โพล ชี้ คนอีสาน ให้ทีมศก.รัฐบาลบิ๊กตู่ สอบตก หนุน "เจ๊หน่อย" นั่งนายกฯ
อีสานโพล ชี้ คนอีสาน ให้คะแนนทีมศก.รัฐบาลบิ๊กตู่ สอบตก หนุนรัฐจ่ายเงินเดือนละ 5 พันเพิ่ม อีกเดือน หากเลือกตั้งใหม่ หนุน “สุดารัตน์” นั่งนายกฯ กู้เศรษฐกิจประเทศ
วันที่ 10 ก.ค. ที่ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการเปิดเผยศูนย์สำรวจของอีสานโพล ที่ได้มีการสำรวจเรื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2563 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2563 เท่ากับ 56.0 ซึ่งต่ำกว่า 100 เป็นไตรมาสที่ 12 ติดต่อกัน และคาดว่า ไตรมาสถัดไป (ก.ค. – ก.ย. 63) จะแย่ลงกว่าเดิม ในส่วนคะแนนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ 29.6 จากเต็ม 100 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ที่ได้ 25.0 จากการที่ประชาชนได้รับเงินเยียวยาและความช่วยเหลืออื่นๆ ขณะที่มาตรการทางเศรษฐกิจ ที่ต้องการให้รัฐบาลทำ 3 อันดับแรก คือ จ่ายเงินเยียวยาต่อ อีก 1 เดือน จัดหางานให้คนตกงาน และลดภาษีต่างๆ
นอกจากนี้ หากมีเลือกตั้งใหม่กลุ่มตัวอย่างอีสาน ต้องการคุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจมากที่สุด ตามมาด้วย พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ผศ.ดร.
สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล กล่าวว่า การสำรวจดังกล่าวนี้ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือน และระดับจังหวัด เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและการคำนวณดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานในไตรมาส 2/2563 และประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ
โดยได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค. 2563 จากกลุ่มตัวอย่าง อายุ 18 ปีขึ้นไป 1,107 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยผลสำรวจเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการค้าของจังหวัด รายได้ครัวเรือน สภาพคล่องการเงิน ครัวเรือน และการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคและบริโภคของครัวเรือน และทำการประมวลผลได้ดัชนีต่างๆ ซึ่งมี ค่าระหว่าง 0 - 200 โดยถ้าค่าดัชนีต่ำกว่า 100 คือ แย่ลง/ลดลง เท่ากับ 100 คือ ทรงตัว/เท่าๆ เดิม และมากกว่า 100 คือ ดีขึ้น/เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อให้กลุ่มตัวอย่างประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ได้คะแนน 29.6 จากคะแนน เต็ม 100 ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการสำรวจในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งได้คะแนน 25.0 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ ประชาชน ได้รับเงินเยียวยาจากผลกระทบโควิดและมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ
“ขณะที่ผลงานโดยรวมของรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมาได้คะแนนเพิ่มเป็น 30.6 เต็ม 100 เมื่อเทียบกับการสำรวจในไตรมาสที่แล้วซึ่งได้คะแนน 25.2 จากการที่รัฐสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้ และเมื่อสอบถามต่อว่ามาตรการทางเศรษฐกิจที่ต้องการให้รัฐบาลทำมากที่สุด พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 29.2 ต้องการให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาต่ออีก 1 เดือน
รองลงมา ร้อยละ 19.0 จัดหางานให้คน ตกงาน
ตามมาด้วย ร้อยละ 15.5 ขอให้ลดภาษีต่างๆ
ร้อยละ 10.4 ต้องการให้ขยายเวลาพักชำระหนี้
ร้อยละ 7.1 ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก
ร้อยละ 6.5 ต้องการแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
ร้อยละ 4.7 ขอให้ช่วย SME และภาคท่องเที่ยว
ร้อยละ 3.5 ต้องการงานก่อสร้างตามชุมชน
ร้อยละ 2.4 ขอให้ช่วยแก้หนี้นอกระบบ
และร้อยละ 1.7 ต้องการให้มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่”
หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล กล่าวต่ออีกว่า และเมื่อสอบถามว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกฯ เพื่อมากอบกู้เศรษฐกิจประเทศ โดยเป็นคำถามแบบมีตัวเลือก พบว่า
อันดับหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 47.0
รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.0
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 16.1
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 4.7
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 4.6
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 3.0
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 1.8
และนายกรณ์ จาติกวณิช ร้อยละ 0.7
ขณะที่ความเห็นอื่นๆ ร้อยละ 5.1
"ปิยบุตร"นำทีมลงเชียงใหม่ 3 วัน เยี่ยมชมสวนผักคนเมือง พบเงียบเหงา ติดป้ายขายเซ้ง เช่า เพียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2261400
“ปิยบุตร”นำทีมลงเชียงใหม่ 3 วัน เยี่ยมชมสวนผักคนเมือง หวังเป็นโมเดลพื้นที่สาธารณะประโยชน์ทั่วประเทศ ไม่พบนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดป้ายขายเซ้งเช่า เพียบ เล็งเชิญคนสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นปลายปีนี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 กรกฏาคม นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เยี่ยมชมสวนผักคนเมือง อยู่ภายในความรับผิดชอบของเทศบาลนครเชียงใหม่ บริเวณสุสานช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ปลูกสวนผักพันธุ์ท้องถิ่นแบบอินทรีย์ มีนาง
เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า นาง
มีนา กัลมาพิจิตร ประธานสาขาพรรคก้าวไกล จ.เชียงใหม่ และนาย
ศราวุฒิ บุญมหาธนากร คณะทำงานสวนผักคนเมือง เป็นผู้ชมนำ และบรรยายโครงการดังกล่าว โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนายปิยบุตร พร้อมคณะได้นั่งรถรับจ้างสี่ล้อแดง ออกจากสวนผักดังกล่าว ไปยังรอบคูเมืองเชียงใหม่ เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และชมทัศนียภาพ เขตเมืองเก่า ตามลำดับ
นาง
เยาวลักษณ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการริเริ่มของภาคประชาชนและร่วมเครือข่าย เดิมเป็นพื้นที่ทิ้งขยะ เมื่อปี 2540 หรือ 23 ปีที่ผ่านมา ต่อมาได้พัฒนาเป็นสวนสาธารณะ และกลายเป็นมาสวนผักคนเมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดระบาด เพื่อสร้างประโยชน์แก่ชุมชนโดยรอบโดยการปลูกผัก และใช้พื้นที่สีเขียว ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถเป็นต้นแบบหรือโมเดล เพื่อขยายผลไปสู่พื้นที่สาธารณะประโยชน์ทั่วประเทศได้
“พื้นที่สาธารณะประโยชน์ ที่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาทิ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามารถนำโมเดลดังกล่าวไปขยายผลได้ ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้รับอนุญาตจากนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เพื่อเปลี่ยนแปลงปรับปรุงพื้นที่ เพื่อปลูกพืชผักสวนครัว ต้นไม้ใหญ่ และสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อเป็นผลผลิตเลี้ยงคนในชุมชน และคนในชุมชนเป็นผู้ดูแล แต่ได้รับผลผลิตนำไปประกอบอาหารแทน เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางด้านอาหาร” นาง
เยาวลักษณ์กล่าว
นาง
เยาวลักษณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาอุปสรรค พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) การพัฒนาต้องของบประมาณส่วนกลาง ซึ่งจังหวัดได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปี หากทุกฝ่ายร่วมมือและเกิดประโยชน์ต่อชุมชน น่าเป็นเสียงสะท้อนไปยังภาครัฐได้ ที่สำคัญอยากให้ท้องถิ่นมีอำนาจบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะประโยชน์เต็มรูปแบบ
นาย
ปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติมว่า โมเดลดังกล่าว สะท้อนได้หลายเรื่อง ภายใต้ข้อจำกัดหลายเรื่อง โดยเฉพาะการรวมศูนย์อำนาจที่ส่วนกลาง กระจายไปที่กระทรวง ทบวง กรม ไม่ได้เป็นอำนาจท้องถิ่นทั้งหมด ขณะเดียวกันประชาชนมีความคิดสร้างสรรค์ และชุมชนต้องการพื้นที่ลักษณะดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นโมเดลแบบผสมผสานระหว่างราชการส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้สนับสนุนงบประมาณและพัฒนาโครงสร้างต่าง ๆ
“ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมการพัฒนาและออกแบบความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด เป็นการสร้างงานและรายได้แก่ชุมชน พร้อมสร้างความมั่นคงทางอาหาร เมื่อประสานงานทั้ง 3 กลุ่มแล้ว จะได้โมเดลที่สามารถตอบโจทย์ทุกฝ่าย หากโครงการประสบผลสำเร็จ เชื่อว่าเป็นต้นแบบ ให้พื้นที่อื่นนำไปพัฒนาต่อยอดได้” นาย
ปิยบุตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากิจกรรมลงพื้นที่เชียงใหม่ 3 วัน มีอะไรบ้าง นาย
ปิยบุตรกล่าวว่า มาเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 5 จังหวัดของการลงพื้นที่ภาคเหนือ ไล่มาตั้งแต่ลำปาง ลำพูน แพร่ เชียงใหม่ และเชียงราย ปิดท้าย หลังมาดูสวนผักคนเมืองแล้ว ช่วงบ่าย ไปพูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโควิด 19 เพราะทราบดีว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างมาก
“เมื่อเดินทางถึงเชียงใหม่ ภาพที่เห็นไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยห้างร้านเงียบเหงามาก บางแห่งปิดกิจการ ติดป้ายขายเซ้งเช่าเต็มไปหมด จึงไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อสะท้อนปัญหาให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแก่ผู้ประกอบการ หรือฟื้นฟูท่องเที่ยวอย่างไร จากนั้นไปพูดคุยพบปะสมาชิกและเครือข่าย ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่(อนค.) จนถึงพรรคก้าวไกล (กก.) สุดท้าย เป็นการพูดเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น คาดมีเลือกตั้งช่วงปลายปีนี้ จึงมารณรงค์ และเชิญชวนคนมาสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย” นาย
ปิยบุตรกล่าว
JJNY : โพลชี้อีสานให้ทีมศก.ตู่สอบตก หนุนเจ๊หน่อยนั่งนายกฯ/ปิยบุตรนำทีมลงเชียงใหม่/เด็กวิรัชไล่บี้4กุมาร/"รากหญ้า"สาหัส
วันที่ 10 ก.ค. ที่ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการเปิดเผยศูนย์สำรวจของอีสานโพล ที่ได้มีการสำรวจเรื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2563 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2563 เท่ากับ 56.0 ซึ่งต่ำกว่า 100 เป็นไตรมาสที่ 12 ติดต่อกัน และคาดว่า ไตรมาสถัดไป (ก.ค. – ก.ย. 63) จะแย่ลงกว่าเดิม ในส่วนคะแนนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ 29.6 จากเต็ม 100 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ที่ได้ 25.0 จากการที่ประชาชนได้รับเงินเยียวยาและความช่วยเหลืออื่นๆ ขณะที่มาตรการทางเศรษฐกิจ ที่ต้องการให้รัฐบาลทำ 3 อันดับแรก คือ จ่ายเงินเยียวยาต่อ อีก 1 เดือน จัดหางานให้คนตกงาน และลดภาษีต่างๆ
นอกจากนี้ หากมีเลือกตั้งใหม่กลุ่มตัวอย่างอีสาน ต้องการคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจมากที่สุด ตามมาด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล กล่าวว่า การสำรวจดังกล่าวนี้ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือน และระดับจังหวัด เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและการคำนวณดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานในไตรมาส 2/2563 และประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ
โดยได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค. 2563 จากกลุ่มตัวอย่าง อายุ 18 ปีขึ้นไป 1,107 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยผลสำรวจเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการค้าของจังหวัด รายได้ครัวเรือน สภาพคล่องการเงิน ครัวเรือน และการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคและบริโภคของครัวเรือน และทำการประมวลผลได้ดัชนีต่างๆ ซึ่งมี ค่าระหว่าง 0 - 200 โดยถ้าค่าดัชนีต่ำกว่า 100 คือ แย่ลง/ลดลง เท่ากับ 100 คือ ทรงตัว/เท่าๆ เดิม และมากกว่า 100 คือ ดีขึ้น/เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อให้กลุ่มตัวอย่างประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ได้คะแนน 29.6 จากคะแนน เต็ม 100 ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการสำรวจในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งได้คะแนน 25.0 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ ประชาชน ได้รับเงินเยียวยาจากผลกระทบโควิดและมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ
“ขณะที่ผลงานโดยรวมของรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมาได้คะแนนเพิ่มเป็น 30.6 เต็ม 100 เมื่อเทียบกับการสำรวจในไตรมาสที่แล้วซึ่งได้คะแนน 25.2 จากการที่รัฐสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้ และเมื่อสอบถามต่อว่ามาตรการทางเศรษฐกิจที่ต้องการให้รัฐบาลทำมากที่สุด พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 29.2 ต้องการให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาต่ออีก 1 เดือน
รองลงมา ร้อยละ 19.0 จัดหางานให้คน ตกงาน
ตามมาด้วย ร้อยละ 15.5 ขอให้ลดภาษีต่างๆ
ร้อยละ 10.4 ต้องการให้ขยายเวลาพักชำระหนี้
ร้อยละ 7.1 ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก
ร้อยละ 6.5 ต้องการแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
ร้อยละ 4.7 ขอให้ช่วย SME และภาคท่องเที่ยว
ร้อยละ 3.5 ต้องการงานก่อสร้างตามชุมชน
ร้อยละ 2.4 ขอให้ช่วยแก้หนี้นอกระบบ
และร้อยละ 1.7 ต้องการให้มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่”
หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล กล่าวต่ออีกว่า และเมื่อสอบถามว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกฯ เพื่อมากอบกู้เศรษฐกิจประเทศ โดยเป็นคำถามแบบมีตัวเลือก พบว่า
อันดับหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 47.0
รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.0
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 16.1
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 4.7
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 4.6
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 3.0
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 1.8
และนายกรณ์ จาติกวณิช ร้อยละ 0.7
ขณะที่ความเห็นอื่นๆ ร้อยละ 5.1
"ปิยบุตร"นำทีมลงเชียงใหม่ 3 วัน เยี่ยมชมสวนผักคนเมือง พบเงียบเหงา ติดป้ายขายเซ้ง เช่า เพียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2261400
“ปิยบุตร”นำทีมลงเชียงใหม่ 3 วัน เยี่ยมชมสวนผักคนเมือง หวังเป็นโมเดลพื้นที่สาธารณะประโยชน์ทั่วประเทศ ไม่พบนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดป้ายขายเซ้งเช่า เพียบ เล็งเชิญคนสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นปลายปีนี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 กรกฏาคม นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เยี่ยมชมสวนผักคนเมือง อยู่ภายในความรับผิดชอบของเทศบาลนครเชียงใหม่ บริเวณสุสานช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ปลูกสวนผักพันธุ์ท้องถิ่นแบบอินทรีย์ มีนางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า นางมีนา กัลมาพิจิตร ประธานสาขาพรรคก้าวไกล จ.เชียงใหม่ และนายศราวุฒิ บุญมหาธนากร คณะทำงานสวนผักคนเมือง เป็นผู้ชมนำ และบรรยายโครงการดังกล่าว โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนายปิยบุตร พร้อมคณะได้นั่งรถรับจ้างสี่ล้อแดง ออกจากสวนผักดังกล่าว ไปยังรอบคูเมืองเชียงใหม่ เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และชมทัศนียภาพ เขตเมืองเก่า ตามลำดับ
นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการริเริ่มของภาคประชาชนและร่วมเครือข่าย เดิมเป็นพื้นที่ทิ้งขยะ เมื่อปี 2540 หรือ 23 ปีที่ผ่านมา ต่อมาได้พัฒนาเป็นสวนสาธารณะ และกลายเป็นมาสวนผักคนเมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดระบาด เพื่อสร้างประโยชน์แก่ชุมชนโดยรอบโดยการปลูกผัก และใช้พื้นที่สีเขียว ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถเป็นต้นแบบหรือโมเดล เพื่อขยายผลไปสู่พื้นที่สาธารณะประโยชน์ทั่วประเทศได้
“พื้นที่สาธารณะประโยชน์ ที่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาทิ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามารถนำโมเดลดังกล่าวไปขยายผลได้ ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้รับอนุญาตจากนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เพื่อเปลี่ยนแปลงปรับปรุงพื้นที่ เพื่อปลูกพืชผักสวนครัว ต้นไม้ใหญ่ และสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อเป็นผลผลิตเลี้ยงคนในชุมชน และคนในชุมชนเป็นผู้ดูแล แต่ได้รับผลผลิตนำไปประกอบอาหารแทน เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางด้านอาหาร” นางเยาวลักษณ์กล่าว
นางเยาวลักษณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาอุปสรรค พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) การพัฒนาต้องของบประมาณส่วนกลาง ซึ่งจังหวัดได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปี หากทุกฝ่ายร่วมมือและเกิดประโยชน์ต่อชุมชน น่าเป็นเสียงสะท้อนไปยังภาครัฐได้ ที่สำคัญอยากให้ท้องถิ่นมีอำนาจบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะประโยชน์เต็มรูปแบบ
นายปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติมว่า โมเดลดังกล่าว สะท้อนได้หลายเรื่อง ภายใต้ข้อจำกัดหลายเรื่อง โดยเฉพาะการรวมศูนย์อำนาจที่ส่วนกลาง กระจายไปที่กระทรวง ทบวง กรม ไม่ได้เป็นอำนาจท้องถิ่นทั้งหมด ขณะเดียวกันประชาชนมีความคิดสร้างสรรค์ และชุมชนต้องการพื้นที่ลักษณะดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นโมเดลแบบผสมผสานระหว่างราชการส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้สนับสนุนงบประมาณและพัฒนาโครงสร้างต่าง ๆ
“ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมการพัฒนาและออกแบบความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด เป็นการสร้างงานและรายได้แก่ชุมชน พร้อมสร้างความมั่นคงทางอาหาร เมื่อประสานงานทั้ง 3 กลุ่มแล้ว จะได้โมเดลที่สามารถตอบโจทย์ทุกฝ่าย หากโครงการประสบผลสำเร็จ เชื่อว่าเป็นต้นแบบ ให้พื้นที่อื่นนำไปพัฒนาต่อยอดได้” นายปิยบุตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากิจกรรมลงพื้นที่เชียงใหม่ 3 วัน มีอะไรบ้าง นายปิยบุตรกล่าวว่า มาเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 5 จังหวัดของการลงพื้นที่ภาคเหนือ ไล่มาตั้งแต่ลำปาง ลำพูน แพร่ เชียงใหม่ และเชียงราย ปิดท้าย หลังมาดูสวนผักคนเมืองแล้ว ช่วงบ่าย ไปพูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโควิด 19 เพราะทราบดีว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างมาก
“เมื่อเดินทางถึงเชียงใหม่ ภาพที่เห็นไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยห้างร้านเงียบเหงามาก บางแห่งปิดกิจการ ติดป้ายขายเซ้งเช่าเต็มไปหมด จึงไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อสะท้อนปัญหาให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแก่ผู้ประกอบการ หรือฟื้นฟูท่องเที่ยวอย่างไร จากนั้นไปพูดคุยพบปะสมาชิกและเครือข่าย ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่(อนค.) จนถึงพรรคก้าวไกล (กก.) สุดท้าย เป็นการพูดเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น คาดมีเลือกตั้งช่วงปลายปีนี้ จึงมารณรงค์ และเชิญชวนคนมาสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย” นายปิยบุตรกล่าว