ญาณวัตถุสูตรที่ ๑
[๑๑๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายเราจักแสดงญาณวัตถุ ๔๔ แก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟังซึ่งญาณวัตถุนั้นจงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว ภิกษุ
เหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
[๑๑๙] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ญาณวัตถุ ๔๔ เป็นไฉน คื
- ความรู้ในชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในชาติ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในภพ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งภพ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งภพ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งภพ ๑
- ความรู้ในอุปาทาน ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในความดับแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในตัณหา ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในความดับแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในเวทนา ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในความดับแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในผัสสะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในนามรูป ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งนามรูป ๑
- ความรู้ในความดับแห่งนามรูป ๑
-ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งนามรูป ๑
- ความรู้ในวิญญาณ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในสังขารทั้งหลาย ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งสังขาร ๑
- ความรู้ในความดับแห่งสังขาร ๑
ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายเหล่านี้เรียกว่า ญาณวัตถุ ๔๔ ฯ
[๑๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชราและมรณะเป็นไฉน ความแก่ ภาวะของความแก่ <---------A
ฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว ความเสื่อมแห่งอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์
ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่าชราความเคลื่อน ภาวะของความเคลื่อน
ความทำลาย ความอันตรธาน มฤตยูความตาย กาลกิริยา ความแตกแห่งขันธ์
ความทอดทิ้งซากศพ ความขาดแห่งอินทรีย์ จากหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้
เราเรียกว่ามรณะ ชราและมรณะดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่าชราและมรณะ เพราะชาติเกิด
ชราและมรณะจึงเกิดเพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือ
ความเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ วาจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ อาชีพชอบ ๑
พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ความตั้งใจไว้ชอบ ๑ เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับ
ชราและมรณะ ฯ
[๑๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
- อริยสาวกรู้ชัดซึ่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งความดับแห่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะอย่างนี้
นี้ชื่อว่าความรู้ในธรรมของอริยสาวกนั้น <-------ธรรมญาณ
อริยสาวกนั้นนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วยธรรมนี้ ซึ่งตนเห็นแล้ว รู้แล้ว ให้ผลไม่มีกำหนดกาล
อันตนได้บรรลุแล้วอันตนหยั่งรู้แล้ว สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ก็ได้รู้ชราและมรณะ ได้รู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะ ได้รู้ความดับแห่งชราและมรณะ
ได้รู้ปฏิปทาอันให้ถึง ความดับแห่งชราและมรณะ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น
สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลแม้เหล่าใดเหล่าหนึ่งก็จักรู้ชราและมรณะ จักรู้เหตุเป็นแดน
เกิดแห่งชราและมรณะ จักรู้ความดับแห่งชราและมรณะ จักรู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับ
แห่งชราและมรณะ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น
นี้ชื่อว่า อันวยญาณของอริยสาวกนั้น ฯ <-----อันวยญาณ
[๑๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ ๒ อย่าง คือธรรมญาณ อันวยญาณ ๑
เหล่านี้ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้เราเรียกว่า.....
