.
“คุณอัญชลีไม่ต้องห่วงหรือกังวลเรื่องอคิณนะครับ ตอนเย็นมารับไม่ทันก็ไม่ต้องห่วง ผมดูแลอคิณรอเอง” พิธากล่าว พร้อมปรายตามองสาวเจ้าด้วยความรู้สึกระส่ำระสาย ตื่นเต้นไปหมดทุกคราวที่ได้อยู่ใกล้ พิธาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เธอยิ้มขอบคุณน้ำใจของครูหนุ่มคนนี้มาก ๆ เพราะเธอไม่อาจทำอะไรได้เลยถ้างานมีปัญหา ต้องมารับลูกช้าเหมือนวันนั้น ครั้นจะขอความช่วยเหลือจากปีรติน้องสาวของสามีก็ไม่อยากรบกวน ไม่อยากให้เป็นห่วง อยากให้ครอบครัวของสามีเห็นว่าเธอกับลูกใช้ชีวิตกันสองคนได้
“ขอบคุณนะคะ ฉันคงไม่รบกวนคุณครูทุกวันหรอกค่ะ ทว่าก็มีบ้าง เอ่อ… เวลามีประชุมหรืองานมีปัญหาค่ะ” ทั้งเธอและเขาพร้อมลูกชายเดินคุยกันมายังรถที่จอดอยู่หน้าอาคาร วันนี้เธอมารับลูกชายได้ทันเวลาพอดี
“ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยครับ เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำอยู่แล้ว และ ไม่เพียงแค่อคิณรวมทั้งนักเรียนคนอื่น ๆ ด้วย คุณอัญชลีอย่าเกรงใจเลยครับ” เขาพูดปนยิ้ม รู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ ทุกทีที่อยู่ใกล้ ๆ เธอ มองเธอผู้หญิงอ่อนหวานคนนี้แทบไม่อยากละสายตา
“งั้นฉันก็สบายใจค่ะ ฉันอาจจะรบกวนคุณครูมากกว่าผู้ปกครองคนอื่น ๆ หน่อย เพราะ… เอ่อ เพราะฉันดูแลอคิณเพียงคนเดียว คุณครูคงไม่ว่าอะไรนะคะ “ เธอพูด รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเปราะหนึ่งในยามที่เธองานยุ่งหรือเลิกงานช้า ลูกชายก็จะยังมีคนคอยดูแลระหว่างที่รอตนเอง สงสารอคิณมากที่ต้องนั่งคอยเช่นวันนั้น อีกทั้งเกรงใจอย่างบอกไม่ถูกด้วย เนื่องจากผู้ปกครองคนอื่น ๆ ไม่ได้รบกวนเขาเช่นเธอเลย
ชายหนุ่มทำเพียงยิ้มให้ไม่พูดจาอะไร เดินตามมาส่งเธอกับลูกชายเงียบ ๆ ที่รถ “อคิณเจอกันพรุ่งนี้นะครับ อย่าลืมทำการบ้านที่ครูให้นา” ก่อนที่สองแม่ลูกจะเข้าไปในรถ เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยลาพร้อมยืนยิ้มให้กับอัญชลี เด็กชายตอบตกลงก่อนจะเข้าไปในรถพร้อมปิดประตูรถเตรียมกลับบ้านกับคนเป็นแม่
ไม่อยากให้เธอจากไปเลย อยากอยู่คุยด้วยนาน ๆ ทว่าสถานะของเขาและเธอไม่ได้เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่หลงรักคุณแม่ลูกติดคนนี้ หลังจากที่เลิกกับแฟนคนล่าสุด เขาไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครอีก
