สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไปทานโอมากาเสะที่ร้าน “Mono Sei” กับพี่ที่ทำงาน เห็นบอกว่าเป็นร้านเปิดใหม่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพี่เขาเลยอยากลองไปทานดู เพราะเป็นคออาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว ร้านตั้งอยู่ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ติดสถานีชิดลมเลยค่ะ เดินทางสะดวกมาก ๆ แต่ก่อนที่จะเข้าไปรับประทานได้ เราต้องทำการจองเพื่อเช็คคิวของทางร้านก่อนนะคะ
พอมาถึงหน้าร้านจะเห็นไม้ไผ่ซีกเรียงกันเป็นแนวยาว และข้างประตูร้านจะมีป้ายชื่อร้านอยู่บนแผ่นหินสีดำขนาดใหญ่ สังเกตได้ง่าย ๆ เลยค่ะ
พอเราเดินเข้ามา ก็จะเป็นเคาน์เตอร์ และมีฉากด้านหลังตกแต่งเป็นร่มอย่างสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายภาพสุดๆ และมีน้อง ๆ พนักงานพาเราเข้าไปยังห้องที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้ให้ค่ะ ทั้งนี้ที่ร้านจะมีอยู่ 2 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งซ้าย และฝั่งขวา แต่คราวนี้เราได้ห้องฝั่งขวามือค่ะ
ในที่สุดก็มาถึงห้องที่เราจะได้ลิ้มลองโอมากาเสะที่เรารอคอย และเชฟที่จะทำอาหารให้เราก็เป็นเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ ด้วยนะคะ
ที่โต๊ะจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทาน พร้อมกับเมนูอาหารที่เราจะได้ทานกันวันนี้ และก่อนจะเริ่มทานจานแรก ก็จะมี Welcome Drink ที่มีรสเปรี้ยว และซ่า สร้างความสดชื่นเพื่อเตรียมพร้อมก่อนรับประทานอาหารค่ะ
จานแรกนี้เป็นเมนูเบา ๆ เพื่อเรียกน้ำย่อย เสิร์ฟพร้อมกัน 3 เมนู
- Agedashi Goma Tofu หรือเต้าหู้งาทอด เต้าหู้มีความนุ่มนิ่ม และมีรสอ่อน ๆ ของงา ทานแล้วแทบละลายในปากเลยค่ะ
- Jagaimo to Beats on Reisei soup ซุปสีชมพู ที่มีรสชาติคล้ายกับซุปเห็ด หรือซุปข้าวโพด แต่จะมีความเบาบางกว่า
- Maguro no Nitsuke จะเป็นเนื้อปลาทูน่าที่อยู่ในซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
จานที่ 2 Nama Kaki
เป็นหอยนางรมสด ๆ จากอิวาเตะ อยู่ในน้ำซอส Vinegar กินแล้วสดชื่น
จานที่ 3 Tsukuri
เป็นซาชิมิ ที่มีทั้งกุ้งหวาน ปลาคิมเมะได และปลาฮิราเมะ ซึ่งในส่วนของปลาคิมเมะได จะมีการเบิร์นหนังปลาเล็กน้อย ทำให้มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น ส่วนกุ้งหวานและฮิราเมะ เนื้อมีรสหวาน ทานง่าย ไม่มีกลิ่นคาวค่ะ
จานที่ 4 Ankimo
