มาแล้วค่ะ คั่วแห้งกะเพราเนื้อสับหอมๆรสเผ็ชจนต้องจือปาก!!!
ผัดให้ได้ดั่งใจ ไม่มีถั่วฝักยาว ไม่มีข้าวโพดอ่อน ไม่มีเห็ดแปลกๆผสมมา
คั่วแห้งจนมีกลิ่นหอมไหม้นิดๆ พร้อมเคล็ดลับประจำบ้าน...
นี่คือเดอะเบส! ที่คุณต้องลอง ย้ำว่า... ต้องลองงงงง
อ่ะ! ก่อนทำจะพาไปจ่ายตลาดเลือกซื้อเนื้อกันก่อน
คุณคิดว่าเนื้อส่วนไหนผัดอร่อยที่สุด! ให้เวลาคิด 5 วินาที...
ติ๊กต๊อก... ติ๊กต๊อก... ติ๊กต๊อก.............................
เฉลย! เนื้อส่วนที่เอามาผัดกะเพราแล้วอร่อย
ไม่แห้งกระด้าง มีกลิ่นหอมจากมันเนื้อ
คือส่วน... เนื้อหนอก/โหนก
หรือภาษาสวยๆเราจะเรียกว่า "เนื้อดาวกระจาย" นั้นเองล่ะฮ่ะทั่นผู้โชมมม
เนื้อส่วนนี้จะมีมันแทรกอยู่เป็นลายหินอ่อน
ฉะนั้นรับรองเลยว่า ผัดแล้วหอม มีความฉ่ำอย่างแน่นอน ชั้นรับประกัน!!!
เอ๊ะ!!! แล้วเนื้อส่วนนี้มันอยู่ตรงไหนของวัวอ่ะ ชื่อมันน่ากลัวจังงง
หนอกๆ โหนกๆ กรี๊ดดดด
/เนื้อส่วนนี้จะอยู่ที่หลังวัว ที่นูนๆออกมา
ส่วนนี้ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว จึงทำให้มีมันแทรกอยู่เป็นชั้นหินอ่อน
เมื่อนำมาทำกับข้าวที่ต้องใช้ไฟแรง เนื้อจึงไม่แห้งหรือแข็งกระด้างนั้นเอง
มันจุ้ยซี่อ่ะแกร๊ เช้าใจช่ะป่ะ! จุ้ยซี่อ่ะ...
เอาล่ะ เมื่อได้เนื้อส่วนที่เป็นหัวใจหลักของเมนูนี้มาแล้ว
หิวแล้วล่ะสิ! มาเริ่มทำเลย
Stir Fried Thai Holy Basil with Minced Beef
คั่วแห้งกะเพราเนื้อสับนรกแตก!
(สูตรสำหรับ 3-4 คน)
/มีวีดีโอท้ายกระทู้เช่นเดิม
1. กระเทียมไทย 2 หัว
2. พริกจินดาแดง 30-40 เม็ด
3. เนื้อหนอก/โหนก (เนื้อดาวกระจาย) 7 ขีด
4. มะเขือเทศราชินีห่ามๆ เล็กน้อย *ใส่หรือไม่ก็ได้ เป็นเคล็ดลับ
ตำกระเทียม ตำพริก สับเนื้อ หั่นมะเขือเทศเป็น 2 ซีก
เมื่อทำเสร็จแล้ว เตรียมตัวเอาลงผัด
*ว่าด้วยเรื่องพริก คุณต้องใส่ 30-40 เม็ดจริงๆ
ไม่ได้เมคสูตรให้เวอร์ ไม่จกตานะคะ
ใครไม่เคยทำอาจจะตกใจกับจำนวนพริก
แต่ขอบอกว่ามันต้องใส่ระดับนี้จริงๆถึงจะไม่เสียชาติเกิดกะเพราค่ะ
การใส่พริกเท่านี้ ถ้านึกระดับความเผ็ดไม่ออก
ถามตัวเองว่าคุณกินแกงใต้ได้มั้ย
ถ้ากินได้ใส่เลย 40 เม็ด
ถ้ากินได้แต่เผ็ดไปหน่อย ให้ใส่ 30 เม็ด
ใส่ต่ำกว่านี้รสจะไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่แล้ว
คุณต้องประเมินตัวเองดูนะว่ารับได้กับความเผ็ดระดับไหน
5. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
6. สามเกลอ 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
9. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนโต๊ะ
11. ซีอิ้วดำเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอให้อุ่นๆ แล้วเอากระเทียมลงผัดก่อน
ผัดจนสีเริ่มเหลือง(ระวังอย่าให้ไหม้) ใส่สามเกลอผัดแปบๆจนมีกลิ่นหอม
เอาพริกจินดาลง เมื่อพริกโดนน้ำมันจะทำให้กลิ่นกะเพราเราหอมฟุ้ง
แม้จะกลืนลงท้องไปแล้ว ลมหายใจก็ยังหอม
แหม่! โม้ซะเป็นทีวีไดเร็ค! นี่ชั้นไม่ได้มาขายมายมิ้นท์นะยะ!!!
