นางฟ้าเปื้อนเลือด ตอนที่ 18

กระทู้คำถาม
ลำดับขั้นในศูนย์กลางถูกระบุไว้ชัดแจ้ง นอกจากเสาค้ำจุนแล้วผู้มีอำนาจสูงสุดคือผู้บัญชาการสูงสุด ผู้บัญชาการมีหลายคนประจำหลายหน้าที่หากหัวหน้าใหญ่คือโทนาชที่กลายเป็นผู้ก่อการร้าย ส่วนเฟเรซิสเป็นรองของโทนาชจึงมีระดับใกล้เคียงกับผู้บัญชาการชั้นรองลงมา เมื่อหญิงสาวต้องการยื่นใบลาออก อดีตผู้บัญชาการที่พ้นตำแหน่งแล้วจึงมีหน้าที่พิจารณารับรองแทนผู้มีอำนาจเหนือนาง
 
            “ตาแก่นั่นบอกให้พาโทนาชมาสอบสวนแล้วจะพิจารณาเรื่องการลาออกของข้า!” เฟเรซิสสถบสาบานหลังจากอ่านข้อความซึ่งแนบมากับจดหมายลาออกของนาง วิเรียนนั่งฟังหลังกองงานร้องเบาๆอย่างยินดี “คนสติดีที่ไหนจะกล้าจับมังกรคลั่งมือเปล่า! ความจริงเขาไม่ได้เป็นฝ่ายมืด ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกนั้นยัดเยียดตำแหน่งนักรบเทพให้ข้าอีก!” 
 
            “ทุกคนเสียดายความคิดแปลกใหม่ของเจ้าทั้งนั้นเฟร” วิเรียนเปรย
 
            “ถ้าเรียกชื่อนั้นอีกข้าจะส่งขนปีกไปปักหัว!” เฟเรซิสขู่ฟ่อว่าอนุญาตให้พ่อกับแม่เรียกเท่านั้น 
 
            “เลิกคิดลาออกแล้วย้ายตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยของข้าเถอะ เราสองคนมาปกครองทวีปเทพร่วมกันไม่ดีกว่าหรือ” วิเรียนละจากงานตรงหน้ามามองเฟเรซิสบนเก้าอี้รับแขก เฟเรซิสประท้วงทันทีว่าผู้ปกครองเอนโวลาคือเสาค้ำจุน
 
            แม้วิเรียนจะชอบเกี้ยวเฟเรซิสแต่ตอนนี้นางเป็นเผ่าเทพคนเดียวที่พอระบายเรื่องหน้าที่การงานได้ ทั้งเรื่องที่หญิงสาวได้ตำแหน่งสูงทั้งที่ยังมีประสบการณ์ไม่พอ นางมีความพยายามแต่ยังขาดไหวพริบ โชคที่กะปริบกะปรอยยิ่งกว่าฝนยามหน้าแล้งทำให้ทุกอย่างยากขึ้น ตอนนี้ยังติดเรื่องร่างกายที่ไม่พร้อมสู้อีก แถมข่าวลือเรื่องนักรบเทพยังทับถมนางที่มีปีกสีแปลกกว่าคนในทวีปเทพทั้งหมด!
 
            “ถ้าคิดรอบคอบแล้วข้าก็ต้องปล่อยไป” วิเรียนถอนหายใจยาวเหยียด นางไม่ยอมแตะเรื่องคำทำนายแม้แต่คำเดียว “ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญกับงาน...และลงจากตำแหน่งตอนมีคนเคารพดีกว่า” 
 
            “พอมีทางให้โทนาชกลับมารับตำแหน่งไหม เขายอดเยี่ยมทุกด้านแถมยังทุ่มอุทิศตนเพื่อผู้อื่น ถึงจะมีข้อเสียแต่ใครบ้างที่ไม่มี!” เฟเรซิสปากระดาษเขียนข้อความจากผู้อาวุโสลงโต๊ะน้ำชาอย่างเกรี้ยวกราด นางยังหัวเสียกับคนแก่ปลดเกษียรที่ไม่ยอมฟังคนหนุ่มสาวสักครั้ง
 