เมนูนี้ทำมาจากตับปลาอังโกะ ซึ่งเป็นปลาน้ำลึก ผิวสัมผัสมีความละเอียดคล้ายเนื้อครีม รสหวาน เมื่อทานเข้าไปแล้วจะละลายในปากทันที
จานที่ 5 Kegani
ปูขนตัวใหญ่ บินตรงมาจากฮอกไกโด หาทานได้เฉพาะฤดูนี้เท่านั้น ด้านบนราดด้วยมันปู และมีซอส Vinegar ให้ค่ะ เสิร์ฟพร้อมกับไข่ตุ๋น ที่มีส่วนผสมของปูขน นิ่มและหอมสุดๆ
จานที่ 6 Anago Tempura Uni Caviar Nose
ปลาไหลทอดแบบเทมปุระ และด้านบนมีอูนิกับคาเวียร์ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปที่ใช้ทานคู่กับเทมปุระ ทั้งสามอย่างเมื่อทานพร้อมกันแล้ว รสชาติเสริมกันดีมาก และไม่มีกลิ่นคาว อูนินี่ละลายหายไปในปากเลยค่ะ
จานที่ 7 Yuzu Sherbet
อยากจะบอกว่า กรี๊ดกร๊าดสิ่งนี้มาก ๆ มีรสส้มยูซุชัดเจน ทานแล้วสดชื่นสุด ๆ เป็นการเคลียร์รสอาหารที่อยู่ในปากได้ดีมาก ๆ ค่ะ อยากจะขอเพิ่มอีกสัก 3 ลูกแต่เกรงใจเชฟ
จานที่ 8 Madai
ซูชิปลามาได ด้านบนครอปด้วยเจลลี่ยูซุ เนื้อปลามีรสหวาน ผสมกับกลิ่นส้มอ่อน ๆ จากเจลลี่
จานที่ 9 Akami Zuke
เป็นซูชิอากามิ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปลาทูน่า และเป็นส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุด
จานที่ 10 Kohada
ซูชิปลาโคฮาดะ ด้านบนโรยด้วยเปลือกส้มยูซุ ไร้กลิ่นคาวและกินง่ายอีกเช่นเคยค่ะ
จานที่ 11 Isaki
ซูชิปลาอิซากิ แอบชอบซูชิชิ้นนี้เป็นพิเศษ เพราะความเข้ากันของเนื้อปลา หอม และบ๊วย อธิบายรสชาติไม่ถูก แต่เอาเป็นว่าถูกใจค่ะ
จานที่ 12 Aburi Nodoguro Kodonburi
หรือเรียกว่าปลากะพงคอดำ ในส่วนของเนื้อปลาจะนำไปย่างก่อน เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และใส่ลงไปในน้ำซุปที่เคี้ยวจากกระดูกปลา จึงทำให้มีความหวานเป็นพิเศษ และข้างใต้เนื้อปลาจะมีข้าวอยู่เล็กน้อยค่ะ
จานที่ 13 Mushi Awabi
เป็นหอยเป่าหื้อนึ่ง ที่เคี้ยวง่ายมาก ๆ เลย ไม่เหนียวเลย เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้ม 2 แบบ แบบแรกเป็นน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมของตับเป่าหื้อกับไข่แดง ซึ่งจะมีรสชาติอ่อน และมันนิด ๆ ส่วนแบบที่สอง เป็นตับเป่าหื้อผสมกับสาหร่าย จะมีรสชาติเข้มข้นกว่าแบบแรก และมีรสสาหร่ายผสมอยู่เล็กน้อย ส่วนตัวแล้ว เราชอบน้ำจิ้มแบบผสมสาหร่ายนะ แต่พี่ที่มาด้วยชอบแบบไข่แดงค่ะ
จานที่ 14 Taraba Kani (King Crab)
เป็นเนื้อปูเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้ม 2 แบบค่ะ แบบแรกเป็นซอส Ponzu ที่มีรสออกเปรี้ยว และแบบที่สองเป็นซอสงา ส่วนตัวชอบแบบซอส Ponzu ค่ะ
