พระพุทธเจ้าท่านไม่อยู่แล้ว เวลาเกิดปัญหาจะไปถามใคร
ตำราก็ไม่ได้บอกได้หมดทุกอย่างได้แค่บอกทางไว้เป็นกลางๆ แล้วแต่ใครจะหยิบเอาส่วนไหนไปใช้
พระอริยะสงฆ์จึงมีส่วนสำคัญมากในการรักษาพระศาสนาในยุคปัจจุบัน
ไม่ใช่พุทธบริษัท 4 ที่เป็นปุถุชน ที่มีกิเลสหนามากจะมารักษาศาสนา
ซึ่งมีแต่จะทำให้ศาสนาเสื่อมลงๆ เพราะความหลงทะนงตน ว่าตนเองรอบรู้เรื่องศาสนา ทั้งๆ ที่ตนเองยังไม่ได้ 1 ใน 4
ดังนั้นควรดูตัวอย่างพระอริยะสงฆ์ในยุคปัจจุบันเป็นตัวอย่างท่านทำอะไรบ้าง
อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ใช่ไปนั่งท่องตำราแล้วมาเที่ยวอวดว่า
พระพุทธเจ้าบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนว่า มานั่งจับผิดพระสงฆ์
เรื่องของพระต้องให้พระอริยะสงฆ์ท่านตัดสินหรือสั่งสอน
ถ้าให้ฆราวาสหรือพระปุถุชน ที่ท่องตำรามา แต่ไม่บรรลุ 1 ใน 4
มาจัดการสงฆ์ จะเกิดความวุ่นวายในหมู่สงฆ์
ดังที่มีฆราวาสหลายๆ คน พยายามทำพยายามอ้างคำพระพุทธเจ้าแล้วมาจัดการสงฆ์
จะปราบพระ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ใช่พระ และไม่ได้รับมอบหมายหรือมีหน้าที่โดยตรง
สมัยนี้ควรยึดแบบอย่างครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก
เพราะท่านผ่านการฝึกฝนมาขัดเกลาจิตใจมาอย่างดีแล้ว
และเป็นลูกศิษย์สายตรงของพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
สามารถสั่งสอนให้เราเป็นคนดีได้ เพราะยังมีชีวิต และเป็นตัวบุคคลจริงๆ
ไม่ใช่ตำราที่เป็นเพียงแค่แผนที่หรือตัวหนังสือ
ที่อ่านแล้วไม่จำ ปฏิบัติจริงไม่เป็น ไม่ได้ หรืออ่านแล้วตีความเข้าข้างกิเลสตนเองเป็นต้น
ปุถุชนอ่านตำราไม่มีทางเข้าใจได้ตรงได้ถูกหรือตีความได้ถูก
ดังนั้นจึงไม่ควรอ่านตำราเอง โดยไม่ปฏิบัติหรือสอบถามกับพระอริยะสงฆ์
สรุป พระอริยะสงฆ์มีบทบาทอย่างมากในยุคปัจจุบัน อย่ามองข้ามท่าน
หรือปรามาสเพราะไม่ตรงตามตำรา ไม่งั้นท่านอาจจะพลาดของดีไป
สมัยนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว ตำราก็เป็นกลางๆ ก็ต้องยึดพระอริยะสงฆ์ที่เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าแทน
ตำราก็ไม่ได้บอกได้หมดทุกอย่างได้แค่บอกทางไว้เป็นกลางๆ แล้วแต่ใครจะหยิบเอาส่วนไหนไปใช้
พระอริยะสงฆ์จึงมีส่วนสำคัญมากในการรักษาพระศาสนาในยุคปัจจุบัน
ไม่ใช่พุทธบริษัท 4 ที่เป็นปุถุชน ที่มีกิเลสหนามากจะมารักษาศาสนา
ซึ่งมีแต่จะทำให้ศาสนาเสื่อมลงๆ เพราะความหลงทะนงตน ว่าตนเองรอบรู้เรื่องศาสนา ทั้งๆ ที่ตนเองยังไม่ได้ 1 ใน 4
ดังนั้นควรดูตัวอย่างพระอริยะสงฆ์ในยุคปัจจุบันเป็นตัวอย่างท่านทำอะไรบ้าง
อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ใช่ไปนั่งท่องตำราแล้วมาเที่ยวอวดว่า
พระพุทธเจ้าบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนว่า มานั่งจับผิดพระสงฆ์
เรื่องของพระต้องให้พระอริยะสงฆ์ท่านตัดสินหรือสั่งสอน
ถ้าให้ฆราวาสหรือพระปุถุชน ที่ท่องตำรามา แต่ไม่บรรลุ 1 ใน 4
มาจัดการสงฆ์ จะเกิดความวุ่นวายในหมู่สงฆ์
ดังที่มีฆราวาสหลายๆ คน พยายามทำพยายามอ้างคำพระพุทธเจ้าแล้วมาจัดการสงฆ์
จะปราบพระ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ใช่พระ และไม่ได้รับมอบหมายหรือมีหน้าที่โดยตรง
สมัยนี้ควรยึดแบบอย่างครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก
เพราะท่านผ่านการฝึกฝนมาขัดเกลาจิตใจมาอย่างดีแล้ว
และเป็นลูกศิษย์สายตรงของพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
สามารถสั่งสอนให้เราเป็นคนดีได้ เพราะยังมีชีวิต และเป็นตัวบุคคลจริงๆ
ไม่ใช่ตำราที่เป็นเพียงแค่แผนที่หรือตัวหนังสือ
ที่อ่านแล้วไม่จำ ปฏิบัติจริงไม่เป็น ไม่ได้ หรืออ่านแล้วตีความเข้าข้างกิเลสตนเองเป็นต้น
ปุถุชนอ่านตำราไม่มีทางเข้าใจได้ตรงได้ถูกหรือตีความได้ถูก
ดังนั้นจึงไม่ควรอ่านตำราเอง โดยไม่ปฏิบัติหรือสอบถามกับพระอริยะสงฆ์
สรุป พระอริยะสงฆ์มีบทบาทอย่างมากในยุคปัจจุบัน อย่ามองข้ามท่าน
หรือปรามาสเพราะไม่ตรงตามตำรา ไม่งั้นท่านอาจจะพลาดของดีไป