วันนี้ผมนัดกับเพื่อนมาหาร้านนั่งดื่ม-คุยกันแถวทองหล่อ โดยเพื่อนผมเป็นคนจัดหาให้เรียบร้อยมีหน้าที่แค่เปิด Google Maps เดินทางมาอย่างเดียว พอถึงจุดหมายแล้วก็งงนิดหน่อยว่าทำไมเพื่อนนัดมาทานข้าวในโรงแรม แถวนี้ก็มีบาร์และร้านอาหารสวยๆเต็มไปหมด เพราะที่นี่มีร้านลับ Rooftop Bar อยู่ด้านบนครับ ชื่อร้านว่า Assembly Point ตั้งอยู่บนชั้น 7 ของโรงแรม One One Bangkok อยู่ใกล้ๆกับซอยสุขุมวิท 15 (ติดกับโครงการ J Avenue ทองหล่อ) ถ้าเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวก็สามารถใช้ที่จอดรถของทางโรงแรมได้ แต่ถ้าเดินทางด้วย BTS ก็ลงสถานีทองหล่อแล้วนั่งวินเข้ามาได้จ่ายเงินแค่ 20 บาท ป้ายร้านเล็กมากๆมองแทบไม่เห็น เข้าไปด้านในโรงแรมกันเลยครับ

เดินเข้ามาภายในล๊อบบี้ของโรงแรม ที่มีความสวยงามและหรูหราตามแบบฉบับของโรงแรมอยู่ใจกลางทองหล่อ ให้เริ่มต้นเดินตรงจากประตูทางเข้าของโรงแรมผ่านหน้าล๊อบบี้ต้อนรับลูกค้า แล้วตรงไปให้สุดทางเดินจากนั้นก็เลี้ยวขวาจะมีลิฟต์พิเศษอยู่ 1 ตัวให้กดขึ้นไปที่ชั้น 6 (แต่ Rooftop Bar อยู่ที่ชั้น 7) จะพบกับป้ายบอกว่าให้ขึ้นไปอีก 1 ชั้นจากนั้นเราก็จะพบกับประตูทางเข้าหน้าร้านแล้วครับ ใครกลัวว่าจะมาไม่ถูกก็ถามพนักงานตรงที่ล๊อบบี้ได้ครับผม

มาถึงจะพบกับป้ายร้าน Assembly Point ที่เปิดไฟสีแดงสว่างไสว เข้าประตูเข้ามาจะพบกับโซน Indoor ที่มีโต๊ะขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้เพ้นท์หน้าคนและสัตว์ดูแปลกตา บาร์เครื่องดื่มที่ถูกตกแต่งด้วยไฟสีม่วงตามสไตล์ร้านนั่งดื่มรวมถึงไปโซฟาขนาดใหญ่ที่สามารถกั้นม่านเป็นห้องส่วนตัวขนาดเล็กได้ เหมาะสำหรับคนที่มากับเพื่อนเยอะหรือต้องการแค่นั่งดื่มเงียบๆในมุมส่วนตัว เพื่อนผมบอกว่าที่นี่มีห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่อยู่ด้วย เป็นห้องที่ใหญ่หรูหราและมีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้อง หากใครสนใจอยากจะเข้าใช้บริการก็ลองสอบถามราคาค่าห้องกับทางร้านดูนะครับ

แต่วันนี้เราจะมานั่งชิลล์ฟังดนตรีสดๆและชมวิวที่ด้านนอกเพื่อสัมผัสกับความเป็น Rooftop Bar อย่างแท้จริง ข้างนอกนี้เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่ถูกปูพื้นด้วยหญ้าเทียมสีเขียว มีโต๊ะไม้ยาวพร้อมเก้าอี้เรียงกันไว้ชมวิวรอบถนนทองหล่อ ใครที่อยากชิลล์กับวิวสวยๆก็ให้มานั่งจุดนี้ ส่วนตรงกลางเป็นพื้นไม้ที่ถูกยกขึ้นมาสูงล้อมรอบด้วยระเบียงกระจกอีกชั้นเอาไว้นั่งคุยกับเพื่อนๆ พร้อมชิลล์ไปกับเวทีดนตรีสดที่มีให้บริการทุกวันอังคาร-เสาร์ ตั้งแต่ 20.00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีบาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่ที่มีการแสดงการทำเมื่อเราออเดอร์ มาถึงก็หาที่นั่งและสั่งน้ำดื่ม 1 ขวด ราคาขวดละ 60 บาท(ราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน) ดื่มแก้กระหายไปก่อน จากนั้นพนักงานก็นำใบเมนูมาให้ครับ

