ขอนุญาตลงอย่างต่อเนื่องนะครับ
ความจริงในแต่ละตอนจะมีรายละเอียดที่มากกว่านี้ แต่ผมได้หยิบเอาบางตอนออกมาให้ทุกท่านได้อ่าน เลยทำให้แต่ละตอนสั้นจนเกินไป จึงได้ขอปรับปรุงแก้ไข ตัดต่อให้ยาวมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้อ่านเสียอารมณ์ ผิดพลาดไปประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ มือใหม่หัดเขียน! ยินดีรับฟังทุกคำติเตียน จะได้นำมาพัฒนาให้ดีขึ้นครับ ขอบพระคุณครับ
ตอน 4
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไม่รอช้า จะกล่าวอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก ต้องใช้คำว่าเราต่างไม่รอช้า เธอให้ผมไปรับที่ท่ารถโดยสารประจำทางในตัวเมือง โดยเธอจะนั่งรถประจำทางมาจากบ้าน และเหตุผลสำคัญที่เธออยากให้ผมไปรับก็เพราะว่าเธออยากเจอผมมาก และเป็นการเจอผมเป็นครั้งแรกของเธออีกด้วย ขณะที่ผมขับรถไปจอดที่จุดนัดหมาย นั่งรออยู่ในรถด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนักรถโดยสารประจำทางคันหนึ่งก็ขับมาจอดด้านหน้ารถของผม ผู้โดยสารทยอยกันลงจากรถ เธอก้าวลงจากรถพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส และเดินตรงมาที่รถของผมทันที เมื่อประตูรถถูกเปิดออก หญิงสาวที่สวยงามเข้ามาภายในรถ เพียงแค่สบตากันเพียงแค่เสียววินาที ไม่มีคำกล่าวทักทายใดทั้งสิ้น เราทั้งคู่สวมกอดกันทันที
เพราะอะไรเราถึงได้ทำอย่างนั้น ทั้งที่เป็นการเจอกันครั้งแรก!
ความจริงมันอาจจะไม่มีความหมายอะไรมากนัก แต่ความรู้สึกนี่สิ เป็นสิ่งที่ปกปิดกันไม่ได้ เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนกันว่าการกอดกันครั้งนี้ เป็นความรู้สึกของคนที่พลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน และได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
นี่คือคำตอบของเราทั้งคู่
ตลอดวันของการทำงานเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นแทบจะตลอดเวลาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอโทรหาผมแทบจะทุกเวลาที่ว่างจากการทำงาน เรามีเรื่องคุยกันแทบจะตลอดเวลา เรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัดเรื่อง น้ำเสียงของเธอบ่งบอกได้ถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง ซึ่งก็ไม่ต่างจากจิตใจของผมที่เคยแห้งเหี่ยวมาตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา บัดนี้ชุ่มชื่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จนเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เธอปฏิเสธที่จะให้ผมไปส่งที่บ้าน เพราะต้องนั่งรถประจำทางกลับบ้านกับเพื่อนเป็นปกติทุกวัน จะปล่อยให้เพื่อนกลับคนเดียวคงจะไม่มีดีนัก ไม่นานนักหญิงสาวกลุ่มเดิมที่คุ้นตาก็เดินผ่านที่ทำงานของผม แต่วันนี้ไม่เหมือนกับวันไหนๆ หญิงสาวที่ผมปรารถนาที่จะรู้จักในกลุ่มนั้นส่งสายตามองเข้ามาที่ห้องทำงานของผม จนเมื่อผมเดินออกไปด้านนอก เธอก็ยิ้มให้อย่างมีความสุขพร้อมกับโบกมือให้ ขณะที่ผมยืนส่งเธอจนลับตาไป
ทุกอย่างช่างต่างจากสองวันก่อน ที่ผมทำได้เพียงแค่แอบมองเธอผ่านกระจกหน้าต่าง แต่วันนี้เราได้สานสัมพันธ์ในเวลาอันรวดเร็ว และตกลงที่จะคบหากันในฐานะแฟน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนรอบข้างต่างแปลกใจ ลูกน้องของผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้คบหากันในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้ เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนของเธอก็ไม่ต่างกันนัก ต่างสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เธอดูเปลี่ยนไปมาก สดใสร่าเริง มีความสุขมากขึ้น
หลังจากนั้นผมก็กลับเข้ามานั่งทำงานได้สักครู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเธอนั่นเอง