จานที่ 15 Hotate Isobe Yaki
เป็นหอยเชลล์ย่างห่อด้วยสาหร่าย เมนูนี้ต้องรีบทานก่อนที่สาหร่ายจะไม่กรอบนะคะ พอทานเข้าไปแล้ว ในปากนี่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสาหร่ายและหอยเชลล์เลยทีเดียว แต่ต้องบอกก่อนว่า เราเป็นคนไม่ทานเนื้อ ดังนั้น จึงได้ทานเมนูนี้แทนนะคะ หากใครที่ทานเนื้อจะเป็นเมนู Maysuzaka Gyu no Shabu Shabu เพราะพี่ที่มาด้วยเป็นสายเนื้อ ก็เลยขอถ่ายรูปมาให้ดูกัน สังเกตจากสีหน้าของพี่แล้ว ดูจะฟินมากกกก
จานที่ 16 Mozuku Su
สาหร่ายหนังปลามูซึกุสึ พร้อมกับมันปลาญี่ปุ่น และไข่ปลาแซลม่อน เมนูนี้ไม่ต้องเคี้ยวเลย ไหลลื่นลงคออย่างรวดเร็ว และสร้างความสดชื่นภายในปากด้วยค่ะ
จานที่ 17 Otoro
เมนูนี้คงไม่ต้องบรรยายใด ๆ เพราะคนทานซูชิต้องรู้จักกันดีอยู่แล้วเนอะ ฟินเฟร่อ
จานที่ 18 Uni
มุราซากิ อูนิ จากแบรนด์ฮาดาเตะ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความพรีเมี่ยม รสหวาน ไร้กลิ่นคาว
จานที่ 19 Anago
ปลาไหลทะเลย่าง ราดด้วยซอสหวานสูตรพิเศษของทางร้าน มีกลิ่นหอมค่ะ
จานที่ 20 Shiro Ebi
กุ้งขาวตัวน้อย ที่ตอนแรกดูไม่ออกว่าเป็นกุ้งเลย เพราะตัวเล็กสมชื่อ อยู่ในแก้วค๊อกเทลที่มีทั้งข้าวผสมกับปูขน ไข่ปลาคาเวียร์ อูนิ ไข่ปลาแซลม่อน ราดซอสเล็กน้อย และติดแผ่นทองคำบริสุทธิ์ด้านบน รสชาติจะเค็มๆ และตัดรสด้วยข้ามผสมปูขน ทำให้มีความลงตัวพอดีค่ะ
จานที่ 21 Lobster
เป็นข้าวและมีเนื้อล็อบสเตอร์วางอยู่ด้านบน เสิร์ฟพร้อมกับซุปมิโสะ เนื้อล็อบสเตอร์มีความเด้งกรอบสุด ๆ รู้เลยว่าเนื้อสดมาก และในส่วนของซุปมิโสะ มีส่วนผสมของไข่และเนื้อล็อบสเตอร์ รสหวานและหอม ทานแล้วอุ่นท้องดีค่ะ
จานที่ 22 Maki roll
เป็นมากิที่ข้างในเป็นมากุโระสับ และต้นหอม ด้านบนมีบ๊วยเล็ก ๆ วางอยู่ รสชาติเบาๆ ทานสบายๆ ค่ะ
จานที่ 23 Tamagoyaki
จานนี้อร่อยจนต้องร้องขอเพิ่มเลยค่ะ ตอนแรกเห็นนึกว่าเป็นขนมปัง แต่ที่ไหนได้ มันคือไข่หวานจ้า รสชาติคล้ายคัสตาร์ดเค้ก นุ่มและนิ่ม ละมุนสุด ๆ และพี่ที่มาด้วยก็ขอเพิ่มจริง ๆ ด้วย พี่ดูจะปลื้มปริ่มกับเมนูนี้มาก ๆ ยังบอกอีกว่า อยากเอากลับบ้าน
จานที่ 24 Fruit Daifuku
เป็นไดฟุกุที่ข้างในน่าจะเป็นองุ่นไชน์มัสแคทนะคะ ด้วยรสขององุ่นที่มีรสออกเปรี้ยวบวกกับถั่วแดงที่มีรสหวาน ทำให้เคมีเข้ากันมาก ๆ จานนี้เป็นอีกจานที่เราปลื้ม ยิ่งทานคู่กับชาโฮจิฉะแล้ว ยิ่งอร่อยค่ะ
