ขออณุญาติแชร์ความรู้สึก และ รูปภาพ ซึ่งยกบางประโยคในเว็ปมาแชร์ และเขียนใหม่ต้องขออณุญาติเจ้าของวลี บางวลีในรูปภาพ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ไม่มีใครที่จะสมหวังในเรื่องราวของความรักกันทุกคนจริงไหม?
เรื่องราวกับการที่เราแอบรักฝ่ายเดียวนั้นมัน เกินกว่าจะบรรยาย ซึ่งใครที่ไม่เจอกับตัว อาจไม่เข้า
ใจ ความรู้สึกที่เราเป็น
ในความรู้สึกและความเป็นจริงของเรา
สำหรับคนๆนั้นเราเอง มักจะหนักขวาเสมอ หรือ พร้อมรับสายโดยที่ไม่เคยคิดจะลังเล แม้เราจะยุ่งขนาดไหนก็ตาม หรือ รีบติดต่อกลับทันมีเมื่อ รู้ว่าเขาทักหรือ มิสคอล มา
เราพยามทุ่มเท ให้เขาไม่ว่าจะเรื่อง งานเรื่องเรียน หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เราพยาม ช่วยเขาได้ ในบางครั้งเรื่องที่ช่วย หรือทำให้เขานั้น มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเราจะ ทำได้แต่เราก็พยามทำ จริงไหม
ยิ่งเป็นรักที่ เทให้ฝ่ายเดียว เทให้จน ลืมรู้สึกว่าตัวเอง ไม่ได้มีค่าขึ้นมา ไม่มีตัวตนในสายตาของเขาในยามปกติ หรือ ยามเขาเดือดร้อน หรือจนสุดท้าย กลายเป็น ว่า เทให้จนไม่คาดหวังความรักจากเขา.
เพียงแต่...
ขอแค่เป็น ส่วนนึงในชีวิตเขา แม้จะซีกเดียว
หรือเศษเสี้ยวที่เขาเห็นเรามีตัวตนบ้าง ตอบแชทเรา หรือคุยกับเรา หรือปรึกษาเรา
ในช่วงสั้นๆ หรือแค่คุยกัน เพียงประโยคไม่กี่ประโยค เราเองก็ดีใจแล้ว
บางครั้งรู้ทั้งรู้ ว่าตัวเลือกในใจเขา ไม่มีเราเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมเรากลับยังยืนอยู่ในจุดที่อยากพยามให้เขามองเห็นเรา พยามทำตัวให้เขารู้ว่า เราเองไม่ได้มาหรือเข้าหาเพื่อเป็นตัวเลือกของเขา หรอกนะ แต่เชื่อผมเถอะ อันที่จริง รอยยิ้ม มันปกปิด แววตาที่สื่อถึงความรู้สึกที่เรามีให้เขาไม่ได้หรอก นะ
ในบางครั้ง เราเห็นเขากำลัง ชอบ หรือ รักใคร หรือโพส อะไรหาใครสักคน แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่เรา ถึงแม้เราจะกด Like กด Love หรือ กดWow หรือคอมเม้น แต่ เธอจะรู้ไหมว่า มีคนนึง ที่แอบเจ็บปวดอยู่ลึกๆโดยไม่บอกให้เธอรู้..
เราเองมักจะแชร์ รูปบางรูป วลีบางวลี หรือ แค๊ปชั่น จากเพจหลายเพจ แค๊ปชั้นที่มีความหมายทำนองคลุมเคลือ หรือ สื่ออารมณ์ รักและคิดถึงเขา ของเราเองที่แชร์ ในตอนนี้ กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่เราแชร์ หรือโพส หรือในสตอรี่ แม้แต่กดดู หรือ คอมเม้นท์ แม้กระทั่งไลค์ ยังไม่มี จากเขาคนนั้นเลย แต่ที่เจ็บกว่า คือ เขาเห็นแต่กลับไม่ได้ยินดียินร้าย ปัดเลื่อนหน้าจอ เหมือน กับว่า เราเองไม่มีตัวตนเดียวกับ ภพภูมิเดียวกับเธอ555+
จนในบางครั้ง...
