ขอจองได้ไหมหัวใจดวงนี้…..บทที่ 5

กระทู้สนทนา

.

               ภายในห้างสรรพสินค้าตอนเย็นแบบนี้ ผู้คนก็ยังหนาแน่นในการมาเดินจับจ่ายใช้เงิน พิธาพาสองแม่ลูกมาเดินเล่นฆ่าเวลาระหว่างที่รอช่างตามที่พูดเอาไว้ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก วันนี้ถือว่าขยับมาอีกขั้นกับความสัมพันธ์ของตนเองกับอัญชลี ของตนเองเพียงฝ่ายเดียว ไม่รู้เลยสำหรับสาวเจ้าคิดเช่นไร

               “อคิณอยากทานพิซซ่าใช่มั้ย เดินไปนู่นเลยครับ” เขาพูดกับลูกศิษย์ตัวน้อย ชี้มือบอกเมื่อเห็นร้านพร้อมหันมายิ้มให้คนเป็นแม่อีกด้วย ส่วนเด็กชายตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

                “อคิณดูทำเข้า แม่กับอาวาก็พามาทานอยู่นะครับวันก่อนอ่ะ” หันไปเอ็ดลูกชายเบา ๆ ที่ตื่นเต้นออกนอกหน้านัก ไม่เกรงใจคุณครูเอาเสียเลย ถ้าไม่เห็นแก่ลูกชาย และ รถดันมาเสียตนเองคงไม่ยอมตามใจพามาแบบนี้แน่ ๆ เกรงใจอย่างบอกไม่ถูก

                “คุณอัญชลีอย่าไปดุอคิณเลยครับ ตามประสาเด็กน่ะ อีกอย่างไม่ต้องเกรงใจด้วยผมเต็มใจครับ” เขาตอบ โดนสาวเจ้ามองมาด้วยสายตาไม่เข้าใจ และ มีคำถามมากมาย “เอ่อ… เป็นผู้ปกครองคนอื่น ๆ นักเรียนคนอื่น ๆ ผมก็เต็มใจทำแบบนี้ครับ ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู แฮะ ๆ ” เขาพูดปนยิ้มก่อนจะเฉไฉหันไปคุยกับลูกศิษย์กลบเกลื่อน จูงมือกันเดินเข้าไปในร้านพิซซ่า ปล่อยให้อัญชลีเดินตามหลังมา

              เข้ามาภายในร้านเด็กชายจัดการสั่งเมนูเองโดยไม่ต้องบอก เพราะทานเป็นประจำ  “อคิณชอบพิซซ่ามากเลยนะคะ วันหยุดฉันต้องสั่งให้ทานประจำเลย ไม่ค่อยได้พาออกมาแบบนี้สักเท่าไหร่” ขณะยืนรอเมนูที่สั่ง อัญชลีพูดถึงลูกชายตัวน้อยด้วยความรัก พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะเบา ๆ

              “ครับ ! “ พิธาตอบเบา ๆ สั้น ๆ เช่นกัน พร้อมรอยยิ้มและสายตาเป็นประกาย ตอนนี้เขาตื่นเต้นเขินไปหมดแบบบอกไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกับเธอได้อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้

               “ตอนท้องอคิณฉันชอบทานพิซซ่ามากเลยนะคะ พอโตมาอคิณกลายเป็นคนชอบทานพิซซ่าไปเลย” อัญชลีพูดถึงลูกชายด้วยรอยยิ้ม ทว่าแววตาต้องหม่นลงเมื่อนึกถึงคนเป็นสามีที่จากไปแล้ว จากนั้นก็เงียบไปไม่พูดต่อ

               เขายิ้มให้เธอไม่กล้าถามอะไรทั้งนั้น “ปะได้แล้วหาที่นั่งกันเถอะครับ เดินนำครูไปเลยครับอคิณ จะนั่งโต๊ะไหนเอ่ย” ทำตัวสดใสเข้าไว้กับลูกชายของเธอ ไม่อยากให้เศร้าหรือนึกถึงอะไรในตอนนี้

