จาก 13 ตอน...ก็พอแก่การเข้าใจความเป็นโสดาบันแล้วหละ...
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...
https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...
https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...
https://ppantip.com/topic/40396605
- โสดาบัน....ตอนที่ 4...
https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 5...
https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 6...
https://ppantip.com/topic/40399103
- โสดาบัน....ตอนที่ 7...
https://ppantip.com/topic/40400933
- โสดาบัน....ตอนที่ 8...
https://ppantip.com/topic/40402456
- โสดาบัน....ตอนที่ 9...
https://ppantip.com/topic/40404554
- โสดาบัน....ตอนที่ 10...
https://ppantip.com/topic/40406860
- โสดาบัน....ตอนที่ 11...
https://ppantip.com/topic/40408347
- โสดาบัน....ตอนที่ 12...
https://ppantip.com/topic/40410185
- โสดาบัน....ตอนที่ 13...
https://ppantip.com/topic/40412107
- โสดาบัน....ตอนที่ 14...สรุปจบ
ตอนที่ 14 นี้จะสรุป...โดยรวมตั้งแต่ตอนที่ 1-13 ดังนี้..
1.
เรื่องเร่งด่วน
การที่ยังไม่เป็นโสดาบัน....คติในสัมปรายภพมันไม่แน่นอน... 99.99%ก็ล้วนไปสู่อบาย
ดังนี้นพระศาสดาท่านจึงกล่าวว่า...แม้นกระทั่งไฟไหม้อยู่บนหัว....ก็ให้เร่งมารู้อริยสัจ4ก่อน
เพราะการตายจากการที่ไฟไหม้บนหัวมันไม่ได้เป็นเหตุที่จะพาไปสู่อบาย แต่การไม่รู้อริยสัจ4...แล้วกระทำซึ่วอกุศล
นั่นหละจะพาไป การรู้อริยสัจ4...เป็นโสดาบันนี้...เป็นการการันตีว่าจะไม่ตกต่ำ...เที่ยงแท้ต่อนิพพาน
2.
การประเมิณ
การวัด-การประเมินตนเองว่า...เราเป็นโสดาบันแล้วหรือยัง โดยใช้หลักการที่มีชื่อว่า " ธรรมทาส (ธรรมที่เป็นแว่นส่อง) "
คือวักจาก...ธรรม 4 ประการ
- ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
- .....ในพระธรรม
- ....ในพระสงฆ์
- ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... เป็นไปเพื่อสมาธิ
ถ้าศึกษาธรรมไปจนถึงจุดหนึ่งแล้วพบว่าตนมีธรรม 4 ประการนี้ในตน พระศาสดาท่านให้พยากรณ์นั่นหละคือ " โสดาบัน "
ปล. ปัณหามันอยู่ที่คำว่า " ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน.... " <-----คำนี้มันมีความหมายลึก---มีรายละเอียดมาก
ไม่ใส่แค่บอกว่าสัทธาก็จะเข้าเกณฑ์นี้... อันนี้ควรที่จะศึกษาใผ้ยิ่งขึ้นไป พระศาสดาท่านได้กล่าววเอาไว้แล้ว...ครับ
ว่าการเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว...การมีสัทธานั้นจะต้องเป็นอย่างไร
ตัวอย้างเช่น.. บอกว่าสัทธา...แต่ยังไปกิเจ, ดูหมอ, ไห้วผีไห้วสาง, แขวนเครื่องรางของขลัง....อันนี้ไม่ใช่ ครับ
3.
การเป็นโสดาบัน
- โสดาบันจะรู้ว่า...ทุกข์คืออะไร? ทุกข์เกิดมาได้อย่างไร? ทุกข์จะดับเพราะอะไร? และต้องทำขั้นตอนอย่างไรทุกข์จึงจะดับไป?
สรุปว่ารู้...อริยสัจ4
- ในอริยสัจ4: ...จะรู้จักขันธ์๕...ว่าคืออะไร? เกิดมาจากอะไร? จะดับไปอย่างไร? มีรสอร่อยอย่างไร? มีข้อเสีย(โทษ)อย่างไร?