ผิดหวังกับความรักคราวนั้น ต้องหนีซมซานหอบใจเพพังกลับมาสอนที่กรุงเทพเช่นเดิม จนกระทั่งมาเจอเธอผู้หญิงคนนี้ คนที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว แถมยังมีพยานรักเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย ความรู้สึกของเขาบอกว่าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
คำพูดของหลวงลุงลอยเข้ามาในหัว ‘คู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน’ จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด ดูท่าคงรักพ่อของลูกชายมาก กระตุกยิ้มนิดหน่อยกับคำพูดของหลวงลุง ทางที่เป็นไปได้ไม่มีด้วยซ้ำ ทว่าก็อยากจะลองดู
ทันใดนั้นพิธาต้องหลุดออกจากห้วงภวังค์ความคิดของตน เมื่อรถของอัญชลีสตาร์ทไม่ติด “รถเป็นอะไรครับ” พิธาเคาะประตูรถเบา ๆ คุยกับคนข้างใน
อัญชลีเลื่อนกระจกลงทำหน้าบอกบุญไม่รับ “สตาร์ทไม่ติดเลยค่ะ เป็นอะไรเนี่ยลูกแม่ เมื่อเช้าขับมายังดี ๆ อยู่เลย ขับมารับอคิณก็ยังสตาร์ทได้ดี ๆ อยู่เลยค่ะ ทำไมมาขายหน้าคุณครูเขาได้เนี่ย” บ่นอุบอิบไปตามประสา ไม่พูดเฉย ๆ ลองสตาร์ทอีกทีรถก็ยังสตาร์ทไม่ติดอีก
“ไหนผมขอลองดูหน่อยได้ไหมครับ” เขาขออนุญาตเจ้าของรถ อัญชลีตกลง จากนั้นก็เปิดประตูลงมาจากรถ ให้เขาเข้าไปลองสตาร์ทดู เขาลองบิดกุญแจสตาร์ทสองสามครั้งก็ไปไม่ติดสักที จึงลองมาดูที่ห้องเครื่อง รู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร “น่าจะเป็นที่แบตเตอรี่ เอ่อ แบตเตอรี่หมดหรือเปล่าครับ” เขาพูดยิ้ม ๆ ผู้หญิงขับรถก็คงแบบนี้สินะ ขับเป็นอย่างเดียว
“แบตเตอรี่หมดเหรอคะ “ เธอยิ้มแห้ง ๆ ให้กับครูหนุ่ม เขาจะหาว่าตนเองสักแต่ขับหรือเปล่านะ “เอ่อ ฉันก็ขับอย่างเดียวเลยค่ะ” พูดปนยิ้มเขิญให้คนตรงหน้า ส่วนเขาเดินมาเปิดฝากระโปรงรถดูแบตเตอรี่ก่อนจะหันมายิ้มให้กับตนเองอีกครั้ง
“แบตเตอรี่หมดจริง ๆ ด้วย อือ คุณอัญชลีมีเบอร์ช่างมั้ยครับ โทรให้ช่างมาเปลี่ยนให้ก็ใช่ได้แล้วล่ะ” เขาถาม ทว่าเธอส่ายหัวปฏิเสธ “อ้าว ! นี่ถ้าเกิดรถเสียกลางทางจะทำยังไงครับเนี่ย” เขาเผลอบ่นแบบไม่รู้ตัว ส่วนสาวเจ้าเงียบไปกับคำบ่นของเขา
“เอ่อผมขอโทษครับ ผมลืมตัวไปหน่อย” ทำสีหน้าเจื่อนลง และ แววตารู้สึกผิดที่เผลอต่อว่าไป ไม่พอยังหันไปขอความเห็นใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยของตนเองด้วย “คุณอัญชลีคงไม่โกรธผมนะครับ เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าคุณจริง ๆ “
