พิษฝุ่นเชียงใหม่ เปิดชื่ออาจารย์มช. ถูก ‘มะเร็งปอด’ คร่าชีวิต ถามเมื่อไหร่จะแก้ปัญหา PM2.5
https://www.matichon.co.th/politics/news_4511120
พิษฝุ่นเชียงใหม่ เปิดชื่ออาจารย์มช. ถูก ‘มะเร็งปอด’ คร่าชีวิต ถามเมื่อไหร่จะแก้ปัญหา PM2.5
ปัจจุบันสภาพอากาศ และฝุ่นควันพิษที่คนไทยในภาคเหนือนับวันจะทวีความรุนแรงหนักขึ้น จนล่าสุด นักวิชาการ มช. เครือข่ายผู้ฟ้องคดีฝุ่น แถลงการณ์ประกาศ เชียงใหม่เมืองมลพิษทางอากาศ พร้อมเรียกร้องประชาชนในภาคเหนือที่เผชิญฝุ่น PM2.5 ร่วมกันประกาศเขตมลพิษ หลังรัฐบาลเมินอ้างกลัวกระทบท่องเที่ยวนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทางเพจ “
Faculty of Architecture, Chiang Mai University” โพสต์ข้อความระบุว่า
ด้วยรักและอาลัยยิ่ง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ
ศาสตราจารย์ ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พิธีสวดอภิธรรม วันที่ 4-5 เมษายน พ.ศ.2567 เวลา 19.30 น ณ ศาลาปฏิบัติธรรม วัดสวนดอก พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี สำนักวิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า
“
รายนามคณาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งปอด
มีนาคม 2565 .. รองศาสตราจารย์ ดร.ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กันยายน 2566 .. รองศาสตราจารย์ ดร.มงคล รายะนาคร ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และท่านเป็นอดีตคณบดีของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ..ท่านริเริ่มศึกษาฝุ่นพิษมาตั้งแต่ปี 2550 ที่ยังไม่มีใครรู้จัก PM2.5 ในชื่อโครงการวิจัยเรื่องการวิเคราะห์เพื่อหามลพิษทางอากาศในอนุภาคฝุ่นในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ทุนวิจัยจาก สกว.
ธันวาคม 2566 .. นพ.กฤตไท ธนกฤตสมบัติ อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมษายน 2567 .. ศาสตราจารย์ ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ยังต้องรอให้สูญเสียอีกเท่าไร จึงจะแก้ปัญหาการเผาและ PM2.5 ????”
ล่าสุดเพจ
ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “
ในรอบ 10 ปีนี้ บุคลากร ม. เชียงใหม่ เป็นมะเร็งปอดตายไปกี่คนแล้วคะ”
ทำให้ประเด็น “ฝุ่น” ของภาคเหนือกลับมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ประชาชนส่วนใหญ่ต่างตั้งคำถาม และอยากให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการแก้ไขโดยเร็ว
https://www.facebook.com/arccmu
https://www.facebook.com/pichaarpa.pisutserani/posts/pfbid0ub2Y4oRKiTUjQFMqvYrgmCu5RVe7y3zmfu1VchsUuhQ4vbDBF6fnMWNRTViyMLPkl
https://www.facebook.com/lawlawcmcm
พริษฐ์ โยนปชช.ให้คะแนนก้าวไกล ศึกซักฟอกรัฐบาลม.152 ย้ำสิ่งสำคัญอยู่ที่เนื้อหาสาระ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4511810
พริษฐ์ โยนปชช.ให้คะแนน ส.ส.ก้าวไกล ศึกซักฟอกรัฐบาลม.152 ย้ำสิ่งสำคัญอยู่ที่เนื้อหาสาระ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความพึงพอใจในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของ ส.ส.พรรคก้าวไกลทั้งสองวัน ว่า แน่นอนว่าคนที่จะให้ความเห็น รวมถึงประเมินการทำงานประชาชนได้ดีที่สุด คือประชาชน ตนหวังว่าสิ่งที่เราได้แสดงออกในการอภิปรายตลอดสองวันที่ผ่านมา เราได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก
ในมุมหนึ่ง คือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้นเชิงนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ในการนำเสนอปัญหา เรื่องการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการต่างๆ ให้รัฐบาลได้เห็นและนำไปแก้ไขปัญหา