“ขับรถออกมารับตอนนี้ได้ไหม” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก จากนั้นก็บอกสถานที่ที่จะให้ผมไปรับ ซึ่งไม่ไกลจากท่ารถโดยสารประจำทางมากนัก รถคงจะเสียหรือไม่ก็มีเหตุอะไรบางอย่าง ผมไม่ทันได้ถามถึงเหตุผลอะไรทั้งสิ้น หลังจากที่วางสายก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อใกล้ถึงจุดที่เธอรออยู่ ผมมองเห็นเธอนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ตามลำพัง เมื่อมองเห็นรถของผมก็รีบเปิดประตูเข้ามาข้างใน น้ำตาของเธอไหลรินจากสองแก้ม และโผเข้ากอดผมทันที
ไปส่งเธอที่บ้านเถอะนะ! เป็นคำพูดสั่นๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมา
ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรมาก เธอตัดสินใจลงจากรถประจำทางอย่างกะทันหัน และคิดว่าควรที่จะให้ผมไปส่งที่บ้านจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยช่วงเวลาที่นั่งรถไปที่บ้าน เราก็ยังได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น นี่คือเหตุผลของเธอ
เราทั้งสองเริ่มตระหนักได้ว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้นจากความรัก เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเราทุกอย่างนับจากนี้ไป
และคืนวันที่มีความสุขไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น หลังจากที่ผมส่งเธอเรียบร้อยแล้ว ช่วงกลางคืนเราคุยกันอีกครั้ง และหลังจากที่ได้คุยกันเพียงพักเดียว เธอก็ขอให้ผมขับรถไปรับเธอที่บ้าน และก็เป็นวันเริ่มต้นที่เราทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบด้วยกัน
“การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เป็นการตัดสินใจของคนสองคน”
ข้ามมาในช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากนั้น
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟ ภายในห้องมีแต่ความว่างเปล่า หลายเดือนแล้วสินะ ที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ ภายในห้องพักที่ถูกเช่าทิ้งเอาไว้โดยไม่มีใครเข้ามาอยู่ ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม ภายในห้องว่าเปล่ามีเพียงร่อยรอยของความทรงจำ ทั้งสุขและทุกข์อยู่เต็มไปหมด
ภาพของเธอยังคงนั่งอยู่บนเตียง กำลังนั่นเขียนงานอะไรบางอย่างเช่นเคย โทรทัศน์ก็เช่นกันจะถูกเปิดทิ้งเอาไว้อยู่เสมอ เวลาเธอนั่งทำงาน เธอหันมามองพร้อมร้อยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ
“กลับมาแล้วเหรอ” เธอมักพูดแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่ผมกลับมา แล้วก็เดินมาสวนกอดผมทุกครั้ง
ตอนนี้บนเตียงมีแต่ความว่างเปล่า ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิม ยกเว้นเพียงแค่เธอ
ไม่มีเธออีกแล้ว!
ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปที่จะเช่าห้องนี้เอาไว้ เธอคงไม่กลับมาอีกแล้ว ถึงเวลาที่ต้องคืนห้องพักนี้เสียที
ผมนั่งลงบนเตียง ขณะที่ภาพของเธอปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมจำได้ว่ากำลังนั่นอยู่ตรงที่เดียวกันนี้ ขณะที่เธอกำลังเดินดูโน่นดูนี่ภายในห้อง เปิดดูห้องน้ำ ระเบียงด้านหลัง
“ชอบไหมคะ” น้องพนักงานของคอนโดถามอย่างเป็นกันเอง
เธอหันมามองผม ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแสดงความพอใจกับห้องพักแห่งนี้ ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ตกลงค่ะ เราจะเช่าห้องนี้”
เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเราเข้ามาที่ห้องนี้ครั้งแรก และตกลงใจว่าจะเช่าห้องนี้อยู่ด้วยกัน
หลังจากที่เราเริ่มคบหากันได้หนึ่งเดือน เราได้คุยกันว่าควรจะหาที่พักสักแห่ง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เธอชอบที่พักที่เงียบสงบ เข้าออกได้สะดวก ช่วงแรกเรามองหาห้องพักอยู่หลายแห่งแต่ก็หาไม่ได้เสียที ไม่มีที่ไหนตรงตามที่เราต้องการ จนเริ่มเข้าสู่การคบหากันเป็นเดือนที่สอง เราได้พบห้องพักที่ต้องการแห่งนี้และตัดสินใจเช่าโดยทันที
ที่จริงแล้วก่อนที่เราจะเช่าห้องที่คอนโดแห่งนี้ ตลอดสองเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และปัญหาก็ยังคาราคาซังจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ
แฟนของเธอ!