เมื่อเราเริ่มเหนื่อยเริ่มท้อแต่เรานั้นไม่สามารถ บอกเขาไม่ได้ เราเอง จะคุยหรือปรึกษาใครสักคน หรือระบาย ลงใน Socail หรือ Pantip
และแอบคาดหวังว่าความในใจของเรา วันนึง จะลอยเข้าไปให้เขาได้ยินได้เห็นบ้าง เพราะ เราเองไม่กล้าบอกกับเขา นั่นเอง...
หลายคน บอกให้ทำใจ หลายๆ คนบอก ให้รักตัวเอง แต่มัน ไม่ง่ายเลย ให้ตายเถอะ เพราะ ใบหน้าเธอ มันช่างชัดเจนมากจริงๆ มีหลายๆคนบอกรักคือการทำให้เขามีความสุข และ ยิ้มให้กับมัน เพราะสิ่งที่เราพยามแสดง และ ทำให้เขา อาจเป็นสิ่งที่เรา ไม่ถนัด แต่พยามจะทำให้ เพื่อให้เขา รู้สึกOK เพื่อให้เขาหัวเราะ แม้ว่า จะเป็นเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆก็ยังดี. แต่เชื่อว่า หลายๆรอยยิ้ม ที่เราพยามทำและแสดงออกมา กลับซ่อนคราบ น้ำตา และ ความเจ็บปวดเอาไว้
ดังเช่น
เรื่องราวของ สตูเนื้อ..
บ่ายวันหนึ่ง คุณบอกกับผมว่าคุณอยากทำสตูเนื้อ เลี้ยง เป็น Dinner เล็กๆให้กับเพื่อนๆ ใน ออฟฟิศ โดยซึ่งคุณเองทำอาหาร แทบจะไม่เป็น นี่นา.. ok ไม่เป็นไรผมจะช่วยคุณเอง
เริ่มจากผม ช่วยคุณ ซื้อของ เตรียม อาหาร ที่ Supper Market ช่วยเป็นพี่เลี้ยงยกของ ให้
หลังจากได้ของที่จะทำสตูเนื้อแล้ว
ในครัว ผมยืนอยู่ข้างๆคุณ เป็นพี่เลี้ยงช่วยคุณทำอาหาร จะคอยเพียง กำกับ แหละหยิบจับ ของ ให้ เพื่อ ให้สตูเนื้อ มื้อนี้เป็น สตูที่มาจากฝีมือเธอ
เมื่อคราวที่ต้องหั่นเนื้อ คุณเอ่ยปากขอมีด ผมก็ระมัดระวัง หยิบมีด ยืนด้ามให้คุณจับ และคุณรับมีดไปเพื่อหั่นเนื้อ ขณะที่คุณรับมีดและดึงจากมือผมไป ด้านคมนั้นกลับบาดลึก มือที่ผมใช้จับมีด โดยที่คุณเองไม่รู้ตัว และผมเองก็ไม่ได้แสดงออกว่าเจ็บอะไร คุณเองตั้งใจบรรจง หั่นเนื้อ และปรุงอาหาร โดยที่ผม เป็นพี่เลี้ยง ทำอาหารช่วยคุณต่อไปจนในที่สุด กลิ่นของสตู และ ก็เริ่มโชย
จากใบหน้าที่จริงจังใจการทำสตู เริ่มปรากฏรอยยิ้ม ของเธอออกมา มันช่างสดใส และน่ารักมากจริงๆ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติ และยินดี
คุณดีใจมาก ที่สตูออกมาดี สมกับความตั้งใจ ที่คุณ พยามทำมันออกมา คุณยิ้มมองสตู และเปรยพูดกับผมว่า เขาคนนั้น กินแล้วจะต้องชอบแน่ๆ
ผมรู้ครับว่าคนๆนั้นไม่ใช่ผมแน่นอน เมื่อได้ยินประโยคนั้น รอยยิ้มของผม มันช่างยากเหลือเกินที่จะพยามคงสภาพยิ้มต่อไป แต่ผมเองก็ต้อง ยิ้มต่อไป
เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ออฟฟิศเล็กๆแห่งนึง อบอวนไปด้วย กลิ่นสตูที่หอมหวาน และที่สำคัญ เป็นสตูที่ คุณตั้งใจทำมันออกมา เพื่อทุกคนและใครอีกคน..
