[CR] 🇹🇭 Na-Oh - นาโอ อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย กับ คอนเซปสุดแปลกอย่างอาหารในวันสิ้นโลก

😆 ร้านที่เราหยิบมาแนะนำกันในวันนี้ค่อนข้างแปลกตากันสักหน่อยเพราะตั้งอยู่ในซากเครื่องบินเก่าอายุกว่า 50 ปี พ่วงด้วยคอนเซปสุดแปลกอย่างอาหารในวันสิ้นโลก

👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา 
    📍 FB: ตามล่า Fine Dining
    📌 IG: Fine Dining lover 
     และช่องทางใหม่ทาง Youtube :  ตามล่า Fine Dining 

🇹🇭 Na-Oh - นาโอ

🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย

🎗 ชื่อ Na-Oh เกิดจากการกลับคำมาจากคำว่า Noah's Arks หรือเรืออาร์คที่ถูกสร้างตามพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อช่วยเหลือครอบครัวโนอาร์และผองสัตว์น้อยใหญ่ในวันสิ้นโลก หลังจากจอดรถเสร็จให้เดินเข้ามาในโครงการณ์ช่างชุ่ยจะมีซากเครื่องบิน Lockheet L-1011 TriStar ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ถูกใช้งานในช่วงปี 70s ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโครงการณ์ พนักงานจะพาเราเดินขึ้นลิฟท์เก่าๆเพื่อเข้าสู่ห้องโดยสารหลัก ภายตกแต่งได้แปลก แหวกแนว ไม่เหมือนห้องอาหาร Fine Dining ใดๆ เริ่มจากสัตว์สตัฟฟ์หายากมากมายจากทั่วทุกทวีปทั่วโลกมีทั้งหมีขาวขั้วโลก กวาง สิงโต ลิง หมูป่า ฯลฯ ตามคอนเซปของ Noah's Arks (ทุกตัวนำเข้ามาแบบถูกกฎหมาย เป็นสัตว์ที่ตายโดยธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการล่าใดๆ) ตรงกลางเป็นบาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม เพื่อนๆสามารถเลือกนั่งริมหน้าต่างเครื่องบินเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ หรือนั่งบริเวณ Cockpit ซึ่งจัดตกแต่งเอาไว้อย่างตระการตา

🎗 อาหารที่นี่แต่เดิมควบคุมโดย Executive Chef เชฟใหม่-ฐิติวัชร ตันตระการ ผู้เคยผ่านงานห้องอาหารของโรงแรมชั้นนำมากมายทั้ง Dusit Thani, Sirocco และ Hotel Muse แต่ในซีซั่นล่าสุดทางร้านได้เชิญเชฟภูเขา-ปรเมศวร์ ผ่องเวหา ผู้เคยร่วมงานกับ Dusit Thani, Reflexions at Plaza Athenee, Char at Hotel Indigo และ Hamilton's Steakhouse มาร่วมเป็น Chef de Cuisine ด้วย เรียกได้ว่าประสบการณ์ในห้องอาหาร Fine Dining ของทั้งคู่ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน ลูกค้าสามารถเลือกทาน Tasting Menu จำนวน 3 หรือ 5 คอร์ส ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลในทุกๆ 6 เดือน สำหรับเซ็ตปัจจุบันมีชื่อว่า “Where The Sun Meets The Moon” เป็นการบ่งบอกถึงการโคจรมาเจอกันของเชฟทั้งสองคนนั่นเอง อาหารแต่ละจานถูกจัดเตรียมออกมาในรูปแบบอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยโดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของไทยให้ได้มากที่สุด มีจานที่ทำออกมาได้โดดเด่นและน่าจดจำ เช่น

✨ Pan Seared Foie Gras with Crispy Rice Berry, Fancy Asparagus, Oyster Mushroom, Port Wine Sauce.
จานแรกในเซ็ต 5 คอร์ส เป็นฟัวกราส์ที่ผ่านการแพนเซียมาจนสุกกำลังดี เนื้อนุ่ม ครีมมี่ ออนทอปด้วยข้าวพองกรอบทำมาจากข้าวเหนียวลืมผัว ตัดรสด้วยความหวานอมเปรี้ยวจากเจลบลูเบอร์รี่ที่ด้านบนและซอส Duck jus ผสมกับเบอร์รี่ ยังมีมะเดื่อและมะเขือเทศตากแห้ง แครนเบอร์รี่อบแห้ง หน่อไม้ฝรั่งย่าง และเห็ดนางรมหลวงชิ้นโตให้ทานสลับกัน ทั้งคลาสสิคและอร่อยมากๆ (13/20)

