.
กลับมาจากพาอัญชลีกับลูกชายไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ทำเอาเขายิ้มไม่หุบ ความสุขที่หายไปมันกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ลืมไปนานมันกลับมาให้รู้สึกอีกรอบ
“ยิ้มเหม่ออะไรครับคุณครูพิธา” ถวิลภารโรงวัยห้าสิบถามครูหนุ่มที่พึ่งย้ายมาใหม่ ตั้งแต่ส่งสองแม่ลูกคู่นั้นกลับก็เห็นยิ้มไม่หุบสักที ด้วยความที่อายุเยอะกว่า ผ่านอะไรมามากมายกว่า จึงเข้าใจในแววตาของครูหนุ่ม ที่มองผู้ปกครองของลูกศิษย์ว่าคิดเช่นไร
“เอ่อ เปล่าครับ” พิธารีบตอบทันควัน เขินนิดหน่อยที่โดนจับได้ หลังจากยืนส่งสองแม่ลูกขับรถออกจากโรงเรียน เขายังไม่คิดจะกลับบ้านในทันที อยากจะไปหาอะไรดื่มย้อมใจดีกว่า
“คุณครูผมรู้ ! ผมดูออกน่า” ภารโรงของโรงเรียนพูดกระเช้าเย้าแหย่ “ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าเธอโสดแค่ลูกติด แต่ถ้าเธอมีสามีอยู่แล้วผิดเต็ม ๆ “ พูดกลั้วยิ้มให้กับชายหนุ่ม ทำไมเขาจะดูไม่ออก เห็นมาหลายวันแล้วระหว่างครูพิธากับสองแม่ลูกคู่นี้ ท่าทางดูสนิทกันต่างจากผู้ปกครองคนอื่น ๆ
“พูดอะไรครับพี่ถวิล ผมแค่อาสาดูแลอคิณรอเธอมารับเท่านั้นเอง” เขาพูดแก้ตัว แม้ถวิลภารโรงจะเดาถูกก็เถอะ “เธอบอกผมว่าบางวันก็งานยุ่งน่ะ วันไหนมารับช้าก็เลยวานผมให้ดูแลอคิณรอ นี่ไม่ใช่กรณีพิเศษนะ นักเรียนคนอื่น ๆ ผมก็ดูแล มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วน่า”
“คร๊าบ ! คุณครูจะร้อนตัวทำไมเนี่ย “ เขาพูดพร้อมยิ้มให้ครูหนุ่ม ครูทุกคนในโรงเรียนเขารู้สึกว่าครูคนนี้แหละอัธยาศัยดีที่สุด เขาจึงมักจะพูดคุยถามไถ่เป็นพิเศษกว่าใคร ๆ หากมีโอกาส เช่นวันนี้ “ครูพิธาผมว่าเธอโสดนะครับ คิดเหมือนผมมั้ยครับ เพราะวันไหนที่เธองานยุ่งมารับลูกชายช้า ไม่เห็นเธอจะให้สามีมารับแทนเลย มารับเองตลอด” ถวิลภารโรงออกความคิดเห็น อย่างน้อยคนเป็นพ่อต้องมารับสักครั้ง
พิธาแกล้งพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ทำเป็นไม่รู้อะไร “พี่ถวิลคิดแบบนั้นเหรอครับ นั่นสินะ ไม่เห็นสามีของเธอมารับแทนเลย” แกล้งทำท่าครุ่นคิด
“ถ้าเป็นแบบนั้นทางสะดวกครับคุณครู ไม่ผิด ! ไม่ต้องกลัวผิดกฎโรงเรียนด้วย” ถวิลพูดด้วยท่าทางจริงจัง ทำเอาเขาหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางจริงจังของภารโรงประจำโรงเรียนนี้ ที่เห็นจะชอบทักทายพูดกับเขาเป็นที่สุด บังเอิญเจอหน่อยไม่ได้เป็นชวนคุยทุกที
“ยังไงครับ ! “ พิธาแกล้งถาม
“จีบเลยครับคุณครู เชื่อผม ! ผมดูสายตาครูออกน่าอย่าเถียงผมเลย ผู้หญิงลูกติดไม่น่าเกียจนา ดูอยากเมียผมสิมีลูกมาแล้วสองคน ผมยังรักและรับได้เลย” ภารโรงเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง พิธาทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก็ยิ่งเพิ่มความอยากเล่าให้แก่ภารโรงขี้โม้คนนี้ไปอีก ถวิลเป็นคนชอบขี้โม้แต่จริงใจ “เมียผมก็นิสัยดี ลูก ๆ ของเธอก็น่ารัก ยอมรับในตัวผมได้ เสียอย่างเดียวขี้บ่นไปนิด และที่สำคัญ” ถวิลเดินมาจะทำท่ากระซิบกระซาบ พิธาเอียงหูไปฟัง “เก่งประสบการณ์”
“เฮ้ยพี่ถวิลบ้าแล้ว ! พูดอะไรเนี่ย “ เขาอุทานกับสิ่งที่ได้ยิน ส่วนถวิลภารโรงหัวเราะชอบใจใหญ่ “กลับแล้วนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบก็รีบเดินจากไป ไม่อย่างนั้นภารโรงถวิลได้ชวนพูดทะลึ่งแน่ ๆ
……………………………………..
