*เห็นเถียงกันบ่อยๆ ว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา
*ความเห็นส่วนตัว(ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ หรือยืนยันข้อเท็จจริงจากผู้ใด)
อนัตตาของนิพพาน คือ การรีบู๊ตใหม่ ???
เท่าที่อ่านมา หรือเคยได้ยินได้ฟังมา สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีความหมายแก่นิพพาน
ในเมื่อมีโน่นนี่นั่นแล้ว ก็ควรใช้ควรทำให้เกิดประโยชน์ให้เหมาะสมให้ถูกต้อง ตั้งแต่ครอบครัว สังคม ความถูกต้อง ความรัก ความสัมพันธ์
แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรสำหรับผู้ที่ปรารถนานิพพาน
นิพพาน อาจดูเหมือนเป็นสภาวะจำกัดเฉพาะสำหรับผู้ที่เหมือนจะแพ้ทางโลก ไร้ความอดทน ทุกข์นิดเหนื่อยนิดยากหน่อยก็ไม่เอา
เหมือนจะเหมาะแล้วสำหรับ ผู้ที่ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ อยากแต่จะไม่เอาทุกข์อยากแต่จะเอาแต่สุข แต่การที่จะได้มาก็ไม่ใช่ง่าย
สุดท้ายแล้วเมื่อหลับสนิทโดยฝัน(หลังตาย) ก็จะหลับไปเรื่อยๆ โดยเวลาจะย้อนกลับ(เมื่อเราตายจากโลกเดิม ไปโลกคู่ขนาน เท่าใดก็แล้วแต่ เวลาเนื้อเรื่องโลกเดิมก็ย้อนกลับไปเท่ากับที่เดินไปในโลกคู่ขนาน จนเราตายในโลกคู่ขนาน แล้วจะเกิดในโลกเก่าตามกรรม สุดท้ายลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง รีบู๊ตเริ่มต้นใหม่ ต้องเริ่มเล่นใหม่แล้วทำคะแนนให้ดีกว่าเก่า หรือหากหักล้างกรรมหมดแล้ว ก็เสวยบุญ(คะแนนที่ได้)โดยมีออฟชั่นอีกเยอะแยะ ตามกรรมที่ได้ปลดล็อครูปแบบ
#มีหลายเส้นทาง ซึ่งแต่ละแคลน(ศาสนา) จะมีรูปแบบที่เฉพาะตัว แต่จะคล้ายหรือเหมือนๆกันหากผู้ปฏิบัติเดินทางสายกลาง(ไม่หย่อนไม่ตึง)
#การแปรสภาพของจิตตนเอง แปลงร่างดีหรือแย่กว่าเดิม คือ อัตตา ไม่ใช่นิพพาน นิพพานคือหลับสนิทไม่ทุกข์ไม่สุข เป็นอนัตตา (รีบู๊ตใหม่ หากเปลี่ยนเนื้อเรื่อง จะกลายเป็นโลกคู่ขนาน(พหุภพ) และจะเห็นเงาตัวเองในรอบก่อนเป็นคนอื่นสะงั้น
#พระพุทธเจ้าเน้นสอน อริยะสัจสี่ นอกเหนือจากนั้น(ใบไม้นอกกำมือ) ไม่เน้นสอน
#สำหรับนิพพานไม่มีใครรู้ว่าสภาวะในนิพพานเป็นอย่างไร ต้องอยู่ในสภาวะนิพพานจึงจะรู้ได้อย่างถ่องแท้ ตอนนี้เราต่างก็ทำได้แค่ตีความกันไปอาจจะนานาจิตตัง
ผมตั้งข้อสงสัยส่วนตัว ว่านิพพานนี่ จริงๆแล้วเป็นสภาวะหนึ่งที่ทำใจให้ว่างๆ เว้นกระบวนการกลไกการคิดทุกอย่าง เหมือนรีบู๊ตสุขภาพจิตซะมากกว่า ประมาณว่าพระพุทธเจ้าเองก็เน้นสอนอริยะสัจสี่ คือ กระบวนการดับทุกข์ เช่นรู้ว่าทุกข์อะไร แล้วทำไมจึงทุกข์ มีวิธีใดเพื่อดับทุกข์นั้น และสุดท้ายคือลงมือปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุจุดหมาย และก็มีคนไทยพุทธส่วนหนึ่ง ที่ต้องการดับทุกข์ให้ได้อย่างหนักๆ(คงเจอแต่ปัญหารุมเร้าทุกข์ใจนานาสารพัดมา) เลยพุ่งเป้าแต่อยากได้ "นิพพาน" โดยไม่ค่อยไปสนใจเรื่องอื่นๆที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้เท่าที่ควร เลยน่าจะยากที่จะสำเร็จนิพพาน ซ้ำร้ายยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่านิพพานแท้จริงเป็นอย่างไร นอกจากพระพุทธเจ้า และท่านเองยังบอกว่าอยากรู้ต้องได้ด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะได้รู้
