อ้างอิงจากที่ปรากฏในพระไตรปิฏก.....
[547] สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการเท่าไร ฯ
1 สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
2 สิ่งใดไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
3 สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นของแท้
4 สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตาและเป็นของแท้ สิ่งนั้นเป็นของจริง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาเป็นของแท้และเป็นของจริง สิ่งนั้นท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง
สิ่งใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่งสิ่งนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว
เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว ฯ.....
(หรือความรู้ในเรื่องไตรลักษณ์นั่นเอง)
แต่ที่อยากถามคือคำกล่าวที่ว่า
(ไม่สามัญแก่ธรรมที่เป็นอสังขตะ คือวิสังขาร ซึ่งมีเฉพาะลักษณะที่สาม คืออนัตตาอย่างเดียว ไม่มีลักษณะสองอย่างต้น)
นี่เป็นสัจจะแบบไหน อย่างไร ต้องแทงตลอดด้วยญาณเท่าไหร่?
เฮาใค่ฮู้
จะอู้หื้อ.....
นี่เป็นสัจจะแบบไหน อย่างไร ต้องแทงตลอดด้วยญาณเท่าไหร่?
[547] สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการเท่าไร ฯ
1 สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
2 สิ่งใดไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
3 สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นของแท้
4 สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตาและเป็นของแท้ สิ่งนั้นเป็นของจริง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาเป็นของแท้และเป็นของจริง สิ่งนั้นท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง
สิ่งใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่งสิ่งนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว
เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว ฯ.....
(หรือความรู้ในเรื่องไตรลักษณ์นั่นเอง)
แต่ที่อยากถามคือคำกล่าวที่ว่า
(ไม่สามัญแก่ธรรมที่เป็นอสังขตะ คือวิสังขาร ซึ่งมีเฉพาะลักษณะที่สาม คืออนัตตาอย่างเดียว ไม่มีลักษณะสองอย่างต้น)
นี่เป็นสัจจะแบบไหน อย่างไร ต้องแทงตลอดด้วยญาณเท่าไหร่?
เฮาใค่ฮู้
จะอู้หื้อ.....