ขอบคุณครับสำหรับการติดตาม
by พรนับพัน
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 4)
ความจริงในแต่ละตอนจะมีรายละเอียดที่มากกว่านี้ แต่ผมได้หยิบเอาบางตอนออกมาให้ทุกท่านได้อ่าน เลยทำให้แต่ละตอนสั้นจนเกินไป จึงได้ขอปรับปรุงแก้ไข ตัดต่อให้ยาวมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้อ่านเสียอารมณ์ ผิดพลาดไปประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ มือใหม่หัดเขียน! ยินดีรับฟังทุกคำติเตียน จะได้นำมาพัฒนาให้ดีขึ้นครับ ขอบพระคุณครับ
ตอน 4
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไม่รอช้า จะกล่าวอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก ต้องใช้คำว่าเราต่างไม่รอช้า เธอให้ผมไปรับที่ท่ารถโดยสารประจำทางในตัวเมือง โดยเธอจะนั่งรถประจำทางมาจากบ้าน และเหตุผลสำคัญที่เธออยากให้ผมไปรับก็เพราะว่าเธออยากเจอผมมาก และเป็นการเจอผมเป็นครั้งแรกของเธออีกด้วย ขณะที่ผมขับรถไปจอดที่จุดนัดหมาย นั่งรออยู่ในรถด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนักรถโดยสารประจำทางคันหนึ่งก็ขับมาจอดด้านหน้ารถของผม ผู้โดยสารทยอยกันลงจากรถ เธอก้าวลงจากรถพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส และเดินตรงมาที่รถของผมทันที เมื่อประตูรถถูกเปิดออก หญิงสาวที่สวยงามเข้ามาภายในรถ เพียงแค่สบตากันเพียงแค่เสียววินาที ไม่มีคำกล่าวทักทายใดทั้งสิ้น เราทั้งคู่สวมกอดกันทันที
เพราะอะไรเราถึงได้ทำอย่างนั้น ทั้งที่เป็นการเจอกันครั้งแรก!
ความจริงมันอาจจะไม่มีความหมายอะไรมากนัก แต่ความรู้สึกนี่สิ เป็นสิ่งที่ปกปิดกันไม่ได้ เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนกันว่าการกอดกันครั้งนี้ เป็นความรู้สึกของคนที่พลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน และได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
นี่คือคำตอบของเราทั้งคู่
ตลอดวันของการทำงานเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นแทบจะตลอดเวลาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอโทรหาผมแทบจะทุกเวลาที่ว่างจากการทำงาน เรามีเรื่องคุยกันแทบจะตลอดเวลา เรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัดเรื่อง น้ำเสียงของเธอบ่งบอกได้ถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง ซึ่งก็ไม่ต่างจากจิตใจของผมที่เคยแห้งเหี่ยวมาตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา บัดนี้ชุ่มชื่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จนเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เธอปฏิเสธที่จะให้ผมไปส่งที่บ้าน เพราะต้องนั่งรถประจำทางกลับบ้านกับเพื่อนเป็นปกติทุกวัน จะปล่อยให้เพื่อนกลับคนเดียวคงจะไม่มีดีนัก ไม่นานนักหญิงสาวกลุ่มเดิมที่คุ้นตาก็เดินผ่านที่ทำงานของผม แต่วันนี้ไม่เหมือนกับวันไหนๆ หญิงสาวที่ผมปรารถนาที่จะรู้จักในกลุ่มนั้นส่งสายตามองเข้ามาที่ห้องทำงานของผม จนเมื่อผมเดินออกไปด้านนอก เธอก็ยิ้มให้อย่างมีความสุขพร้อมกับโบกมือให้ ขณะที่ผมยืนส่งเธอจนลับตาไป
ทุกอย่างช่างต่างจากสองวันก่อน ที่ผมทำได้เพียงแค่แอบมองเธอผ่านกระจกหน้าต่าง แต่วันนี้เราได้สานสัมพันธ์ในเวลาอันรวดเร็ว และตกลงที่จะคบหากันในฐานะแฟน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนรอบข้างต่างแปลกใจ ลูกน้องของผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้คบหากันในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้ เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนของเธอก็ไม่ต่างกันนัก ต่างสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เธอดูเปลี่ยนไปมาก สดใสร่าเริง มีความสุขมากขึ้น
หลังจากนั้นผมก็กลับเข้ามานั่งทำงานได้สักครู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเธอนั่นเอง