              เมื่อได้เมนูที่สั่งเรียบร้อย ทั้งสามเดินเลือกมุมนั่งทานที่คิดว่าเหมาะที่สุด เลือกมุมที่ไม่ค่อยมีคนนั่งสักเท่าไหร่จะได้เงียบ ๆ ดี หลังจากทานพิซซ่าเสร็จก็จะพาอคิณไปเล่นเครื่องเล่นต่อสักหน่อยในระหว่างที่รอช่างมาทำรถ ขณะนั้นนี้เขามองเห็นความกังวลซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่แสนหวานนี้ รอยยิ้มที่ละมุนมันกลบเกลื่อนความกังวลของเธอไม่ได้เลย
      
                ……………………………………..

               “สิฐคะรถลูกค้าของคุณอยู่ในโรงเรียนนี้เหรอ” ปีรติถามแฟนหนุ่ม วันนี้ขอตามแฟนมาด้วยคน ที่ถามเพราะนี่มันโรงเรียนหลายชายของตนเอง จึงดูสนใจเป็นพิเศษ

               “ครับ พี่พิธาบอกว่ารถจอดอยู่ในโรงเรียน สงสัยเป็นรถของครูที่นี่แหละ” พิสิฐตอบพร้อมขับรถเข้ามาภายในโรงเรียน มองหาจุดจอดรถคันที่เสียตามที่พิธาคนเป็นพี่ชายบอกเอาไว้ และ มีคนดูแลอยู่คือภารโรงของที่นี่

                “โรงเรียนของอคิณลูกพี่ชายของวาเอง” เธอพูดปนรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงหลายชายตัวน้อยที่แสนซนเพียงคนเดียวของตนเอง

               “ลูกพี่วินใช่มั้ย ที่วาเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ” เขาพูด ไม่เคยเห็นพี่ชายและหลานชายของปีรติเลย รู้จักเท่าที่ปีรติเล่าให้ฟังเท่านั้น เขาพึ่งจะคบหากับปีรติได้เพียงไม่กี่เดือนมานี่เอง

               “ช่าย !” ปรีติพยักหน้า “นั่นไงใช่คันนั้นหรือเปล่าคะ” ปีรติชี้มือไปยังรถที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนออกไปพิธากับภารโรงได้ช่วยกันเข็นมาจอดไว้ตรงนี้

             “น่าจะใช่นะครับ เดี๋ยวผมโทรถามพี่พิธาก่อนว่าใช่หรือเปล่า” เขาขับรถมาจอดใกล้ ๆ กับรถคันที่ว่าพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือโทรถามพี่ชาย ได้ความว่าเป็นรถคันนี้จริง ๆ จากนั้นทั้งสองคนจึงลงไปดูความเรียบร้อยและทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้

               ปีรติเดินวนไปวนมาด้วยความสงสัย ข้องใจว่าใช่หรือเปล่า ทุกอย่างของรถคันนี้มันคุ้นตามาก ๆ “วาเป็นอะไรเห็นเดินวนไปวนมากับรถคันนี้หลายรอบแล้วนะ” โดนพิสิฐแฟนหนุ่มถาม

                 “สิฐ… วาว่ารถคันนี้มันคุ้น ๆ นะ มันคุ้นตามาก !” ปิรติขมวดคิ้วพูดด้วยความสงสัย รถคันนี้มันคุ้นตามากจริง ๆ เหมือนกับรถยนต์ของอัญชลีมาก

               พิสิฐหัวเราะ “วาจะคุ้นตาได้ยังไงครับ ผมยอมบอกก็ได้ นี่รถแฟนพี่ชายผมเอง วาเคยเจอที่ไหนเหรอ” พิสิฐพูดปนหัวเราะให้กับแฟนสาวของตนเอง รถคันนี้เป็นรถแฟนของพิธาพี่ชายของตนเอง ๆ ไม่ใช่รถของครูที่นี่หรอก

                 “เหรอคะ ! รถแฟนพี่พิธาเหรอ แต่วาคุ้นมากนะ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นรถแฟนพี่พิธา วาจะคิดว่าเป็นรถของพี่ลีนะเนี่ย พี่ลีพี่สะใภ้ของวาอ่ะ” สาวเจ้าพูดด้วยความค้างคาใจ ทว่าเมื่อแฟนหนุ่มยืนยันว่าไม่ใช่ก็น่าจะไม่ใช่จริง ๆ นั่นแหละ เธอเองก็ดันจำทะเบียนรถของพี่สะใภ้ไม่ได้เสียด้วย จำได้ก็คงจะดีกว่านี้คงหายค้างคาใจ

               “พี่ลีที่วาบอกว่าเป็นภรรยาของพี่วินใช่มั้ย “ พิสิฐถาม ตอนนี้ก็เริ่มคิดบ้างแล้วเนื่องจากปีรติพึ่งบอกว่าอคิณหลานชายก็เรียนที่นี่ แถมพี่ชายก็เป็นคุณครูสอนที่นี่อีก แต่มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น “ไม่ใช่หรอก ! พวกเขาจะมารู้จักกันได้ยังไงครับคุณวา มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้งตัวเอง” พูดแซวแฟนสาว

               “ว่าไม่ได้นะตัวเอง อคิณก็เรียนที่นี่ พี่พิธาก็เป็นครูที่นี่อีก แต่ว่ามันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกเนอะ” ปีรติมองโลกในแง่ดี ถึงความบังเอิญมีจริงก็คงไปขวางอะไรอัญชลีไม่ได้ ปวินพี่ชายของตนเองก็เสียไปหลายปีแล้ว พิสิฐโทรรายงานแก่พิธาว่ารถเรียบร้อยแล้วกลับมารับได้เลย

              ………………………………….

                     “คุณอัญชลีครับ ตอนนี้ไอ้เจ้าพิสิฐน้องชายของผมมันมาดูรถให้แล้วนะครับ เสร็จแล้วด้วย ทานเสร็จจะพาอคิณกลับเลยมั้ยครับ หรือ จะพาไปเล่นเครื่องเล่นต่อดี” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมปรายตาไปมองลูกศิษย์ตัวน้อยขอความช่วยเหลือ อยากให้อัญชลีสบายใจ ทว่าก็ยังอยากอยู่ต่อด้วยนาน ๆ จึงเน้นคำว่าเครื่องเล่นตอนท้ายประโยค

               “คุณแม่… คุณแม่พาอคิณไปเล่นเกมก่อนได้มั้ยอ่ะนะครับ” เด็กชายหันมาอ้อนคนเป็นแม่ ส่วนเขาแอบยิ้มกริ่มดีใจที่มีตัวช่วยแบบไม่ต้องร้องขอ “ครูพิธาพาอคิณไปขับรถได้มั้ย” เด็กชายหันมาหาตัวช่วย เพราะอยากเล่นเกมตามประสา หารู้ไม่ว่าเข้าทางของอีกคน

              “ได้สิครับ ! แต่ต้องขอคุณแม่ก่อนนะ คุณแม่จะอนุญาตให้ครูพาไปหรือเปล่า” หันมามองหน้าอัญชลีอีกรอบ ลุ้นว่าสาวเจ้าจะยอมหรือไม่

              “ตามใจก็ได้ค่ะ อคิณนะอคิณ ถ้าพ่อ ๆ ยังอยู่อคิณมีหวังโดนพ่อ ๆ ดุไปแล้วรู้มั้ยครับ ไม่เกรงใจคุณครูเลย จะมางอแงแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ได้นะครับรู้มั้ย ครั้งนี้แม่ ๆ ยอมนะ แต่ครั้งต่อไปไม่ทำแบบนี้นะ สัญญากับแม่ ๆ ก่อนแล้วแม่ ๆ จะอนุญาต” ค่อนขอดเบา ๆ ให้กับลูกชาย ส่วนเขาและลูกศิษย์ตัวน้อยต่างยิ้มดีใจกันคนละความรู้สึก