อีกมุมหนึ่งเราก็นำเสนอทางออกที่รัฐบาลยังคิดไม่ครบ และมองไม่เห็น เดินผิดทิศผิดทางเพื่อหวังว่ารัฐบาลจะรับฟัง ตอบสนองและนำไปแก้ไขปัญหา ในข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เราได้สื่อสารให้รัฐบาลได้รับไว้พิจารณา ดังนั้นจึงมีทั้งมุมตรวจสอบ และการทวงคำสัญญา ส่วนจะให้คะแนนเท่าไหร่นั้น ตนมองว่า ให้ประชาชนเป็นผู้ให้คะแนนดีที่สุด
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ใช้วิธีอ่านไปพูดไป ทำให้บรรยากาศการอภิปรายไม่น่าสนใจ จะมีการแก้ไขหรือไม่นั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการอภิปรายคือเนื้อหาสาระที่สมาชิกแต่ละคนได้ใช้เวลาสภาในการสื่อสารกับรัฐบาล และพี่น้องประชาชน หวังว่าคนที่ติดตามการประชุมสภา หรืออ่านจากข่าว ก็จะได้เห็นถึงความเข้มข้นของเนื้อหาสาระที่เราได้อภิปรายในการตรวจสอบรัฐบาล และได้เห็นการจัดทัพที่พยายามใช้เวลาของสภาอย่างคุ้มค่าที่สุด เนื่องจาก ส.ส.แต่ละคนจะไม่พูดในประเด็นที่ซ้อนกัน แต่พูดในประเด็นที่แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญและมีความสนใจซึ่งในภาพรวม ก็ครอบคลุมทุกประเด็น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมทุกด้าน
กสม.แถลง ชี้ไม่อาจปฏิเสธได้ หน่วยงานรัฐไทย ใช้สปายแวร์ เพกาซัส สอดแนมนักกิจกรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4511234
อีสานโพล แจ้ง คนอีสาน เทคะแนน ก้าวไกลเพิ่ม เพื่อไทยลดลง ย้ำเศรษฐกิจยังแย่ วอนรัฐแก้ด่วน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8174878
อีสานโพล แจ้ง คนอีสาน เทคะแนนนิยมก้าวไกลมากขึ้น เพื่อไทยลดลง ย้ำเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสแรกปี’67 ยังแย่อย่างต่อเนื่อง วอนรัฐแก้ไขด่วน
5 เม.ย. 67 – รศ. ดร.
สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า
จากการสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือน เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนด้านต่างๆ และคำนวณดัชนีภาวะเศรษฐกิจอีสานในไตรมาส 1/2567 และคาดการณ์ไตรมาส 2/2567 พร้อมประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจและภาพรวม และมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่คนอีสานต้องการให้รัฐบาลเร่งทำให้เห็นผลโดยเร็ว ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29มี.ค. – 1 เม.ย. จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,100 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/2567 (ม.ค. – มี.ค. 67) เท่ากับ 32.3 เต็ม 100 อยู่ในระดับแย่ แย่ลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนซึ่งมีค่า 32.8
ขณะที่มาตรการด้านเศรษฐกิจใหม่ๆ ใหญ่ๆ ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรม ส่งผลให้คะแนนผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจยังคงเท่าเดิมที่ 33.0 และคาดว่าดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 2/2567 (เม.ย. – มิ.ย. 67) จะเท่ากับ 31.8 แย่ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้เห็นผลโดยเร็ว 7 เรื่องที่เร่งด่วน คือ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้เศรษฐกิจคึกคัก แจกเงินดิจิทัล บรรเทาปัญหาหนี้สิน แก้ปัญหายาบ้าระบาด ลดค่าครองชีพ และเพิ่มรายได้ลดต้นทุนภาคเกษตร นอกจากนี้พบว่าคะแนนนิยมพรรคก้าวไกลยังนำพรรคเพื่อไทยในอีสาน”
รศ.ดร.
สุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ รายได้และทรัพย์สินครัวเรือน โอกาสหางานใหม่หรือเริ่มธุรกิจใหม่ การหมุนเงินเพื่อใช้จ่ายและชำระหนี้ และการซื้อของมูลค่าสูง และทำการประมวลผลได้ดัชนีต่างๆ ซึ่งค่าดัชนีมีค่าระหว่าง 0 – 100 หากดัชนีอยู่ระหว่าง 0 – 19.9 คือ แย่มาก ระหว่าง 20.0 – 39.9 คือ แย่ ระหว่าง40.0 – 59.9 คือ ปานกลาง/พอใช้ ระหว่าง 60.0 – 79.9 คือ ดี และ ระหว่าง 80.0 – 100 คือ
“เ
มื่อให้กลุ่มตัวอย่างประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/2567 พบว่า ได้คะแนน 33.0 เต็ม 100 เท่าเดิมจากไตรมาส 4/2566 ขณะที่ผลงานโดยรวมของรัฐบาลในช่วงไตรมาส 1/2567 ได้คะแนน 32.7 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2566 ซึ่งดัชนีเท่ากับ 33.2 ทั้งนี้รัฐบาลเคยได้คะแนนด้านเศรษฐกิจต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งได้คะแนนเพียง 20.3 และได้คะแนนผลงานโดยรวมเพียง 19.3 จากการระบาดอย่างหนักของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา
และเมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างเพิ่มเติมว่า อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขให้เห็นผลเร็วมากที่สุด พบว่า จาก 12 เรื่อง มี 7 เรื่องที่ถูกเลือกอย่างมีนัยสำคัญ อันดับหนึ่งร้อยละ 18.5 กลุ่มตัวอย่างต้องการให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อันดับสอง ร้อยละ 17.1 ทำให้เศรษฐกิจคึกคัก อันดับสาม ร้อยละ 15.2 แจกเงินดิจิทัล อันดับสี่ ร้อยละ 11.7 บรรเทาปัญหาหนี้สิน อันดับห้า ร้อยละ 10.8 แก้ปัญหายาบ้าระบาด อันดับหก ร้อยละ 10.6 ลดค่าครองชีพ และอันดับเจ็ด ร้อยละ 7.8 เพิ่มรายได้ลดต้นทุนภาคเกษตร”
รศ.ดร.
สุทิน กล่าวในตอนท้ายว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านมา ลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้พรรคใด และถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ มีแนวโน้มจะลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้พรรคใด พบว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 35.1 เป็น ร้อยละ 47.4
ขณะที่คะแนนของพรรคเพื่อไทยลดลงจาก ร้อยละ 45.7 เหลือ ร้อยละ 40.7 พรรคภูมิใจไทยลดลงจาก ร้อยละ 4.7 เหลือ ร้อยละ 2.4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ลดลงจาก ร้อยละ 5.6 เหลือ ร้อยละ 1.9 ไทยสร้างไทยลดลงจาก ร้อยละ 1.7 เป็นร้อยละ 1.5
พลังประชารัฐลดลงจาก ร้อยละ 1.2 เหลือ ร้อยละ 0.7 ประชาธิปัตย์ลดลงจาก ร้อยละ 1.1 เหลือ ร้อยละ 0.5 เสรีรวมไทยจากร้อยละ 1.1 เหลือ ร้อยละ 0.4 และอื่นๆ ลดลงจากร้อยละ 1.2 เป็น ร้อยละ 0.6 ขณะที่มีผู้ตอบว่ายังไม่มีพรรคที่ถูกใจร้อยละ 3.9
JJNY : 5in1 เปิดชื่ออาจารย์มช.│พริษฐ์ โยนปชช.ให้คะแนน│เทคะแนนก้าวไกลเพิ่ม│กสม.ชี้รัฐสอดแนม│ฝรั่งเศสโวยรัสเซีย “ข่มขู่”
https://www.matichon.co.th/politics/news_4511120
พิษฝุ่นเชียงใหม่ เปิดชื่ออาจารย์มช. ถูก ‘มะเร็งปอด’ คร่าชีวิต ถามเมื่อไหร่จะแก้ปัญหา PM2.5