“กลับมาถึงบ้านเราสักทีนะครับอคิณ “ พูดพร้อมเปิดประตูลงจากรถเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ในที่สุดก็กลับมาถึงบ้านสักที อยู่กันสองคนแม่ลูก “แม่ ๆ ขอโทษนะที่พาลูกกลับมาถึงบ้านช้าน่ะ มีพ่ออยู่ด้วยก็ดี” พูดลอย ๆ ปนยิ้มกับรูปในหน้าจอโทรศัพท์ระหว่างเดินเข้าบ้านไป ถึงแม้ตัวของปวินจะจากไปแล้วทว่าไม่เคยหายไปจากใจของเธอผู้เป็นภรรยาเลย
“อคิณครับมาถึงบ้านแล้วอาบน้ำเลย วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ” จ้องมองลูกชายด้วยความรัก วันนี้ต้องอบรมกันใหม่สักหน่อย เรื่องวันนี้ที่ห้างกับคุณครูพิธานั่นแหละ
“อคิณไม่คุยกับแม่ ๆ อคิณจะไปคุยกับคุณพ่อ” เด็กชายรู้ทันว่าต้องโดนแม่ดุแน่ ๆ จึงเฉไฉไปเรื่องอื่น ให้พ่อช่วยดีกว่า เดินไปหยุดยืนที่หน้ารูปของพ่อ เด็กชายจำหน้าพ่อของตนเองไม่ได้เลย เพราะพ่อเสียไปตั้งแต่เล็ก ๆ โตมาพอรู้เรื่องก็เห็นเพียงรูปภาพแบบนี้ และ แม่เล่าให้ฟังบ้าง
“พ่อครับวันนี้อคิณสนุกมากเลย ครูพิธากับแม่พาอคิณไปเล่นเกมด้วย กินพิซซ่าด้วยพ่อ ๆ อยากกินมั้ยครับ” เด็กชายยืนเท้าสะเอวคุยกับรูปพ่อ อัญชลีมองด้วยความสงสารปนเอ็นดู ในความกลัวโดนดุของลูกชาย “ครูพิธาใจดีด้วย พ่อไม่ต้องดุครูพิธานะ และ พ่อก็ไม่ต้องดุอคิณนะครับ” คราวนี้อัญชลีถึงกับหัวเราะออกมาทันทีที่ลูกชายพูดจบ
“พ่อไม่ดุแต่แม่ ๆ ดุนะครับ”
“ไม่เอาอ่ะ ! พ่อ ๆ บอกว่าไม่ดุ ไม่ให้แม่ ๆ ดุด้วย แถมยังบอกว่าไปบ่อย ๆ ก็ได้นะ พ่อ ๆ ก็อยากกิน” เด็กชายพูดออดอ้อน ทำเอาคนเป็นแม่อย่างเธอหลุดขำออกมาไม่ได้เลย เจ้าเล่ห์นักลูกคนนี้
“เหรอ ! พ่อ ๆ บอกอยากกินเหรอลูก วันหลังเราค่อยไปซื้อให้พ่อ ๆ กินนะ แต่วันนี้เราต้องคุยกันเหมือนเดิม อคิณไปอาบน้ำก่อนเลยครับ มีการบ้านมั้ย วันนี้” สองคนแม่ลูกยืนคุยกันหน้ารูปถ่ายของคนเป็นพ่อ เด็กชายทำหน้าละห้อยกลัวโดนแม่ดุเรื่องวันนี้ จำยอมต้องไปอาบน้ำตามคำสั่ง อัญชลีส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของลูก ไม่รู้ไปเอามาจากใคร
นึกถึงพิธาครูประจำชั้นของลูกชาย อดที่จะยิ้มให้กับความมีน้ำใจของเขาไม่ได้เช่นกัน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เขาดูแลอคิณรอระหว่างที่ตนเองมารับช้า ไหนจะเรื่องวันนี้อีก
ถ้าไม่มีเขาสักคนยังนึกไม่ออกเลยว่าตนเองกับลูกจะกลับบ้านอย่างไร ก็คงไม่พ้นปีรติน้องสาวของปวิน หรือ พ่อแม่ของปวินอีกตามเคยนั่นแหละ และ ทำไมเธอจะไม่เข้าใจแววตาคู่นั้นของพิธาที่มองมา หากแต่เพียงเธอยังไม่ต้องการใครในตอนนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นปวินเหมือนเดิม
“วินวันนี้คุณไม่ว่าลีกับลูกใช่มั้ยคะ คุณไม่หึงลีใช่มั้ย คุณอย่าโกรธคุณพิธาเลยนะ ถ้าไม่ได้เขาวันนี้ไม่รู้เลยว่าลีกับลูกจะกลับถึงบ้านตอนไหน” ยืนพูดกับรูปสามีรอลูกชายอาบน้ำเสร็จ “คุณไม่ต้องห่วงนะลีกับลูกจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