“เอ่อ… ฉันเข้าใจค่ะ” สาวเจ้ายิ้มให้ ไม่ได้เคืองเขาเลยจริง ๆ “ไม่ได้เคืองคุณครูเลยนะคะ ขอบคุณด้วยซ้ำไป แล้วต้องทำยังไงคะ คุณครูรู้จักช่างมั้ยคะ โทรให้เขามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ฉันที”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ แต่มันยังพอมีทางคือชาร์จจากรถผมก็ได้ แต่มันคงใช้ได้แป๊บเดียว สู้รอช่างมาเปลี่ยนดีกว่า” พูดจบพิธากดโทรศัพท์เรียกช่างส่วนตัวมาซ่อมรถให้อัญชลีทันที แอบเดินไปคุยห่าง ๆ สองแม่ลูกนิดหน่อย “แกยังไม่ต้องรีบมาไอ้น้องรัก ให้พี่ได้ใช้เวลากับคนที่พี่ชอบก่อน” แอบกำชับน้องชาย
“เอางั้นเหรอพี่ แล้วแฟนพี่เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ” พิสิฐน้องชายของเขากล่าว
“ไม่ว่าหรอก พี่จัดการเอง เดี๋ยวสักประมาณสองชั่วโมงแกค่อยโทรมานะ” จากนั้นก็วางสายไป ก่อนจะเดินกลับมายิ้มให้กับสองแม่ลูกที่คอยคำตอบอยู่ “พอดีว่าช่างไม่ว่างเลยครับ ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ถึงจะมาได้”
“เอาไงดีล่ะทีนี้ “ อัญชลีทำหน้าเป็นกังวล ถ้าปวินอยู่ด้วยคงไม่เป็นแบบนี้ “อคิณอยากกลับบ้านมั้ยครับ” หันมาถามลูกชายตัวน้อย
พอเขาเห็นแววตาของอัญชลีดูเป็นกังวลจึงรีบพูดเพื่อให้สบายใจ “ช่างคนนี้เป็นน้องชายของผมเอง มันยุ่ง ๆ อยู่ครับ แต่มาจัดการให้แน่นอนครับไม่ต้องห่วง เบอร์ช่างอื่นผมก็ไม่มีเหมือนกัน เอาแบบนี้มั้ยล่ะ ชาร์จจากรถผมก่อนพอขับกลับบ้านได้ ค่อยเรียกช่างไปที่บ้านก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับลูกรอก็ได้ เผื่อหมดกลางทางอีก“ เขาเผยยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เอ่อ เอาแบบนี้มั้ยครับ ระหว่างรอช่างเราพาอคิณไปเดินเล่นฆ่าเวลากันก่อนดีมั้ย จอดรถไว้ที่โรงเรียนนี่แหละ เดี๋ยวผมวานพี่ถวิลดูแลให้ ภารโรงที่นี่ครับ ไว้ใจได้รถปลอดภัยแน่นอน ผมเอาตัวผมเป็นประกัน” เขาพูดด้วยความอยากไปเดินเล่นกับเธอมาก ๆ อยากใช้เวลากับเธอให้นานที่สุด รู้สึกว่าเธอคือผู้หญิงที่ใช่ตั้งแต่แรกเห็น ปรายตามองว่าอัญชลีจะตอบตกลงหรือเปล่า
เธอยังไม่ตัดสินใจในทันที หันไปถามลูกชายตัวน้อย “อคิณว่าไงลูก”
“คุณครูพิธาพาอคิณไปกินพิซซ่า และ เล่นเกมขับรถด้วยได้มั้ยครับ” เด็กชายหันไปพูดกับคุณครูของตนไม่สนใจคนเป็นแม่เลยสักนิด มิหนำซ้ำยังเกาะแขนคุณครูของตนเป็นปลิงอีก
อัญชลีตกใจกับท่าทางของลูกชาย ไม่อยากต่อว่าเพราะยังเด็กอยู่ คงไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากความต้องการของตน “อคิณครับนี่คุณครูพิธานะครับ ไม่ใช่คุณปู่ ไม่ใช่อาวานะลูก” เอ็ดลูกชาย ทว่าก็ยิ้มเขินให้กับลูกชายและครูของลูกชายด้วย
