โสดาบัน....ตอนที่ 9.....ญาณวัตถุ44...ของพระโสดาบัน...(ไม่ใช่ญาณอย่างที่เข้าใจกันหรอก...ญาณนี้ยิ่งใหญ่กว่านะ)

กระทู้สนทนา

ญาณวัตถุสูตรที่ ๑
[๑๑๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า 
ดูกรภิกษุทั้งหลายเราจักแสดงญาณวัตถุ ๔๔ แก่เธอทั้งหลาย 
เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟังซึ่งญาณวัตถุนั้นจงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว ภิกษุ
เหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว 
[๑๑๙] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ญาณวัตถุ ๔๔ เป็นไฉน คื
- ความรู้ในชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งชราและมรณะ ๑ 
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะ ๑ 

- ความรู้ในชาติ ๑ 
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งชาติ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชาติ ๑ 

- ความรู้ในภพ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งภพ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งภพ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งภพ ๑

- ความรู้ในอุปาทาน ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในความดับแห่งอุปาทาน ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งอุปาทาน ๑ 

- ความรู้ในตัณหา ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งตัณหา ๑ 
- ความรู้ในความดับแห่งตัณหา ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งตัณหา ๑

 - ความรู้ในเวทนา ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในความดับแห่งเวทนา ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งเวทนา ๑

- ความรู้ในผัสสะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งผัสสะ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งผัสสะ ๑

- ความรู้ในสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งสฬายตนะ ๑
- ความรู้ในความดับแห่งสฬายตนะ ๑ 
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสฬายตนะ ๑

- ความรู้ในนามรูป ๑ 
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งนามรูป ๑
- ความรู้ในความดับแห่งนามรูป ๑
-ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งนามรูป ๑ 

- ความรู้ในวิญญาณ ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งวิญญาณ ๑ 
- ความรู้ในความดับแห่งวิญญาณ ๑
- ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ๑ 

- ความรู้ในสังขารทั้งหลาย ๑
- ความรู้ในเหตุเป็นแดนเกิดแห่งสังขาร ๑
- ความรู้ในความดับแห่งสังขาร ๑ 
ความรู้ในปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร ๑ 

ดูกรภิกษุทั้งหลายเหล่านี้เรียกว่า ญาณวัตถุ ๔๔ ฯ

[๑๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชราและมรณะเป็นไฉน ความแก่ ภาวะของความแก่ <---------A
ฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว ความเสื่อมแห่งอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์
ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่าชราความเคลื่อน ภาวะของความเคลื่อน
ความทำลาย ความอันตรธาน มฤตยูความตาย กาลกิริยา ความแตกแห่งขันธ์
ความทอดทิ้งซากศพ ความขาดแห่งอินทรีย์ จากหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้
เราเรียกว่ามรณะ ชราและมรณะดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่าชราและมรณะ เพราะชาติเกิด
ชราและมรณะจึงเกิดเพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือ
ความเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ วาจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ อาชีพชอบ ๑
พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ความตั้งใจไว้ชอบ ๑ เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับ
ชราและมรณะ ฯ

[๑๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย 
- อริยสาวกรู้ชัดซึ่งชราและมรณะอย่างนี้  
- รู้ชัดซึ่งเหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะอย่างนี้ 
- รู้ชัดซึ่งความดับแห่งชราและมรณะอย่างนี้
- รู้ชัดซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะอย่างนี้ 

นี้ชื่อว่าความรู้ในธรรมของอริยสาวกนั้น <-------ธรรมญาณ

อริยสาวกนั้นนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วยธรรมนี้ ซึ่งตนเห็นแล้ว รู้แล้ว ให้ผลไม่มีกำหนดกาล
อันตนได้บรรลุแล้วอันตนหยั่งรู้แล้ว สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ก็ได้รู้ชราและมรณะ ได้รู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งชราและมรณะ ได้รู้ความดับแห่งชราและมรณะ
 ได้รู้ปฏิปทาอันให้ถึง ความดับแห่งชราและมรณะ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น
สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลแม้เหล่าใดเหล่าหนึ่งก็จักรู้ชราและมรณะ จักรู้เหตุเป็นแดน
เกิดแห่งชราและมรณะ จักรู้ความดับแห่งชราและมรณะ จักรู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับ
แห่งชราและมรณะ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น 

นี้ชื่อว่า อันวยญาณของอริยสาวกนั้น ฯ <-----อันวยญาณ

[๑๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ ๒ อย่าง คือธรรมญาณ  อันวยญาณ  ๑
เหล่านี้ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้เราเรียกว่า.....
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิบ้าง........( ทิฏฺฐิสมฺปนฺโน ) <------โสดาบัน
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะบ้าง....( ทสฺสนสมฺปนฺโน )
- เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง........( อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้เห็นสัทธรรมนี้บ้าง..........( ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺเขน ญาเณน สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้บรรลุกระแสแห่งธรรมบ้าง.................( ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน)
- เป็นพระอริยะมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลสบ้าง...( อริโย นิพฺเพธิกปญฺโญ )
- ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง ฯ....( อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ )

[๑๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชาติเป็นไฉน ...<---------B
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภพเป็นไฉน ...<-------------------C
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุปาทานเป็นไฉน ...<-------------D
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ตัณหาเป็นไฉน ...<----------------E
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็เวทนาเป็นไฉน ...<----------------F
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ผัสสะเป็นไฉน ...<-----------------G
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สฬายตนะเป็นไฉน ...<-----------H
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็นามรูปเป็นไฉน ...<---------------I
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณเป็นไฉน ...<--------------J
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารเป็นไฉน ...<----------------K
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สังขารมี ๓ คือ กายสังขาร ๑ วจีสังขาร ๑จิตสังขาร ๑
นี้เรียกว่าสังขาร เพราะอวิชชาเกิด สังขารจึงเกิด เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือความเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ วาจาชอบ ๑
 การงานชอบ ๑ อาชีพชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ระลึกชอบ ๑ ตั้งใจไว้ชอบ ๑ ฯ

[๑๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกรู้ชัดสังขารอย่างนี้ รู้ชัดเหตุเป็นแดนเกิดแห่ง
สังขารอย่างนี้ รู้ชัดความดับแห่งสังขารอย่างนี้ รู้ชัดปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขารอย่างนี้
นี้ชื่อว่า ความรู้ในธรรมของอริยสาวกนั้น อริยสาวกนั้นย่อมนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วย
ธรรมนี้ ซึ่งตนเห็นแล้ว รู้แล้วให้ผลไม่มีกำหนดกาล อันตนได้บรรลุแล้ว อันตนหยั่งรู้แล้ว
 สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ได้รู้สังขาร ได้รู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่ง
สังขาร ได้รู้ความดับแห่งสังขาร ได้รู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขารเหมือนอย่างที่เรารู้
ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลแม้เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็จักรู้
สังขาร จักรู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งสังขาร จักรู้ความดับแห่งสังขาร จักรู้ปฏิปทาอันให้ถึง
ความดับแห่งสังขาร เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้เหมือนกันทั้งนั้น นี้ชื่อว่า อันวยญาณของ
อริยสาวกนั้น ฯ

[๑๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ ๒ อย่าง คือธรรมญาณ ๑ อันวยญาณ ๑
เหล่านี้ ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้เราเรียกว่า 
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิบ้าง........( ทิฏฺฐิสมฺปนฺโน ) <------โสดาบัน
- เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะบ้าง....( ทสฺสนสมฺปนฺโน )
- เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง........( อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้เห็นสัทธรรมนี้บ้าง..........( ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ )
- เป็นผู้ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺเขน ญาเณน สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะบ้าง....( เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต )
- เป็นผู้บรรลุกระแสแห่งธรรมบ้าง.................( ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน)
- เป็นพระอริยะมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลสบ้าง...( อริโย นิพฺเพธิกปญฺโญ )
- ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง ฯ....( อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ )
จบสูตรที่ ๓


สรุป...ตอนที่ 9..นี้  <-----อันนี้ความเห็นผมเอง....ผู้อื่นอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างจากผม...ก็กรุณาแนะนำได้เลย ครับ

1. จัดทำให้ญาณวัตถุนี้ลงในตารางได้ว่า


2. พระศาสดาท่านกล่าวว่า...
    การที่ผู้ใดที่
     --รู้ในธรรมนั้น--รู้ว่ามันเกิดจากอะไร-รู้ว่ามันจะดับไปเพราะอะไร--รู้ว่ามรรค8คือการดับธรรมนั้น <--อันนี้..คือ...ธรรมญาณ

    ส่วนธรรมญานนี้---เอาไปใช่ในอตีตและอนาคต..ก็รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ ..หนีไม่พ้นจากนี้<----อันนี้...คือ...อันวยญาณ

3. การที่จะรู้จะเข้าใจ...ปฏิจจสมุปปาท..และ..อริยสัจ4...ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเนื่องที่เกินความสามารธของมนุษย์ปกติ
     การเข้าใจปฏิจจ-อริยสัจ...แบบนี้...พระศาสดาท่านกล่าวว่า " เป็นผู้ที่ญาณทั้ง 2 คือ ธรรมญาณ..และ...อันวยญาณ "

     ไม่ใช่ญาณอะไรๆ....ที่มีการกล่าวกัน--เข้าใจกันในภายหลัง<----ผมเห็นอย่างนี้..ครับ

4. ส่วน..ญานวัตถุ77..ก็คล้ายๆกับ..ญาณวัตถุ44นี้... แต่จะเป็น ปฏิจจ11 x 7pattern = 77
    ดังนี้..
              - รู้ว่า...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
              - รู้ว่า...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
              - รู้ว่า...ในอดีต......ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
              - รู้ว่า...ในอดีต......ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
              - รู้ว่า...ในอนาคต...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นแดนเกิด
              - รู้ว่า...ในอนาคต...ธรรมนั้นมันมีอะไรเป็นเหตุดับ
              - สุดท้ายก็รู้ว่า...ธัมมัฏฐิติญาณ(ความรู้ในปฏิจ..นี้)...ก็จะมีความสิ้นไป-เสื่อมไป-จางไป-ดับไป...เป็นธรรมดา

ปล. รวมหัวข้อ..
- โสดาบัน....ตอนที่ 1...https://ppantip.com/topic/40394816
- โสดาบัน....ตอนที่ 2...https://ppantip.com/topic/40395326
- โสดาบัน....ตอนที่ 3...https://ppantip.com/topic/40396605
- โสดาบัน....ตอนที่ 4...https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 5...https://ppantip.com/topic/40397136
- โสดาบัน....ตอนที่ 6...https://ppantip.com/topic/40399103
- โสดาบัน....ตอนที่ 7...https://ppantip.com/topic/40400933
- โสดาบัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่