ปัจจุบันสภาพอากาศ และฝุ่นควันพิษที่คนไทยในภาคเหนือนับวันจะทวีความรุนแรงหนักขึ้น จนล่าสุด นักวิชาการ มช. เครือข่ายผู้ฟ้องคดีฝุ่น แถลงการณ์ประกาศ เชียงใหม่เมืองมลพิษทางอากาศ พร้อมเรียกร้องประชาชนในภาคเหนือที่เผชิญฝุ่น PM2.5 ร่วมกันประกาศเขตมลพิษ หลังรัฐบาลเมินอ้างกลัวกระทบท่องเที่ยวนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทางเพจ “Faculty of Architecture, Chiang Mai University” โพสต์ข้อความระบุว่า
ด้วยรักและอาลัยยิ่ง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ
ศาสตราจารย์ ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พิธีสวดอภิธรรม วันที่ 4-5 เมษายน พ.ศ.2567 เวลา 19.30 น ณ ศาลาปฏิบัติธรรม วัดสวนดอก พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี สำนักวิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า
“รายนามคณาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งปอด
มีนาคม 2565 .. รองศาสตราจารย์ ดร.ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กันยายน 2566 .. รองศาสตราจารย์ ดร.มงคล รายะนาคร ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และท่านเป็นอดีตคณบดีของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ..ท่านริเริ่มศึกษาฝุ่นพิษมาตั้งแต่ปี 2550 ที่ยังไม่มีใครรู้จัก PM2.5 ในชื่อโครงการวิจัยเรื่องการวิเคราะห์เพื่อหามลพิษทางอากาศในอนุภาคฝุ่นในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ทุนวิจัยจาก สกว.
ธันวาคม 2566 .. นพ.กฤตไท ธนกฤตสมบัติ อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมษายน 2567 .. ศาสตราจารย์ ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ยังต้องรอให้สูญเสียอีกเท่าไร จึงจะแก้ปัญหาการเผาและ PM2.5 ????”
ล่าสุดเพจ ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “ในรอบ 10 ปีนี้ บุคลากร ม. เชียงใหม่ เป็นมะเร็งปอดตายไปกี่คนแล้วคะ”
ทำให้ประเด็น “ฝุ่น” ของภาคเหนือกลับมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ประชาชนส่วนใหญ่ต่างตั้งคำถาม และอยากให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการแก้ไขโดยเร็ว
https://www.facebook.com/arccmu
https://www.facebook.com/pichaarpa.pisutserani/posts/pfbid0ub2Y4oRKiTUjQFMqvYrgmCu5RVe7y3zmfu1VchsUuhQ4vbDBF6fnMWNRTViyMLPkl
https://www.facebook.com/lawlawcmcm
พริษฐ์ โยนปชช.ให้คะแนนก้าวไกล ศึกซักฟอกรัฐบาลม.152 ย้ำสิ่งสำคัญอยู่ที่เนื้อหาสาระ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4511810
พริษฐ์ โยนปชช.ให้คะแนน ส.ส.ก้าวไกล ศึกซักฟอกรัฐบาลม.152 ย้ำสิ่งสำคัญอยู่ที่เนื้อหาสาระ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความพึงพอใจในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของ ส.ส.พรรคก้าวไกลทั้งสองวัน ว่า แน่นอนว่าคนที่จะให้ความเห็น รวมถึงประเมินการทำงานประชาชนได้ดีที่สุด คือประชาชน ตนหวังว่าสิ่งที่เราได้แสดงออกในการอภิปรายตลอดสองวันที่ผ่านมา เราได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก
