JJNY : 54.7 % คัดค้าน "กาสิโน"│โร่ร้องสื่อหลังร้อง'กกต.'เรื่องไม่คืบ│น้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลง 1%│เทรนด์ใหม่วัยรุ่นอินเดีย

เกินครึ่ง! ผลสำรวจชัดประชาชน 54.7 % คัดค้าน "กาสิโน"
https://www.thaipbs.or.th/news/content/348311
 
  
ยังไม่ทันจะเห็นร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่ก็มีเสียงสะท้อน เรียกให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทั้งจากฝ่ายค้าน และภาคประชาสังคมอย่างมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ที่เปิดผลสำรวจอ้างคนไทยไม่เห็นด้วยกับ "กาสิโน" และส่งเสียงให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหววันนี้ (18 ม.ค.2568) โพสต์ข้อความอ้างผลสำรวจเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของนายธนกร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุ สถาบันทางวิชาการหลายสำนัก สอดคล้องในทิศทางเดียวกันว่า คนไทยราวร้อยละ 55 ขึ้นไป ไม่ต้องการให้รัฐบาลเปิดกาสิโน อีกประมาณร้อยละ 17-18 อยู่ตรงกลาง และราวร้อยละ 25-28 ที่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย
 
ประชาชนส่งเสียงมานานนับ 10 ปี แถมผลสำรวจบางชิ้นเคยปรากฏอยู่ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร แต่รัฐบาลไม่เคยรับฟัง กลับด้อยค่าความเห็นของประชาชนว่า "คนพวกนี้รับเงินจากทุนสีเทาเพื่อมาล้มโครงการของรัฐบาล"
 
เงียบ=ยอมรับ ได้เวลาส่งเสียง "เราไม่เอากาสิโน"
ความเห็นของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่าพรรคประชาชนไม่ได้มีปัญหาที่จะทำให้กาสิโนถูกกฎหมาย เพียงต้องรัดกุมรอบคอบ เกิดความโปร่งใสในการประมูลใบอนุญาตแต่ละใบ รวมไปถึงการป้องกันการฟอกเงิน การบรรเทาผลกระทบปัญหาสังคมที่จะตามมา แต่ก็ยังไม่เห็นความชัดเจนในร่างกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาชนเตรียมข้อมูลที่จะแก้ไขในแต่ละมาตราเอาไว้อย่างเข้มข้น ทั้งการเลือกจังหวัดต้องทำประชามติก่อนหรือไม่ การเตรียมการสำหรับป้องกันการฟอกเงิน การป้องกันปัญหาทุนเทาเข้ามาครอบงำ รวมถึงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องกำหนดกรอบให้มีความชัดเจนมากขึ้น
 
ขณะความเห็นของนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยว่า นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว หลายประเทศทำเงินจากธุรกิจนี้ได้กว่าปีละ 1 ล้านล้านบาท อาทิ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว และเมียนมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม High-Spender หรือกลุ่มมีศักยภาพใช้จ่ายสูง โดยมีธุรกิจการพนันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากรัฐบาลทำสำเร็จ
 
คาดการณ์ว่า รายได้ของผู้ประกอบการกาสิโนจะอยู่ที่ 69,583 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 ของจีดีพี ขณะที่รัฐบาลจะมีรายได้ 36,048 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 105,631 ล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่าผลกระทบที่ตามมามีทั้งบวกและลบ รวมถึงมีมาตรการดูแลและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนัน


  
ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน โร่ร้องสื่อหลังร้องเรียนไปยัง'กกต.'แล้วเรื่องไม่คืบหน้า

https://siamrath.co.th/n/594845

ผู้สมัครชิงชัยตำแหน่งนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน โร่ร้องสื่อ หลังร้องเรียนไปยัง กกต.แล้วแต่เรื่องไม่คืบหน้า แฉมีนายกอบต.แห่งหนึ่งใน อ.ปาย 
ประชุม อสม.และชี้แนะให้เลือก ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกอบจ.คนหนึ่งส่งผลให้ตนเสียประโยชน์และส่อในการทุจริตการเลือกตั้ง
 