ขณะพูดภาพเหตุการณ์วันนี้ดันผุดขึ้นมาในหัว ภาพของพิธา ภาพของอคิณ ทั้งคู่ดูเข้ากันดีแถมดูมีความสุขอีกด้วย เธอเงยหน้ามองรูปของปวินก่อนที่น้ำตาจะเอ่อไหล “วันนี้เป็นคุณก็คงดีสินะ อคิณคงจะมีความสุขมากกว่านี้” พูดปนยิ้มพร้อมเช็ดน้ำตาออก โทรศัพท์มีสายเข้าพอดี หยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์ของปีรติ
“ว่าไงคะน้องวา มีอะไรหรือเปล่า” กดรับโทรศัพท์พร้อมถามด้วยความสงสัย
“พี่ลีวามีเรื่องบังเอิญจะเล่าให้พี่ลีฟัง บังเอิญมาก ! “ปลายสายเน้นเสียง “เนี่ยวากับพิสิฐกำลังจะเข้าไปหาพี่ลีนะคะ ใกล้จะถึงแล้วค่ะ แค่นี้แหละ”
“จ้ะ เดี๋ยวพี่ทำของว่างไว้รอ”วางสายเสร็จพอดีกับอคิณอาบน้ำเสร็จ เด็กชายแต่งตัวเองได้ไม่ให้คนเป็นแม่ต้องลำบาก “อคิณแต่งตัวให้เรียบร้อยนะครับ เดี๋ยวอาวาเข้ามาหา แม่ ๆ ขอเข้าครัวแป๊บนะ”
“ครับ” เด็กชายตอบ จากนั้นอัญชลีจึงเดินเข้าครัวไป ไม่นานก็มีเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านพร้อมเสียงกดกริ่งดังขึ้น เด็กชายวิ่งออกไปดูจำได้ทันทีว่าเป็นรถของใคร “แม่ครับ แม่ ! อาวามาแล้ว”
“ครับเดี๋ยวแม่ไปเปิดประตู “ พูดพร้อมเดินถือถาดกับข้าวมาวางที่โต๊ะรับแขก จากนั้นทั้งสองคนแม่ลูกจึงเดินไปเปิดประตูรั้วตอนรับผู้มาเยือน
“อคิณอาวาคิดถึงจังเลย” ทันทีที่ลงจากรถปีรติก็ถลาเข้ากอดหลานชายทันที หอมไปฟอร์ดใหญ่ ๆ โดยลืมแนะนำคนที่มาด้วย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “สวัสดีค่ะพี่ลี นี่พิสิฐแฟนวาเอง” ผายมือมายังคนที่มาด้วย
“สวัสดีค่ะ ตามสบายนะคะ” อัญชลีพูดพร้อมเผยยิ้มให้ รู้สึกคุ้นหน้านักเหมือนเคยเจอที่ไหน นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เหมือนเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก ๆ
“พิสิฐคะ นี่พี่ลีพี่สะใภ้วาเองค่ะ แฟนพี่วินไง” ปีรติแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน “และก็นี่เลย หลานชายตัวป่วนของวา อคิณครับไหว้อาสิฐเร็ว” เด็กชายทำตามอย่างน่ารัก เรียกรอยยิ้มของทุกคนได้เป็นอย่างดี
“เข้าไปในบ้านกันเถอะค่ะ” อัญชลีชวนทุกคนเข้าไปในบ้าน จากที่ยืนคุยกันข้างนอกนานแล้วภายในห้องรับแขกเล็ก ๆ สะอาดสะอ้าน จัดข้าวของวางไว้เป็นระเบียบ“น้องวามีเรื่องอะไรเหรอ ถึงได้มาหาพี่ถึงที่บ้านได้” อัญชลีเปิดประเด็นก่อนเพราะอยากทราบจริง ๆ
“อ้อ ความจริงวาแค่อยากมาหาอคิณสุดหล่อเฉย ๆ ค่ะ คิดถึง” ไม่พูดเฉย ๆ เอื้อมมือไปยีแก้มหลานชายเล่นเบา ๆ เด็กชายหัวเราะชอบใจใหญ่ กำลังเล่นเกมอยู่คนเดียวระหว่างนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกัน “แต่ว่าวาก็มีเรื่องบังเอิญมาเล่าให้ฟังด้วยนั่นแหละ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ” อัญชลีเผยยิ้มมองหน้าน้องสาวของสามี และ แฟนหนุ่มของสาวเจ้าด้วย