                “บอกแล้วไงครับว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องดุอคิณหรอกครับ กับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ผมก็ไม่เป็นไรเหมือนกันไม่ใช่เพียงอคิณคนเดียว คุณอัญชลีสบายใจเถอะนะครับ ไม่ถือว่าเป็นการรบกวนผมเลยสักนิด “ เขาพูดไม่อยากให้เธอเกรงใจ ไม่อยากให้กังวลหรือไม่สบายใจเลยสักนิดเดียว ทั้งหมดเขาเต็มใจที่สุด “ดีออกทำให้ผมได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ทั้งชีวิตอยู่แต่กับโรงเรียนแล้วก็วัดกับหลวงลุงแค่นั้น”

              “จริงเหรอคะ” สาวเจ้าถาม คนอย่างเขานี่หรือไม่ค่อยได้ไปไหน หน้าตาก็ถือว่าดีคนหนึ่ง สาว ๆ คงมิวายว่างเว้น

              “จริง ๆ นะครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อสัมผัสถึงความไม่เชื่อของเธอ มันคือเรื่องจริงเขาก็ไม่รู้จะยกใครมายืนยันให้เธอเชื่อใจได้

                เขาเริ่มไม่เขินเธอเหมือนช่วงแรก ๆ มีเรื่องมาชวนคุยมากมาย คนที่มองเข้ามาคงจะคิดว่าเป็นพ่อแม่ลูกกัน เขาอยากให้คิดแบบนั้น และ อยากเป็นแบบนั้น แอบมองสองแม่ลูกคุยกันบางจังหวะแอบยิ้มให้ สุดท้ายต้องรีบหุบยิ้มเมื่อถูกเจ้าตัวจับได้ ทั้งสองคนน่ารักดี เขาไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้นัก เพราะทั้งชีวิตโตมากับหลวงลุง

             หลังจากทานพิซซ่ากันอิ่มแล้วจึงทำตามสัญญาที่ให้ไว้ โดยพาเด็กชายอคิณไปเล่นเครื่องเล่น จากนั้นก็จะกลับไปเอารถของเธอที่โรงเรียน เด็กชายมีความสุขมาก ๆ ที่ได้เล่นเกมขับรถที่ตนเองชอบ ส่วนเขาและเธอนั่งคอยอยู่ใกล้ ๆ

              “ดูอคิณมีความสุขมากเลยนะครับ” เขาพูดขณะมองไปที่ลูกศิษย์กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องเล่นอยู่ “คุณอัญชลีต้องพาอคิณมาบ่อย ๆ แล้วล่ะครับงานนี้” พูดแซวเล่นเมื่อเห็นอคิณเล่นเครื่องเล่นอย่างเมามัน

               อัญชลียิ้มก่อนจะตอบ “ฉันไม่ค่อยพาลูกมาทำอะไรแบบนี้ค่ะ ทำแต่งานและก็ชอบอยู่ติดบ้าน อคิณคงอยากเล่นมานานแล้ว นาน ๆ ฉันถึงจะพาลูกมาทีค่ะ” รู้สึกผิดลึก ๆ อยู่เหมือนกันที่ไม่ค่อยพาลูกมาเปิดหูเปิดตาแบบนี้บ่อยเท่าที่ควร

               “ครับ” เขาตอบเพียงสั้น ๆ อยากอาสาเป็นคนพามาเองก็ไม่กล้า ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดออกไปแบบไหน “ทำไมถึงไม่ค่อยได้พามาครับ” ถือวิสาสะถาม

                “ตั้งแต่พ่อของอคิณเสียฉันก็ไม่อยากพาลูกออกไปไหนเลยค่ะ ไม่รู้สิไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ไม่อยากพาลูกไปไหนไกล ๆ เลย กลัว ! กลัวอย่างบอกไม่ถูก ” เธอปรายตามองลูกชายขณะเล่นเครื่องเล่นอยู่ แต่ภายในใจกลับนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ไม่อยากจำเสียอย่างนั้น อุบัติเหตุครั้งนั้น !