จากนั้นนำเนื้อสับลง ใช้ไฟกลางไปทางแรง
ผัดมันเข้าไป! ผัดๆๆจนสุกสัก 90% ให้ใส่ 7-9 ลงไป
*ระหว่างนี้ถ้ารู้สึกกระทะเริ่มแห้งหรือไหม้ หยอดน้ำเพิ่มได้อีก 2-3 ช้อนชา
เปลื่ยนมาใช้ไฟกลาง
ใส่น้ำตาลปี๊บและซีอิ้วดำเค็มลงไปคลุกๆให้สีเสมอทั่วทั้งกระทะ
จากจุดนี้เราจะได้กลิ่นหอมไหม้นิดๆจากซีอิ้วดำและน้ำตาลปี๊บ
ซึ่งโดนความร้อนจนเกิดปฏิกิริยาเมลลาร์ด(Maillard)
ใครทำขนมจะคุ้นเคยกับกลิ่นของอิเจ้าเมลลาร์ดนี้บ่อยๆ ใช่!
มันคือกลิ่นหอมไหม้ที่น้ำตาลโดนความร้อนจนเบิรน์กรังก้นกระทะ
และนี่แหละคือทำให้กะเพราได้รสเฉพาะตัว!!!
โกยเนื้อไปโป๊ะบริเวณนั้นและใช้ตะหลิวขูดๆ ผัดๆมันเข้าไปข่ะ
(ระวังอย่าใช้ไฟแรงจนไหม้ เราต้องการสีน้ำตาลอ่อนเท่านั้น)
12. น้ำปลา 2 ช้อนชา
13. ใบกะเพราแดงตามชอบ
14. ใบยี่หร่าใส่ให้น้อยกว่ากะเพรา
15. ใบมะกรูดฉีกใส่ตบท้ายนิดเดียว เอากลิ่นเฮิร์บๆของมัน
ใส่มะเขือเทศราชินีห่ามๆลงไปพอกล้อมแกล้ม
เราเลือกใช้แบบห่ามๆเท่านั้น! ไม่เอาแบบสุก
เพราะไม่ต้องการให้มีน้ำมะเขือเทศออกมาไปทำลายรสชาติหลัก
แล้วต้องผัดให้สุกระดับไหน...
เวลาคุณๆไปกินสเต๊กจะมีมะเขือเทศกริลวางคู่กับเนื้ออยู่
นั้นแหละ...ผัดให้สุกระดับนั้น
ความเปรี้ยวนิดๆจากมะเขือเทศจะช่วยชูรสเผ็ดจัดจ้านของกะเพรา
มันเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ /มือทาบอก! มันช่วยเสริมรสได้อย่างเพอร์เฟค
ชั้นงงมากค่ะแม่! ว่าแม่ไปเอาเคล็ดลับนี้มาจากไหน
เพราะก็เห็นทำแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ นางบอก..."สัญชาตญาณมันสอนแม่!"
เออเอาหวะเฮ้ย!!! มันอร่อยจริง คุณต้องลองนะ
ก่อนปิดแก๊สเอาน้ำปลาใส่ลงไป
ให้มันได้เสียงฉ่าาาา มีควันขึ้นมาจะกระทะ กลิ่นน้ำปลาจะหอมคลุ้งงง
แล้วใส่ 13-15 ลงผัดๆคลุกๆให้ผักเริ่มสลด จึงปิดแก๊ส...
เอ้าาาา จบสักที กินได้แล้วววววววววววววว
แนะนำให้คุณทอดไข่เป็ดยางมะตูมด้วย จะเพิ่มความฟินอีกล้านเท่า!
ทอดให้ไข่เป็นยางเยิ้มๆ แต่ด้านล่างกรอบๆเกรียมๆน้ำตาลทอง
ทอดได้ใช่มั้ย... ทำง่ายไม่มีทริคอะไรเลย ทอดได้นะ...