พิธายิ้มกลั้วหัวเราะ ขอบคุณมากครับอคิณที่ช่วยครูอีกแรง นึกขอบคุณเด็กชายในใจที่ช่วยอย่างไม่ต้องร้องขอ “ไม่เป็นไรครับคุณอัญชลี ผมเห็นด้วยกับอคิณนะ กว่าไอ้เจ้าน้องชายของผมจะว่างมาดูรถให้ก็เกือบ ๆ ชั่วโมงนู่นแหนะ เราไปเดินห้างใกล้ ๆ โรงเรียนนี่ก็ได้” สื่อแววตาร้องขอแก่เธอ
“คุณแม่นะครับ อคิณอยากเล่นเกมอ่ะ” เด็กชายวัยเจ็ดขวบงอแงกับคนเป็นแม่ตามประสา
“คุณอัญชลีตามใจอคิณเถอะครับ ผมช่วยดูแลเอง ส่วนรถทางนี้ไม่ต้องห่วงครับ พี่ถวิลจะดูแลให้เป็นอย่างดี”
“งั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบตกลง ทั้งเขาและเด็กชายอคิณต่างดีใจมาก ๆ ทว่าคนที่ดีใจออกนอกหน้าเห็นจะเป็นเด็กชายอคิณผู้เป็นลูกมากกว่า
“งั้นรอผมตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมขับรถมารับแป๊บเดียว” ไม่นานพิธาก็ขับรถพาสองแม่ลูกออกไปข้างนอกสมดังปรารถนา คำพูดของหลวงลุงแว่วเข้ามาในหัวอีกครั้ง ถึงอย่างไรก็จะขอทำตามหัวใจของตนเองล่ะ จากที่ปิดตายมานานหลายปี อัญชลีได้แง้มประตูหัวใจเข้าแล้ว
จบบท…
https://ppantip.com/topic/40945980…..บทที่ 3
ขอจองได้ไหมหัวใจดวงนี้…บทที่ 4
.
“คุณอัญชลีไม่ต้องห่วงหรือกังวลเรื่องอคิณนะครับ ตอนเย็นมารับไม่ทันก็ไม่ต้องห่วง ผมดูแลอคิณรอเอง” พิธากล่าว พร้อมปรายตามองสาวเจ้าด้วยความรู้สึกระส่ำระสาย ตื่นเต้นไปหมดทุกคราวที่ได้อยู่ใกล้ พิธาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เธอยิ้มขอบคุณน้ำใจของครูหนุ่มคนนี้มาก ๆ เพราะเธอไม่อาจทำอะไรได้เลยถ้างานมีปัญหา ต้องมารับลูกช้าเหมือนวันนั้น ครั้นจะขอความช่วยเหลือจากปีรติน้องสาวของสามีก็ไม่อยากรบกวน ไม่อยากให้เป็นห่วง อยากให้ครอบครัวของสามีเห็นว่าเธอกับลูกใช้ชีวิตกันสองคนได้
“ขอบคุณนะคะ ฉันคงไม่รบกวนคุณครูทุกวันหรอกค่ะ ทว่าก็มีบ้าง เอ่อ… เวลามีประชุมหรืองานมีปัญหาค่ะ” ทั้งเธอและเขาพร้อมลูกชายเดินคุยกันมายังรถที่จอดอยู่หน้าอาคาร วันนี้เธอมารับลูกชายได้ทันเวลาพอดี
“ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยครับ เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำอยู่แล้ว และ ไม่เพียงแค่อคิณรวมทั้งนักเรียนคนอื่น ๆ ด้วย คุณอัญชลีอย่าเกรงใจเลยครับ” เขาพูดปนยิ้ม รู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ ทุกทีที่อยู่ใกล้ ๆ เธอ มองเธอผู้หญิงอ่อนหวานคนนี้แทบไม่อยากละสายตา