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิบ้าง........( ทิฏฺฐิสมฺปนฺโน ) <------โสดาบัน
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะบ้าง....( ทสฺสนสมฺปนฺโน )
- เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง........( อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้เห็นสัทธรรมนี้บ้าง..........( ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺเขน ญาเณน สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้บรรลุกระแสแห่งธรรมบ้าง.................( ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน)
- เป็นพระอริยะมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลสบ้าง...( อริโย นิพฺเพธิกปญฺโญ )
- ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง ฯ....( อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ )
[๑๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชาติเป็นไฉน ...<---------B
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๗] ก็ชาติเป็นไฉน ความเกิด ความบังเกิด ความหยั่งลง เกิด เกิดจำเพาะ ความ
ปรากฏแห่งขันธ์ ความได้อายตนะครบในหมู่สัตว์นั้นๆ ของ เหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่าชาติ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภพเป็นไฉน ...<-------------------C
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๘] ก็ภพเป็นไฉน ภพ ๓ เหล่านี้คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ นี้เรียกว่าภพ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุปาทานเป็นไฉน ...<-------------D
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๙] ก็อุปาทานเป็นไฉน อุปาทาน ๔ เหล่านี้คือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลพัตตุปาทาน
อัตตวาทุปาทาน นี้เรียกว่า อุปาทาน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ตัณหาเป็นไฉน ...<----------------E
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๑๐] ก็ตัณหาเป็นไฉน ตัณหา ๖ หมวดเหล่านี้คือ รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา
รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธัมมตัณหา นี้เรียกว่าตัณหา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็เวทนาเป็นไฉน ...<----------------F
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๑๑] ก็เวทนาเป็นไฉน เวทนา ๖ หมวดเหล่านี้คือ จักขุสัมผัสสชา เวทนา โสตสัมผัส
สชาเวทนา ฆานสัมผัสสชาเวทนา ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา กายสัมผัสสชาเวทนา มโนสัมผัสสชา
เวทนา นี้เรียกว่าเวทนา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ผัสสะเป็นไฉน ...<-----------------G
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๑๒] ก็ผัสสะเป็นไฉน ผัสสะ ๖ หมวดเหล่านี้คือ จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส
ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส มโนสัมผัส นี้เรียกว่าผัสสะ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สฬายตนะเป็นไฉน ...<-----------H
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๑๓] ก็สฬายตนะเป็นไฉน อายตนะคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้เรียกว่าสฬายตนะ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็นามรูปเป็นไฉน ...<---------------I
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๑๔] ก็นามรูปเป็นไฉน เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี้เรียกว่านาม
มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูป
นามและ รูปดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่านามรูป ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณเป็นไฉน ...<--------------J
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๑๕] ก็วิญญาณเป็นไฉน วิญญาณ ๖ หมวดเหล่านี้คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ นี้เรียกว่า วิญญาณ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารเป็นไฉน ...<----------------K
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[๑๖] ก็สังขารเป็นไฉน สังขาร ๓ เหล่านี้คือ กายสังขาร วจีสังขาร จิตสังขาร นี้เรียก
ว่าสังขาร ฯ
สังขารมี ๓ คือ กายสังขาร ๑ วจีสังขาร ๑จิตสังขาร ๑
นี้เรียกว่าสังขาร เพราะอวิชชาเกิด สังขารจึงเกิด เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือความเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ วาจาชอบ ๑
การงานชอบ ๑ อาชีพชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ระลึกชอบ ๑ ตั้งใจไว้ชอบ ๑ ฯ
[๑๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกรู้ชัดสังขารอย่างนี้ รู้ชัดเหตุเป็นแดนเกิดแห่ง
สังขารอย่างนี้ รู้ชัดความดับแห่งสังขารอย่างนี้ รู้ชัดปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขารอย่างนี้
นี้ชื่อว่า ความรู้ในธรรมของอริยสาวกนั้น อริยสาวกนั้นย่อมนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วย
ธรรมนี้ ซึ่งตนเห็นแล้ว รู้แล้วให้ผลไม่มีกำหนดกาล อันตนได้บรรลุแล้ว อันตนหยั่งรู้แล้ว
สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ได้รู้สังขาร ได้รู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่ง
สังขาร ได้รู้ความดับแห่งสังขาร ได้รู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขารเหมือนอย่างที่เรารู้
ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลแม้เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็จักรู้
สังขาร จักรู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งสังขาร จักรู้ความดับแห่งสังขาร จักรู้ปฏิปทาอันให้ถึง
ความดับแห่งสังขาร เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น นี้ชื่อว่า อันวยญาณของ
อริยสาวกนั้น ฯ
[๑๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ ๒ อย่าง คือธรรมญาณ ๑ อันวยญาณ ๑
เหล่านี้ ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้เราเรียกว่า
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิบ้าง........( ทิฏฺฐิสมฺปนฺโน ) <------โสดาบัน
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะบ้าง....( ทสฺสนสมฺปนฺโน )
- เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง........( อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้เห็นสัทธรรมนี้บ้าง..........( ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺเขน ญาเณน สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้บรรลุกระแสแห่งธรรมบ้าง.................( ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน)
- เป็นพระอริยะมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลสบ้าง...( อริโย นิพฺเพธิกปญฺโญ )
- ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง ฯ....( อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ )
จบสูตรที่ ๓
สรุป...ตอนที่ 9..นี้ <-----อันนี้ความเห็นผมเอง....ผู้อื่นอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างจากผม...ก็กรุณาแนะนำได้เลย ครับ
1. จัดทำให้ญาณวัตถุนี้ลงในตารางได้ว่า
2. พระศาสดาท่านกล่าวว่า...
