร้ายที่สุด แต่พอมาศึกษางานวิจัยนี้จึงรู้ว่าเข้าใจผิดไปแล้ว
ผลของงานวิจัยนี้ ไขมันที่ชั่วร้ายที่สุดคือไขมันทรานส์ ทำให้ป่วยและตายมากกว่าคาร์โบไฮเดรตถึงเก้าสิบสามเปอร์เซ็นต์ ชั่วร้ายกว่าน้ำมันหมูน้ำมันวัวที่ทำให้ป่วยและตายมากกว่าคาร์โบไฮเดรตสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น  คือสรุปว่าไขมันทรานส์นี้ชั่วร้ายกว่าน้ำมันหมูหลายเท่า

                 ในอดีตไขมันทรานส์มีในอาหารของมนุษย์เราน้อยมาก เพราะมันไม่มีอยู่ในธรรมชาติ แต่อยู่ ๆ คนเราเกิดความกลัวน้ำมันหมูน้ำมันวัว คนก็หันไปหาน้ำมันพืชซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลือง แต่ว่าน้ำมันไม่อิ่มตัวนี้มันเอามาทำอาหารอุตสาหกรรมไม่ได้ เพราะมันเหลว อัดเป็นก้อนไม่ได้ ทำให้เป็นผงก็ไม่ได้ นักอุตสาหกรรมจึงเอาน้ำมันพืชมา แล้วใส่ไฮโดรเจนเข้าไปเพื่อให้โมเลกุลของมันมีความเสถียร ทำเป็นก้อนได้ ทำเป็นผงได้ น้ำมันที่ได้จากการใส่ไฮโดรเจนนี้เรียกว่าไขมันทรานส์ มันทำมาจากน้ำมันถั่วเหลืองก็จริง แต่มันกลายเป็นน้ำมันอีกอย่างไปแล้ว คุณสมบัติมันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งตรงกับคลิปวิศวกรไฟฟ้าที่บอกไว้ว่า  น้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี  เป็นไขมันทรานส์

                  แต่ก่อนวงการแพทย์ยังไม่รู้ เอาไขมันทรานส์มาทำอาหารอุตสาหกรรมเช่นเนยเทียม ครีมเทียมใส่กาแฟ และเอามาทำ เค้ก คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบต่างๆ เหล่านี้คือไขมันทรานส์ทั้งสิ้น

                  ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมพ่อของเขาถึงเป็นโรคหัวใจ  เพราะเขาเห็นพ่อดื่มกาแฟ “ทรีอินวัน” ใส่ครีมเทียมและน้ำตาลก้อนวันละหลายแก้ว มีคุ้กกี้ควบกับกาแฟเสมอ แถมพ่อยังชอบทานเค้กซาราลีเป็นมื้อเย็นอีก เรียกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไขมันทรานส์ ไขมันที่ชั่วร้ายที่สุดมานาน 
สมองของปฏิการคำนวณแคลอรี่ของอาหารแต่ละจานบนโต๊ะอาหาร ซึ่งมันเกินกว่าความต้องการของร่างกาย  เมื่อได้อ่านงานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐาน สรุปข้อมูลได้แน่ชัดว่าหากเรากินอาหารคาร์โบไฮเดรตเข้าไปมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้ง น้ำตาล หากคาร์โบไฮเดรตมันเหลือใช้ ร่างกายจะเปลี่ยนมันเป็นไขมันเก็บไว้ และทำให้ระดับไขมันเลวในร่างกายเพิ่มขึ้น และเมื่อตามไปดูงานวิจัยที่มาของคาร์โบไฮเดรตในอาหารของคนอเมริกัน ก็พบว่า สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์มาจากเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลเช่นน้ำอัดลมต่างๆ  หลังจากเขาเอางานวิจัยนี้ให้พ่อดู  พ่อบอกว่า  พ่อดื่มโค้กแทนน้ำเปล่า จึงหมดข้อสงสัยโดยปริยาย ทำไมพ่อของเขาจึงเป็นโรคหัวใจตีบได้

                เสียงพูดคุยสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเกี่ยวกับลูก ๆ ของเหล่าบรรดานายแพทย์ใหญ่ที่มาร่วมงาน ซึ่งแต่ละคนต่างเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น  เรียนได้คะแนนดีเกรดสูงมาก  หลายคนเรียนในคณะแพทย์สาขาต่าง ๆ หรือคณะที่โด่งดังเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว เป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นพ่อแม่เมื่อเอ่ยถึงลูก ๆ ของเขา  เมื่อเจ้าภาพที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร  หันมาถามลูกชายของศัลยแพทย์โรคหัวใจมือหนึ่งของประเทศ  
                “หมอวัตร์เคยเล่าให้ฟังว่า เราก็เรียนคณะแพทย์ศาสตร์ใช่ไหม?” ปิติภัทรถามพ่อหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างบุตรสาว

                ปฏิการอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง  หันไปมองหน้าบิดา เขาจะทำให้พ่อต้องขายหน้าหรือไม่  แต่ก็ตัดสินใจตอบไปตามตรง
                “ผมดรอปการเรียนอยู่ครับ”
                คำตอบนั้นทำให้คนถามขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
                “ผมคิดว่า คงเรียนหมอไม่ไหว  ผมรู้สึกไม่อยากเป็นหมอแล้วครับ  เทอมสุดท้ายติดเอฟมาตัวหนึ่ง  กำลังทำเรื่องขอย้ายคณะอยู่  ผมสนใจอยากเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากกว่าครับ” 

                นายแพทย์ปัณณวัตร์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง  รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก  ในขณะที่ลูก ๆ ของบรรดาหมอคนอื่น ๆ ต่างเรียนดี ได้คะแนนสูง  เรียนหมอกันหลายคน  แต่ลูกชายของเขากลับบอกหน้าตาเฉยว่าติดเอฟอยู่  หมดกันอนาคตที่เขาอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกสาวของผู้อำนวยการ

                ปิติภัทรเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ  ก่อนจะถามต่อไปว่า
                “หมอวัตร์เคยเล่าให้ฟังว่า เธอสอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ”  เขาไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่สอบติดอันดับหนึ่งของคณะแพทย์จะติดเอฟได้  แต่อดทึ่งในตัวหนุ่มหน้าหวาน ที่เป็นคนตรงไปตรงมาดี  กล้าบอกเขาตรง ๆ  ในขณะที่ลูกของหมอคนอื่น ๆ ต่างบอกถึงความสามารถเด่นดังของตัวเองคืออะไร  แต่พ่อหนุ่มคนนี้กลับบอกด้านที่ไม่ได้เรื่องเลยกับเขา

                “คุณการสอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งเลยเหรอคะ”  บุตรสาวของเจ้าภาพหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งติดกับเธอด้วยความชื่นชม  และเชื่อว่าคนที่นั่งข้างเธอนอกจากความหล่อแล้วยังมีความสามารถพิเศษที่ซ่อนเอาไว้แน่นอน

                “อาจจะฟลุ้คมากกว่าครับ”  ปฏิการตอบเสียงเรียบพลางอมยิ้มกลบเกลื่อน

                “ทำไมเธอไม่อยากเป็นหมอแล้วล่ะ”  เจ้าภาพถามต่อไปและรู้สึกสนใจพ่อหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ
                “ผมคิดว่า  การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นการรักษาโรคที่ปลายเหตุมากกว่าครับ  เพราะยิ่งรักษาก็ยิ่งมีแต่คนป่วยเพิ่มมากขึ้น  ขนาดพ่อของผมเป็นหมอโรคหัวใจ  ก็ยังป่วยเป็นโรคหัวใจได้เลยครับ”

                “แล้วเธอคิดว่า  ควรเป็นแบบไหน”  ผู้อำนวยการถามต่อไป  สิ่งที่หนุ่มหน้าหวานพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ

                “เราน่าจะส่งเสริมการกินอาหารเป็นยาครับ”

                “ปฏิการ ค้นงานวิจัยหลายชิ้นมาให้ผมดูครับ  และบอกว่า การปรับเปลี่ยนอาหารจะทำให้ผมหายจากโรคนี้ได้”  ศัลยแพทย์โรคหัวใจพูดถึงลูกชายตนเองอย่างภูมิใจ

                “เธออ่านงานวิจัยด้วยเหรอ”  ผู้อำนวยการรู้สึกทึ่งที่คนไม่ได้เรียนหมอแถมติดเอฟ ค้นงานวิจัยให้คนเป็นหมออ่านได้ เขารู้สึกว่า  พ่อหนุ่มคนนี้นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ

                “ผมกลัวพ่อไม่เชื่อครับ  เลยต้องค้นงานวิจัยมาสนับสนุนเหตุผลของผม” ปฏิการหยุดพูดไปครู่หนึ่ง  เขานึกถึงปริมาขึ้นมา  ก่อนจะพูดต่อไป

                “ท่านสนใจอยากจะขายผักไร้สารพิษหรือเปล่าครับ  ผมมีเพื่อนปลูกผักไร้สารพิษอยู่เชื่อถือได้แน่นอน”

                “เธออยากจะช่วยเพื่อนขายผักแล้วเหรอ”  ปิติภัทรหัวเราะร่วนอย่างพอใจ  ทำให้หนุ่มหน้าหวานอมยิ้มเขินเมื่อถูกจับได้

                “น่าสนใจนะ”

                “ผมเห็นด้วยครับพ่อ  น้องรหัสของผมก็ปลูกผักไร้สารพิษเหมือนกันครับ  เราน่าจะส่งเสริมให้ประชาชนได้ทานอาหารที่ดี และปลอดภัยนะครับ”  ปกป้องรีบสนับสนุนความคิดนี้ทันที

                หนุ่มผมยาวหันไปมองคนสนับสนุน  น้องรหัสของเขาคงหมายถึง ปริมา แน่นอนเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่