                “ครับผมเข้าใจคุณลี เอ้ย คุณอัญชลีครับ ไม่ต้องเล่าให้ผมฟังก็ได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี” เธอหันมามอง สติกับมาเหมือนเดิมพร้อมยิ้มกลั้วหัวเราะให้กับเขา

               “เรียกลีเฉย ๆ ก็ได้ค่ะไม่เป็นไร” สาวเจ้ายิ้มให้ รอยยิ้มนั้นช่างละมุนหัวใจของเขาที่สุด

                “ผมขอเรียกคุณอัญชลีว่าลีเฉย ๆ นะครับ และ ผมอยากจะขอให้คุณลีเรียกผมว่าพิธาเฉย ๆ ได้มั้ยครับ ไม่ต้องเรียกคุณครูก็ได้” เขายิ้มให้คนตรงหน้า อยากสร้างความสนิทกับสาวเจ้าให้มากกว่านี้ ไม่อยากมีช่องว่างระหว่างกัน โดยมีสถานะเข้ามากั้นกลางด้วยคำว่าคุณครู

              “เอางั้นเหรอคะ !” เธอเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม เริ่มรู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้บ้างแล้วเหมือนกัน ถึงจะเจอกันทุกวันแค่ไม่กี่นาทีในช่วงที่มารับมาส่งลูกชายที่โรงเรียน ก็พอจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจของผู้ชายคนนี้อยู่บ้าง “แต่คุณครูเป็นครูประจำชั้นของลูกฉันนะคะ “

              “เอาแบบนั้นล่ะครับ ! ไม่เป็นไรเลยถึงอยู่ในโรงเรียนก็ไม่เป็นไร” เขาพูดปนยิ้มเขิน ๆ ให้กับเธอ อยากสร้างความสนิทให้มากขึ้นไปอีก ไม่อยากเป็นแค่เพียงคุณครูและผู้ปกครอง อยากจะเป็นมากกว่านี้จริง ๆ

              “นี่คุณครู เอ้ย คุณพิธาคงให้ผู้ปกครองคนอื่น ๆ เรียกแบบนี้ด้วยมั้ยคะ” อัญชลีหัวเราะกับคำอุทานของตน เขาเองก็หัวเราะตาม ชอบใจที่สุดท้ายก็สร้างความเป็นกันเองกับเธอได้สำเร็จอีกขั้น

               “แน่นอนครับ ผมให้ผู้ปกครองทุกคนเรียกผมแบบนี้” เขาตอบ ทว่าแท้จริงแล้วมีอัญชลีเพียงคนเดียวที่ได้เรียกเขาแบบนี้ต่างหาก

                “งั้นในเมื่อคุณพิธาให้ความเป็นกันเองกับฉันกับอคิณ ฉันขอคืนความเป็นกันเองให้คุณบ้าง โดยขอแทนตัวเองกับคุณพี่ธาว่าลีนะคะ” เธอพูดปนยิ้มให้กับเขา มีหรือเขาจะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ รีบตอบตกลงด้วยความดีใจที่สุด

               แม้ความสัมพันธ์ของเขากับเธอจะขยับไปได้เพียงเท่านี้ ยังอยู่ภายใต้ฐานะผู้ปกครองกับคุณครูประจำชั้นก็ตาม ทว่าเท่านี้ก็ถือว่ามาไกลแล้ว ที่เหลือเขาจะขอเดินหน้าต่อไป จะขอทำตามหัวใจของตนเองอีกครั้ง แม้ผลลัพธ์ที่ได้จะล้มเหลวเมื่อถึงวันนั้นก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็อยากจะขอจองหัวใจของเธอมาเป็นของเขาเหลือเกิน คุณแม่ลูกติด…

จบบท…

https://ppantip.com/topic/40957944…..บทที่ 4
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่