......................................
อย่าเงียบเซ่! ชั้นพิมพ์จะจบแล้ว
ต้องพิมพ์สอนทริคทอดไข่ยางมะตูมอีกหรอก
แล้วใครถามแกอ่ะ เค้ายังไม่ได้อ่านกันเลย
ชั้นพิมพ์เอง ตอบเอง คุยคนเดียว เออได้! ชั้นพิมพ์ต่ออีกนิดนะ…
ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลางไปทางอ่อน
จนน้ำมันเริ่มอุ่นๆ(ไม่มีควันขึ้น)
ตอกไข่เป็ดอุณหภูมิห้องลงไป
เอาตะหลิวกวักน้ำมันใส่ไข่ขาวรอบๆไข่แดง
กวักไปจนสีขาวขุ่น(ระหว่างนี้ ห้ามกวักใส่ไข่แดง)
เมื่อไข่ขาวสุกดีแล้ว และข้างล่างเริ่มเกรียมแล้ว
หมุนลูกบิดเตาเปลี่ยนไปใช้ไฟตรงกลางอย่างเดียว
กวักน้ำมันใส่ไข่แดง 4-5 ครั้งอย่างรวดเร็ว
แล้วตักไข่ขึ้นทันที... เนี่ยะ! ง่ายจังเลยใช่ะอ่ะป่าววว
*เมื่อทอดฟองที่ 2 3 4 5 ความร้อนในกระทะจะสะสม
คุณอาจจะต้องเบาไฟลงนิดนึงกว่าตอนทอดฟองแรก
เสิร์ฟโป๊ะราดข้าวหอมมะลิร้อนๆ
หืมมมม เอาผู้ชายหล่อล่ำนิสัยรวยร้อยคนมาแลก อิชั้นก็ไม่ยอมนะคะ!
/me กอดกระทะเอาไว้ หวงมาก! ใครเข้าใกล้กัดหมดข่ะ!!!
ไข่ดาวเยิ้มๆตัดกับกะเพรา หื๊มมมม สุดยอดดด
/แบบวีดีโอสำหรับใครที่ไม่มีเวลาอ่าน
คั่วแห้งกะเพราเนื้อสับสูตรบ้านฉันเอง คั่วแห้งเผ็ดร้อนถึงใจ!!! กินคู่ไข่ยางมะตูมเยิ้มๆ สุด...ฟินนน
มาแล้วค่ะ คั่วแห้งกะเพราเนื้อสับหอมๆรสเผ็ชจนต้องจือปาก!!!
ผัดให้ได้ดั่งใจ ไม่มีถั่วฝักยาว ไม่มีข้าวโพดอ่อน ไม่มีเห็ดแปลกๆผสมมา
คั่วแห้งจนมีกลิ่นหอมไหม้นิดๆ พร้อมเคล็ดลับประจำบ้าน...
นี่คือเดอะเบส! ที่คุณต้องลอง ย้ำว่า... ต้องลองงงงง
อ่ะ! ก่อนทำจะพาไปจ่ายตลาดเลือกซื้อเนื้อกันก่อน
คุณคิดว่าเนื้อส่วนไหนผัดอร่อยที่สุด! ให้เวลาคิด 5 วินาที...
ติ๊กต๊อก... ติ๊กต๊อก... ติ๊กต๊อก.............................
เฉลย! เนื้อส่วนที่เอามาผัดกะเพราแล้วอร่อย
ไม่แห้งกระด้าง มีกลิ่นหอมจากมันเนื้อ
คือส่วน... เนื้อหนอก/โหนก
หรือภาษาสวยๆเราจะเรียกว่า "เนื้อดาวกระจาย" นั้นเองล่ะฮ่ะทั่นผู้โชมมม
เนื้อส่วนนี้จะมีมันแทรกอยู่เป็นลายหินอ่อน
ฉะนั้นรับรองเลยว่า ผัดแล้วหอม มีความฉ่ำอย่างแน่นอน ชั้นรับประกัน!!!
เอ๊ะ!!! แล้วเนื้อส่วนนี้มันอยู่ตรงไหนของวัวอ่ะ ชื่อมันน่ากลัวจังงง
หนอกๆ โหนกๆ กรี๊ดดดด
/เนื้อส่วนนี้จะอยู่ที่หลังวัว ที่นูนๆออกมา
ส่วนนี้ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว จึงทำให้มีมันแทรกอยู่เป็นชั้นหินอ่อน
เมื่อนำมาทำกับข้าวที่ต้องใช้ไฟแรง เนื้อจึงไม่แห้งหรือแข็งกระด้างนั้นเอง
มันจุ้ยซี่อ่ะแกร๊ เช้าใจช่ะป่ะ! จุ้ยซี่อ่ะ...