ในมุมหนึ่ง คือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้นเชิงนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ในการนำเสนอปัญหา เรื่องการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการต่างๆ ให้รัฐบาลได้เห็นและนำไปแก้ไขปัญหา
อีกมุมหนึ่งเราก็นำเสนอทางออกที่รัฐบาลยังคิดไม่ครบ และมองไม่เห็น เดินผิดทิศผิดทางเพื่อหวังว่ารัฐบาลจะรับฟัง ตอบสนองและนำไปแก้ไขปัญหา ในข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เราได้สื่อสารให้รัฐบาลได้รับไว้พิจารณา ดังนั้นจึงมีทั้งมุมตรวจสอบ และการทวงคำสัญญา ส่วนจะให้คะแนนเท่าไหร่นั้น ตนมองว่า ให้ประชาชนเป็นผู้ให้คะแนนดีที่สุด
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ใช้วิธีอ่านไปพูดไป ทำให้บรรยากาศการอภิปรายไม่น่าสนใจ จะมีการแก้ไขหรือไม่นั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการอภิปรายคือเนื้อหาสาระที่สมาชิกแต่ละคนได้ใช้เวลาสภาในการสื่อสารกับรัฐบาล และพี่น้องประชาชน หวังว่าคนที่ติดตามการประชุมสภา หรืออ่านจากข่าว ก็จะได้เห็นถึงความเข้มข้นของเนื้อหาสาระที่เราได้อภิปรายในการตรวจสอบรัฐบาล และได้เห็นการจัดทัพที่พยายามใช้เวลาของสภาอย่างคุ้มค่าที่สุด เนื่องจาก ส.ส.แต่ละคนจะไม่พูดในประเด็นที่ซ้อนกัน แต่พูดในประเด็นที่แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญและมีความสนใจซึ่งในภาพรวม ก็ครอบคลุมทุกประเด็น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมทุกด้าน
กสม.แถลง ชี้ไม่อาจปฏิเสธได้ หน่วยงานรัฐไทย ใช้สปายแวร์ เพกาซัส สอดแนมนักกิจกรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4511234
อีสานโพล แจ้ง คนอีสาน เทคะแนน ก้าวไกลเพิ่ม เพื่อไทยลดลง ย้ำเศรษฐกิจยังแย่ วอนรัฐแก้ด่วน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8174878
อีสานโพล แจ้ง คนอีสาน เทคะแนนนิยมก้าวไกลมากขึ้น เพื่อไทยลดลง ย้ำเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสแรกปี’67 ยังแย่อย่างต่อเนื่อง วอนรัฐแก้ไขด่วน
5 เม.ย. 67 – รศ. ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า
จากการสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือน เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนด้านต่างๆ และคำนวณดัชนีภาวะเศรษฐกิจอีสานในไตรมาส 1/2567 และคาดการณ์ไตรมาส 2/2567 พร้อมประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจและภาพรวม และมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่คนอีสานต้องการให้รัฐบาลเร่งทำให้เห็นผลโดยเร็ว ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29มี.ค. – 1 เม.ย. จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,100 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/2567 (ม.ค. – มี.ค. 67) เท่ากับ 32.3 เต็ม 100 อยู่ในระดับแย่ แย่ลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนซึ่งมีค่า 32.8