การที่ผู้ใดที่
--รู้ในธรรมนั้น--รู้ว่ามันเกิดจากอะไร-รู้ว่ามันจะดับไปเพราะอะไร--รู้ว่ามรรค8คือการดับธรรมนั้น
<--อันนี้..คือ...ธรรมญาณ
ส่วนธรรมญานนี้---เอาไปใช่ในอตีตและอนาคต..ก็รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ ..หนีไม่พ้นจากนี้
<----อันนี้...คือ...อันวยญาณ
3. การที่จะรู้จะเข้าใจ...ปฏิจจสมุปปาท..และ..อริยสัจ4...ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเนื่องที่เกินความสามารธของมนุษย์ปกติ
การเข้าใจปฏิจจ-อริยสัจ...แบบนี้...พระศาสดาท่านกล่าวว่า " เป็นผู้ที่ญาณทั้ง 2 คือ ธรรมญาณ..และ...อันวยญาณ "
ไม่ใช่ญาณอะไรๆ....ที่มีการกล่าวกัน--เข้าใจกันในภายหลัง<----ผมเห็นอย่างนี้..ครับ
4. ส่วน..ญานวัตถุ77..ก็คล้ายๆกับ..ญาณวัตถุ44นี้... แต่จะเป็น ปฏิจจ11 x 7pattern = 77
ดังนี้..
- รู้ว่า...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
- รู้ว่า...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
- รู้ว่า...ในอดีต......ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
- รู้ว่า...ในอดีต......ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
- รู้ว่า...ในอนาคต...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
- รู้ว่า...ในอนาคต...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
- สุดท้ายก็รู้ว่า...ธัมมัฏฐิติญาณ(ความรู้ในปฏิจ..นี้)...ก็จะมีความสิ้นไป-เสื่อมไป-จางไป-ดับไป...เป็นธรรมดา
ปล. รวมหัวข้อ..
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...
https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...
https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...
https://ppantip.com/topic/40396605
- โสดาบัน....ตอนที่ 4...
https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 5...
https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 6...
https://ppantip.com/topic/40399103
- โสดาบัน....ตอนที่ 7...