*ถ้าอยู่แบบคล้ายอมตะ คือ มีตัวตน(จิต)อยู่ตลอด แต่จะลอกคราบ(ย้าย มิติ/โลกธาตุ/โลกทัศน์/มิติ/เอกภพในพหุภพ/ความถี่(ที่แวดล้อมสามารถเห็น/ไม่เรา เรา)) ก็ต้อง อาบาดัน (อาราบิค) หรือนิพพานก็อาจจะคล้ายๆกัน โดยลอกคราบ(ทิ้งร่างเก่าในโลกเก่า) แล้วเคลื่อนจิตตยเองเข้าโลกใหม่(โลกธาตุ/มิติ/ความถี่ ใหม่) แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปตามปกติ ค้นหาเพิ่มเติมในกระทู้ที่ผมได้ตั้งไว้ได้ หรือบางทีมันอาจเป็น นิพพาน ชนิด อัตตา ก็เป็นได้) ส่วนความทุกข์ความสุขก็สุดแล้วจะบริหารจิตบริหารกรรม เช่น รู้จักการละ การปลง การปล่อยวาง ให้เหมาะสมลงตัว ก็สามารถพบแต่สุขได้เรื่อยๆบ่อยๆขึ้น เรื่องไหนที่จำเป็นต้องแก้ไข ก็แก้ไขปรับปรุงไปตามความสำคัญ อันไหนไม่ส่งผลมากก็ละละปล่อยวางไปบ้าง
#สำหรับอาบาดัน จะเหมือนวนลูปในความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงมีเหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงตามการกระทำ(กรรม)และการกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องกันเอง การเปลี่ยนมิติ (ลอกคราบ) จะดำเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดบุญ(อิบาดะฮ์) หรือหาก ได้บุญโดยประเภท PASSIVE INCOME และใช้อย่างประหยัดๆก็สามารถอยู่ได้นานไปอีก โดยผู้ที่อยู่ในแวดล้อมมิติเก่าจะรับรู้ว่าตัวเราตายไปแล้ว(ศพ คือ คราบ) แต่จิตยังคงอยู่ และปฏิสัมพันธ์โลกเก่าได้อยู่ โดยผ่าน นาอิบ และ กอรีน # แนะนำค้นหาเพิ่มเติมในกระทู้เก่าๆที่ได้ตั้งไว้ได้
ส่วนตัวเชื่อว่าหากอาบาดันไปเรื่อยๆ โดยละโดยปลง ปล่อยวางได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถอยู่ได้อย่างสุขไปได้เรื่อยๆ คงไม่แพ้นิพพานเช่นกัน
#เราจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อ เข้าใจควอนตัม(เต็มขั้น) และ กฏสรรพสิ่ง(ทฤษฏีสรรพสิ่ง:ทุกสิ่งทุกอย่างคือหนึ่งเดียวกัน)
*เห็นเถียงกันบ่อยๆ ว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา
*แก้เพิ่มเติม #ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "อาบาดัน" หรือค้นหาในกระทู้ที่เคยตั้งไว้ได้ครับ
นิพพาน อนัตตา / อาบาดัน อัตตา #เห็นเถียงกันบ่อย
*ความเห็นส่วนตัว(ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ หรือยืนยันข้อเท็จจริงจากผู้ใด)
อนัตตาของนิพพาน คือ การรีบู๊ตใหม่ ???
