ขอจองได้ไหมหัวใจดวงนี้ บทที่ 17

กระทู้สนทนา

.

            เช้ามืดอัญชลีรีบเดินออกจากในครัวขณะเตรียมกับข้าวไว้รอใครบางคน ได้ยินเสียงใครมากดกริ่งหน้าบ้าน หรือจะเป็นพิธา! มาเช้าขนาดนั้น พอนึกแบบนี้ก็แอบยิ้ม รีบเดินไปดูว่าเป็นใครมากันแน่

             มาถึงหน้าบ้านต้องหยุดชะงัก เห็นรถเบนซ์เมอร์เซเดสคันสีขาวจอดอยู่ ส่วนเจ้าของรถกดกริ่งเรียกแล้วก็เข้าไปรอในรถ นึกคุ้นตาขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วแปลกใจว่ากวิตามาหาตนเองถึงที่บ้านทำไม

             ทราบว่ากวิตาอาศัยอยู่กับพิธา ทว่าพิธาก็สร้างความเชื่อใจไว้ใจมากมายให้ตนเองได้รับรู้ จึงเชื่อใจมากว่าพิธาไม่แอบทำอะไรที่ไม่ดีกับกวิตาแน่นอน แม้จะเคยเป็นคนรักกันก็ตาม

             อัญชลียืนลังเลว่าจะเปิดบ้านให้ดีไหม เพราะไม่รู้ว่ากวิตามาดีหรือร้าย ไม่ใช่กลัวแต่ไม่อยากมีปัญหา อีกทั้งลูกชายก็อยู่ในบ้านด้วย ไม่อยากให้ลูกเห็นหรือรับรู้เรื่องราวของผู้ใหญ่

             เหมือนกวิตารู้ความคิดของเธอ จึงเปิดประตูเดินออกมาจากรถมายืนจ้องหน้าของเธอ กั้นแค่ประตูบ้านเท่านั้น ทว่าแววตาและสีหน้าของกวิตากลับเปลี่ยนไปกว่าทุกครั้งที่เจอกัน กวิตายิ้มให้เธอ! แถมรอยยิ้มนั้นยังสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่จริงใจ เกิดอะไรขึ้น! หรือ กวิตาจะมาไม้ไหน

             “เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ!” กวิตาพูดก่อน พร้อมรอยยิ้มที่ยังประดับอยู่บนใบหน้า “ฉันมาดี ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก”

             อัญชลีพอได้ฟังดังนั้นจึงยอมเปิดประตูให้หล่อนได้เข้ามาภายในบริเวณบ้าน “เชิญคุณวิตาเข้าไปนั่งในบ้านดีกว่าค่ะ” อัญชลีเชิญแขกด้วยมารยาท

             “ไม่ดีกว่าจ้ะ คุยตรงนี้แหละ ฉันแค่อยากมาลาเธอ” กวิตาพูด

             “มาลา!” อัญชลีย้ำกับคำพูดของสาวเจ้า พร้อมทำหน้าฉงนไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน “คุณวิตาจะไปไหนคะ”

             กวินายิ้มหน้าระรื่น “ไปตามทางของฉันล่ะ” กวิตาเอื้อมมือไปกุมมือของอัญชลีก่อนจะพูดขึ้นอีก “ฉันฝากพิธาด้วยนะ พิธาเขารักเธอมาก! เธอรู้มั้ยอัญชลี พิธาเขารักเธอมากจริง ๆ เขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟค อบอุ่น เธอโชคดีมากเลยนะที่เจอเขา ฉันยังเสียดายเลย ฉันได้ของดีมาอยู่ในมือแล้วแท้ ๆ กลับไม่เห็นค่า แต่วันนี้เขามาอยู่ในมือของเธอแล้ว ดูแลรักษาดี ๆ นะ พิธาเขาเป็นคนดี จริงใจ ฉันฝากดูแลเขาด้วย” กวิตาร่ายยาว แม้จะเสียใจแต่ก็ยอมรับและปล่อยวาง พิธาไม่ใช่ของตนเอง ไม่ใช่อีกต่อไป! ตั้งแต่ตัดสินใจเลิกเพื่อไปแต่งงานกับอังกูรแล้ว