“ขับรถออกมารับตอนนี้ได้ไหม” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก จากนั้นก็บอกสถานที่ที่จะให้ผมไปรับ ซึ่งไม่ไกลจากท่ารถโดยสารประจำทางมากนัก รถคงจะเสียหรือไม่ก็มีเหตุอะไรบางอย่าง ผมไม่ทันได้ถามถึงเหตุผลอะไรทั้งสิ้น หลังจากที่วางสายก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อใกล้ถึงจุดที่เธอรออยู่ ผมมองเห็นเธอนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ตามลำพัง เมื่อมองเห็นรถของผมก็รีบเปิดประตูเข้ามาข้างใน น้ำตาของเธอไหลรินจากสองแก้ม และโผเข้ากอดผมทันที
ไปส่งเธอที่บ้านเถอะนะ! เป็นคำพูดสั่นๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมา
ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรมาก เธอตัดสินใจลงจากรถประจำทางอย่างกะทันหัน และคิดว่าควรที่จะให้ผมไปส่งที่บ้านจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยช่วงเวลาที่นั่งรถไปที่บ้าน เราก็ยังได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น นี่คือเหตุผลของเธอ
เราทั้งสองเริ่มตระหนักได้ว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้นจากความรัก เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเราทุกอย่างนับจากนี้ไป
และคืนวันที่มีความสุขไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น หลังจากที่ผมส่งเธอเรียบร้อยแล้ว ช่วงกลางคืนเราคุยกันอีกครั้ง และหลังจากที่ได้คุยกันเพียงพักเดียว เธอก็ขอให้ผมขับรถไปรับเธอที่บ้าน และก็เป็นวันเริ่มต้นที่เราทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบด้วยกัน
“การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เป็นการตัดสินใจของคนสองคน”
ข้ามมาในช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากนั้น
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟ ภายในห้องมีแต่ความว่างเปล่า หลายเดือนแล้วสินะ ที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ ภายในห้องพักที่ถูกเช่าทิ้งเอาไว้โดยไม่มีใครเข้ามาอยู่ ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม ภายในห้องว่าเปล่ามีเพียงร่อยรอยของความทรงจำ ทั้งสุขและทุกข์อยู่เต็มไปหมด
ภาพของเธอยังคงนั่งอยู่บนเตียง กำลังนั่นเขียนงานอะไรบางอย่างเช่นเคย โทรทัศน์ก็เช่นกันจะถูกเปิดทิ้งเอาไว้อยู่เสมอ เวลาเธอนั่งทำงาน เธอหันมามองพร้อมร้อยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ
“กลับมาแล้วเหรอ” เธอมักพูดแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่ผมกลับมา แล้วก็เดินมาสวนกอดผมทุกครั้ง
ตอนนี้บนเตียงมีแต่ความว่างเปล่า ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิม ยกเว้นเพียงแค่เธอ
ไม่มีเธออีกแล้ว!
ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปที่จะเช่าห้องนี้เอาไว้ เธอคงไม่กลับมาอีกแล้ว ถึงเวลาที่ต้องคืนห้องพักนี้เสียที
ผมนั่งลงบนเตียง ขณะที่ภาพของเธอปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมจำได้ว่ากำลังนั่นอยู่ตรงที่เดียวกันนี้ ขณะที่เธอกำลังเดินดูโน่นดูนี่ภายในห้อง เปิดดูห้องน้ำ ระเบียงด้านหลัง
“ชอบไหมคะ” น้องพนักงานของคอนโดถามอย่างเป็นกันเอง
เธอหันมามองผม ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแสดงความพอใจกับห้องพักแห่งนี้ ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ตกลงค่ะ เราจะเช่าห้องนี้”
เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเราเข้ามาที่ห้องนี้ครั้งแรก และตกลงใจว่าจะเช่าห้องนี้อยู่ด้วยกัน
หลังจากที่เราเริ่มคบหากันได้หนึ่งเดือน เราได้คุยกันว่าควรจะหาที่พักสักแห่ง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เธอชอบที่พักที่เงียบสงบ เข้าออกได้สะดวก ช่วงแรกเรามองหาห้องพักอยู่หลายแห่งแต่ก็หาไม่ได้เสียที ไม่มีที่ไหนตรงตามที่เราต้องการ จนเริ่มเข้าสู่การคบหากันเป็นเดือนที่สอง เราได้พบห้องพักที่ต้องการแห่งนี้และตัดสินใจเช่าโดยทันที
ที่จริงแล้วก่อนที่เราจะเช่าห้องที่คอนโดแห่งนี้ ตลอดสองเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และปัญหาก็ยังคาราคาซังจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ
แฟนของเธอ!
ขอบคุณครับสำหรับการติดตาม
by พรนับพัน
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด