ขอจองได้ไหมหัวใจดวงนี้บทที่ 12

กระทู้สนทนา

.

             พิธาขับรถไปตามพิกัดที่น้องชายส่งให้พร้อมตั้งคำถาม อัญชลีกับพิสิฐรู้จักกันได้อย่างไร อะไรคือความเป็นไปได้ที่สุด กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่า คือ ความรู้สึกของอัญชลีกับอคิณต่างหาก ป่านนี้คงเกลียดตนเองไปแล้ว ไหนจะเรื่องกวิตาวันก่อนอีก แถมยังมาเรื่องวันนี้ที่ตนผิดนัด พอนึกถึงกวิตาก็แอบถอนหายใจ เหลือบมองกระจกหลังไม่เห็นเมอร์เซเดสสีขาวตามมา ก็นึกโล่งใจเป็นที่สุด

              เขาก็คนมีหัวใจมีความรู้สึกคนหนึ่ง เจ็บปวดกับกวิตา แน่นอนเขาย่อมลืมไม่ลง ยิ่งกวิตากลับมาแบบนี้ ยิ่งตอกย้ำเหมือนเอามีดมากรีดซ้ำที่แผลเดิม ซึ่งมันกำลังจะหายอยู่แล้วกลับอักเสบขึ้นมาอีกครั้ง เขาเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวดนั้น ให้อภัยแต่คงกลับไปมีความรู้สึกแบบนั้นกับกวิตาไม่ได้อีกแล้ว คนที่หัวใจเรียกร้องอยากเป็นเจ้าของคืออัญชลีต่างหาก

              ……………………………………

            “คุณแม่ทำไมครูพิธาไม่มาเที่ยวกับเราครับ” เด็กชายถามผู้เป็นแม่ ในมือก็ถือรูปถ่ายของคนเป็นพ่อเอาไว้ เป็นเรื่องปกติที่เด็กชายจะพาพ่อไปเที่ยวด้วยทุกที่แบบนี้เสมอ เด็กชายรู้สึกคุ้นเคยกับคุณครูคนนี้มาก ราวกับว่าเป็นพ่อคนหนึ่งตามประสาความรู้สึกของเด็กอายุเพียงเจ็ดขวบ

              อัญชลีโน้มศีรษะของลูกชายมากอดเบา ๆ พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ในใจจะสับสนและมีคำถามมากมายในหัวก็ตาม “ครูพิธาไม่ว่างครับ ไว้รอบหน้าเราค่อยชวนคุณครูอีกเนอะ” พูดปลอบใจลูกชาย

              “ว่างครับ! พี่พิธากำลังตามมา คุณลีอย่าพึ่งโกรธพี่พิธานะครับ” พิสิฐพูดผ่านกระจกมองหลัง ปีรติหันไปยิ้มให้กับสองคนด้านหลัง

              “คุณสิฐไม่ต้องไปรบกวนคุณพิธาหรอกค่ะ พี่ชายคุณไม่ว่างก็คือไม่ว่าง ไม่ต้องบังคับ! ลีกับอคิณเข้าใจไม่โกรธพี่ชายคุณเลยค่ะ” คำพูดที่แฝงไปด้วยอาการประชด ไม่รู้ทำไมต้องพูดไปแบบนั้นเช่นกัน ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้คิดอะไรด้วยสักหน่อย แค่เห็นว่าช่วยดูแลลูกชายรอตนเองมารับช้าเท่านั้น

              “ว่างครับคุณลี! พี่พิธาว่างแต่ว่าเมื่อเช้าเกิดปัญหานิดหน่อย เลยไม่ได้โทรบอกคุณลี แต่พี่พิธากำลังตามมานะครับ” พิสิฐพูดแก้ตัวแทนพี่ชายพลางขับรถไปด้วย

              “อคิณครูพิธากำลังตามเรามานะครับ ดีใจมั้ย” ปีรติหันไปพูดกับหลานชาย ยิ้มให้กับพี่สะใภ้ด้วยอีกคน เข้าใจอารมณ์ของอัญชลี ปวินพี่ชายของตนเองถ้าจะอกหักแล้วล่ะ นึกอะไรตลก ๆ คนเดียวแต่ใบหน้าและรอยยิ้มได้ทรยศตนเองไปแล้ว

              “จริงเหรออาวา! ครูพิธาก็มาด้วยเหรอ อคิณนึกว่าครูพิธาจะไม่มาซะแล้ว” เด็กชายพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ดีใจตามประสาเด็ก จากที่ผิดหวังนึกว่าคุณครูจะไม่มาเที่ยวด้วย โน้มตัวไปเกาะเบาะของปีรติอย่างตื่นเต้น