https://ppantip.com/topic/40400933
- โสดาบัน
โสดาบัน....ตอนที่ 9.....ญาณวัตถุ44...ของพระโสดาบัน...(ไม่ใช่ญาณอย่างที่เข้าใจกันหรอก...ญาณนี้ยิ่งใหญ่กว่านะ)
ญาณวัตถุสูตรที่ ๑
[๑๑๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายเราจักแสดงญาณวัตถุ ๔๔ แก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟังซึ่งญาณวัตถุนั้นจงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว ภิกษุ
เหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
[๑๑๙] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ญาณวัตถุ ๔๔ เป็นไฉน คื
- ความรู้ในชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในชาติ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในภพ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งภพ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งภพ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งภพ ๑
- ความรู้ในอุปาทาน ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในความดับแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในตัณหา ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในความดับแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในเวทนา ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในความดับแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในผัสสะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในนามรูป ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งนามรูป ๑
- ความรู้ในความดับแห่งนามรูป ๑
-ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งนามรูป ๑
- ความรู้ในวิญญาณ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในสังขารทั้งหลาย ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งสังขาร ๑
- ความรู้ในความดับแห่งสังขาร ๑
ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายเหล่านี้เรียกว่า ญาณวัตถุ ๔๔ ฯ
[๑๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชราและมรณะเป็นไฉน ความแก่ ภาวะของความแก่ <---------A
ฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว ความเสื่อมแห่งอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์
ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่าชราความเคลื่อน ภาวะของความเคลื่อน
ความทำลาย ความอันตรธาน มฤตยูความตาย กาลกิริยา ความแตกแห่งขันธ์
ความทอดทิ้งซากศพ ความขาดแห่งอินทรีย์ จากหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้
เราเรียกว่ามรณะ ชราและมรณะดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่าชราและมรณะ เพราะชาติเกิด
ชราและมรณะจึงเกิดเพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือ
ความเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ วาจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ อาชีพชอบ ๑
พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ความตั้งใจไว้ชอบ ๑ เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับ
ชราและมรณะ ฯ
[๑๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
- อริยสาวกรู้ชัดซึ่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งความดับแห่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะอย่างนี้
นี้ชื่อว่าความรู้ในธรรมของอริยสาวกนั้น <-------ธรรมญาณ
อริยสาวกนั้นนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วยธรรมนี้ ซึ่งตนเห็นแล้ว รู้แล้ว ให้ผลไม่มีกำหนดกาล
อันตนได้บรรลุแล้วอันตนหยั่งรู้แล้ว สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ก็ได้รู้ชราและมรณะ ได้รู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะ ได้รู้ความดับแห่งชราและมรณะ
ได้รู้ปฏิปทาอันให้ถึง ความดับแห่งชราและมรณะ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น
สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลแม้เหล่าใดเหล่าหนึ่งก็จักรู้ชราและมรณะ จักรู้เหตุเป็นแดน
เกิดแห่งชราและมรณะ จักรู้ความดับแห่งชราและมรณะ จักรู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับ
แห่งชราและมรณะ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น
นี้ชื่อว่า อันวยญาณของอริยสาวกนั้น ฯ <-----อันวยญาณ
[๑๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ ๒ อย่าง คือธรรมญาณ อันวยญาณ ๑
เหล่านี้ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้เราเรียกว่า.....
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิบ้าง........( ทิฏฺฐิสมฺปนฺโน ) <------โสดาบัน
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะบ้าง....( ทสฺสนสมฺปนฺโน )
- เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง........( อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้เห็นสัทธรรมนี้บ้าง..........( ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺเขน ญาเณน สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้บรรลุกระแสแห่งธรรมบ้าง.................( ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน)
- เป็นพระอริยะมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลสบ้าง...( อริโย นิพฺเพธิกปญฺโญ )
- ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง ฯ....( อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ )
[๑๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชาติเป็นไฉน ...<---------B
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภพเป็นไฉน ...<-------------------C