“งั้นฉันก็สบายใจค่ะ ฉันอาจจะรบกวนคุณครูมากกว่าผู้ปกครองคนอื่น ๆ หน่อย เพราะ… เอ่อ เพราะฉันดูแลอคิณเพียงคนเดียว คุณครูคงไม่ว่าอะไรนะคะ “ เธอพูด รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเปราะหนึ่งในยามที่เธองานยุ่งหรือเลิกงานช้า ลูกชายก็จะยังมีคนคอยดูแลระหว่างที่รอตนเอง สงสารอคิณมากที่ต้องนั่งคอยเช่นวันนั้น อีกทั้งเกรงใจอย่างบอกไม่ถูกด้วย เนื่องจากผู้ปกครองคนอื่น ๆ ไม่ได้รบกวนเขาเช่นเธอเลย
ชายหนุ่มทำเพียงยิ้มให้ไม่พูดจาอะไร เดินตามมาส่งเธอกับลูกชายเงียบ ๆ ที่รถ “อคิณเจอกันพรุ่งนี้นะครับ อย่าลืมทำการบ้านที่ครูให้นา” ก่อนที่สองแม่ลูกจะเข้าไปในรถ เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยลาพร้อมยืนยิ้มให้กับอัญชลี เด็กชายตอบตกลงก่อนจะเข้าไปในรถพร้อมปิดประตูรถเตรียมกลับบ้านกับคนเป็นแม่
ไม่อยากให้เธอจากไปเลย อยากอยู่คุยด้วยนาน ๆ ทว่าสถานะของเขาและเธอไม่ได้เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่หลงรักคุณแม่ลูกติดคนนี้ หลังจากที่เลิกกับแฟนคนล่าสุด เขาไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครอีก
ผิดหวังกับความรักคราวนั้น ต้องหนีซมซานหอบใจเพพังกลับมาสอนที่กรุงเทพเช่นเดิม จนกระทั่งมาเจอเธอผู้หญิงคนนี้ คนที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว แถมยังมีพยานรักเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย ความรู้สึกของเขาบอกว่าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
คำพูดของหลวงลุงลอยเข้ามาในหัว ‘คู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน’ จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด ดูท่าคงรักพ่อของลูกชายมาก กระตุกยิ้มนิดหน่อยกับคำพูดของหลวงลุง ทางที่เป็นไปได้ไม่มีด้วยซ้ำ ทว่าก็อยากจะลองดู
ทันใดนั้นพิธาต้องหลุดออกจากห้วงภวังค์ความคิดของตน เมื่อรถของอัญชลีสตาร์ทไม่ติด “รถเป็นอะไรครับ” พิธาเคาะประตูรถเบา ๆ คุยกับคนข้างใน
อัญชลีเลื่อนกระจกลงทำหน้าบอกบุญไม่รับ “สตาร์ทไม่ติดเลยค่ะ เป็นอะไรเนี่ยลูกแม่ เมื่อเช้าขับมายังดี ๆ อยู่เลย ขับมารับอคิณก็ยังสตาร์ทได้ดี ๆ อยู่เลยค่ะ ทำไมมาขายหน้าคุณครูเขาได้เนี่ย” บ่นอุบอิบไปตามประสา ไม่พูดเฉย ๆ ลองสตาร์ทอีกทีรถก็ยังสตาร์ทไม่ติดอีก