วันที่ 18 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายดนุภัทร์ เชียงชุม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน หมายเลข 2 ได้เดินทางมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนเองได้รับคลิปวีดีโอ จากผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งและหวังดีต่อผู้สมัคร ว่ามีนายก อบต.ท่านหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ปาย  ได้ไปประชุม อสม. ผมได้เปิดฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้วดูว่าเสียเปรียบต่อคู่ต่อสู้ ซึ่งนายก อบต.ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการไปประชุม อสม. แล้วมีการกล่าวว่า ผู้สมัครหมายเลขหนึ่ง  มีคุณประโยชน์ ต่อ อสม.มากมาย เช่นเอาเสื้อมาให้เอากระเป๋ามาให้ ซึ่งเสื้อกับกระเป๋าเป็นเสื้อของ อสม. ซึ่งหน่วยงานของ อบจ.เคยมอบให้กับ อสม.ดังนั้นผมดูแล้วว่าคลิปนี้หมิ่นเหม่ ต่อการผิด พรบ.เลือกตั้งซึ่งผมเป็นผู้สมัคร ผมไม่ได้มีอำนาจจัดการบริหารในองค์กร แต่ว่าผู้สมัครท่านนั้นเคยเป็นผู้บริหารมาก่อนซึ่งการใช้ข้าวของสิ่งเหล่านี้ เข้าข่ายการให้แล้วในคลิปท้ายผมดูแล้วว่า ยังมีการสัญญาว่าจะให้ตามมาด้วย ผมดูแล้วว่าคลิปนี้ส่อหมิ่นเหม่ต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ ผมก็ทำหนังสือร้องเรียนพร้อมคลิปเสียง ยื่นต่อ กกต.จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่เรื่องกลับไม่คืบหน้าแต่อย่างใด จึงได้เดินทางมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว
 
โดยตนได้ทำหนังสือร้องเรียน ต่อ เจ้าหน้าที่ กกต.แม่ฮ่องสอนเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 หลังจากนั้นในวันที่ 13 มกราคม 2568 ทางเจ้าหน้าที่ กกต.แม่ฮ่องสอน ได้โทรหาตนและให้ตนไปคัดคำพูดในคลิปเป็นตัวหนังสือและส่งให้ กกต. ซึ่งผมมองว่าเมื่อได้ส่งหนังสือร้องเรียนพร้อมคลิปไปแล้วน่าจะจบ เพราะว่าเรื่องการดำเนินการน่าจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กกต.เพราะว่ามีคลิปเสียงและภาพชัดเจนอย่างนี้คิดว่าเพียงพอต่อการที่ กกต.ไปทำหน้าที่ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรและต้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่อย่างเด็ดขาด
 
สำหรับการเลือกตั้ง นายกอบจ.และสมาชิก อบจ.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่ามีการแข่งขันสูงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยมีกระแสว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียง อย่างหนัก โดยมีราคา ตำแหน่งนายก หัวละ 1,000 บาท และ ตำแหน่งสมาชิก อบจ. หัวละ 500 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้นในการเลือกตั้ง ส.อบต. มีการซื้อเสียง ตำแหน่งนายก สูงถึง หัวละ 1,000 บาท โดยที่หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้แต่อย่างใด 
 


ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง 1 % ขานรับข้อตกลงการหยุดยิง “อิสราเอล-ฮามาส”
https://ch3plus.com/news/economy/morning/431070

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงขานรับข้อตกลงการหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท หรือ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปรับลดลง 80 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 77.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
 
อย่างไรก็ดี หากไปดูในรอบสัปดาห์จะพบว่าสัญญาน้ำมันดิบทั้งสองปรับเพิ่มขึ้น โดย WTI เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.3%
 
ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงเป็นผลมาจากอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้อนุมัติข้อตกลงในการหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาด

นอกจากนี้ การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะทำให้กลุ่มฮูตี ยุติการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง ซึ่งจะทำให้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันในตลาด

ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็กำลังจับตาพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำลังจะมีขึ้นในวันจันทร์ (20 มกราคม 68) นี้ รวมถึง นโยบายของเขาซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาน้ำมัน
แท็กที่เกี่ยวข้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่