พิสิฐยิ้มให้กำลังจะพูดแทน ทว่าดันมีสายเข้าเสียก่อน “ขอโทษนะครับ ขออนุญาตรับโทรศัพท์ก่อน”
“ตามสบายค่ะ” อัญชลีพูด พิสิฐเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ปีรติกำลังจะเล่าเรื่องรถที่คล้ายรถของอัญชลี “พอดีวาเห็นรถคันหนึ่งเหมือนรถของพี่ลีมาก !” ปีรติกำลังจะเล่าว่าวันนี้ตนไปเจออะไรมา
“วาพอดีพี่ชายผมโทรตามน่ะ วาจะอยู่คุยกับพี่ลีต่อมั้ย หรือ วาจะให้ผมขับไปส่งที่บ้านก่อน” พิสิฐเดินเข้ามาพูดแทรกพอดี ไม่ทันที่ปีรติจะพูดจบ ส่วนอัญชลีก็พอจะเดาออกว่าเรื่องบังเอิญของน้องสามีคือเรื่องอะไร ปีรติคงไปเห็นรถคล้ายรถของตนเองมานี่เอง
“สิฐกลับก่อนเถอะ วาขออยู่เล่นกับอคิณก่อน เดี๋ยววานั่งแท็กซี่กลับเองได้” ปีรติบอกแก่แฟนหนุ่ม ยังไม่อยากกลับอยากอยู่กับหลานรักต่ออีกสักหน่อย
“แน่ใจนะ จะมางอนผมทีหลังไม่ได้นะ” เขาพูดเย้าแหย่ ทำเอาอัญชลีอดยิ้มตามไม่ได้
“แน่ใจ ! สิฐกลับเหอะ” ค่อนขอดให้แฟนหนุ่ม มาพูดให้เขินอะไรต่อหน้าพี่สะใภ้
“งั้นผมขอตัวนะครับพี่ลี อคิณอาสิฐกลับแล้วนะครับ “ กล่าวลาทุกคนเพื่อขอตัวกลับ ปีรติกับอคิณเดินตามมาส่งที่รถ พิสิฐสะดุดตากับรถของอัญชลีมาก มันคุ้นตามาก ๆ มันคล้ายกับรถที่ตนเองพึ่งไปซ่อมมา
และแล้วต้องขมวดคิ้วเบา ๆ เมื่อเขาจำทะเบียนรถคันนั้นได้แล้ว มันคันเดียวกันกับที่ตนไปเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ให้พี่ชายมา ถึงว่าทำไมปีรติถึงบอกว่ารถคันนี้มันคุ้นตามาก คล้ายรถของพี่สะใภ้ มันคันเดียวกันนี่เอง ก่อนจะเอ่ยลาปีรติและหลานชายอีกครั้ง จากนั้นก็ขับรถออกไป เก็บความลับนี้เอาไว้ก่อน
…………………………….
“เฮ้ย ๆ ! เบา ๆ หน่อยสิพี่ เป็นไรเนี่ยถึงชวนผมมาดื่มแต่หัววันเลย พรุ่งนี้ไม่มีสอนหรือไง” สองพี่น้องนั่งดวนแก้วที่ร้านเหล้าเจ้าประจำ คนดื่มหนักเห็นจะเป็นพิธามากกว่า
“มีแต่อยากดื่ม ! ยกดื่มสิแกน่ะ ฉันเลี้ยงเว้ยวันนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” พิธาพูดยิ้ม ๆ ตนเองไม่ได้เศร้ามันมีความสุขต่างหาก
“อกหักมาเหรอ ผมว่าไม่น่าใช่นะแฟนก็ไม่มี ไม่มีใครเอาด้วย ฮา ” พอพูดคำนี้จบ เขาต้องเอี้ยวตัวหลบก้อนน้ำแข็งที่พิธาปามาอย่างชำนาญ พร้อมเสียงหัวเราะเยาะกลับคืนให้ เขาทราบดีว่าพี่ชายอกหักจากครั้งนั้นแล้วก็ไม่ยอมมีแฟนอีกเลย อีกทั้งตอนนี้ก็ดูท่าทางเหมือนคนไม่ได้ซึมเศร้าด้วย จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องอกหักรักคุด
“เป็นไรวะพี่ เฮ้ยอย่าบอกนะว่า ! พี่มีคนมาจีบใช่มั้ย บ๊ะ ! มันต้องใช่แน่ ๆ ชวนผมมาฉลองมีแฟนใหม่หรือไง “ เขาพูดกลั้วหัวเราะ เพราะนึกขึ้นมาได้เมื่อตอนเย็นเขาพึ่งจะไปซ่อมรถให้ว่าที่พี่สะใภ้มานี่นา ถึงยังไม่เคยเจอก็รู้ว่ามีตัวตน
ขอจองได้ไหมหัวใจดวงนี้…..บทที่ 6
.
