คิญชกาวสถสูตรที่ ๓
ว่าด้วยธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส
.....
.....
[๑๔๗๘] ดูกรอานนท์
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ
จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๙๐ คนกระทำกาละแล้ว เป็นพระสกทาคามี
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไปและเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว
แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๕๐๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๑๔๗๘] ปโรปญฺญาส อานนฺท ญาติเก อุปาสกา กาลกตา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สญฺโญชนานํ ปริกฺขยา
โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา ฯ
สาธิกนวุติ อานนฺท ญาติเก อุปาสกา กาลกตา ติณฺณํ สญฺโญชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา
สกทาคามิโน สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ ฯ
ฉาติเรกานิ โข อานนฺท ปญฺจสตานิ ญาติเก อุปาสกา กาลกตา ติณฺณํ สญฺโญชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา
อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายนา ฯ
[๑๔๗๙]
ดูกรอานนท์ ข้อที่บุคคลเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว พึงกระทำกาละ มิใช่เป็นของน่าอัศจรรย์
ถ้าเมื่อผู้นั้นๆ กระทำกาละแล้ว เธอทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วสอบถามเนื้อ
ความนั้น ข้อนี้เป็นความลำบากของตถาคต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๑๔๗๙] อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ อานนฺท ยํ มนุสฺสภูโต กาลํ กเรยฺย ตสฺมึ ตสฺมึ เจ มํ กาลกเต อุปสงฺกมิตฺวา
เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิสฺสถ ฯ
วิเหสาเวสา อานนฺท อสฺส ตถาคตสฺส ฯ
เพราะฉะนั้นแหละ เราจักแสดงธรรมปริยายชื่อ...ธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่
พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรกกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว
เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตสฺมา ติหานนฺท ธมฺมาทาสํ นาม ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิ เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว
อตฺตานํ พฺยากเรยฺยขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิโย ขีณปิตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต โสตาปนฺโนหมสฺมิ
อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโน ฯ
[๑๔๘๐] ดูกรอานนท์ ก็ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่
พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ
วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า เป็นไฉน?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๑๔๘๐] กตโม จ โส อานนฺท ธมฺมาทาโส ธมฺมปริยาโย เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว
อตฺตานํ พฺยากเรยฺย ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิโย ขีณปิตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต โสตาปนฺโนหมสฺมิ
อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโน ฯ
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
1. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
2. ... ในพระธรรม
3. ... ในพระสงฆ์
4. ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... เป็นไปเพื่อสมาธิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อิธานนฺท อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ อิติปิ โส ภควา ฯเปฯ
สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ
ธมฺเม สงฺเฆ ฯ
อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อกฺขณฺเฑหิ ฯเปฯ สมาธิสํวตฺตนิเกหิ ฯ
นี้แล คือ ธรรมปริยายชื่อ....ธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่
พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต
สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อยํ โข โส อานนฺท ธมฺมาทาโส ธมฺมปริยาโย เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว
อตฺตานํ พฺยากเรยฺย ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิโย ขีณปิตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต
โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโนติ ฯ
จบ สูตรที่ ๑๐
จบ เวฬุทวารวรรคที่ ๒
https://etipitaka.com/read/thai/19/359/
สรุป...ตอนที่ 3..นี้ <-----อันนี้ความเห็นผมเอง....ผู้อื่นอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างจากผม...ก็กรุณาแนะนำได้เลย ครับ
1. จับใจความของพระสูตรนี้....ได้ดังนี้..
- เริ่มเรื่องเกิดจากที่...ท่านพระอานนท์ท่านไปทูลถามพระศาสดา..ว่าอุบาสกชื่อโน้นชื่อนี้...ตายแล้วคติเป็นอย่างไร
เดาว่าท่านพระอานนท์ท่านจะเอาคำพยากรณ์ไปบอกหมู่ญาติของผู้ล่วงลับนั้นๆ...เพื่อความอนุเคราะห์
- พระองค์ก็พยากรณ์...ให้ ว่าเป็น...โสดาบันบ้าง...เป็นสกทาคามีบ้าง....เป็นอนาคามีบ้าง...
- ในหัวข้อ [๑๔๗๙]...พระองค์บอกว่า คนมันก็ตายเป็นปกติไม่เรื่องพิเศษอะไร....แต่จะมาให้พยากรณ์อยู่เรื่อยๆ
อย่างนี้ ก็จะสร้างความลำบากแก่พระองค์
- พระศาสดาท่านจึง...บอกว่าเราจะให้หลักการการพยากรณ์ตนเอง...ว่าเป็นพระโสดาบันหรือไม่
หลัการนี้มีชื่อว่า "
ธรรมทาส "...<------มีความเกี่ยวพันอะไรก็ชื่อของท่านพระพุทธทาสหรือเปล่าหน่อ???
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
2. หลักการพยากรณ์ที่ชื่อว่า " ธรรมทาส "...นี้ก็ถือคุณธรรรม 4 ประการ..ของพระโสดาบันไว้ดังนี้ ครับ
- มั่นคงใน...พระพุทธ
- มั่นคงใน...พระธรรม
- มั่นคงใน...พระสงฆ์
- มีศีล..อันเป็นที่รักของพระอริยเจ้า ( ศีล๕...สำหรับผู้ครองเรือน)
3. เมื่อพระองค์ให้พยากรณ์ตนเองได้....เราก็มาพิจารณาด้วยต้นเองว่าเรามีคุณธรรม 4ประการนั้นหรือไม่
ถ้ามี...ท่านก็เป็นโสดาบันแล้วหละ
4. หลักการพยากรณ์ที่ชื่อว่า " ธรรมทาส "...นี้
มีไหม?...มันมีอย่างอื่นที่เขาเอามาพูดกันหรือไม่?....ว่าต้องเป็นอย่างโน้น...?