เท่าที่อ่านมา หรือเคยได้ยินได้ฟังมา สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีความหมายแก่นิพพาน
ในเมื่อมีโน่นนี่นั่นแล้ว ก็ควรใช้ควรทำให้เกิดประโยชน์ให้เหมาะสมให้ถูกต้อง ตั้งแต่ครอบครัว สังคม ความถูกต้อง ความรัก ความสัมพันธ์
แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรสำหรับผู้ที่ปรารถนานิพพาน
นิพพาน อาจดูเหมือนเป็นสภาวะจำกัดเฉพาะสำหรับผู้ที่เหมือนจะแพ้ทางโลก ไร้ความอดทน ทุกข์นิดเหนื่อยนิดยากหน่อยก็ไม่เอา
เหมือนจะเหมาะแล้วสำหรับ ผู้ที่ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ อยากแต่จะไม่เอาทุกข์อยากแต่จะเอาแต่สุข แต่การที่จะได้มาก็ไม่ใช่ง่าย
สุดท้ายแล้วเมื่อหลับสนิทโดยฝัน(หลังตาย) ก็จะหลับไปเรื่อยๆ โดยเวลาจะย้อนกลับ(เมื่อเราตายจากโลกเดิม ไปโลกคู่ขนาน เท่าใดก็แล้วแต่ เวลาเนื้อเรื่องโลกเดิมก็ย้อนกลับไปเท่ากับที่เดินไปในโลกคู่ขนาน จนเราตายในโลกคู่ขนาน แล้วจะเกิดในโลกเก่าตามกรรม สุดท้ายลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง รีบู๊ตเริ่มต้นใหม่ ต้องเริ่มเล่นใหม่แล้วทำคะแนนให้ดีกว่าเก่า หรือหากหักล้างกรรมหมดแล้ว ก็เสวยบุญ(คะแนนที่ได้)โดยมีออฟชั่นอีกเยอะแยะ ตามกรรมที่ได้ปลดล็อครูปแบบ
#มีหลายเส้นทาง ซึ่งแต่ละแคลน(ศาสนา) จะมีรูปแบบที่เฉพาะตัว แต่จะคล้ายหรือเหมือนๆกันหากผู้ปฏิบัติเดินทางสายกลาง(ไม่หย่อนไม่ตึง)
#การแปรสภาพของจิตตนเอง แปลงร่างดีหรือแย่กว่าเดิม คือ อัตตา ไม่ใช่นิพพาน นิพพานคือหลับสนิทไม่ทุกข์ไม่สุข เป็นอนัตตา (รีบู๊ตใหม่ หากเปลี่ยนเนื้อเรื่อง จะกลายเป็นโลกคู่ขนาน(พหุภพ) และจะเห็นเงาตัวเองในรอบก่อนเป็นคนอื่นสะงั้น
#พระพุทธเจ้าเน้นสอน อริยะสัจสี่ นอกเหนือจากนั้น(ใบไม้นอกกำมือ) ไม่เน้นสอน
#สำหรับนิพพานไม่มีใครรู้ว่าสภาวะในนิพพานเป็นอย่างไร ต้องอยู่ในสภาวะนิพพานจึงจะรู้ได้อย่างถ่องแท้ ตอนนี้เราต่างก็ทำได้แค่ตีความกันไปอาจจะนานาจิตตัง
ผมตั้งข้อสงสัยส่วนตัว ว่านิพพานนี่ จริงๆแล้วเป็นสภาวะหนึ่งที่ทำใจให้ว่างๆ เว้นกระบวนการกลไกการคิดทุกอย่าง เหมือนรีบู๊ตสุขภาพจิตซะมากกว่า ประมาณว่าพระพุทธเจ้าเองก็เน้นสอนอริยะสัจสี่ คือ กระบวนการดับทุกข์ เช่นรู้ว่าทุกข์อะไร แล้วทำไมจึงทุกข์ มีวิธีใดเพื่อดับทุกข์นั้น และสุดท้ายคือลงมือปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุจุดหมาย และก็มีคนไทยพุทธส่วนหนึ่ง ที่ต้องการดับทุกข์ให้ได้อย่างหนักๆ(คงเจอแต่ปัญหารุมเร้าทุกข์ใจนานาสารพัดมา) เลยพุ่งเป้าแต่อยากได้ "นิพพาน" โดยไม่ค่อยไปสนใจเรื่องอื่นๆที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้เท่าที่ควร เลยน่าจะยากที่จะสำเร็จนิพพาน ซ้ำร้ายยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่านิพพานแท้จริงเป็นอย่างไร นอกจากพระพุทธเจ้า และท่านเองยังบอกว่าอยากรู้ต้องได้ด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะได้รู้
*ถ้าอยู่แบบคล้ายอมตะ คือ มีตัวตน(จิต)อยู่ตลอด แต่จะลอกคราบ(ย้าย มิติ/โลกธาตุ/โลกทัศน์/มิติ/เอกภพในพหุภพ/ความถี่(ที่แวดล้อมสามารถเห็น/ไม่เรา เรา)) ก็ต้อง อาบาดัน (อาราบิค) หรือนิพพานก็อาจจะคล้ายๆกัน โดยลอกคราบ(ทิ้งร่างเก่าในโลกเก่า) แล้วเคลื่อนจิตตยเองเข้าโลกใหม่(โลกธาตุ/มิติ/ความถี่ ใหม่) แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปตามปกติ ค้นหาเพิ่มเติมในกระทู้ที่ผมได้ตั้งไว้ได้ หรือบางทีมันอาจเป็น นิพพาน ชนิด อัตตา ก็เป็นได้) ส่วนความทุกข์ความสุขก็สุดแล้วจะบริหารจิตบริหารกรรม เช่น รู้จักการละ การปลง การปล่อยวาง ให้เหมาะสมลงตัว ก็สามารถพบแต่สุขได้เรื่อยๆบ่อยๆขึ้น เรื่องไหนที่จำเป็นต้องแก้ไข ก็แก้ไขปรับปรุงไปตามความสำคัญ อันไหนไม่ส่งผลมากก็ละละปล่อยวางไปบ้าง
#สำหรับอาบาดัน จะเหมือนวนลูปในความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงมีเหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงตามการกระทำ(กรรม)และการกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องกันเอง การเปลี่ยนมิติ (ลอกคราบ) จะดำเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดบุญ(อิบาดะฮ์) หรือหาก ได้บุญโดยประเภท PASSIVE INCOME และใช้อย่างประหยัดๆก็สามารถอยู่ได้นานไปอีก โดยผู้ที่อยู่ในแวดล้อมมิติเก่าจะรับรู้ว่าตัวเราตายไปแล้ว(ศพ คือ คราบ) แต่จิตยังคงอยู่ และปฏิสัมพันธ์โลกเก่าได้อยู่ โดยผ่าน นาอิบ และ กอรีน # แนะนำค้นหาเพิ่มเติมในกระทู้เก่าๆที่ได้ตั้งไว้ได้
ส่วนตัวเชื่อว่าหากอาบาดันไปเรื่อยๆ โดยละโดยปลง ปล่อยวางได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถอยู่ได้อย่างสุขไปได้เรื่อยๆ คงไม่แพ้นิพพานเช่นกัน
#เราจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อ เข้าใจควอนตัม(เต็มขั้น) และ กฏสรรพสิ่ง(ทฤษฏีสรรพสิ่ง:ทุกสิ่งทุกอย่างคือหนึ่งเดียวกัน)
*เห็นเถียงกันบ่อยๆ ว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา
*แก้เพิ่มเติม #ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "อาบาดัน" หรือค้นหาในกระทู้ที่เคยตั้งไว้ได้ครับ