จานที่ 25 Anmitsu
กรีดร้องกับเมนูส่งท้ายยยย เมนูนี้ถือว่าเป็น signature ของร้านนี้เลยค่ะ รสชาติหวานละมุน มีกลิ่นอายของขนมญี่ปุ่นแท้ ๆ ซ่อนอยู่
ถ้าอยากรู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน แนะนำให้มาลองทานกันนะคะ
จบจานสุดท้าย อยากจะบอกว่า ทั้งอิ่มทั้งฟิน แถมเปรมปรีเพราะมีคนเลี้ยง แต่ถ้าเราเป็นคนจ่าย เราก็รู้สึกถึงความคุ้มค่าที่ได้รับนะคะ เพราะวัตถุดิบสดมาก ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย แถมยังได้ลองเมนูใหม่ ๆ ด้วย และทางร้านบอกว่า เมนูอาหารจะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่หาได้จากฤดูนั้น ๆ ซึ่งวัตถุดิบบางชนิดจะต้องเข้าร่วมการประมูลเท่านั้นจึงจะได้มา ทำให้บางท่านที่มาทานในช่วงเวลาที่ต่างกัน เมนูจะไม่เหมือนกันค่ะ
สุดท้ายนี้ขอชมพนักงานที่คอยมาดูแลเราค่ะ น้องยิ้มแย้มสดใสและให้ข้อมูลเรื่องซูชิดีมาก ๆ ถามอะไรก็ตอบได้หมด เราอยากได้ Power Bank เพราะแบตจะหมด น้องยังหามาให้ได้ ขอยกนิ้วให้เลยค่ะ
สำหรับช่องทางในการติดต่อสอบถาม หรือสนใจจองคอร์ส โทรไปที่เบอร์ 094-654-6326 ได้เลยค่ะ แต่หากใครอยากดูข้อมูลของร้านก่อนก็เข้าไปดูที่ Facebook หรือ IG โดยพิมพ์เป็นชื่อร้าน Monosei จะขึ้นมาเลยค่ะ
[CR] [CR] Mono Sei โอมากาเสะพรีเมี่ยมน้องใหม่ย่านชิดลม
พอมาถึงหน้าร้านจะเห็นไม้ไผ่ซีกเรียงกันเป็นแนวยาว และข้างประตูร้านจะมีป้ายชื่อร้านอยู่บนแผ่นหินสีดำขนาดใหญ่ สังเกตได้ง่าย ๆ เลยค่ะ
- Agedashi Goma Tofu หรือเต้าหู้งาทอด เต้าหู้มีความนุ่มนิ่ม และมีรสอ่อน ๆ ของงา ทานแล้วแทบละลายในปากเลยค่ะ
- Jagaimo to Beats on Reisei soup ซุปสีชมพู ที่มีรสชาติคล้ายกับซุปเห็ด หรือซุปข้าวโพด แต่จะมีความเบาบางกว่า
- Maguro no Nitsuke จะเป็นเนื้อปลาทูน่าที่อยู่ในซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
เป็นหอยนางรมสด ๆ จากอิวาเตะ อยู่ในน้ำซอส Vinegar กินแล้วสดชื่น
เป็นซาชิมิ ที่มีทั้งกุ้งหวาน ปลาคิมเมะได และปลาฮิราเมะ ซึ่งในส่วนของปลาคิมเมะได จะมีการเบิร์นหนังปลาเล็กน้อย ทำให้มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น ส่วนกุ้งหวานและฮิราเมะ เนื้อมีรสหวาน ทานง่าย ไม่มีกลิ่นคาวค่ะ
เมนูนี้ทำมาจากตับปลาอังโกะ ซึ่งเป็นปลาน้ำลึก ผิวสัมผัสมีความละเอียดคล้ายเนื้อครีม รสหวาน เมื่อทานเข้าไปแล้วจะละลายในปากทันที