เมนูที่ร้านนี้มีแค่ 2 ใบ ดูจากราคาอาหารแล้วราคาถือว่าไม่แพงมากนะ 120 - 200 บาท มีทั้งเมนูเส้น เมนูข้าว เมนูยำและเมนูทานเล่น ส่วนเครื่องดื่มนั้นราคาเริ่มต้นที่ 200-250 แพงสุดที่ 1,200 บาท เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงขวดหลักหมื่น มิ๊กเซอร์(น้ำดื่มโซดาต่างๆ) 60-130 บาท ดูเหมือนเครื่องดื่มที่นี่จะราคาแรงกว่าอาหาร แต่เพื่อนกับผมเป็นสายกินอยู่แล้ว (ดื่มนิดๆหน่อยๆ) เดี๋ยววันนี้เราสั่งเน้นหนักๆไปที่อาหารกันแทนดีกว่าครับ

จานแรก"ทรัฟเฟิลฟรายส์" ราคา 160 บาท เป็นมันฝรั่งแบบเส้นเล็กทอดจนกรอบโรยด้วยพาเมซานชีสผงและพาสลี่ย์ซอยสดทานคู่กับซอสมายองเนสทรัฟเฟิลรสเปรี้ยว/มัน/หวาน/หอมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลขึ้นจมูก เข้ากันได้ดีกับเฟรนซ์ฟรายส์ทอดร้อนแบบสุดๆสมกับเป็น Signature ของที่ร้านนี้ครับ เมนูถัดมาเป็นเมนูใหม่ที่ไม่มีในเล่มแต่น้องพนักงานแนะนำก็ลองดู "ยำมะม่วงกุ้งสด" ราคา 180 บาท แว็บแรกที่เห็นคือกุ้งใหญ่มาก มาตัวจัมโบ้แบบสุดๆ เป็นยำมะม่วงซอยผสมแครอทซอยรสชาติเปรี้ยวนำ/หวาน-เค็มตามมา หอมกลิ่นปลาร้าอ่อนๆความเผ็ดอยู่ในระดับทานได้ทุกคน ในจานประกอบด้วยกุ้ง(น่าจะเป็นกุลาดำ)ตัวใหญ่ 4 ตัว ไข่แดงเค็มแบบหั่นซีกทานแล้วติดฟันนิดๆ ตัดด้วยความมันของถั่วลิสงและปลากรอบทอด สดชื่นด้วยสมุนไพรทั้งผักชีฝรั่ง/หอมแดงแขกและมะนาวซีก กุ้งสดตัวใหญ่เนื้อเด้งๆเคี้ยวคำเดียวก็เต็มปาก เคล้ากับน้ำยำ(แต่ต้องซดน้ำยำตามหน่อยนะ) และเครื่องเคราต่างๆทำให้ได้สัมผัสที่หลากหลายในปากเพียงคำเดียว หากใครชอบรสแซ่บกว่านี้ก็สั่งเผ็ดๆได้ ถือว่าเป็นอีกเมนูที่ดีตามที่พนักงานแนะนำ

จานนี้เป็นเมนูที่ติดดาวสีแดงในใบเมนูสั่งอาหาร พนักงานบอกว่าอันนี้ก็เป็นเมนูแนะนำเหมือนกันค่ะ เลยลองสั่งมาทานนั่นก็คือ "ข้าวผัดคอหมูย่าง" ราคา 160 บาท เป็นข้าวผัดไข่ใส่หอมแขกแดง/พริกสดและต้นหอม ข้าวผัดมาเมล็ดร่วนหอมกลิ่นไหม้กระทะ ใส่เนื้อคอหมูย่างนุ่มๆลงไปผัดในข้าวหอมๆ ทานกับน้ำจิ้มแจ่วรสหวานนำหอมกลิ่นน้ำมะขามเปียกและข้าวคั่วกลายเป็นรสเปรี้ยวนัว/เผ็ดอ่อนๆ ใช้แทนความเปรี้ยวของมะนาวซีกที่ปกติมักจะเสิร์ฟพร้อมกับข้าวผัดแบบร้านอื่น ถือว่าเป็นเมนูอาหารที่เอาจุดเด่นแบบไทยๆมาผสมกันได้ลงตัวมากครับ เมนูถัดมาเกิดอยากซดซุปร้อนๆเผ็ดๆ เลยสั่งเป็น"ต้มยำกุ้ง"ราคา 200 บาท เมนูนี้ไม่มีในใบเมนูหลักของที่ร้าน เลยทำการสอบถามกับน้องพนักงานแล้วในครัวก็จัดมาให้ เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นที่ให้กุ้งตัวใหญ่มากๆ และน้ำซุปหอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรไทยมีความเปรี้ยว/หวาน/มันแต่ไม่ค่อยเผ็ด เป็นรสชาติที่ทานได้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซดร้อนๆแล้วรู้สึกสดชื่นดีครับ