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุปาทานเป็นไฉน ...<-------------D
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ตัณหาเป็นไฉน ...<----------------E
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็เวทนาเป็นไฉน ...<----------------F
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ผัสสะเป็นไฉน ...<-----------------G
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สฬายตนะเป็นไฉน ...<-----------H
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็นามรูปเป็นไฉน ...<---------------I
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณเป็นไฉน ...<--------------J
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารเป็นไฉน ...<----------------K
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สังขารมี ๓ คือ กายสังขาร ๑ วจีสังขาร ๑จิตสังขาร ๑
นี้เรียกว่าสังขาร เพราะอวิชชาเกิด สังขารจึงเกิด เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือความเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ วาจาชอบ ๑
การงานชอบ ๑ อาชีพชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ระลึกชอบ ๑ ตั้งใจไว้ชอบ ๑ ฯ
[๑๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกรู้ชัดสังขารอย่างนี้ รู้ชัดเหตุเป็นแดนเกิดแห่ง
สังขารอย่างนี้ รู้ชัดความดับแห่งสังขารอย่างนี้ รู้ชัดปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขารอย่างนี้
นี้ชื่อว่า ความรู้ในธรรมของอริยสาวกนั้น อริยสาวกนั้นย่อมนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วย
ธรรมนี้ ซึ่งตนเห็นแล้ว รู้แล้วให้ผลไม่มีกำหนดกาล อันตนได้บรรลุแล้ว อันตนหยั่งรู้แล้ว
สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ได้รู้สังขาร ได้รู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่ง
สังขาร ได้รู้ความดับแห่งสังขาร ได้รู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขารเหมือนอย่างที่เรารู้
ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลแม้เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็จักรู้
สังขาร จักรู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งสังขาร จักรู้ความดับแห่งสังขาร จักรู้ปฏิปทาอันให้ถึง
ความดับแห่งสังขาร เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น นี้ชื่อว่า อันวยญาณของ
อริยสาวกนั้น ฯ
[๑๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ ๒ อย่าง คือธรรมญาณ ๑ อันวยญาณ ๑
เหล่านี้ ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้เราเรียกว่า
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิบ้าง........( ทิฏฺฐิสมฺปนฺโน ) <------โสดาบัน
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะบ้าง....( ทสฺสนสมฺปนฺโน )
- เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง........( อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้เห็นสัทธรรมนี้บ้าง..........( ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺเขน ญาเณน สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้บรรลุกระแสแห่งธรรมบ้าง.................( ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน)
- เป็นพระอริยะมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลสบ้าง...( อริโย นิพฺเพธิกปญฺโญ )
- ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง ฯ....( อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ )
จบสูตรที่ ๓
สรุป...ตอนที่ 9..นี้ <-----อันนี้ความเห็นผมเอง....ผู้อื่นอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างจากผม...ก็กรุณาแนะนำได้เลย ครับ
1. จัดทำให้ญาณวัตถุนี้ลงในตารางได้ว่า
2. พระศาสดาท่านกล่าวว่า...
การที่ผู้ใดที่
--รู้ในธรรมนั้น--รู้ว่ามันเกิดจากอะไร-รู้ว่ามันจะดับไปเพราะอะไร--รู้ว่ามรรค8คือการดับธรรมนั้น <--อันนี้..คือ...ธรรมญาณ
ส่วนธรรมญานนี้---เอาไปใช่ในอตีตและอนาคต..ก็รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ ..หนีไม่พ้นจากนี้<----อันนี้...คือ...อันวยญาณ
3. การที่จะรู้จะเข้าใจ...ปฏิจจสมุปปาท..และ..อริยสัจ4...ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเนื่องที่เกินความสามารธของมนุษย์ปกติ
การเข้าใจปฏิจจ-อริยสัจ...แบบนี้...พระศาสดาท่านกล่าวว่า " เป็นผู้ที่ญาณทั้ง 2 คือ ธรรมญาณ..และ...อันวยญาณ "
ไม่ใช่ญาณอะไรๆ....ที่มีการกล่าวกัน--เข้าใจกันในภายหลัง<----ผมเห็นอย่างนี้..ครับ
4. ส่วน..ญานวัตถุ77..ก็คล้ายๆกับ..ญาณวัตถุ44นี้... แต่จะเป็น ปฏิจจ11 x 7pattern = 77
ดังนี้..
- รู้ว่า...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
- รู้ว่า...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
- รู้ว่า...ในอดีต......ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
- รู้ว่า...ในอดีต......ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
- รู้ว่า...ในอนาคต...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
- รู้ว่า...ในอนาคต...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
- สุดท้ายก็รู้ว่า...ธัมมัฏฐิติญาณ(ความรู้ในปฏิจ..นี้)...ก็จะมีความสิ้นไป-เสื่อมไป-จางไป-ดับไป...เป็นธรรมดา
ปล. รวมหัวข้อ..
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...https://ppantip.com/topic/40396605
- โสดาบัน....ตอนที่ 4...https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 5...https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 6...https://ppantip.com/topic/40399103
- โสดาบัน....ตอนที่ 7...https://ppantip.com/topic/40400933
- โสดาบัน