             “คุณวิตา!” อัญชลีพูดได้เพียงเท่านี้

             “เธอสบายใจได้ ตลอดเวลาที่ฉันอยู่บ้านกับเขา ๆ ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวของฉันเลย สบายใจนะ ฉันไปแล้ว ขอตัวล่ะ ลาก่อนนะอัญชลี!” กวิตาไม่รอฟังคำตอบของอัญชลี เดินหันหลังกลับไปขึ้นรถแล้วสตาร์ตขับออกไป

             ทว่าไม่ทันที่กวิตาจะขับพ้นบริเวณบ้านของอัญชลี มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งนั่งซ้อนกันมาสองคน สวมชุดดำสวมหมวกกันน็อก ขับเข้ามาประกบรถของกวิตา ชักปืนออกมายิงเข้าไปในรถ จากนั้นก็รีบขับออกไป

             อัญชลีเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด กรีดร้องด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปที่รถของกวิตา พบว่าตอนนี้กวิตาได้เสียชีวิตคาที่ในรถไปแล้ว และ รถก็พุ่งชนกับกำแพงบ้านจอดสนิท ชาวบ้านละแวกนั้นออกมาดูเหตุการณ์เช่นกัน

             “พิธาคุณรีบมาที่บ้านลีเร็ว ๆ ค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คุณรีบมาที่บ้านลีด่วนเลย” อัญชลีกดโทรหาครูหนุ่มด้วยความลนลาน พูดพร้อมร้องไห้ไปด้วย

             “ใจเย็น ๆ ครับลี เกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้แหละ” พิธาถามด้วยความห่วงเช่นกัน

             “คุณ…. คุณกวิตาโดนยิง พิธารีบมาที่บ้านลีด่วนเลยนะคะ ตอนนี้เลย” พิธาได้ฟังดังนั่นสตั้นไปแบบไม่รู้ตัว อัญชลีต้องเรียกหลายครั้งสติของพิธาถึงกลับมา นึกห่วงทั้งสองคน จากนั้นรีบขับรถไปที่บ้านของอัญชลีทันที

             มาถึงเห็นอัญชลียืนร้องไห้ และ เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายศพของกวิตาออกจากรถ “ลี! เกิดอะไรขึ้น คุณเป็นอะไรมั้ย แล้ววิตาโดนยิงได้ยังไง ใครยิง” เขาเข้ามาถามอัญชลีที่ยืนร้องไห้ เจ้าตัวส่ายหัวไม่รู้เรื่อง หัวใจของเขาเต้นรัว แม้จะไม่รักกันแล้ว ทว่าก็ไม่อยากให้อดีตคนรักต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้

             “จริงเหรอ! กวิตาจริง ๆ เหรอ” พิธาถามย้ำ ตอนนี้ยอมรับว่าหัวใจแหลกสลาย ไม่ได้รักแล้วทว่ายังเหลือความเป็นเพื่อนให้กัน พึ่งอ่านจดหมายลาเมื่อตอนเช้า พึ่งปรับความเข้าใจกันเมื่อคืน อัญชลีพยักหน้าบอกว่าเป็นเรื่องจริง “เอ่อ…หยุดก่อนครับ ผมขอดูศพหน่อย” ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นกวิตา แต่พิธาก็อยากเห็นกับตาตัวเอง บางครั้งอาจไม่ใช่กวิตาก็ได้ แม้เปอร์เซ็นต์มันจะมีเพียงศูนย์จุดศูนย์หนึ่งก็ตาม

             เจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมศพให้ดู พิธาเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น เป็นกวิตาจริง ๆ ด้วย กระสุนเจาะเข้าที่ขมับด้านซ้าย กวิตานอนหลับตาสนิทแน่นิ่งไม่รับรู้โลกภายนอกอีกต่อไป “วิตา!” พิธาร้องไห้ถลาเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของกวิตาทันที ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่สุด อย่างน้อยก็คนเคยรักกัน

             “เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ต้องขอเชิญคุณอัญชลีไปให้ปากคำด้วยนะครับ เสียใจด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งยืนพูดกับอัญชลีและพิธา จากนั้นก็ขอตัว พร้อมนำร่างไร้วิญญาณของกวิตาไปด้วย