✨ Grilled Atlantic Sea Scallop with Roasted Butternut From The Royal Project Cream Soup, Tom-yum Gel and Pickled Pastry.
คอร์สซุปที่เชฟเลือกใช้ฟักทองน้ำเต้าจากโครงการณ์หลวงมาปั่นละเอียดแล้วกรองจนได้ซุปเนื้อเนียน นุ่ม รสชาติหวาน หอม ทานคู่กับ Atlantic Sea Scallop หรือหอยเชลล์จากมหาสมุทรแอตแลนติคซึ่งจะมีความนุ่มลิ้นมากกว่า Hotate Scallop จากฝั่งญี่ปุ่นหรือ US Great Scallop จากฝั่งอเมริกา วางมาคู่กับฟักทองน้ำเต้าเผา ด้านบนเป็นแผ่นปอเปี๊ยะกรอบและเจลต้มยำ สุดท้ายคือผักดองซึ่งมีทั้งแครอท ฟักทองน้ำเต้า เมล็ดแตงโม ดอกขจร ให้รสเปรี้ยวตัดกับความหวานของซุปได้อย่างดี (13/20)

✨ Grilled Thai Wagyu Strip-loin with Carrot Compotes, Potato Fondant, Crispy Onion and Lomo Sauce.
หนึ่งในเมนคอร์สที่ลูกค้าสามารถเลือกทานได้ 2 อย่าง แต่เราขอแนะนำเนื้อวัวไทยวากิวจากอำเภอกำแพงแสนซึ่งได้จากการผสมจากวัว 3 สายพันธุ์คือชาโรเล่, อเมริกันบราห์มัน และพันธุ์พื้นเมือง เชฟเลือกใช้ส่วนสตริปลอยน์นำไปย่างจนมีสุกระดับมีเดียม มีความนุ่ม หอม จนแทบละลายในปาก ทานคู่กับซอสโลโม่สไตล์เอเชียนที่มีส่วนผสมของขิงและกระเทียม ฝั่งขวาคือแครอทพูเร หอมแดง แครอทย่างทอปด้วยควินัวกรอบ และมันฝรั่งฟองดองท์ทอปด้วยหัวหอมกรอบ ถือเป็นจานที่ทำออกมาได้ดีกว่าที่เราคาดคิดไว้ (13/20)

🎗 ในด้านรสชาติและเทคนิคถือว่าเชฟทำออกมาได้ดีเทียบชั้นได้กับห้องอาหารฝรั่งเศสชั้นนำในโรงแรม 5 ดาว ราคาที่ตั้งไว้ 999-1,800 บาท จัดว่าเข้าถึงได้ง่ายสำหรับบุคคลทั่วไป สิ่งที่พิเศษที่สุดคงต้องยกให้บรรยากาศการนั่งทานอาหารในเครื่องบินซึ่งแปลกและไม่เหมือนใคร Na-Oh ถือเป็นห้องอาหารฝรั่งเศสแท้ๆเพียงไม่กี่แห่งในย่านฝั่งธนที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆแวะมาลองทานกัน

📃 “Where The Sun Meets The Moon” 5-Course Tasting Menu (1,800++ THB/p)

The Moon & The Sun

Pan Seared Foie Gras with Crispy Rice Berry, Fancy Asparagus, Oyster Mushroom, Port Wine Sauce.

Grilled Atlantic Sea Scallop with Roasted Butternut From The Royal Project Cream Soup, Tom-yum Gel and Pickled Pastry.

Grilled Deep Sea Barramundi with Onion Chutney, Local Mixed Herb, White Chive and Serrano Sauce.

Grilled Thai Wagyu Strip-loin with Carrot Compotes, Potato Fondant, Crispy Onion and Lomo Sauce.