เอาล่ะ เมื่อได้เนื้อส่วนที่เป็นหัวใจหลักของเมนูนี้มาแล้ว
หิวแล้วล่ะสิ! มาเริ่มทำเลย
Stir Fried Thai Holy Basil with Minced Beef
คั่วแห้งกะเพราเนื้อสับนรกแตก!
(สูตรสำหรับ 3-4 คน)
/มีวีดีโอท้ายกระทู้เช่นเดิม
1. กระเทียมไทย 2 หัว
2. พริกจินดาแดง 30-40 เม็ด
3. เนื้อหนอก/โหนก (เนื้อดาวกระจาย) 7 ขีด
4. มะเขือเทศราชินีห่ามๆ เล็กน้อย *ใส่หรือไม่ก็ได้ เป็นเคล็ดลับ
ตำกระเทียม ตำพริก สับเนื้อ หั่นมะเขือเทศเป็น 2 ซีก
เมื่อทำเสร็จแล้ว เตรียมตัวเอาลงผัด
*ว่าด้วยเรื่องพริก คุณต้องใส่ 30-40 เม็ดจริงๆ
ไม่ได้เมคสูตรให้เวอร์ ไม่จกตานะคะ
ใครไม่เคยทำอาจจะตกใจกับจำนวนพริก
แต่ขอบอกว่ามันต้องใส่ระดับนี้จริงๆถึงจะไม่เสียชาติเกิดกะเพราค่ะ
การใส่พริกเท่านี้ ถ้านึกระดับความเผ็ดไม่ออก
ถามตัวเองว่าคุณกินแกงใต้ได้มั้ย
ถ้ากินได้ใส่เลย 40 เม็ด
ถ้ากินได้แต่เผ็ดไปหน่อย ให้ใส่ 30 เม็ด
ใส่ต่ำกว่านี้รสจะไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่แล้ว
คุณต้องประเมินตัวเองดูนะว่ารับได้กับความเผ็ดระดับไหน
5. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
6. สามเกลอ 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
9. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนโต๊ะ
11. ซีอิ้วดำเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอให้อุ่นๆ แล้วเอากระเทียมลงผัดก่อน
ผัดจนสีเริ่มเหลือง(ระวังอย่าให้ไหม้) ใส่สามเกลอผัดแปบๆจนมีกลิ่นหอม
เอาพริกจินดาลง เมื่อพริกโดนน้ำมันจะทำให้กลิ่นกะเพราเราหอมฟุ้ง
แม้จะกลืนลงท้องไปแล้ว ลมหายใจก็ยังหอม
แหม่! โม้ซะเป็นทีวีไดเร็ค! นี่ชั้นไม่ได้มาขายมายมิ้นท์นะยะ!!!
จากนั้นนำเนื้อสับลง ใช้ไฟกลางไปทางแรง
ผัดมันเข้าไป! ผัดๆๆจนสุกสัก 90% ให้ใส่ 7-9 ลงไป
*ระหว่างนี้ถ้ารู้สึกกระทะเริ่มแห้งหรือไหม้ หยอดน้ำเพิ่มได้อีก 2-3 ช้อนชา
เปลื่ยนมาใช้ไฟกลาง
ใส่น้ำตาลปี๊บและซีอิ้วดำเค็มลงไปคลุกๆให้สีเสมอทั่วทั้งกระทะ
จากจุดนี้เราจะได้กลิ่นหอมไหม้นิดๆจากซีอิ้วดำและน้ำตาลปี๊บ
ซึ่งโดนความร้อนจนเกิดปฏิกิริยาเมลลาร์ด(Maillard)
ใครทำขนมจะคุ้นเคยกับกลิ่นของอิเจ้าเมลลาร์ดนี้บ่อยๆ ใช่!
มันคือกลิ่นหอมไหม้ที่น้ำตาลโดนความร้อนจนเบิรน์กรังก้นกระทะ
และนี่แหละคือทำให้กะเพราได้รสเฉพาะตัว!!!