ว่าต้องเห็นอย่างนี้....? ว่าจะต้องใด้ฌาน? ว่าจะต้องได้ดวง..ได้มรรค??
ว่าจิตจะต้องอย่างโน้น-อย่างนี้??
เอาตามที่พระศาสดาท่านกล่าวไว้จะดีกว่า...เพราะท่านเป็นผู้บัญญัติ...
กฏเกณฑ์มันก็ต้องเอากฏเกณฑ์ของท่าน
ปล. รวมหัวข้อ..
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...
https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...
https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...
https://ppantip.com/topic/40396605
โสดาบัน....ตอนที่ 3...พยากรณ์ตนและตน..นั่นหละ.." ว่าเป็นโสดาบันแล้ว "
คิญชกาวสถสูตรที่ ๓
ว่าด้วยธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส
.....
.....
[๑๔๗๘] ดูกรอานนท์
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ
จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๙๐ คนกระทำกาละแล้ว เป็นพระสกทาคามี
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไปและเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว
แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๕๐๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[๑๔๗๙] ดูกรอานนท์ ข้อที่บุคคลเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว พึงกระทำกาละ มิใช่เป็นของน่าอัศจรรย์
ถ้าเมื่อผู้นั้นๆ กระทำกาละแล้ว เธอทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วสอบถามเนื้อ
ความนั้น ข้อนี้เป็นความลำบากของตถาคต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะฉะนั้นแหละ เราจักแสดงธรรมปริยายชื่อ...ธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่
พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรกกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว
เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[๑๔๘๐] ดูกรอานนท์ ก็ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่
พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ
วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า เป็นไฉน?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
1. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
2. ... ในพระธรรม
3. ... ในพระสงฆ์
4. ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... เป็นไปเพื่อสมาธิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี้แล คือ ธรรมปริยายชื่อ....ธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่
พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต
สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบ สูตรที่ ๑๐
จบ เวฬุทวารวรรคที่ ๒
https://etipitaka.com/read/thai/19/359/
สรุป...ตอนที่ 3..นี้ <-----อันนี้ความเห็นผมเอง....ผู้อื่นอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างจากผม...ก็กรุณาแนะนำได้เลย ครับ
1. จับใจความของพระสูตรนี้....ได้ดังนี้..
- เริ่มเรื่องเกิดจากที่...ท่านพระอานนท์ท่านไปทูลถามพระศาสดา..ว่าอุบาสกชื่อโน้นชื่อนี้...ตายแล้วคติเป็นอย่างไร
เดาว่าท่านพระอานนท์ท่านจะเอาคำพยากรณ์ไปบอกหมู่ญาติของผู้ล่วงลับนั้นๆ...เพื่อความอนุเคราะห์
- พระองค์ก็พยากรณ์...ให้ ว่าเป็น...โสดาบันบ้าง...เป็นสกทาคามีบ้าง....เป็นอนาคามีบ้าง...
- ในหัวข้อ [๑๔๗๙]...พระองค์บอกว่า คนมันก็ตายเป็นปกติไม่เรื่องพิเศษอะไร....แต่จะมาให้พยากรณ์อยู่เรื่อยๆ
อย่างนี้ ก็จะสร้างความลำบากแก่พระองค์
- พระศาสดาท่านจึง...บอกว่าเราจะให้หลักการการพยากรณ์ตนเอง...ว่าเป็นพระโสดาบันหรือไม่
หลัการนี้มีชื่อว่า " ธรรมทาส "...<------มีความเกี่ยวพันอะไรก็ชื่อของท่านพระพุทธทาสหรือเปล่าหน่อ???
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. หลักการพยากรณ์ที่ชื่อว่า " ธรรมทาส "...นี้ก็ถือคุณธรรรม 4 ประการ..ของพระโสดาบันไว้ดังนี้ ครับ
- มั่นคงใน...พระพุทธ
- มั่นคงใน...พระธรรม
- มั่นคงใน...พระสงฆ์
- มีศีล..อันเป็นที่รักของพระอริยเจ้า ( ศีล๕...สำหรับผู้ครองเรือน)
3. เมื่อพระองค์ให้พยากรณ์ตนเองได้....เราก็มาพิจารณาด้วยต้นเองว่าเรามีคุณธรรม 4ประการนั้นหรือไม่
ถ้ามี...ท่านก็เป็นโสดาบันแล้วหละ
4. หลักการพยากรณ์ที่ชื่อว่า " ธรรมทาส "...นี้
มีไหม?...มันมีอย่างอื่นที่เขาเอามาพูดกันหรือไม่?....ว่าต้องเป็นอย่างโน้น...?
ว่าต้องเห็นอย่างนี้....? ว่าจะต้องใด้ฌาน? ว่าจะต้องได้ดวง..ได้มรรค??
ว่าจิตจะต้องอย่างโน้น-อย่างนี้??
เอาตามที่พระศาสดาท่านกล่าวไว้จะดีกว่า...เพราะท่านเป็นผู้บัญญัติ...
กฏเกณฑ์มันก็ต้องเอากฏเกณฑ์ของท่าน
ปล. รวมหัวข้อ..
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...https://ppantip.com/topic/40396605