“ไหนผมขอลองดูหน่อยได้ไหมครับ” เขาขออนุญาตเจ้าของรถ อัญชลีตกลง จากนั้นก็เปิดประตูลงมาจากรถ ให้เขาเข้าไปลองสตาร์ทดู เขาลองบิดกุญแจสตาร์ทสองสามครั้งก็ไปไม่ติดสักที จึงลองมาดูที่ห้องเครื่อง รู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร “น่าจะเป็นที่แบตเตอรี่ เอ่อ แบตเตอรี่หมดหรือเปล่าครับ” เขาพูดยิ้ม ๆ ผู้หญิงขับรถก็คงแบบนี้สินะ ขับเป็นอย่างเดียว
“แบตเตอรี่หมดเหรอคะ “ เธอยิ้มแห้ง ๆ ให้กับครูหนุ่ม เขาจะหาว่าตนเองสักแต่ขับหรือเปล่านะ “เอ่อ ฉันก็ขับอย่างเดียวเลยค่ะ” พูดปนยิ้มเขิญให้คนตรงหน้า ส่วนเขาเดินมาเปิดฝากระโปรงรถดูแบตเตอรี่ก่อนจะหันมายิ้มให้กับตนเองอีกครั้ง
“แบตเตอรี่หมดจริง ๆ ด้วย อือ คุณอัญชลีมีเบอร์ช่างมั้ยครับ โทรให้ช่างมาเปลี่ยนให้ก็ใช่ได้แล้วล่ะ” เขาถาม ทว่าเธอส่ายหัวปฏิเสธ “อ้าว ! นี่ถ้าเกิดรถเสียกลางทางจะทำยังไงครับเนี่ย” เขาเผลอบ่นแบบไม่รู้ตัว ส่วนสาวเจ้าเงียบไปกับคำบ่นของเขา
“เอ่อผมขอโทษครับ ผมลืมตัวไปหน่อย” ทำสีหน้าเจื่อนลง และ แววตารู้สึกผิดที่เผลอต่อว่าไป ไม่พอยังหันไปขอความเห็นใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยของตนเองด้วย “คุณอัญชลีคงไม่โกรธผมนะครับ เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าคุณจริง ๆ “
“เอ่อ… ฉันเข้าใจค่ะ” สาวเจ้ายิ้มให้ ไม่ได้เคืองเขาเลยจริง ๆ “ไม่ได้เคืองคุณครูเลยนะคะ ขอบคุณด้วยซ้ำไป แล้วต้องทำยังไงคะ คุณครูรู้จักช่างมั้ยคะ โทรให้เขามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ฉันที”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ แต่มันยังพอมีทางคือชาร์จจากรถผมก็ได้ แต่มันคงใช้ได้แป๊บเดียว สู้รอช่างมาเปลี่ยนดีกว่า” พูดจบพิธากดโทรศัพท์เรียกช่างส่วนตัวมาซ่อมรถให้อัญชลีทันที แอบเดินไปคุยห่าง ๆ สองแม่ลูกนิดหน่อย “แกยังไม่ต้องรีบมาไอ้น้องรัก ให้พี่ได้ใช้เวลากับคนที่พี่ชอบก่อน” แอบกำชับน้องชาย
“เอางั้นเหรอพี่ แล้วแฟนพี่เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ” พิสิฐน้องชายของเขากล่าว
“ไม่ว่าหรอก พี่จัดการเอง เดี๋ยวสักประมาณสองชั่วโมงแกค่อยโทรมานะ” จากนั้นก็วางสายไป ก่อนจะเดินกลับมายิ้มให้กับสองแม่ลูกที่คอยคำตอบอยู่ “พอดีว่าช่างไม่ว่างเลยครับ ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ถึงจะมาได้”
“เอาไงดีล่ะทีนี้ “ อัญชลีทำหน้าเป็นกังวล ถ้าปวินอยู่ด้วยคงไม่เป็นแบบนี้ “อคิณอยากกลับบ้านมั้ยครับ” หันมาถามลูกชายตัวน้อย