โกยเนื้อไปโป๊ะบริเวณนั้นและใช้ตะหลิวขูดๆ ผัดๆมันเข้าไปข่ะ
(ระวังอย่าใช้ไฟแรงจนไหม้ เราต้องการสีน้ำตาลอ่อนเท่านั้น)
12. น้ำปลา 2 ช้อนชา
13. ใบกะเพราแดงตามชอบ
14. ใบยี่หร่าใส่ให้น้อยกว่ากะเพรา
15. ใบมะกรูดฉีกใส่ตบท้ายนิดเดียว เอากลิ่นเฮิร์บๆของมัน
ใส่มะเขือเทศราชินีห่ามๆลงไปพอกล้อมแกล้ม
เราเลือกใช้แบบห่ามๆเท่านั้น! ไม่เอาแบบสุก
เพราะไม่ต้องการให้มีน้ำมะเขือเทศออกมาไปทำลายรสชาติหลัก
แล้วต้องผัดให้สุกระดับไหน...
เวลาคุณๆไปกินสเต๊กจะมีมะเขือเทศกริลวางคู่กับเนื้ออยู่
นั้นแหละ...ผัดให้สุกระดับนั้น
ความเปรี้ยวนิดๆจากมะเขือเทศจะช่วยชูรสเผ็ดจัดจ้านของกะเพรา
มันเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ /มือทาบอก! มันช่วยเสริมรสได้อย่างเพอร์เฟค
ชั้นงงมากค่ะแม่! ว่าแม่ไปเอาเคล็ดลับนี้มาจากไหน
เพราะก็เห็นทำแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ นางบอก..."สัญชาตญาณมันสอนแม่!"
เออเอาหวะเฮ้ย!!! มันอร่อยจริง คุณต้องลองนะ
ก่อนปิดแก๊สเอาน้ำปลาใส่ลงไป
ให้มันได้เสียงฉ่าาาา มีควันขึ้นมาจะกระทะ กลิ่นน้ำปลาจะหอมคลุ้งงง
แล้วใส่ 13-15 ลงผัดๆคลุกๆให้ผักเริ่มสลด จึงปิดแก๊ส...
เอ้าาาา จบสักที กินได้แล้วววววววววววววว
แนะนำให้คุณทอดไข่เป็ดยางมะตูมด้วย จะเพิ่มความฟินอีกล้านเท่า!
ทอดให้ไข่เป็นยางเยิ้มๆ แต่ด้านล่างกรอบๆเกรียมๆน้ำตาลทอง
ทอดได้ใช่มั้ย... ทำง่ายไม่มีทริคอะไรเลย ทอดได้นะ...
......................................
อย่าเงียบเซ่! ชั้นพิมพ์จะจบแล้ว
ต้องพิมพ์สอนทริคทอดไข่ยางมะตูมอีกหรอก
แล้วใครถามแกอ่ะ เค้ายังไม่ได้อ่านกันเลย
ชั้นพิมพ์เอง ตอบเอง คุยคนเดียว เออได้! ชั้นพิมพ์ต่ออีกนิดนะ…
ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลางไปทางอ่อน
จนน้ำมันเริ่มอุ่นๆ(ไม่มีควันขึ้น)
ตอกไข่เป็ดอุณหภูมิห้องลงไป
เอาตะหลิวกวักน้ำมันใส่ไข่ขาวรอบๆไข่แดง
กวักไปจนสีขาวขุ่น(ระหว่างนี้ ห้ามกวักใส่ไข่แดง)
เมื่อไข่ขาวสุกดีแล้ว และข้างล่างเริ่มเกรียมแล้ว
หมุนลูกบิดเตาเปลี่ยนไปใช้ไฟตรงกลางอย่างเดียว
กวักน้ำมันใส่ไข่แดง 4-5 ครั้งอย่างรวดเร็ว
แล้วตักไข่ขึ้นทันที... เนี่ยะ! ง่ายจังเลยใช่ะอ่ะป่าววว
*เมื่อทอดฟองที่ 2 3 4 5 ความร้อนในกระทะจะสะสม
คุณอาจจะต้องเบาไฟลงนิดนึงกว่าตอนทอดฟองแรก
เสิร์ฟโป๊ะราดข้าวหอมมะลิร้อนๆ
หืมมมม เอาผู้ชายหล่อล่ำนิสัยรวยร้อยคนมาแลก อิชั้นก็ไม่ยอมนะคะ!
/me กอดกระทะเอาไว้ หวงมาก! ใครเข้าใกล้กัดหมดข่ะ!!!
ไข่ดาวเยิ้มๆตัดกับกะเพรา หื๊มมมม สุดยอดดด
/แบบวีดีโอสำหรับใครที่ไม่มีเวลาอ่าน