และ...จะสลัดคืนสลัดออกจากขันธ์เหล่านั้นได้อย่างไร?
- ในอริยสัจ4: ...จะรู้จักปฏิจจสมุปปาทสมุทยวาร--ที่ทำให้ทุกข์เกิดมา...ทำให้โลกเกิด....ว่าเพราะอะไรมี---สิ่งนี้จึงมี
และ........จะรู้จักปฏิจจสมุปปาทนิโรธวาร---ที่ทำให้ทุกข์ดับไป...ทำให้โลกดับ.....ว่าเพราะอะไรดับ--สิ่งนี้จึงดับ
- ในอริยสัจ4... จะรู้ว่าข้อปฏิบัติใหถึงที่สุดแห่งทุกข์ก็คือ...มรรค8....เมื่อรู้ก็ตั้งตนไว้ในมรรคนั้น...
มีความเห็นที่ถูกเป็น...สัมมาทิฏฐิ
มีความคิดว่าเราอยากเราต้องการออกจาทุกข์นี้เป็นดำริที่เป็น...สัมมาสังกัปปะ
มีการควบคุมการกระทำของตน(ศีล)เป็น....สัมมาวาจา..กับ...สัมมากัมมันตะ
มีการเลี้ยงชีพโดยชอบเป็น...สัมมาอาชีวะ
มีความพากดพียรพยายามใน..สัมมัปปธาน4...เป็นสัมมาวายามะ
มีการเริ่มเจริญสติปัฐาน4แล้ว....เป็นสัมมาสติ
มีจิตตั้งมั่นอันเกิดแต่ในสมัย...ในสมัยนั้นเป็น..สัมมาสมาธิ
เมื่อมีการกระทำมรรค8...ก็คือผู้ประกอบพร้อมแล้ว..ซึ่งอริยมรรคอันมีองค์8...
{ อริเยน อฏฺฐงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต }
- ในปฏิจจสมุปปบาท... กำหนดรู้ที่อยาตนะทั้ง 6 กำหนดที่ผัสสะ...คือการสำรวมสังวร-ระวังในอินทรีย์ทั้ง6...
คือ เมื่อ..ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายมีการสัมผัส และ..ใจที่รู้ธรรมคือ...รู้สึก-นึกจำ-คิด-รู้
ว่าเวทนาที่เกิดจากผัสสะทางอายตนะเหล่านั้น... มันไม่เที่ยง-เป็นทุกข์-เป็นอนัตตา...มันเกิดเพราะเหตุปัจจัย..
....และมีก็จะดับไปเพราะเหตุปัจจัย การสลัดออกจากธรรมเหล่านี้กระทำได้โดยการ...ละความเพลิดเพลิน-ตามติด-หรือ...
ฉันทราคะในธรรมที่ปรากฏเหล่านี้... เมื่อละฉันทราคะได้...ตัณหาก็ดับ->อุปาทานก็ดับ->ภพก็ดับ->ชาติก็ดับ->ชรามรณะก็ดับ--->
-->ทุกข์ก็ดับไป....ด้วยการอย่างนี้...ดังนี้
4. อีกอย่างนะ.. การไปคิดว่าการได้คุณธรรม-การเป็นโสดาบัน..นั้นยากมากๆ...แทบจะไม่มีสิทธ์นะ <--อันนี้ไม่จริงนะ
ที่ยากกว่ามากๆ ก็คือ...การที่จะได้เสพพระสัทธรรมที่ถูกต้อง... อันนี้ยากกว่า..พอการรู้ผิด..มันก็ปฏิบัติผิด ผลก็ไม่ได้
คุณธรรมของอริยบุคคลอันสูงส่งนี้..ที่พระศาสดากล่าวไว้นั้น..ปฏิบัติได้--เข้าถึงได้--ให้ผลได้
ที่ว่ายากก็เพราะไม่เข้าใจ...ก็รู้ผิดไง รู้แบบผิดๆมันก็ยาก..ซิ
5. ขอให้ทุกท่านโชคดี....เจอกันที่ " เกาะ..(ทีปํ) "...ครับ
ปล..ต่อไปจะเอาข้อธรรมต่างๆมาแสดง ครับ
โสดาบัน....ตอนที่ 14...จบตอนนี้.หละ..ครับ
จาก 13 ตอน...ก็พอแก่การเข้าใจความเป็นโสดาบันแล้วหละ...