ผมเองช่วยเสริฟสตู ไปที่โต๊ะ และ ทุกๆคนก็ห้อมล้อมและได้ลองชิม ฝีมือสตู ของเธอ ทุกคนต่างชื่นชม และผมเอง ชูนิ้วโป้งและ ก็ชื่นชมด้วยเช่นกันเพราะผมทำอาหารเป็นและเธอถือว่ามือใหม่ แต่ครั้งคุณทำออกมาดีมากจริงๆ ผมกล่าวและยิ้มให้ เธอ ยิ้มรับและขอบคุณผม
คุณมีความสุขมากที่ทุกคน มีความสุขกับสตูของคุณ และคนๆคนนั้น ชื่นชมคุณเพียงสั้นๆ รอยยิ้มของคุณ ช่างแจ่มใสบวกเขินหน่อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่เธอ มีความสุขมากเหลือเกินจริงๆ แต่มันไม่ได้มาจาก การชื่นชมของผม แต่เป็นเขาที่ทำให้เธอมีความสุข
แต่แล้วเธอก็หันมาให้เครติดกับผม แล้วบอกว่าผมเองเป็น พี่เลี้ยง ที่ทำให้เธอทำสตูในครั้งนี้สำเร็จ และเธอ ภูมิใจมากเธอกล่าว ผมเองรู้ว่าเธอกล่าวมาถึงผมเพื่อ ปกปิดแก้เขินกับคำชมของเขาคนนั้น ที่เธอจะแสนปิติ
ผมเองยิ้มให้กับเขาและเธอ และได้แต่เพียง บอกว่า ช่วยเธอเพียง หยิบจับของ เธอเป็นคนปรุงแต่งอาหาร ทั้งหมด และผมเองก็ยกนิ้วโป้งให้พร้อมกับรอยยิ้ม ที่ลึกๆแล้วแสนจะเจ็บปวด
ในบรรยากาศ ของการทานอาหาร สตูนั้นเป็นสตูที่อร่อยถึงแม้เธอจะเป็นแม่ครัว ฝึกหัดแต่ เธอทำออกมาดีมาก แต่แล้วทำไม ผมกลับเคี้ยวและทานไม่ลง ทำไมถึงรู้สึกจุกแปลกๆ
เธอจะรับรู้ไหม ในวงอาหาร มีคนที่พยามมองเธอแต่คอยหลบสายตา เธอรับรู้บ้างไหม นิ้วโป้งที่ชูให้และมือที่ยกมา มีบาดแผลแห่งความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ เธอรับรู้ไหมว่า แววตา และ รอยยิ้มของใครคนนึง ในแววตา กำลังจะเอ่อล้นด้วยน้ำตา ที่เริ่มจะไหลเข้ามา ภายใต้บรรยากาศแห่งความสุข กลับ มีใครอีกคน ที่กำลังเจ็บปวด โดยที่เธอไม่รู้ตัว
และสตูมื้อนั้นเป็น สตูที่เป็นสะพานทำให้เธอ ได้รู้จักเขาคนนั้นและใกล้ชิดกัน จนความสัมพันธ์ ของเธอและเขา มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกๆครั้งที่เธอพูดถึงสตูและขอบคุณผม และคุณแอบบอกว่า เพราะสตูที่ผมได้สอนเธอ มันทำให้เธอได้เจอสิ่งดีๆ.
ทุกประโยคที่เทอกล่าว มันช่างเจ็บและเสียดแทงความรู้สึก แต่ภายใต้ความรู้สึก คือ การยิ้มและตื่นเต้นไปกับเธอด้วยเช่นกัน และเมื่อผมต้องหันหลังให้กับเธอ มันคือลมหายใจแผ่วๆ อุ่นๆ ที่พร้อมผม อยากจะปลดปล่อยไปกับ น้ำตาที่มัน มารวมตัวกัน กับความรู้สึกที่ผมไม่สามารถบอกใครได้เลย..
มันเจ็บปวดใช่ไหมละ ที่ต้องซ่อนความรู้สึก พร้อมกับเข้าใจไปพร้อมกันว่า มันคือ
“ความรักที่เป็นไปไม่ได้”
รักที่เป็นไปไม่ได้
ไม่มีใครที่จะสมหวังในเรื่องราวของความรักกันทุกคนจริงไหม?
เรื่องราวกับการที่เราแอบรักฝ่ายเดียวนั้นมัน เกินกว่าจะบรรยาย ซึ่งใครที่ไม่เจอกับตัว อาจไม่เข้า
ใจ ความรู้สึกที่เราเป็น
ในความรู้สึกและความเป็นจริงของเรา
สำหรับคนๆนั้นเราเอง มักจะหนักขวาเสมอ หรือ พร้อมรับสายโดยที่ไม่เคยคิดจะลังเล แม้เราจะยุ่งขนาดไหนก็ตาม หรือ รีบติดต่อกลับทันมีเมื่อ รู้ว่าเขาทักหรือ มิสคอล มา
เราพยามทุ่มเท ให้เขาไม่ว่าจะเรื่อง งานเรื่องเรียน หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เราพยาม ช่วยเขาได้ ในบางครั้งเรื่องที่ช่วย หรือทำให้เขานั้น มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเราจะ ทำได้แต่เราก็พยามทำ จริงไหม
ยิ่งเป็นรักที่ เทให้ฝ่ายเดียว เทให้จน ลืมรู้สึกว่าตัวเอง ไม่ได้มีค่าขึ้นมา ไม่มีตัวตนในสายตาของเขาในยามปกติ หรือ ยามเขาเดือดร้อน หรือจนสุดท้าย กลายเป็น ว่า เทให้จนไม่คาดหวังความรักจากเขา.
เพียงแต่...
ขอแค่เป็น ส่วนนึงในชีวิตเขา แม้จะซีกเดียว
หรือเศษเสี้ยวที่เขาเห็นเรามีตัวตนบ้าง ตอบแชทเรา หรือคุยกับเรา หรือปรึกษาเรา
ในช่วงสั้นๆ หรือแค่คุยกัน เพียงประโยคไม่กี่ประโยค เราเองก็ดีใจแล้ว
บางครั้งรู้ทั้งรู้ ว่าตัวเลือกในใจเขา ไม่มีเราเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมเรากลับยังยืนอยู่ในจุดที่อยากพยามให้เขามองเห็นเรา พยามทำตัวให้เขารู้ว่า เราเองไม่ได้มาหรือเข้าหาเพื่อเป็นตัวเลือกของเขา หรอกนะ แต่เชื่อผมเถอะ อันที่จริง รอยยิ้ม มันปกปิด แววตาที่สื่อถึงความรู้สึกที่เรามีให้เขาไม่ได้หรอก นะ
ในบางครั้ง เราเห็นเขากำลัง ชอบ หรือ รักใคร หรือโพส อะไรหาใครสักคน แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่เรา ถึงแม้เราจะกด Like กด Love หรือ กดWow หรือคอมเม้น แต่ เธอจะรู้ไหมว่า มีคนนึง ที่แอบเจ็บปวดอยู่ลึกๆโดยไม่บอกให้เธอรู้..
เราเองมักจะแชร์ รูปบางรูป วลีบางวลี หรือ แค๊ปชั่น จากเพจหลายเพจ แค๊ปชั้นที่มีความหมายทำนองคลุมเคลือ หรือ สื่ออารมณ์ รักและคิดถึงเขา ของเราเองที่แชร์ ในตอนนี้ กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่เราแชร์ หรือโพส หรือในสตอรี่ แม้แต่กดดู หรือ คอมเม้นท์ แม้กระทั่งไลค์ ยังไม่มี จากเขาคนนั้นเลย แต่ที่เจ็บกว่า คือ เขาเห็นแต่กลับไม่ได้ยินดียินร้าย ปัดเลื่อนหน้าจอ เหมือน กับว่า เราเองไม่มีตัวตนเดียวกับ ภพภูมิเดียวกับเธอ555+
จนในบางครั้ง...