              “ยิ้มอะไรคะน้องวา” อัญชลีค่อนขอดให้น้องสามีเบา ๆ

              “ยิ้มให้พี่ลีนั่นแหละค่ะ” สาวเจ้าตอบ “จริงครับอคิณ เราไปถึงทะเลก่อนก็คอยครูพิธาแป๊บเดียว ครูพิธาก็มาถึงแล้ว” ปีรติพูดกลั้วยิ้มกับหลานชาย พร้อมยิ้มแบบมีเลศนัยให้พี่สะใภ้ด้วย

              “จริงครับอคิณ อาสิฐเอาหัวเป็นประกัน” พิสิฐพูดเสริมให้ดูน่าเชื่อถืออีกคน

              “อคิณถ้าครูพิธาไม่มานะ เดี๋ยวเรามาทานหัวอาสิฐกัน” ปีรติพูดแหย่แฟนหนุ่มอย่างตลก เรียกเสียงหัวเราะของคนในรถเป็นอย่างดี

              “เย้ย! ได้ไงตัวเอง” พิสิฐหันมาพูดกับแฟนสาว

              “เอ้าก็ใครบอกหลานว่าจะเอาหัวเป็นประกันล่ะ ก็จะคอยกินหัวของใครบางคนอยู่นี่ไง เนอะอคิณเนอะ” ไม่พูดเฉยหันไปหาหลานชายเพื่อดึงพรรคพวก ส่วนอัญชลียิ้มให้กับคนทั้งคู่ อดคิดถึงปวินไม่ได้อีกแล้ว คนเป็นพี่ชายจะรับรู้หรือไม่ว่าน้องสาวโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหนตั้งแต่คนเป็นพี่ชายเสียไป และ น่ารักมากแค่ไหนด้วย

              “อืมม์! อย่าว่าแต่หัวเลยครับ ถ้าเป็นวาผมให้กินทั้งตัว” พูดปนยิ้มหันมามองแฟนสาวนิดหน่อย ทว่าโดนเจ้าตัวฟาดที่ต้นแขนเบา ๆ

              “สิฐพูดอะไร! อายพี่ลีกับหลานบ้างสิ” ปีรติเหวี่ยงค้อนให้

              “ตามสบายเลยค่ะ” อัญชลีออกตัวก่อน

              ไม่นานพิสิฐก็พาทุกคนมาถึงโรงแรมที่จองเอาไว้ เป็นทะเลใกล้ ๆ กรุงเทพนี่เอง บรรยากาศร่มรื่น มีลมทะเลพัดตลอดเวลา เป็นชายหาดส่วนตัว สงบเงียบ เสียงคลื่นซัดฝั่งดังเบา ๆ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับทะเลไปอีก

              นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เธอกับลูกชายไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้กันเลย ตั้งแต่ปวินเสียไปตนเองก็ทำแต่งาน ไม่ค่อยมีเวลา ต้องกลายเป็นเสาหลักให้ลูก อย่างมากก็แค่ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้ากันเท่านั้น

              อีกเหตุผลสำคัญก็คือ ไม่ใช่จะไม่มีเวลาเลย ทว่าเธอทำใจไม่ได้ต่างหาก ไม่อยากมาเที่ยว เธอมาเที่ยวกันสองคนแม่ลูกไม่ได้ เธออ่อนแอกว่าที่จะพาลูกชายมาเที่ยวโดยที่ไม่มีปวิน สักวันคงเข้มแข็งพอ

              เด็กชายดูตื่นเต้นมากที่เห็นผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ เป็นปกติของเด็ก ๆ อยู่แล้วที่จะตื่นเต้นแบบนี้ ทำให้อัญชลีรู้สึกผิดกับตนเองเหลือเกิน ที่ทำกับลูกแบบนี้ ที่เห็นแก่ความรู้สึกของตนเองมากกว่าลูก ที่ปิดกลั้นอะไรหลาย ๆ อย่างของชีวิตหลังจากปวินเสียไป ทุกคนเข้าเช็กอินห้องพักเรียบร้อย

              “ให้พ่อ ๆ รออยู่ที่ห้องหรือให้ลงไปด้วยครับอคิณ” อัญชลีถามลูกชาย ปรายตามองรูปของสามีด้วยรอยยิ้ม ครั้งล่าสุดที่มาทะเลด้วยกัน ตอนนั้นอคิณพึ่งจะเกิดได้ไม่ถึงขวบปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย

              “อือ… ให้พ่อ ๆ รอในห้องดีกว่า” เด็กชายตอบ เตรียมอุปกรณ์เล่นทรายพร้อม ชุดว่ายน้ำก็พร้อมมาก ๆ “คิดถึงคุณปู่กับคุณย่า อยากให้มาด้วยจัง”