             ………………………………………

             “คุณวิตาเขาหมดเวรหมดกรรมแล้ว พิธายังเสียใจอยู่ไหม” อัญชลีถาม ขณะนี้ทั้งสองคนรวมทั้งอคิณลูกชายมาทำบุญที่วัดกับหลวงลุง อัญชลีพูดขณะกำลังให้อาหารปลาอยู่ อัญชลียิ้มให้กับครูหนุ่ม หากบอกว่าเสียใจหล่อนก็ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น กลับเข้าใจในความรู้สึกของครูหนุ่มมากกว่า

             “เสียใจ!… แต่ไม่ได้เสียใจแบบคนที่เสียคนรักไป เพราะคนรักของผมอยู่ตรงนี้” เขาพูด พร้อมหยิบมือนุ่ม ๆ ของอัญชลีมาแตะที่หน้าอกของตนเอง เหลือบมองลูกชายกำลังเพลินกับการให้อาหารปลาอยู่ คงไม่สนใจที่พ่อจะหยอดคำหวานกับแม่

             “พิธาคิดว่าเป็นฝีมือใครคะ” สาวเจ้าถาม ยิ้มให้กับคนตรงหน้า ก่อนจะถอยมือออกจากอกของพิธา เนื่องจากมีคนมองใหญ่แล้ว ที่นี่ในวัดไม่ใช่ที่บ้าน

             “อังกูร! จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่นายอังกูร เพราะวิตาเคยบอกผมว่าอังกูรตาม” พิธาพูดพร้อมเหม่อมองออกไปไกล ๆ ถึงจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ ตนเองคงไม่ตามเอาเรื่อง ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมแล้วกัน เพราะถึงอย่างไรกวิตาก็ไม่อยู่รับรู้แล้ว

             “แล้วพิธาคิดจะเอาผิดนายอังกูรไหม ลีวา…” ในใจไม่อยากให้คนรักยุ่งเรื่องนี้เลย กลัวว่าอันตรายจะเกิดกับเขา

             พิธาส่ายหัว “ไม่หรอกครับ! ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวรกรรมดีกว่าเนอะ กวิตาก็ตายไปแล้ว อือ…. เอาเวลาพาลูกกับเมีย เอ้ย! กับแฟนไปเที่ยวมีความสุขดีกว่า” เขาพูดปนยิ้ม “อคิณครับ ป่ะเราไปไหว้ลาหลวงตาไปเที่ยวกันต่อดีกว่า อคิณอยากไปที่ไหนบอกครูพิธาได้เล้ย” เขาหันไปหาเด็กชาย

             “พ่อ!” เด็กชายกล่าว ทำเอาทั้งอัญชลีและพิธีเลิ่กลั่กกันใหญ่ คนที่เขินคืออัญชลี ส่วนคนที่ชอบใจเห็นจะเป็นพิธา “ต้องพูดว่าคุณพ่อถึงจะถูก คุณแม่บอกอคิณ”

             “อคิณ! คุณแม่ไม่ได้พูดครับ” อัญชลีรีบปฏิเสธยกใหญ่ เพราะตนเองไม่ได้สั่งให้ลูกชายพูดจริง ๆ แอบค่อนขอดลูกชาย นับวันยิ่งเอาใหญ่ คนที่สั่งให้พูดแอบหัวเราะอยู่ด้านหลังโดยที่สองแม่ลูกไม่ทันเห็น พิธาสั่งให้เด็กชายพูดเอง “พูดโกหกผู้ใหญ่ไม่ดีเลยนะครับอคิณ”

             “เอ้อ… ช่างเถอะน่าลี ผมไม่ถือครับ! ปะคุณลูกชายเราไปไหว้ลาหลวงตาดีกว่า คุณพ่อจะพาไปเที่ยวครับ” พิธารีบตัดบท ห้ามศึกสองแม่ลูกเสียก่อน

             “พ่อพ่อชื่อปวิน ส่วนคุณพ่อชื่อพิธา” เด็กชายกล่าว พร้อมเกาะแขนพิธาไว้แน่น ตอนนี้ทั้งสองคนสนิทกันมากนึกว่าพ่อลูกกันจริง ๆ อัญชลีทำได้เพียงทำสายตาดุลูก แล้วเดินตามทั้งสองคนไปยังกุฏิของเจ้าอาวาทวัด ซึ่งเป็นหลวงลุงของพิธาเอง จากนั้นทั้งสามคนจึงพาลูกชายไปเที่ยวในวันหยุดอย่างสุขใจ

จบบท…

https://ppantip.com/topic/41226200….บทที่ 16
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่