เมื่อเราเริ่มเหนื่อยเริ่มท้อแต่เรานั้นไม่สามารถ บอกเขาไม่ได้ เราเอง จะคุยหรือปรึกษาใครสักคน หรือระบาย ลงใน Socail หรือ Pantip
และแอบคาดหวังว่าความในใจของเรา วันนึง จะลอยเข้าไปให้เขาได้ยินได้เห็นบ้าง เพราะ เราเองไม่กล้าบอกกับเขา นั่นเอง...
หลายคน บอกให้ทำใจ หลายๆ คนบอก ให้รักตัวเอง แต่มัน ไม่ง่ายเลย ให้ตายเถอะ เพราะ ใบหน้าเธอ มันช่างชัดเจนมากจริงๆ มีหลายๆคนบอกรักคือการทำให้เขามีความสุข และ ยิ้มให้กับมัน เพราะสิ่งที่เราพยามแสดง และ ทำให้เขา อาจเป็นสิ่งที่เรา ไม่ถนัด แต่พยามจะทำให้ เพื่อให้เขา รู้สึกOK เพื่อให้เขาหัวเราะ แม้ว่า จะเป็นเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆก็ยังดี. แต่เชื่อว่า หลายๆรอยยิ้ม ที่เราพยามทำและแสดงออกมา กลับซ่อนคราบ น้ำตา และ ความเจ็บปวดเอาไว้
ดังเช่น
เรื่องราวของ สตูเนื้อ..
บ่ายวันหนึ่ง คุณบอกกับผมว่าคุณอยากทำสตูเนื้อ เลี้ยง เป็น Dinner เล็กๆให้กับเพื่อนๆ ใน ออฟฟิศ โดยซึ่งคุณเองทำอาหาร แทบจะไม่เป็น นี่นา.. ok ไม่เป็นไรผมจะช่วยคุณเอง
เริ่มจากผม ช่วยคุณ ซื้อของ เตรียม อาหาร ที่ Supper Market ช่วยเป็นพี่เลี้ยงยกของ ให้
หลังจากได้ของที่จะทำสตูเนื้อแล้ว
ในครัว ผมยืนอยู่ข้างๆคุณ เป็นพี่เลี้ยงช่วยคุณทำอาหาร จะคอยเพียง กำกับ แหละหยิบจับ ของ ให้ เพื่อ ให้สตูเนื้อ มื้อนี้เป็น สตูที่มาจากฝีมือเธอ
เมื่อคราวที่ต้องหั่นเนื้อ คุณเอ่ยปากขอมีด ผมก็ระมัดระวัง หยิบมีด ยืนด้ามให้คุณจับ และคุณรับมีดไปเพื่อหั่นเนื้อ ขณะที่คุณรับมีดและดึงจากมือผมไป ด้านคมนั้นกลับบาดลึก มือที่ผมใช้จับมีด โดยที่คุณเองไม่รู้ตัว และผมเองก็ไม่ได้แสดงออกว่าเจ็บอะไร คุณเองตั้งใจบรรจง หั่นเนื้อ และปรุงอาหาร โดยที่ผม เป็นพี่เลี้ยง ทำอาหารช่วยคุณต่อไปจนในที่สุด กลิ่นของสตู และ ก็เริ่มโชย
จากใบหน้าที่จริงจังใจการทำสตู เริ่มปรากฏรอยยิ้ม ของเธอออกมา มันช่างสดใส และน่ารักมากจริงๆ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติ และยินดี
คุณดีใจมาก ที่สตูออกมาดี สมกับความตั้งใจ ที่คุณ พยามทำมันออกมา คุณยิ้มมองสตู และเปรยพูดกับผมว่า เขาคนนั้น กินแล้วจะต้องชอบแน่ๆ
ผมรู้ครับว่าคนๆนั้นไม่ใช่ผมแน่นอน เมื่อได้ยินประโยคนั้น รอยยิ้มของผม มันช่างยากเหลือเกินที่จะพยามคงสภาพยิ้มต่อไป แต่ผมเองก็ต้อง ยิ้มต่อไป
เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ออฟฟิศเล็กๆแห่งนึง อบอวนไปด้วย กลิ่นสตูที่หอมหวาน และที่สำคัญ เป็นสตูที่ คุณตั้งใจทำมันออกมา เพื่อทุกคนและใครอีกคน..