พอเขาเห็นแววตาของอัญชลีดูเป็นกังวลจึงรีบพูดเพื่อให้สบายใจ “ช่างคนนี้เป็นน้องชายของผมเอง มันยุ่ง ๆ อยู่ครับ แต่มาจัดการให้แน่นอนครับไม่ต้องห่วง เบอร์ช่างอื่นผมก็ไม่มีเหมือนกัน เอาแบบนี้มั้ยล่ะ ชาร์จจากรถผมก่อนพอขับกลับบ้านได้ ค่อยเรียกช่างไปที่บ้านก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับลูกรอก็ได้ เผื่อหมดกลางทางอีก“ เขาเผยยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เอ่อ เอาแบบนี้มั้ยครับ ระหว่างรอช่างเราพาอคิณไปเดินเล่นฆ่าเวลากันก่อนดีมั้ย จอดรถไว้ที่โรงเรียนนี่แหละ เดี๋ยวผมวานพี่ถวิลดูแลให้ ภารโรงที่นี่ครับ ไว้ใจได้รถปลอดภัยแน่นอน ผมเอาตัวผมเป็นประกัน” เขาพูดด้วยความอยากไปเดินเล่นกับเธอมาก ๆ อยากใช้เวลากับเธอให้นานที่สุด รู้สึกว่าเธอคือผู้หญิงที่ใช่ตั้งแต่แรกเห็น ปรายตามองว่าอัญชลีจะตอบตกลงหรือเปล่า
เธอยังไม่ตัดสินใจในทันที หันไปถามลูกชายตัวน้อย “อคิณว่าไงลูก”
“คุณครูพิธาพาอคิณไปกินพิซซ่า และ เล่นเกมขับรถด้วยได้มั้ยครับ” เด็กชายหันไปพูดกับคุณครูของตนไม่สนใจคนเป็นแม่เลยสักนิด มิหนำซ้ำยังเกาะแขนคุณครูของตนเป็นปลิงอีก
อัญชลีตกใจกับท่าทางของลูกชาย ไม่อยากต่อว่าเพราะยังเด็กอยู่ คงไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากความต้องการของตน “อคิณครับนี่คุณครูพิธานะครับ ไม่ใช่คุณปู่ ไม่ใช่อาวานะลูก” เอ็ดลูกชาย ทว่าก็ยิ้มเขินให้กับลูกชายและครูของลูกชายด้วย
พิธายิ้มกลั้วหัวเราะ ขอบคุณมากครับอคิณที่ช่วยครูอีกแรง นึกขอบคุณเด็กชายในใจที่ช่วยอย่างไม่ต้องร้องขอ “ไม่เป็นไรครับคุณอัญชลี ผมเห็นด้วยกับอคิณนะ กว่าไอ้เจ้าน้องชายของผมจะว่างมาดูรถให้ก็เกือบ ๆ ชั่วโมงนู่นแหนะ เราไปเดินห้างใกล้ ๆ โรงเรียนนี่ก็ได้” สื่อแววตาร้องขอแก่เธอ
“คุณแม่นะครับ อคิณอยากเล่นเกมอ่ะ” เด็กชายวัยเจ็ดขวบงอแงกับคนเป็นแม่ตามประสา
“คุณอัญชลีตามใจอคิณเถอะครับ ผมช่วยดูแลเอง ส่วนรถทางนี้ไม่ต้องห่วงครับ พี่ถวิลจะดูแลให้เป็นอย่างดี”
“งั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบตกลง ทั้งเขาและเด็กชายอคิณต่างดีใจมาก ๆ ทว่าคนที่ดีใจออกนอกหน้าเห็นจะเป็นเด็กชายอคิณผู้เป็นลูกมากกว่า
“งั้นรอผมตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมขับรถมารับแป๊บเดียว” ไม่นานพิธาก็ขับรถพาสองแม่ลูกออกไปข้างนอกสมดังปรารถนา คำพูดของหลวงลุงแว่วเข้ามาในหัวอีกครั้ง ถึงอย่างไรก็จะขอทำตามหัวใจของตนเองล่ะ จากที่ปิดตายมานานหลายปี อัญชลีได้แง้มประตูหัวใจเข้าแล้ว
จบบท…
https://ppantip.com/topic/40945980…..บทที่ 3