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...https://ppantip.com/topic/40396605
- โสดาบัน....ตอนที่ 4...https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 5...https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 6...https://ppantip.com/topic/40399103
- โสดาบัน....ตอนที่ 7...https://ppantip.com/topic/40400933
- โสดาบัน....ตอนที่ 8...https://ppantip.com/topic/40402456
- โสดาบัน....ตอนที่ 9...https://ppantip.com/topic/40404554
- โสดาบัน....ตอนที่ 10...https://ppantip.com/topic/40406860
- โสดาบัน....ตอนที่ 11...https://ppantip.com/topic/40408347
- โสดาบัน....ตอนที่ 12...https://ppantip.com/topic/40410185
- โสดาบัน....ตอนที่ 13...https://ppantip.com/topic/40412107
- โสดาบัน....ตอนที่ 14...สรุปจบ
ตอนที่ 14 นี้จะสรุป...โดยรวมตั้งแต่ตอนที่ 1-13 ดังนี้..
1. เรื่องเร่งด่วน
การที่ยังไม่เป็นโสดาบัน....คติในสัมปรายภพมันไม่แน่นอน... 99.99%ก็ล้วนไปสู่อบาย
ดังนี้นพระศาสดาท่านจึงกล่าวว่า...แม้นกระทั่งไฟไหม้อยู่บนหัว....ก็ให้เร่งมารู้อริยสัจ4ก่อน
เพราะการตายจากการที่ไฟไหม้บนหัวมันไม่ได้เป็นเหตุที่จะพาไปสู่อบาย แต่การไม่รู้อริยสัจ4...แล้วกระทำซึ่วอกุศล
นั่นหละจะพาไป การรู้อริยสัจ4...เป็นโสดาบันนี้...เป็นการการันตีว่าจะไม่ตกต่ำ...เที่ยงแท้ต่อนิพพาน
2. การประเมิณ
การวัด-การประเมินตนเองว่า...เราเป็นโสดาบันแล้วหรือยัง โดยใช้หลักการที่มีชื่อว่า " ธรรมทาส (ธรรมที่เป็นแว่นส่อง) "
คือวักจาก...ธรรม 4 ประการ
- ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
- .....ในพระธรรม
- ....ในพระสงฆ์
- ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... เป็นไปเพื่อสมาธิ
ถ้าศึกษาธรรมไปจนถึงจุดหนึ่งแล้วพบว่าตนมีธรรม 4 ประการนี้ในตน พระศาสดาท่านให้พยากรณ์นั่นหละคือ " โสดาบัน "
ปล. ปัณหามันอยู่ที่คำว่า " ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน.... " <-----คำนี้มันมีความหมายลึก---มีรายละเอียดมาก
ไม่ใส่แค่บอกว่าสัทธาก็จะเข้าเกณฑ์นี้... อันนี้ควรที่จะศึกษาใผ้ยิ่งขึ้นไป พระศาสดาท่านได้กล่าววเอาไว้แล้ว...ครับ
ว่าการเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว...การมีสัทธานั้นจะต้องเป็นอย่างไร
ตัวอย้างเช่น.. บอกว่าสัทธา...แต่ยังไปกิเจ, ดูหมอ, ไห้วผีไห้วสาง, แขวนเครื่องรางของขลัง....อันนี้ไม่ใช่ ครับ
3. การเป็นโสดาบัน
- โสดาบันจะรู้ว่า...ทุกข์คืออะไร? ทุกข์เกิดมาได้อย่างไร? ทุกข์จะดับเพราะอะไร? และต้องทำขั้นตอนอย่างไรทุกข์จึงจะดับไป?
สรุปว่ารู้...อริยสัจ4
- ในอริยสัจ4: ...จะรู้จักขันธ์๕...ว่าคืออะไร? เกิดมาจากอะไร? จะดับไปอย่างไร? มีรสอร่อยอย่างไร? มีข้อเสีย(โทษ)อย่างไร?