ปูขนตัวใหญ่ บินตรงมาจากฮอกไกโด หาทานได้เฉพาะฤดูนี้เท่านั้น ด้านบนราดด้วยมันปู และมีซอส Vinegar ให้ค่ะ เสิร์ฟพร้อมกับไข่ตุ๋น ที่มีส่วนผสมของปูขน นิ่มและหอมสุดๆ
ปลาไหลทอดแบบเทมปุระ และด้านบนมีอูนิกับคาเวียร์ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปที่ใช้ทานคู่กับเทมปุระ ทั้งสามอย่างเมื่อทานพร้อมกันแล้ว รสชาติเสริมกันดีมาก และไม่มีกลิ่นคาว อูนินี่ละลายหายไปในปากเลยค่ะ
อยากจะบอกว่า กรี๊ดกร๊าดสิ่งนี้มาก ๆ มีรสส้มยูซุชัดเจน ทานแล้วสดชื่นสุด ๆ เป็นการเคลียร์รสอาหารที่อยู่ในปากได้ดีมาก ๆ ค่ะ อยากจะขอเพิ่มอีกสัก 3 ลูกแต่เกรงใจเชฟ
ซูชิปลามาได ด้านบนครอปด้วยเจลลี่ยูซุ เนื้อปลามีรสหวาน ผสมกับกลิ่นส้มอ่อน ๆ จากเจลลี่
เป็นซูชิอากามิ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปลาทูน่า และเป็นส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุด
ซูชิปลาโคฮาดะ ด้านบนโรยด้วยเปลือกส้มยูซุ ไร้กลิ่นคาวและกินง่ายอีกเช่นเคยค่ะ
ซูชิปลาอิซากิ แอบชอบซูชิชิ้นนี้เป็นพิเศษ เพราะความเข้ากันของเนื้อปลา หอม และบ๊วย อธิบายรสชาติไม่ถูก แต่เอาเป็นว่าถูกใจค่ะ
หรือเรียกว่าปลากะพงคอดำ ในส่วนของเนื้อปลาจะนำไปย่างก่อน เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และใส่ลงไปในน้ำซุปที่เคี้ยวจากกระดูกปลา จึงทำให้มีความหวานเป็นพิเศษ และข้างใต้เนื้อปลาจะมีข้าวอยู่เล็กน้อยค่ะ
เป็นหอยเป่าหื้อนึ่ง ที่เคี้ยวง่ายมาก ๆ เลย ไม่เหนียวเลย เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้ม 2 แบบ แบบแรกเป็นน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมของตับเป่าหื้อกับไข่แดง ซึ่งจะมีรสชาติอ่อน และมันนิด ๆ ส่วนแบบที่สอง เป็นตับเป่าหื้อผสมกับสาหร่าย จะมีรสชาติเข้มข้นกว่าแบบแรก และมีรสสาหร่ายผสมอยู่เล็กน้อย ส่วนตัวแล้ว เราชอบน้ำจิ้มแบบผสมสาหร่ายนะ แต่พี่ที่มาด้วยชอบแบบไข่แดงค่ะ
เป็นเนื้อปูเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้ม 2 แบบค่ะ แบบแรกเป็นซอส Ponzu ที่มีรสออกเปรี้ยว และแบบที่สองเป็นซอสงา ส่วนตัวชอบแบบซอส Ponzu ค่ะ
เป็นหอยเชลล์ย่างห่อด้วยสาหร่าย เมนูนี้ต้องรีบทานก่อนที่สาหร่ายจะไม่กรอบนะคะ พอทานเข้าไปแล้ว ในปากนี่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสาหร่ายและหอยเชลล์เลยทีเดียว แต่ต้องบอกก่อนว่า เราเป็นคนไม่ทานเนื้อ ดังนั้น จึงได้ทานเมนูนี้แทนนะคะ หากใครที่ทานเนื้อจะเป็นเมนู Maysuzaka Gyu no Shabu Shabu เพราะพี่ที่มาด้วยเป็นสายเนื้อ ก็เลยขอถ่ายรูปมาให้ดูกัน สังเกตจากสีหน้าของพี่แล้ว ดูจะฟินมากกกก