ผมเองช่วยเสริฟสตู ไปที่โต๊ะ และ ทุกๆคนก็ห้อมล้อมและได้ลองชิม ฝีมือสตู ของเธอ ทุกคนต่างชื่นชม และผมเอง ชูนิ้วโป้งและ ก็ชื่นชมด้วยเช่นกันเพราะผมทำอาหารเป็นและเธอถือว่ามือใหม่ แต่ครั้งคุณทำออกมาดีมากจริงๆ ผมกล่าวและยิ้มให้ เธอ ยิ้มรับและขอบคุณผม
คุณมีความสุขมากที่ทุกคน มีความสุขกับสตูของคุณ และคนๆคนนั้น ชื่นชมคุณเพียงสั้นๆ รอยยิ้มของคุณ ช่างแจ่มใสบวกเขินหน่อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่เธอ มีความสุขมากเหลือเกินจริงๆ แต่มันไม่ได้มาจาก การชื่นชมของผม แต่เป็นเขาที่ทำให้เธอมีความสุข
แต่แล้วเธอก็หันมาให้เครติดกับผม แล้วบอกว่าผมเองเป็น พี่เลี้ยง ที่ทำให้เธอทำสตูในครั้งนี้สำเร็จ และเธอ ภูมิใจมากเธอกล่าว ผมเองรู้ว่าเธอกล่าวมาถึงผมเพื่อ ปกปิดแก้เขินกับคำชมของเขาคนนั้น ที่เธอจะแสนปิติ
ผมเองยิ้มให้กับเขาและเธอ และได้แต่เพียง บอกว่า ช่วยเธอเพียง หยิบจับของ เธอเป็นคนปรุงแต่งอาหาร ทั้งหมด และผมเองก็ยกนิ้วโป้งให้พร้อมกับรอยยิ้ม ที่ลึกๆแล้วแสนจะเจ็บปวด
ในบรรยากาศ ของการทานอาหาร สตูนั้นเป็นสตูที่อร่อยถึงแม้เธอจะเป็นแม่ครัว ฝึกหัดแต่ เธอทำออกมาดีมาก แต่แล้วทำไม ผมกลับเคี้ยวและทานไม่ลง ทำไมถึงรู้สึกจุกแปลกๆ
เธอจะรับรู้ไหม ในวงอาหาร มีคนที่พยามมองเธอแต่คอยหลบสายตา เธอรับรู้บ้างไหม นิ้วโป้งที่ชูให้และมือที่ยกมา มีบาดแผลแห่งความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ เธอรับรู้ไหมว่า แววตา และ รอยยิ้มของใครคนนึง ในแววตา กำลังจะเอ่อล้นด้วยน้ำตา ที่เริ่มจะไหลเข้ามา ภายใต้บรรยากาศแห่งความสุข กลับ มีใครอีกคน ที่กำลังเจ็บปวด โดยที่เธอไม่รู้ตัว
และสตูมื้อนั้นเป็น สตูที่เป็นสะพานทำให้เธอ ได้รู้จักเขาคนนั้นและใกล้ชิดกัน จนความสัมพันธ์ ของเธอและเขา มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกๆครั้งที่เธอพูดถึงสตูและขอบคุณผม และคุณแอบบอกว่า เพราะสตูที่ผมได้สอนเธอ มันทำให้เธอได้เจอสิ่งดีๆ.
ทุกประโยคที่เทอกล่าว มันช่างเจ็บและเสียดแทงความรู้สึก แต่ภายใต้ความรู้สึก คือ การยิ้มและตื่นเต้นไปกับเธอด้วยเช่นกัน และเมื่อผมต้องหันหลังให้กับเธอ มันคือลมหายใจแผ่วๆ อุ่นๆ ที่พร้อมผม อยากจะปลดปล่อยไปกับ น้ำตาที่มัน มารวมตัวกัน กับความรู้สึกที่ผมไม่สามารถบอกใครได้เลย..
มันเจ็บปวดใช่ไหมละ ที่ต้องซ่อนความรู้สึก พร้อมกับเข้าใจไปพร้อมกันว่า มันคือ
“ความรักที่เป็นไปไม่ได้”