            “ตานั่นถลำลึกเกินไป เขารู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้แต่ก็ยอมเพื่อคืนชีพให้คนรัก ก่อนหน้านี้เขาเขียนจดหมายส่งให้คนรับช่วงต่อว่าตนอาจต้องพ้นตำแหน่ง...นี่แหละที่เขาว่าลุ่มหลงเหมือนพวกมนุษย์ เผ่าเทพอย่างเราดีสุดแล้วที่มีเกียรติสูงส่งไว้ในครอบครองแทนที่จะเป็นของไร้สาระอย่างนั้น”
 
            เฟเรซิสกินน้ำชากับขนมหวานระหว่างคิดเรื่องของโทนาช เผ่าเทพมีความหยิ่งทะนงถือศักดิ์ศรีเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่ในโรงเรียนของเด็กยังปลูกฝังจนถึงรากว่าหน้าที่สำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว เผ่าเทพส่วนมากโดยเฉพาะพวกหัวโบราณหมกมุ่นกับความรับผิดชอบของตนเองต่อสังคมจนบางคนยอมทิ้งครอบครัวด้วยซ้ำ โทนาชถือว่าเอนเอียงไปทางมนุษย์เหมือนพ่อของนางซึ่งทำงานกับเผ่าพันธุ์อื่นตลอดเวลา 
 
            “แล้วความลุ่มหลงแบบมนุษย์มันผิดตรงไหนกัน ดูอย่างพวกมังกรครึ่งมนุษย์ที่เสาค้ำจุนสร้างสิ” เฟเรซิสเปิดประเด็นขึ้นทันที
 
            “อย่าเอาเราไปเทียบกับพวกตัวที่มีไว้เพื่อผสมพันธุ์พรรคนั้น!” วิเรียนเอ็ดเสียงเขียวตามประสาเผ่าเทพหัวโบราณ พอรู้ตัวว่าสิ่งที่คิดหลุดมาทางปากนางก็สงบลงทันที “ทุกชีวิตมีหน้าที่เป็นของตัวเอง พวกยักษ์กับปิศาจเผ่าต่างๆสะสมพลังงานด้านลบไม่ให้แพร่กระจาย ภูตในธรรมชาติคอยปรับสมดุลธาตุและการกำเนิดชีวิต ส่วนเผ่าเทพอย่างเรามีไว้ปกครองพวกนั้นตามคำสั่งเสาค้ำจุน มีเพียงมนุษย์ที่ไม่สุดสักทาง ส่วนมากปล่อยให้อารมณ์ชี้นำเหตุผล ไม่ได้เรื่องได้ราว!” 
 
            “ครอบครัวข้าได้รับอิทธิพลมาจากพวกมนุษย์เยอะมากเลยละ และข้าเชื่อว่าเจ้าชอบส่วนนั้นของข้าด้วย”
 
            วิเรียนสะอึกเพราะโดนจี้ใจดำว่าตนสนใจการออกนอกกรอบเช่นกัน แทนที่จะเถียงต่อนางกลับยอมแพ้และหันไปคุยเรื่องวิญญาณป่าที่มีสมดุลระหว่างหน้าที่กับความรู้สึก
 
            “ถ้ามนุษย์ได้สักครึ่งของพวกวิญญาณป่างานของเราจะง่ายขึ้นมาก พวกเขาเคารพหน้าที่พิทักษ์ป่าจนตัวตาย ความอ่อนไหวก็ไม่ได้น้อยหน้ามนุษย์เพราะรู้จักการขับลำนำและศิลปะ บทกวีก็ยอดเยี่ยม ข้ายังส่งจดหมายสั่งซื้อรวมเล่มบทกลอนจากพวกนี้อยู่เนือยๆ” 
 
            “พวกวิญญาณป่าเขียนกวีด้วยหรือ ข้าเคยอ่านแต่บันทึกการกินแหลกของพวกวิญญาณธาตุกับประวัติศาสตร์การปกป้องของพวกพราย เพิ่งได้อ่านนิยายของพวกมนุษย์เมื่อไม่นานนี้เอง” เฟเรซิสยกตัวอย่างนิยายที่เลสลีย์ให้ยืมอ่านตอนรักษาตัว
 
            แล้วสองสาวก็เปลี่ยนหัวข้อจากงานเป็นเรื่องบันเทิงจำพวกงานเขียนของวิญญาณป่าและมนุษย์
 