OR

Duck Leg Confit with Gala Apple Compote, Baby Carrot, Glazed Fig and Berry Duck Jus.

Passion Ice Cream with Milk Fondant, Passion Mousse, Honey Crumble and Crispy Milk.

👍 ร้านอาหารฝรั่งเศส Casual Fine Dining ที่มีบรรยากาศโดดเด่นไม่เหมือนใคร ที่สำคัญคือราคาจับต้องได้
🏵 Score:
รสชาติ : 13/20
ราคา : 🌟🌟🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟🌟🌟
เทคนิค : 🌟🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟

ความประทับใจโดยรวม : 13/20

📍 Visit: Oct 2020

🏠 Location: โครงการณ์ช่างชุ่ย 460/8 ถนน สิรินธร แขวง บางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

🚗 Parking: จอดรถที่โครงการณ์ช่างชุ่ย

🕠 Operating Time: 17.30-21.00 ปิดวันพุธ

💰 Price: 999-1,800 THB/p

📞 Tel: 088-612-2188

🧥 Dress Code: Casual

🖥 Website: https://www.naohbangkok.com

🥰 ฝากเพื่อนๆช่วยกดไลค์และเเชร์เพจของเรา : ตามล่า Fine Dining

👍 เพจเราสร้างขึ้นเพื่อรีวิวห้องอาหาร Fine Dining ระดับมิชลินไกด์ทั่วโลก

#FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining

🇹🇭 Na-Oh - นาโอ
🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย

ร้านอาหารที่เราหยิบมาแนะนำกันในวันนี้ค่อนข้างแปลกตากันสักหน่อยเพราะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในซากเครื่องบินเก่าอายุกว่า 50 ปี พ่วงด้วยคอนเซปสุดแปลกอย่างอาหารในวันสิ้นโลก นั่นก็คือ Na-Oh Bangkok นั่นเอง

อาหารที่นี่ควบคุมโดย Executive Chef เชฟใหม่-ฐิติวัชร ตันตระการ และเชฟภูเขา-ปรเมศวร์ ผ่องเวหา

The Moon & The Sun
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วย Amuse-Bouche 2 อย่างที่เชฟตั้งใจให้เป็นตัวแทนของเชฟทั้ง 2 คน เริ่มต้นจากชิ้นฝั่งขวาซึ่งเป็นตัวแทนของเชฟใหม่มีชื่อว่า The Moon เป็น Basil ball ที่ด้านในมีองค์ประกอบของเนื้อหอยผสมกับใบเบซิลทานแล้วให้รสชาติคล้ายกับผัดฉ่าหอยลายแบบไทยๆเสิร์ฟมาในโครเก็ตกรอบขนาดพอดีคำ (13/20) อีกฝั่งหนึ่งคือ The Sun ฝั่งซ้ายซึ่งเป็นตัวแทนของเชฟภูเขาเป็นมะเขือเทศราชินีที่ผ่านการหมักในน้ำกระเจี๊ยบนาน 1 คืน จากนั้นปรุงรสด้วยมไปซ์หลายอย่างทานแล้วให้รสเปรี้ยทั้งจากมะเขือเทศและน้ำกระเจี๊ยบ ทั้งยังมีความฉ่ำช่วยเรียกความสดชื่นก่อนเข้าสู่มื้ออาหารหลักได้ดีมากๆ (12/20)

Gossip Girl
ส่วนเครื่องดื่มวันนี้เราลองสั่งค็อกเทลล์ที่มีส่วนผสมของจินมาทานให้ความหอม ซ่า และสดชื่น

Pan Seared Foie Gras with Crispy Rice Berry, Fancy Asparagus, Oyster Mushroom, Port Wine Sauce.
เริ่มต้นคอร์สแรกอย่างเป็นทางการด้วยฟัวกราส์ที่ผ่านการแพนเซียมาจนสุกกำลังดี เนื้อนุ่ม ครีมมี่ ไม่มีรสขมปนมาแม้แต่น้อย ด้านบนออนทอปด้วยข้าวพองกรอบทำมาจากข้าวเหนียวลืมผัว ตัดรสด้วยความหวานอมเปรี้ยวจากเจลบลูเบอร์รี่ที่ด้านบนและซอส Duck jus ผสมกับเบอร์รี่ ตรงกลางคือมะเดื่อและมะเขือเทศตากแห้ง แครนเบอร์รี่อบแห้ง และหน่อไม้ฝรั่งย่าง ฝั่งซ้ายคือเห็ดนางรมหลวงชิ้นโตให้ทานสลับกัน (13/20)