สั่งมาแต่ของกินที่เป็นจานหนักๆสั่งเป็นของทานเล่นมาทานบ้างเริ่มด้วยเมนู Signature ที่อยู่เมนูแรกสุดอย่าง "กุ้งฝอย Assembly Point" ราคา 150 บาท เป็นกุ้งฝอยหรือกุ้งเต้นตัวเล็กๆนำไปปรุงรส/ชุบแป้งบางๆ จากนั้นทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับหอมแดงซอย/พริกแดงซอยและมะนาวซีก ทำการคลุกทุกอย่างให้เข้ากันแล้วบีบมะนาวสดลงไป จะได้ยำกุ้งฝอยกรอบๆรสเค็มอ่อนๆ เปรี้ยวจี๊ดน้ำมะนาวสด/ตัดด้วยความเผ็ดของพริก/สดชื่นกลิ่นหอมแดง เหมาะแก่การเป็นกับแกล้มสุดๆครับ อีก 1 เมนูทานเล่นติดดาวสีแดง"แฮกึ๋นสดทอด"ราคา 150 บาทเป็นเนื้อกุ้งบดปรุงรสห่อเต้าหู้ทอดกรอบสไตล์จีน (คล้ายกับติ่มซำทอดตามภัตตาคารอาหารจีน) จุดเด่นของจานนี้ก็คือกุ้งบดมาเนื้อแน่นมาก สู้ฟันหนึบหนับเหมือนเคี้ยวลูกชิ้นกุ้งเนื้อแน่นๆหอมกลิ่นเครื่องเทศ 3 เกลอ (รากผักชี/พริกไทย/กระเทียม)และน้ำมันงา เพิ่มความอร่อยด้วยน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยรสเปรี้ยวหวาน ใครชอบกุ้งต้องชอบจานนี้แน่ๆครับ

ส่วนจานนี้ก็เป็นอีกจานที่ติดดาวในเล่มเมนูมันคือ"ลูกชิ้นรวมทอด" แต่พอมาจริงมีแค่ลูกชิ้นปลารักบี้ทอดกรอบอย่างเดียวนี่นา คิดในใจว่าอาหารแบบนี้หากินตามรถขายลูกชิ้นปลาทอดหน้าโรงเรียนก็ได้ ตัวลูกชิ้นทอดมากรอบทั่วถึงกันทั้งชิ้นไม่มีกรอบนอกนุ่มใน แต่จุดที่ทำให้มันแตกต่างคือน้ำจิ้มซอสมะขามเปียกรสชาติเข้มข้น ไม่แน่ใจว่าที่ร้านนี้ผสมน้ำพริกเผาลงไปในน้ำจิ้มหรือไม่เพราะมีกลิ่นที่ไม่เหมือนร้านรถเข็นทั่วไป เอาเป็นว่าอร่อยกว่านั่นเองครับ เห็นกุ้งในยำเมื่อกี้แล้วอยากทานอีกเลยสั่งเป็น"กุ้งแช่น้ำปลา"ราคา 180 บาท เป็นกุ้งกุลาดำตัวโดแบบผ่าหลัง 6 ตัววางอยู่บนกระหล่ำปลี+แครอทซอยและมะระสไลด์ แต่ละชิ้นมีซีกพริก/กระเทียมฝาน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดไทยที่รสชาติเปรี้ยวเผ็ดจัดจ้าน แต่พอมาราดบนกุ้งตัวใหญ่ๆเลยทำให้รสชาติความแซ่บลดลงไปหน่อย แนะนำว่าให้ขอน้ำจิ้มเพิ่มอีก 1 ถ้วยแล้วราดลงไปอีกรอบจะรสชาติกำลังดีเลยครับ กุ้งกุลาดำตัวใหญ่สะใจและเนื้อเด้งเคี้ยวสะใจสุดๆ

ข้าวผัดที่นี่อร่อยดีเลยสั่งมาทานอีกสักจานเป็น "ข้าวผัดพริกสดมันกุ้ง" เป็นอีก 1 เมนู Signature ราคา 180 บาท เป็นข้าวผัดมันกุ้งที่รสชาติเข้มข้นได้กลิ่นมันกุ้งในทุกๆคำ เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกสีแดงหั่นสด / เพิ่มความหอมด้วยหอมแดงสไลด์และเพิ่มความเปรี้ยวด้วยมะนาวสด จนทำให้ข้าวผัดมันกุ้งที่ดูเหมือนจะมัน/เลี่ยนกลายเป็นรสชาติครบรสลงตัวรวมถึงยังให้กุ้งตัวใหญ่ระดับเดียวกับที่ใส่ในต้มยำกุ้ง ถ้าให้เทียบกับข้าวผัดคอหมูย่างจานที่แล้วพวกเราลงมติกันว่าจานนี้ดีงามกว่าครับ เมนูอาหารคาวจานสุดท้ายคือ "เนื้อย่างเสือร้องไห้" ราคา 180 บาท เนื้อวัวส่วน Brisket ติดมันนำไปย่างจนสุกได้กลิ่นหอมของถ่านอ่อนๆ (ถ้าย่างด้วยไฟแรงเกรียมนอกฉ่ำในน่าจะอร่อยกว่านี้) ทานกับน้ำจิ้มแจ่วมะขามแบบเดียวกับที่ทานกับข้าวผัดคอหมูย่างจานแรกๆ รสชาติโดยรวมแล้วก็ถือว่าพอใช้ครับ