            “ครั้งแรกที่ได้อ่านกวีมันเหมือนถูกดูดเข้าวังวนแห่งจินตนาการ” วิเรียนเล่าประสบการณ์ครั้งแรกตอนนางไปทำงานกับกลุ่มวิญญาณป่า “ความริษยาและเอื้อเฟื้อถูกตัดคั่นเป็นฉากๆเหมือนกล้องสลับลาย และก็มีรักหวานชื่นกับการพลัดพรากที่ทำให้ปวดใจเหมือนกัน ข้าแทบไม่อยากกลับมาอ่านตำรายุทธศาสตร์อยู่ช่วงหนึ่งเลยรู้ไหม”
 
            “พูดอย่างนี้เท่ากับยอมรับนะว่าอารมณ์ก็สำคัญเหมือนกัน” เฟเรซิสหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นอีกด้านของคู่สนทนา “เจ้าต้องชอบนิยายของมนุษย์แน่ ไม่ใช่กลอนแต่เป็นเรื่องราวที่ปะติดปะต่อกันอย่างแนบเนียน มีจุดหักมุมและฉากอารมณ์ครบถ้วน พวกมนุษย์ชอบเอาเผ่าพันธุ์อื่นมาเป็นตัวละครในเรื่องด้วย บ้างก็ดีบ้างก็ร้าย”
 
            “ข้าไม่ได้พูดว่าความรู้สึกไม่สำคัญ แค่หน้าที่คือสิ่งสำคัญที่สุดเท่านั้น” วิเรียนเถียง “แล้วในนิยายที่ว่าเผ่าเทพอย่างเราเป็นตัวดีหรือตัวร้าย” 
 
            “ในมุมมองของมนุษย์พวกเราคือผู้พิทักษ์คอยกำจัดสิ่งชั่วร้าย ผิดความจริงในระดับที่ให้อภัยได้” เฟเรซิสเล่าว่าในนิยายเรื่องดังกล่าวมีเผ่าเทพคอยช่วยเหลือตัวเอกเหมือนผู้ส่งสารของพระเจ้า “บทรักของพวกมนุษย์ร้อนแรงจนข้าแทบไม่กล้าอ่านซ้ำ พวกนั้นสร้างภาพการบอกรักของพวกเราอย่างหฤหรรษ์ผิดความจริงจนไม่อยากเชื่อ!”
 
            เมื่อได้ฟังวิเรียนก็เล่าบ้างว่าวิญญาณป่าเล่าคำรักผ่านกลอนอย่างสละสลวย แม้แต่คนหยาบกระด้างอย่างนางยังคล้อยตามได้ไม่ยาก 
 
            ก่อนการสนทนาในเวลางานจะออกทะเลมากกว่านี้ทหารหน่วยแพทย์นายหนึ่งก็เคาะประตูและเปิดเข้ามาพร้อมเอกสารบางอย่าง เฟเรซิสทักทายตามประสาคนรู้จักส่วนวิเรียนรับของมาอ่านอย่างใจเย็น นางพยักหน้ากับตัวเองแล้วชวนเฟเรซิสให้กลับมาคุยเรื่องงานต่อ
 
            “นี่คือเหตุผลที่เรียกเจ้ามานั่งคุยตั้งแต่เที่ยง” วิเรียนรอจนทหารนายนั้นเดินออกจากห้องทำงาน “เจ้าบอกว่าอยากออกแนวหน้าข้าก็ต้องจัดการให้”
 
            เฟเรซิสยินดีเปลี่ยนมาคุยเรื่องงานต่อ นางเอ่ยถามว่าทำไมหน่วยแพทย์จึงทำหน้าที่แทนหน่วยสื่อสารคอยส่งรายงานอย่างนี้
 
            “มันไม่ใช่รายงานทางการทหารโดยตรง มันคือข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ฝีมือดีคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่อัลแซคแทนที่จะไปเมืองใหญ่อย่างอิลซานอร์ ข้าอยากตรวจสอบว่าเขายังอยู่หมู่บ้านนั้นไหม ซึ่งเขายังอยู่ที่เดิม” วิเรียนมองเฟเรซิสอย่างคาดหวังว่านางจะตามเรื่องนี้ทัน
 
            ผู้รักษาการแทนตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดรู้ได้ทันที อัลแซคอยู่ทางใต้ของเลเลียน่า เป้าหมายของเรื่องทั้งหมดหนีไปกบดานที่นั่นตามคำบอกเล่าของพอลไลน์และวิเรียน
 