              “เอาไว้รอบหน้าเราชวนคุณปู่กับคุณย่ามาอีกน้อ” มองลูกชายขอโทษในใจที่ไม่เคยพามาเปิดหูเปิดตาแบบนี้เลย “แม่ขอโทษนะอคิณ” ขอโทษในใจก่อนจะพูดต่อ “แต่แม่ว่าให้พ่อ ๆ ไปชมทะเลกับเราด้วยดีกว่า พ่อ ๆ คงอยากเห็นทะเลนะ “ อัญชลีพูด พร้อมนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคน ตอนนี้ก็ยังมาไม่ถึงสักที ทำไมต้องชอบนึกถึงด้วย จะมาถึงตอนไหนก็เรื่องของเขาสิ
       
              ทุกคนลงมาเล่นที่ชายหาด มีสระว่ายน้ำด้วย ปีรติขออนุญาตเปลี่ยนชุดว่ายน้ำลงเล่นน้ำในสระทันทีกับพิสิฐ ส่วนอัญชลีขอพาลูกชายนั่งเล่นทรายที่ชายหาดดีกว่า

              พิธามาถึงสถานที่ ๆ น้องชายส่งพิกัดให้ เช็กอินเข้าพักเรียบร้อย ก่อนจะเดินตามหาทุกคน คืนนี้พวกเขาจะนอนค้างกันที่นี่

              “อคิณถ่ายรูปคู่กับพ่อ ๆ เร็ว แม่ถ่ายรูปให้ครับ” อัญชลีเล่นกับลูกชายบริเวณชายหาด ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำของปีรติกับแฟนหนุ่มนัก ทั้งสองคนนั้นก็กำลังสนุกกับการเล่นน้ำในสระด้วยกัน เด็กชายทำท่าทางแอ็กท่าถ่ายรูปกับกรอบรูปของคนเป็นพ่ออย่างตลก โดยมีคนเป็นแม่เป็นตากล้องเอง

              “เข้าไปถ่ายรูปครอบครัวด้วยกันสิครับ ผมถือกล้องให้เอง” เสียงที่คุ้นหู อัญชลีกับลูกชายหันไปมองตามเสียงพูดนั้น เขาเผยยิ้มให้กับทั้งสองคน

              “ครูพิธา! “ เด็กชายอุทานด้วยความตื่นเต้น “อคิณนึกว่าครูพิธาจะไม่ยอมมาเที่ยวกับอคิณซะแล้ว” เด็กชายถาม

              “มาสิครับอคิณ! ครูสัญญาไว้แล้วนี่นาว่าจะมาก็ต้องมาครับ” เขานั่งลงเอื้อมมือไปยีผมลูกศิษย์ตัวน้อย ปรายตาไปมองคนเป็นแม่ด้วย “จะถ่ายรูปกันเหรอ มาครูถือกล้องให้ครับ คุณลีเข้าไปถ่ายรูปกับอคิณกับคุณวินเลยครับ ผมถือกล้องให้เอง” เขายื่นมือขอกล้องถ่ายรูปกับอัญชลี สาวเจ้าจ้องหน้าของเขา ส่วนเขาพยักหน้าขอกล้องอีกครั้ง ในที่สุดอัญชลีก็ยอมทำตามแต่โดยดี

              สองคนแม่ลูกพร้อมกรอบรูปของคนเป็นพ่อถ่ายรูปด้วยกัน พิธาเป็นตากล้องให้เอง ถ่ายรูปของอัญชลีกับลูกชายบ้าง อัญชลีกับรูปของปวินบ้าง สลับกันไปก่อนที่เขาจะคืนกล้องให้เจ้าของเมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้ว

              “คุณพิสิฐกับน้องวาอยู่ที่สระว่ายน้ำค่ะ” อัญชลีกล่าว เขาหันไปมองเห็นพิสิฐน้องชายกับแฟนสาวกำลังโบกมือทักทายตนเองอยู่ ทว่าเขาก็ไม่สนใจ คนตรงหน้าต่างหากที่เขาสนใจ อยากอธิบายและขอโทษมาก ๆ ทว่าอัญชลีก็ไม่เปิดโอกาสให้เลย

              “คุณลีกับอคิณรอผมนานมั้ยครับ พอดีว่าผม..”