สาหร่ายหนังปลามูซึกุสึ พร้อมกับมันปลาญี่ปุ่น และไข่ปลาแซลม่อน เมนูนี้ไม่ต้องเคี้ยวเลย ไหลลื่นลงคออย่างรวดเร็ว และสร้างความสดชื่นภายในปากด้วยค่ะ
เมนูนี้คงไม่ต้องบรรยายใด ๆ เพราะคนทานซูชิต้องรู้จักกันดีอยู่แล้วเนอะ ฟินเฟร่อ
มุราซากิ อูนิ จากแบรนด์ฮาดาเตะ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความพรีเมี่ยม รสหวาน ไร้กลิ่นคาว
ปลาไหลทะเลย่าง ราดด้วยซอสหวานสูตรพิเศษของทางร้าน มีกลิ่นหอมค่ะ
กุ้งขาวตัวน้อย ที่ตอนแรกดูไม่ออกว่าเป็นกุ้งเลย เพราะตัวเล็กสมชื่อ อยู่ในแก้วค๊อกเทลที่มีทั้งข้าวผสมกับปูขน ไข่ปลาคาเวียร์ อูนิ ไข่ปลาแซลม่อน ราดซอสเล็กน้อย และติดแผ่นทองคำบริสุทธิ์ด้านบน รสชาติจะเค็มๆ และตัดรสด้วยข้ามผสมปูขน ทำให้มีความลงตัวพอดีค่ะ
เป็นข้าวและมีเนื้อล็อบสเตอร์วางอยู่ด้านบน เสิร์ฟพร้อมกับซุปมิโสะ เนื้อล็อบสเตอร์มีความเด้งกรอบสุด ๆ รู้เลยว่าเนื้อสดมาก และในส่วนของซุปมิโสะ มีส่วนผสมของไข่และเนื้อล็อบสเตอร์ รสหวานและหอม ทานแล้วอุ่นท้องดีค่ะ
เป็นมากิที่ข้างในเป็นมากุโระสับ และต้นหอม ด้านบนมีบ๊วยเล็ก ๆ วางอยู่ รสชาติเบาๆ ทานสบายๆ ค่ะ
จานนี้อร่อยจนต้องร้องขอเพิ่มเลยค่ะ ตอนแรกเห็นนึกว่าเป็นขนมปัง แต่ที่ไหนได้ มันคือไข่หวานจ้า รสชาติคล้ายคัสตาร์ดเค้ก นุ่มและนิ่ม ละมุนสุด ๆ และพี่ที่มาด้วยก็ขอเพิ่มจริง ๆ ด้วย พี่ดูจะปลื้มปริ่มกับเมนูนี้มาก ๆ ยังบอกอีกว่า อยากเอากลับบ้าน
เป็นไดฟุกุที่ข้างในน่าจะเป็นองุ่นไชน์มัสแคทนะคะ ด้วยรสขององุ่นที่มีรสออกเปรี้ยวบวกกับถั่วแดงที่มีรสหวาน ทำให้เคมีเข้ากันมาก ๆ จานนี้เป็นอีกจานที่เราปลื้ม ยิ่งทานคู่กับชาโฮจิฉะแล้ว ยิ่งอร่อยค่ะ
กรีดร้องกับเมนูส่งท้ายยยย เมนูนี้ถือว่าเป็น signature ของร้านนี้เลยค่ะ รสชาติหวานละมุน มีกลิ่นอายของขนมญี่ปุ่นแท้ ๆ ซ่อนอยู่
ถ้าอยากรู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน แนะนำให้มาลองทานกันนะคะ
สุดท้ายนี้ขอชมพนักงานที่คอยมาดูแลเราค่ะ น้องยิ้มแย้มสดใสและให้ข้อมูลเรื่องซูชิดีมาก ๆ ถามอะไรก็ตอบได้หมด เราอยากได้ Power Bank เพราะแบตจะหมด น้องยังหามาให้ได้ ขอยกนิ้วให้เลยค่ะ
สำหรับช่องทางในการติดต่อสอบถาม หรือสนใจจองคอร์ส โทรไปที่เบอร์ 094-654-6326 ได้เลยค่ะ แต่หากใครอยากดูข้อมูลของร้านก่อนก็เข้าไปดูที่ Facebook หรือ IG โดยพิมพ์เป็นชื่อร้าน Monosei จะขึ้นมาเลยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น