และ...จะสลัดคืนสลัดออกจากขันธ์เหล่านั้นได้อย่างไร?
- ในอริยสัจ4: ...จะรู้จักปฏิจจสมุปปาทสมุทยวาร--ที่ทำให้ทุกข์เกิดมา...ทำให้โลกเกิด....ว่าเพราะอะไรมี---สิ่งนี้จึงมี
และ........จะรู้จักปฏิจจสมุปปาทนิโรธวาร---ที่ทำให้ทุกข์ดับไป...ทำให้โลกดับ.....ว่าเพราะอะไรดับ--สิ่งนี้จึงดับ
- ในอริยสัจ4... จะรู้ว่าข้อปฏิบัติใหถึงที่สุดแห่งทุกข์ก็คือ...มรรค8....เมื่อรู้ก็ตั้งตนไว้ในมรรคนั้น...
มีความเห็นที่ถูกเป็น...สัมมาทิฏฐิ
มีความคิดว่าเราอยากเราต้องการออกจาทุกข์นี้เป็นดำริที่เป็น...สัมมาสังกัปปะ
มีการควบคุมการกระทำของตน(ศีล)เป็น....สัมมาวาจา..กับ...สัมมากัมมันตะ
มีการเลี้ยงชีพโดยชอบเป็น...สัมมาอาชีวะ
มีความพากดพียรพยายามใน..สัมมัปปธาน4...เป็นสัมมาวายามะ
มีการเริ่มเจริญสติปัฐาน4แล้ว....เป็นสัมมาสติ
มีจิตตั้งมั่นอันเกิดแต่ในสมัย...ในสมัยนั้นเป็น..สัมมาสมาธิ
เมื่อมีการกระทำมรรค8...ก็คือผู้ประกอบพร้อมแล้ว..ซึ่งอริยมรรคอันมีองค์8...
{ อริเยน อฏฺฐงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต }
- ในปฏิจจสมุปปบาท... กำหนดรู้ที่อยาตนะทั้ง 6 กำหนดที่ผัสสะ...คือการสำรวมสังวร-ระวังในอินทรีย์ทั้ง6...
คือ เมื่อ..ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายมีการสัมผัส และ..ใจที่รู้ธรรมคือ...รู้สึก-นึกจำ-คิด-รู้
ว่าเวทนาที่เกิดจากผัสสะทางอายตนะเหล่านั้น... มันไม่เที่ยง-เป็นทุกข์-เป็นอนัตตา...มันเกิดเพราะเหตุปัจจัย..
....และมีก็จะดับไปเพราะเหตุปัจจัย การสลัดออกจากธรรมเหล่านี้กระทำได้โดยการ...ละความเพลิดเพลิน-ตามติด-หรือ...
ฉันทราคะในธรรมที่ปรากฏเหล่านี้... เมื่อละฉันทราคะได้...ตัณหาก็ดับ->อุปาทานก็ดับ->ภพก็ดับ->ชาติก็ดับ->ชรามรณะก็ดับ--->
-->ทุกข์ก็ดับไป....ด้วยการอย่างนี้...ดังนี้
4. อีกอย่างนะ.. การไปคิดว่าการได้คุณธรรม-การเป็นโสดาบัน..นั้นยากมากๆ...แทบจะไม่มีสิทธ์นะ <--อันนี้ไม่จริงนะ
ที่ยากกว่ามากๆ ก็คือ...การที่จะได้เสพพระสัทธรรมที่ถูกต้อง... อันนี้ยากกว่า..พอการรู้ผิด..มันก็ปฏิบัติผิด ผลก็ไม่ได้
คุณธรรมของอริยบุคคลอันสูงส่งนี้..ที่พระศาสดากล่าวไว้นั้น..ปฏิบัติได้--เข้าถึงได้--ให้ผลได้
ที่ว่ายากก็เพราะไม่เข้าใจ...ก็รู้ผิดไง รู้แบบผิดๆมันก็ยาก..ซิ
5. ขอให้ทุกท่านโชคดี....เจอกันที่ " เกาะ..(ทีปํ) "...ครับ
ปล..ต่อไปจะเอาข้อธรรมต่างๆมาแสดง ครับ