              “ไม่เป็นไรค่ะ!” อัญชลีพูดแทรก “คุณพิธาไม่ต้องอธิบายอะไรกับลีหรอก ลีเข้าใจ! แล้วนี่แฟนคุณไม่มาด้วยเหรอคะ” อัญชลีถามด้วยรอยยิ้ม แต่ทำไมภายในใจต้องระส่ำระสาย วิน!ตนเองยังรักวินอยู่และวินก็มาด้วย จะไปโกรธผู้ชายคนนี้ทำไม ยิ้มให้ครูหนุ่มเหมือนไม่มีอะไร

              เขาเผยยิ้มที่มุมปาก “คุณกวิตาเหรอครับ เธอจะมากับผมทำไม เธอไม่ได้เป็นอะไรกับผมสักหน่อย “ เขาตอบ

              “จะไปรู้เหรอคะ เห็นวันก่อนเกาะแขนกันแน่นเชียว” อัญชลีพูดมาแบบนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจอะไรบางอย่าง อะไรที่เขาแอบคิดเข้าข้างตนเองตั้งแต่วันที่กวิตาไปที่โรงเรียน เผยยิ้มด้วยเก็บอาการเอาไว้ไม่ไหว “คุณหัวเราะทำไมคะ หัวเราะลีเหรอ”

              “อ้อ.. เปล่าครับเปล่า! ผมยิ้มเฉย ๆ ที่ตามคุณลีมาเจอจนได้ นึกว่าจะตามมาไม่เจอซะแล้ว” รีบแก้ตัว นึกว่าอัญชลีจะโกรธจนไม่ยอมคุยด้วยเสียอีก

              “คุณแม่ครับ” จู่ ๆ เด็กชายก็เรียกคนเป็นแม่หลังจากที่ดูรูปในกล้อง

              “ครับ! ว่าไงลูก” อัญชลีหันไปพูดกับลูกชาย ลืมถามเรื่องพิสิฐไปเสียสนิท

              “ยังไม่มีรูปครูพิธาเลย ครูพิธายังไม่ได้ถ่ายรูปเลยครับ” เด็กชายพูดไปตามที่คิด ตามความเป็นจริง เพราะในกล้องมีเพียงรูปตนเองกับแม่และพ่อ รูปครูประจำชั้นยังไม่มีสักรูป

              อัญชลีหันมายิ้มให้กับครูหนุ่ม “ว่ายังไงคะ” ถามพิธาที่นั่งในข้าง ๆ นั่งในเสื่อผืนเดียวกัน “สักรูปนะคะ อคิณถ่ายรูปให้”

              พิธายอมทำตามลูกศิษย์ทันที เพราะรักแม่ของลูกศิษย์“ครูต้องนั่งหันหน้าไปตรงไหน” เขาพูดกับลูกศิษย์ เล่นด้วยกันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เด็กชายถ่ายรูปให้กับพิธา

              “เหลือรูปของคุณแม่กับครูพิธา” เด็กชายกล่าว เมื่อดูว่าทั้งแม่และครูประจำชั้นยังไม่มีรูปคู่กันเลยตามความคิดแบบเด็ก ๆ “คุณแม่นั่งชิด ๆ กับครูพิธาหน่อยครับ” ทั้งเขาและเธอต่างตกใจกับคำพูดของเด็กชาย “ครูพิธายังไม่ได้ถ่ายรูปกับคุณแม่เลย กับอคิณด้วย กับอาวากับอาสิฐ” เด็กชายพูดตามความเป็นจริง ทว่าคนที่แอบชอบใจเห็นจะเป็นครูประจำชั้นของตนเองนั่นแหละ และ คนที่เลิ่กลั่กก็คือคนเป็นแม่นั่นเอง

              “เอ่ออคิณครับไม่เป็นไรครับ! ครูไม่ถ่ายรูปก็ได้ ครูถ่ายรูปแค่กับอคิณก็พอนะ” เขารีบปฏิเสธเกรงใจอัญชลี ความจริงคอยลุ้นว่าลูกศิษย์ตัวน้อยจะช่วยให้เขาสมหวังอีกหรือไม่ เช่นหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา

              ส่วนอัญชลีอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าลูกชายตัวดีจะทำแบบนี้ ทว่าอคิณก็ไม่ผิดอะไร อคิณไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่ จึงไม่ปฏิเสธคำสั่งของลูกชาย ยอมทำตามแต่โดยดี

              “คุณแม่ขยับ ๆ ไปอีก ชิด ๆ ครูพิธาขยับมาสิครับ” เด็กชายสั่ง พร้อมถอนหายใจด้วย ทำเอาคนเป็นแม่กับคนเป็นครูหันมายิ้มให้กัน

              “ชิดพอหรือยังครับ” เขาพูดพร้อมขยับตัวนิดหน่อย หันหน้าไปมองสาวเจ้าด้วยสายตาขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ โดนอคิณมัดมือชก ซึ่งภายในใจกำลังขอบคุณลูกศิษย์ตัวน้อยมาก ๆ เลยล่ะ

              “มันมีช่องว่าง ไม่ต้องให้มีช่องว่าง ขยับเข้ามาอีก” ไม่พูดเฉยเด็กชายดันผู้เป็นแม่กับคุณครูเข้าหากัน จากนั้นก็กดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้ทั้งสองคน แล้วเปลี่ยนมาเป็นตนเองถ่ายรูปกับคุณครูบ้างให้คนเป็นแม่ถือกล้อง

              …………………………………….
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่