            “เราจำเป็นต้องปิดเป็นความลับเพราะยังไม่รู้ว่าพวกนั้นมีแผนอะไรกันแน่ เราจึงบอกทุกคนว่าโทนาชเกิดฟั่นเฟือนอาละวาดไปทั่ว ข้าเสนอกับพวกผู้อาวุโสไปว่ามีทางรักษาเจ้าให้กลับเป็นปกติจะได้ไม่มีใครสงสัย เราจะใช้ข้ออ้างนั้นส่งเจ้าไปเลเลียน่าแทนที่จะเป็นอัลแซค พรุ่งนี้เช้าผู้ใช้เวทมนตร์ประจำกองทัพจะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายส่งเจ้าไปจุดประจำการที่เลเลียน่า จากนั้นจะให้รถม้าเปล่าแสร้งพาเจ้าไปหาแพทย์ ส่วนตัวจริงไปสมทบกับพีเตอร์ในสภาพเก็บปีก”
 
            เฟเรซิสขอบคุณวิเรียนที่คิดแผนต่างๆให้ นางเก็บจดหมายคิดจะกลับแต่ถูกเรียกตัวไว้ก่อนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับร่างกาย
 
            “เดินหรือบินต่อเนื่องได้ช่วงสั้นๆเท่านั้น พอเร่งความเร็วขึ้นกล้ามเนื้อจะเกร็งเหมือนขาดอากาศ ดาบจากปีกช่วยข้าเอาไว้เพราะใช้ดาบจริงต่อเนื่องได้แค่ไม่กี่กระบวนท่า” เฟเรซิสอดแสดงความกลัดกลุ้มเรื่องร่างกายไม่ได้ จากคนที่ชอบทำอะไรโลดโผนต้องนิ่งขึ้นเหมือนคนแก่สร้างความเหนื่อยหน่ายมหาศาล “สงสัยข้าต้องคุยกับฝ่ายอุปกรณ์เวทมนตร์จริงจังสักที เชื่อว่าพวกนั้นมีของที่ปรับสภาพร่างกายได้เหมือนเวทมนตร์” 
 
            “เฟเรซิส ข้าเชื่อเรื่องนักรบเทพกับผู้กล้า เจ้าได้รับแบ่งพลังจากชีพจรธรณีจะต้องกลับมามีพลังอำนาจได้อีกแน่นอน” วิเรียนจงใจใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมแต่เฟเรซิสยังเห็นต่างเช่นเคย
 
            “คงเป็นเจ้าหรือโทนาชมากกว่า” เฟเรซิสแสร้งหัวเราะเพื่อเปลี่ยนเรื่องว่าตนสมควรไปเตรียมอาหารเย็นกินได้แล้ว “หากเป็นข้าคงแปลกพิลึก แค่คนแรกก็มีคนตายเป็นสิบ พอถึงคนที่แปดคงตายกันสักครึ่งเอนโวลากระมัง”
 
            วิเรียนมองคู่สนทนาด้วยความห่วงใยก่อนบอกให้กลับไปก่อนเพราะตัวนางรอรายงานด่วนอีกอย่างอยู่...
 
 
            พ่อกับแม่ของเฟเรซิสกลับไปได้สองวันแล้วแต่ของกินยังเต็มห้องพักของนาง นั่นสร้างปัญหาเพราะหญิงสาวทำอาหารที่ซับซ้อนมากไม่เป็นตามประสาผู้มีงานรัดตัว ปลานึ่งมะนาวกับแผ่นแป้งไม่ช่วยแบ่งเบาปริมาณเนื้อกับแผ่นแป้งสักนิด แถมยังมีผักอีกเป็นพะเรอเกวียนรอวันเน่าคาตู้เก็บ ด้วยความชอบสังคมนางจึงอยากทำให้เยอะขึ้นและชวนคนอื่นมาทานด้วยกัน
 
            ระหว่างการทำอาหารเพิ่มและไล่รายชื่อคนที่อยากชวนมากินข้าวแขกยามเย็นก็มาเคาะประตูห้อง เลสลีย์กับพอลไลน์มาเพื่อแจ้งข่าวด่วนที่รับจากวิเรียนมาอีกต่อหนึ่ง แถมยังหอบขนมหวานมาให้เพราะเห็นว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
 
(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่