กลับมาจากพาอัญชลีกับลูกชายไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ทำเอาเขายิ้มไม่หุบ ความสุขที่หายไปมันกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ลืมไปนานมันกลับมาให้รู้สึกอีกรอบ
“ยิ้มเหม่ออะไรครับคุณครูพิธา” ถวิลภารโรงวัยห้าสิบถามครูหนุ่มที่พึ่งย้ายมาใหม่ ตั้งแต่ส่งสองแม่ลูกคู่นั้นกลับก็เห็นยิ้มไม่หุบสักที ด้วยความที่อายุเยอะกว่า ผ่านอะไรมามากมายกว่า จึงเข้าใจในแววตาของครูหนุ่ม ที่มองผู้ปกครองของลูกศิษย์ว่าคิดเช่นไร
“เอ่อ เปล่าครับ” พิธารีบตอบทันควัน เขินนิดหน่อยที่โดนจับได้ หลังจากยืนส่งสองแม่ลูกขับรถออกจากโรงเรียน เขายังไม่คิดจะกลับบ้านในทันที อยากจะไปหาอะไรดื่มย้อมใจดีกว่า
“คุณครูผมรู้ ! ผมดูออกน่า” ภารโรงของโรงเรียนพูดกระเช้าเย้าแหย่ “ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าเธอโสดแค่ลูกติด แต่ถ้าเธอมีสามีอยู่แล้วผิดเต็ม ๆ “ พูดกลั้วยิ้มให้กับชายหนุ่ม ทำไมเขาจะดูไม่ออก เห็นมาหลายวันแล้วระหว่างครูพิธากับสองแม่ลูกคู่นี้ ท่าทางดูสนิทกันต่างจากผู้ปกครองคนอื่น ๆ
“พูดอะไรครับพี่ถวิล ผมแค่อาสาดูแลอคิณรอเธอมารับเท่านั้นเอง” เขาพูดแก้ตัว แม้ถวิลภารโรงจะเดาถูกก็เถอะ “เธอบอกผมว่าบางวันก็งานยุ่งน่ะ วันไหนมารับช้าก็เลยวานผมให้ดูแลอคิณรอ นี่ไม่ใช่กรณีพิเศษนะ นักเรียนคนอื่น ๆ ผมก็ดูแล มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วน่า”
“คร๊าบ ! คุณครูจะร้อนตัวทำไมเนี่ย “ เขาพูดพร้อมยิ้มให้ครูหนุ่ม ครูทุกคนในโรงเรียนเขารู้สึกว่าครูคนนี้แหละอัธยาศัยดีที่สุด เขาจึงมักจะพูดคุยถามไถ่เป็นพิเศษกว่าใคร ๆ หากมีโอกาส เช่นวันนี้ “ครูพิธาผมว่าเธอโสดนะครับ คิดเหมือนผมมั้ยครับ เพราะวันไหนที่เธองานยุ่งมารับลูกชายช้า ไม่เห็นเธอจะให้สามีมารับแทนเลย มารับเองตลอด” ถวิลภารโรงออกความคิดเห็น อย่างน้อยคนเป็นพ่อต้องมารับสักครั้ง
พิธาแกล้งพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ทำเป็นไม่รู้อะไร “พี่ถวิลคิดแบบนั้นเหรอครับ นั่นสินะ ไม่เห็นสามีของเธอมารับแทนเลย” แกล้งทำท่าครุ่นคิด
“ถ้าเป็นแบบนั้นทางสะดวกครับคุณครู ไม่ผิด ! ไม่ต้องกลัวผิดกฎโรงเรียนด้วย” ถวิลพูดด้วยท่าทางจริงจัง ทำเอาเขาหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางจริงจังของภารโรงประจำโรงเรียนนี้ ที่เห็นจะชอบทักทายพูดกับเขาเป็นที่สุด บังเอิญเจอหน่อยไม่ได้เป็นชวนคุยทุกที
“ยังไงครับ ! “ พิธาแกล้งถาม
“จีบเลยครับคุณครู เชื่อผม ! ผมดูสายตาครูออกน่าอย่าเถียงผมเลย ผู้หญิงลูกติดไม่น่าเกียจนา ดูอยากเมียผมสิมีลูกมาแล้วสองคน ผมยังรักและรับได้เลย” ภารโรงเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง พิธาทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก็ยิ่งเพิ่มความอยากเล่าให้แก่ภารโรงขี้โม้คนนี้ไปอีก ถวิลเป็นคนชอบขี้โม้แต่จริงใจ “เมียผมก็นิสัยดี ลูก ๆ ของเธอก็น่ารัก ยอมรับในตัวผมได้ เสียอย่างเดียวขี้บ่นไปนิด และที่สำคัญ” ถวิลเดินมาจะทำท่ากระซิบกระซาบ พิธาเอียงหูไปฟัง “เก่งประสบการณ์”
“เฮ้ยพี่ถวิลบ้าแล้ว ! พูดอะไรเนี่ย “ เขาอุทานกับสิ่งที่ได้ยิน ส่วนถวิลภารโรงหัวเราะชอบใจใหญ่ “กลับแล้วนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบก็รีบเดินจากไป ไม่อย่างนั้นภารโรงถวิลได้ชวนพูดทะลึ่งแน่ ๆ
……………………………………..