Grilled Atlantic Sea Scallop with Roasted Butternut From The Royal Project Cream Soup, Tom-yum Gel and Pickled Pastry.
ถัดมาคือคอร์สที่สอง เชฟเลือกใช้ฟักทองน้ำเต้าจากโครงการณ์หลวงมาปั่นละเอียดแล้วกรองจนได้ซุปเนื้อเนียน นุ่ม รสชาติหวาน หอม ทานคู่กับ Atlantic Sea Scallop หรือหอยเชลล์จากมหาสมุทรแอตแลนติค ซึ่งจะมีความนุ่มลิ้นมากกว่า Hotate Scallop จากฝั่งญี่ปุ่นหรือ US Great Scallop จากฝั่งอเมริกา วางมาคู่กับฟักทองน้ำเต้าเผา ด้านบนเป็นแผ่นปอเปี๊ยะกรอบและเจลต้มยำ สุดท้ายคือผักดองซึ่งมีทั้งแครอท ฟักทองน้ำเต้า เมล็ดแตงโม ดอกขจร ให้รสเปรี้ยวตัดกับความหวานของซุปได้อย่างดี (13/20)

Grilled Deep Sea Barramundi with Onion Chutney, Local Mixed Herb, White Chive and Serrano Sauce.
จานนี้คือปลากระพงน้ำลึกจากทะเลฝั่งอ่าวไทยนำไปย่างแบบหนังกรอบ ด้านบนมีถั่ว งา อัลมอนต์ ควินัว และขนมปังช่วยเพิ่มความกรอบ ตรงกลางคือเซอราโนซอสหรือซอสพริกไทยที่จะมีรสชาติ กลิ่นหอม รวมไปถึงสีเขียวเด่นเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้เชฟยังใส่ผักชีลงไปในซอสเพิ่มมิติทางกลิ่นให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น ฝั่งขวามือเป็นชัตนีย์ทำมาจากหอมใหญ่ให้รสหวาน มีเจลมะนาวให้รสเปรี้ยว และแครนเบอร์รี่อบแห้ง ถุงด้านล่างเป็นผักที่ใส่ต้นหอมจีนเอาไว้ด้านในแล้วทอปด้านบนด้วยทับทิมคาเวียร์ ถือเป็นจานที่มีหลากหลายองค์ประกอบและเสิร์ฟมาได้ดูน่าทานมากๆ (13/20)


Grilled Thai Wagyu Strip-loin with Carrot Compotes, Potato Fondant, Crispy Onion and Lomo Sauce.
สำหรับเมนคอร์สลูกค้าสามารถเลือกทานได้ 2 อย่างที่แตกต่างกัน เริ่มจากคือเนื้อวัวไทยวากิวจากอำเภอกำแพงแสนซึ่งได้จากการผสมวัว 3 สายพันธุ์คือชาโรเล่, อเมริกันบราห์มัน และพันธุ์พื้นเมือง เชฟเลือกใช้ส่วนสตริปลอยน์นำไปย่างจนมีสุกระดับมีเดียม มีความนุ่ม หอม จนแทบละลายในปาก เนื้อสัมผัสจัดว่าเซอไพรซ์มากๆสำหรับเนื้อวัวไทยลูกผสม ทานคู่กับซอสโลโม่สไตล์เอเชียนที่มีส่วนผสมของขิงและกระเทียม ฝั่งขวาคือแครอทพูเร หอมแดง แครอทย่างทอปด้วยควินัวกรอบ และมันฝรั่งฟองดองท์ทอปด้วยหัวหอมกรอบ ถือเป็นจานที่ทำออกมาได้ดีกว่าที่เราคาดคิดไว้ (13/20)

ตามต่อกันในคอมเม้นได้เลยค่า
ชื่อสินค้า:   🇹🇭 Na-Oh - นาโอ อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่