ขณะที่มาตรการด้านเศรษฐกิจใหม่ๆ ใหญ่ๆ ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรม ส่งผลให้คะแนนผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจยังคงเท่าเดิมที่ 33.0 และคาดว่าดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 2/2567 (เม.ย. – มิ.ย. 67) จะเท่ากับ 31.8 แย่ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้เห็นผลโดยเร็ว 7 เรื่องที่เร่งด่วน คือ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้เศรษฐกิจคึกคัก แจกเงินดิจิทัล บรรเทาปัญหาหนี้สิน แก้ปัญหายาบ้าระบาด ลดค่าครองชีพ และเพิ่มรายได้ลดต้นทุนภาคเกษตร นอกจากนี้พบว่าคะแนนนิยมพรรคก้าวไกลยังนำพรรคเพื่อไทยในอีสาน”
รศ.ดร.สุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ รายได้และทรัพย์สินครัวเรือน โอกาสหางานใหม่หรือเริ่มธุรกิจใหม่ การหมุนเงินเพื่อใช้จ่ายและชำระหนี้ และการซื้อของมูลค่าสูง และทำการประมวลผลได้ดัชนีต่างๆ ซึ่งค่าดัชนีมีค่าระหว่าง 0 – 100 หากดัชนีอยู่ระหว่าง 0 – 19.9 คือ แย่มาก ระหว่าง 20.0 – 39.9 คือ แย่ ระหว่าง40.0 – 59.9 คือ ปานกลาง/พอใช้ ระหว่าง 60.0 – 79.9 คือ ดี และ ระหว่าง 80.0 – 100 คือ
“เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/2567 พบว่า ได้คะแนน 33.0 เต็ม 100 เท่าเดิมจากไตรมาส 4/2566 ขณะที่ผลงานโดยรวมของรัฐบาลในช่วงไตรมาส 1/2567 ได้คะแนน 32.7 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2566 ซึ่งดัชนีเท่ากับ 33.2 ทั้งนี้รัฐบาลเคยได้คะแนนด้านเศรษฐกิจต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งได้คะแนนเพียง 20.3 และได้คะแนนผลงานโดยรวมเพียง 19.3 จากการระบาดอย่างหนักของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา
และเมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างเพิ่มเติมว่า อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขให้เห็นผลเร็วมากที่สุด พบว่า จาก 12 เรื่อง มี 7 เรื่องที่ถูกเลือกอย่างมีนัยสำคัญ อันดับหนึ่งร้อยละ 18.5 กลุ่มตัวอย่างต้องการให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อันดับสอง ร้อยละ 17.1 ทำให้เศรษฐกิจคึกคัก อันดับสาม ร้อยละ 15.2 แจกเงินดิจิทัล อันดับสี่ ร้อยละ 11.7 บรรเทาปัญหาหนี้สิน อันดับห้า ร้อยละ 10.8 แก้ปัญหายาบ้าระบาด อันดับหก ร้อยละ 10.6 ลดค่าครองชีพ และอันดับเจ็ด ร้อยละ 7.8 เพิ่มรายได้ลดต้นทุนภาคเกษตร”
รศ.ดร.สุทิน กล่าวในตอนท้ายว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านมา ลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้พรรคใด และถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ มีแนวโน้มจะลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้พรรคใด พบว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 35.1 เป็น ร้อยละ 47.4
ขณะที่คะแนนของพรรคเพื่อไทยลดลงจาก ร้อยละ 45.7 เหลือ ร้อยละ 40.7 พรรคภูมิใจไทยลดลงจาก ร้อยละ 4.7 เหลือ ร้อยละ 2.4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ลดลงจาก ร้อยละ 5.6 เหลือ ร้อยละ 1.9 ไทยสร้างไทยลดลงจาก ร้อยละ 1.7 เป็นร้อยละ 1.5
พลังประชารัฐลดลงจาก ร้อยละ 1.2 เหลือ ร้อยละ 0.7 ประชาธิปัตย์ลดลงจาก ร้อยละ 1.1 เหลือ ร้อยละ 0.5 เสรีรวมไทยจากร้อยละ 1.1 เหลือ ร้อยละ 0.4 และอื่นๆ ลดลงจากร้อยละ 1.2 เป็น ร้อยละ 0.6 ขณะที่มีผู้ตอบว่ายังไม่มีพรรคที่ถูกใจร้อยละ 3.9