“กลับมาถึงบ้านเราสักทีนะครับอคิณ “ พูดพร้อมเปิดประตูลงจากรถเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ในที่สุดก็กลับมาถึงบ้านสักที อยู่กันสองคนแม่ลูก “แม่ ๆ ขอโทษนะที่พาลูกกลับมาถึงบ้านช้าน่ะ มีพ่ออยู่ด้วยก็ดี” พูดลอย ๆ ปนยิ้มกับรูปในหน้าจอโทรศัพท์ระหว่างเดินเข้าบ้านไป ถึงแม้ตัวของปวินจะจากไปแล้วทว่าไม่เคยหายไปจากใจของเธอผู้เป็นภรรยาเลย
“อคิณครับมาถึงบ้านแล้วอาบน้ำเลย วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ” จ้องมองลูกชายด้วยความรัก วันนี้ต้องอบรมกันใหม่สักหน่อย เรื่องวันนี้ที่ห้างกับคุณครูพิธานั่นแหละ
“อคิณไม่คุยกับแม่ ๆ อคิณจะไปคุยกับคุณพ่อ” เด็กชายรู้ทันว่าต้องโดนแม่ดุแน่ ๆ จึงเฉไฉไปเรื่องอื่น ให้พ่อช่วยดีกว่า เดินไปหยุดยืนที่หน้ารูปของพ่อ เด็กชายจำหน้าพ่อของตนเองไม่ได้เลย เพราะพ่อเสียไปตั้งแต่เล็ก ๆ โตมาพอรู้เรื่องก็เห็นเพียงรูปภาพแบบนี้ และ แม่เล่าให้ฟังบ้าง
“พ่อครับวันนี้อคิณสนุกมากเลย ครูพิธากับแม่พาอคิณไปเล่นเกมด้วย กินพิซซ่าด้วยพ่อ ๆ อยากกินมั้ยครับ” เด็กชายยืนเท้าสะเอวคุยกับรูปพ่อ อัญชลีมองด้วยความสงสารปนเอ็นดู ในความกลัวโดนดุของลูกชาย “ครูพิธาใจดีด้วย พ่อไม่ต้องดุครูพิธานะ และ พ่อก็ไม่ต้องดุอคิณนะครับ” คราวนี้อัญชลีถึงกับหัวเราะออกมาทันทีที่ลูกชายพูดจบ
“พ่อไม่ดุแต่แม่ ๆ ดุนะครับ”
“ไม่เอาอ่ะ ! พ่อ ๆ บอกว่าไม่ดุ ไม่ให้แม่ ๆ ดุด้วย แถมยังบอกว่าไปบ่อย ๆ ก็ได้นะ พ่อ ๆ ก็อยากกิน” เด็กชายพูดออดอ้อน ทำเอาคนเป็นแม่อย่างเธอหลุดขำออกมาไม่ได้เลย เจ้าเล่ห์นักลูกคนนี้
“เหรอ ! พ่อ ๆ บอกอยากกินเหรอลูก วันหลังเราค่อยไปซื้อให้พ่อ ๆ กินนะ แต่วันนี้เราต้องคุยกันเหมือนเดิม อคิณไปอาบน้ำก่อนเลยครับ มีการบ้านมั้ย วันนี้” สองคนแม่ลูกยืนคุยกันหน้ารูปถ่ายของคนเป็นพ่อ เด็กชายทำหน้าละห้อยกลัวโดนแม่ดุเรื่องวันนี้ จำยอมต้องไปอาบน้ำตามคำสั่ง อัญชลีส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของลูก ไม่รู้ไปเอามาจากใคร
นึกถึงพิธาครูประจำชั้นของลูกชาย อดที่จะยิ้มให้กับความมีน้ำใจของเขาไม่ได้เช่นกัน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เขาดูแลอคิณรอระหว่างที่ตนเองมารับช้า ไหนจะเรื่องวันนี้อีก
ถ้าไม่มีเขาสักคนยังนึกไม่ออกเลยว่าตนเองกับลูกจะกลับบ้านอย่างไร ก็คงไม่พ้นปีรติน้องสาวของปวิน หรือ พ่อแม่ของปวินอีกตามเคยนั่นแหละ และ ทำไมเธอจะไม่เข้าใจแววตาคู่นั้นของพิธาที่มองมา หากแต่เพียงเธอยังไม่ต้องการใครในตอนนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นปวินเหมือนเดิม
“วินวันนี้คุณไม่ว่าลีกับลูกใช่มั้ยคะ คุณไม่หึงลีใช่มั้ย คุณอย่าโกรธคุณพิธาเลยนะ ถ้าไม่ได้เขาวันนี้ไม่รู้เลยว่าลีกับลูกจะกลับถึงบ้านตอนไหน” ยืนพูดกับรูปสามีรอลูกชายอาบน้ำเสร็จ “คุณไม่ต้องห่วงนะลีกับลูกจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
ขณะพูดภาพเหตุการณ์วันนี้ดันผุดขึ้นมาในหัว ภาพของพิธา ภาพของอคิณ ทั้งคู่ดูเข้ากันดีแถมดูมีความสุขอีกด้วย เธอเงยหน้ามองรูปของปวินก่อนที่น้ำตาจะเอ่อไหล “วันนี้เป็นคุณก็คงดีสินะ อคิณคงจะมีความสุขมากกว่านี้” พูดปนยิ้มพร้อมเช็ดน้ำตาออก โทรศัพท์มีสายเข้าพอดี หยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์ของปีรติ
“ว่าไงคะน้องวา มีอะไรหรือเปล่า” กดรับโทรศัพท์พร้อมถามด้วยความสงสัย
“พี่ลีวามีเรื่องบังเอิญจะเล่าให้พี่ลีฟัง บังเอิญมาก ! “ปลายสายเน้นเสียง “เนี่ยวากับพิสิฐกำลังจะเข้าไปหาพี่ลีนะคะ ใกล้จะถึงแล้วค่ะ แค่นี้แหละ”
“จ้ะ เดี๋ยวพี่ทำของว่างไว้รอ”วางสายเสร็จพอดีกับอคิณอาบน้ำเสร็จ เด็กชายแต่งตัวเองได้ไม่ให้คนเป็นแม่ต้องลำบาก “อคิณแต่งตัวให้เรียบร้อยนะครับ เดี๋ยวอาวาเข้ามาหา แม่ ๆ ขอเข้าครัวแป๊บนะ”
“ครับ” เด็กชายตอบ จากนั้นอัญชลีจึงเดินเข้าครัวไป ไม่นานก็มีเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านพร้อมเสียงกดกริ่งดังขึ้น เด็กชายวิ่งออกไปดูจำได้ทันทีว่าเป็นรถของใคร “แม่ครับ แม่ ! อาวามาแล้ว”
“ครับเดี๋ยวแม่ไปเปิดประตู “ พูดพร้อมเดินถือถาดกับข้าวมาวางที่โต๊ะรับแขก จากนั้นทั้งสองคนแม่ลูกจึงเดินไปเปิดประตูรั้วตอนรับผู้มาเยือน
“อคิณอาวาคิดถึงจังเลย” ทันทีที่ลงจากรถปีรติก็ถลาเข้ากอดหลานชายทันที หอมไปฟอร์ดใหญ่ ๆ โดยลืมแนะนำคนที่มาด้วย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “สวัสดีค่ะพี่ลี นี่พิสิฐแฟนวาเอง” ผายมือมายังคนที่มาด้วย
“สวัสดีค่ะ ตามสบายนะคะ” อัญชลีพูดพร้อมเผยยิ้มให้ รู้สึกคุ้นหน้านักเหมือนเคยเจอที่ไหน นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เหมือนเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก ๆ
“พิสิฐคะ นี่พี่ลีพี่สะใภ้วาเองค่ะ แฟนพี่วินไง” ปีรติแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน “และก็นี่เลย หลานชายตัวป่วนของวา อคิณครับไหว้อาสิฐเร็ว” เด็กชายทำตามอย่างน่ารัก เรียกรอยยิ้มของทุกคนได้เป็นอย่างดี
“เข้าไปในบ้านกันเถอะค่ะ” อัญชลีชวนทุกคนเข้าไปในบ้าน จากที่ยืนคุยกันข้างนอกนานแล้วภายในห้องรับแขกเล็ก ๆ สะอาดสะอ้าน จัดข้าวของวางไว้เป็นระเบียบ“น้องวามีเรื่องอะไรเหรอ ถึงได้มาหาพี่ถึงที่บ้านได้” อัญชลีเปิดประเด็นก่อนเพราะอยากทราบจริง ๆ
“อ้อ ความจริงวาแค่อยากมาหาอคิณสุดหล่อเฉย ๆ ค่ะ คิดถึง” ไม่พูดเฉย ๆ เอื้อมมือไปยีแก้มหลานชายเล่นเบา ๆ เด็กชายหัวเราะชอบใจใหญ่ กำลังเล่นเกมอยู่คนเดียวระหว่างนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกัน “แต่ว่าวาก็มีเรื่องบังเอิญมาเล่าให้ฟังด้วยนั่นแหละ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ” อัญชลีเผยยิ้มมองหน้าน้องสาวของสามี และ แฟนหนุ่มของสาวเจ้าด้วย
พิสิฐยิ้มให้กำลังจะพูดแทน ทว่าดันมีสายเข้าเสียก่อน “ขอโทษนะครับ ขออนุญาตรับโทรศัพท์ก่อน”
“ตามสบายค่ะ” อัญชลีพูด พิสิฐเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ปีรติกำลังจะเล่าเรื่องรถที่คล้ายรถของอัญชลี “พอดีวาเห็นรถคันหนึ่งเหมือนรถของพี่ลีมาก !” ปีรติกำลังจะเล่าว่าวันนี้ตนไปเจออะไรมา
“วาพอดีพี่ชายผมโทรตามน่ะ วาจะอยู่คุยกับพี่ลีต่อมั้ย หรือ วาจะให้ผมขับไปส่งที่บ้านก่อน” พิสิฐเดินเข้ามาพูดแทรกพอดี ไม่ทันที่ปีรติจะพูดจบ ส่วนอัญชลีก็พอจะเดาออกว่าเรื่องบังเอิญของน้องสามีคือเรื่องอะไร ปีรติคงไปเห็นรถคล้ายรถของตนเองมานี่เอง
“สิฐกลับก่อนเถอะ วาขออยู่เล่นกับอคิณก่อน เดี๋ยววานั่งแท็กซี่กลับเองได้” ปีรติบอกแก่แฟนหนุ่ม ยังไม่อยากกลับอยากอยู่กับหลานรักต่ออีกสักหน่อย
“แน่ใจนะ จะมางอนผมทีหลังไม่ได้นะ” เขาพูดเย้าแหย่ ทำเอาอัญชลีอดยิ้มตามไม่ได้
“แน่ใจ ! สิฐกลับเหอะ” ค่อนขอดให้แฟนหนุ่ม มาพูดให้เขินอะไรต่อหน้าพี่สะใภ้
“งั้นผมขอตัวนะครับพี่ลี อคิณอาสิฐกลับแล้วนะครับ “ กล่าวลาทุกคนเพื่อขอตัวกลับ ปีรติกับอคิณเดินตามมาส่งที่รถ พิสิฐสะดุดตากับรถของอัญชลีมาก มันคุ้นตามาก ๆ มันคล้ายกับรถที่ตนเองพึ่งไปซ่อมมา
และแล้วต้องขมวดคิ้วเบา ๆ เมื่อเขาจำทะเบียนรถคันนั้นได้แล้ว มันคันเดียวกันกับที่ตนไปเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ให้พี่ชายมา ถึงว่าทำไมปีรติถึงบอกว่ารถคันนี้มันคุ้นตามาก คล้ายรถของพี่สะใภ้ มันคันเดียวกันนี่เอง ก่อนจะเอ่ยลาปีรติและหลานชายอีกครั้ง จากนั้นก็ขับรถออกไป เก็บความลับนี้เอาไว้ก่อน
…………………………….
“เฮ้ย ๆ ! เบา ๆ หน่อยสิพี่ เป็นไรเนี่ยถึงชวนผมมาดื่มแต่หัววันเลย พรุ่งนี้ไม่มีสอนหรือไง” สองพี่น้องนั่งดวนแก้วที่ร้านเหล้าเจ้าประจำ คนดื่มหนักเห็นจะเป็นพิธามากกว่า
“มีแต่อยากดื่ม ! ยกดื่มสิแกน่ะ ฉันเลี้ยงเว้ยวันนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” พิธาพูดยิ้ม ๆ ตนเองไม่ได้เศร้ามันมีความสุขต่างหาก
“อกหักมาเหรอ ผมว่าไม่น่าใช่นะแฟนก็ไม่มี ไม่มีใครเอาด้วย ฮา ” พอพูดคำนี้จบ เขาต้องเอี้ยวตัวหลบก้อนน้ำแข็งที่พิธาปามาอย่างชำนาญ พร้อมเสียงหัวเราะเยาะกลับคืนให้ เขาทราบดีว่าพี่ชายอกหักจากครั้งนั้นแล้วก็ไม่ยอมมีแฟนอีกเลย อีกทั้งตอนนี้ก็ดูท่าทางเหมือนคนไม่ได้ซึมเศร้าด้วย จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องอกหักรักคุด
“เป็นไรวะพี่ เฮ้ยอย่าบอกนะว่า ! พี่มีคนมาจีบใช่มั้ย บ๊ะ ! มันต้องใช่แน่ ๆ ชวนผมมาฉลองมีแฟนใหม่หรือไง “ เขาพูดกลั้วหัวเราะ เพราะนึกขึ้นมาได้เมื่อตอนเย็นเขาพึ่งจะไปซ่อมรถให้ว่าที่พี่สะใภ้มานี่นา ถึงยังไม่เคยเจอก็รู้ว่ามีตัวตน