ตอน 27
ความผูกพัน
"ดวงจิตที่พันผูก ยากที่จะแยกขาดจากกัน"
“จำเธอไม่ได้หรือไง”
อากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
คำพูดเพียงสั้นๆ ของอา กลับทำให้สมองถึงกับมึนงง คิดอะไรไม่ออก เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเงาดำที่ผมเห็น ผมค่อยๆ นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรก วันที่สอง และวันที่สามที่ชัดที่สุด เงาดำ หญิงสาวที่ถูกชโลมด้วยสีดำดวงตากลมโตสีดำช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ใช่แล้ว! ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางใช้มืออีกข้างกุมที่ขมับ
ผมนึกออกแล้ว ที่จริงแล้วดวงตาคู่นี้ผมเคยเห็นมาก่อน
เงาดำที่เห็นเป็นเธอจริงๆ ด้วย
อาอธิบายว่า ผมกับเธอมีดวงจิตที่ผูกพันกัน การที่เธอมาเข้าฝันนั้น เป็นเพราะว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ เธอไม่ได้จะมาทำร้าย หรือทำให้หวาดกลัว เธอมาขอความช่วยเหลือ
อาย้ำคำพูดเดิม
“มาขอความช่วยเหลือ”
ผมนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตอนนั้น โดยเฉพาะในคืนที่สามที่เห็นใบหน้า ของหญิงสาวอย่างชัดเจน อาการโอบกอด ความรู้สึกที่สัมผัส เงาดำไม่ได้จะเข้าสิงร่างของผมอย่างที่เข้าใจ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการโอบกอดเป็นความผูกพัน ที่จริงแล้วถ้าผมขจัดความกลัวออกไปได้
ผมจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเธอ
ดวงจิตของเธอพยายามต่อสู้กับมนตร์ดำ แต่ไม่เป็นผล มนตร์ดำเข้าครอบงำเธอจนไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ความผูกพันทำให้เธอมาขอความช่วยเหลือ ส่วนที่ผมเห็นของเหลวสีดำทั่วทั้งตัวเธอ ไม่เว้นแม้แต่ดวงตานั้น ก็คือมนตร์ดำที่ครอบงำตัวเธอนั่นเอง
ต่อไปเงาดำนั้นจะไม่มาหาผมอีกแล้ว เพราะผมรู้แล้วว่าเป็นเธอ อาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะวกกลับมาพูดเรื่องของผมกับเธออีกครั้ง ไม่มีวิธีไหนจะช่วยเธอได้อีกแล้ว คงต้องสุดแล้วแต่เวรกรรมที่เธอได้กระทำไว้ในอดีตชาติ เธอจะผ่านสิ่งเลวร้ายนี้ไปได้ ผมกับเธอหมดเวรหมดกรรมกันแล้ว
“เลิกรา แล้วก็รีบออกมาจากชีวิตเธอเสีย เป็นวิธีที่ดีที่สุด”
หลังจากวางหูจากอาแล้ว ผมรู้สึกสับสนว้าวุ่น เธอกำลังเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ แล้วจะให้ผมทิ้งเธอไปได้ยังไง มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเต็มที หลังจากได้คุยกับอาแล้ว ผมก็โทร.หาเธอทันที
วันนี้เธอดูมีอาการปกติ เธอร้องไห้บอกว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอคิดถึงผมมาก เธอคิดว่าผมจะไม่โทร.หาเธออีกแล้ว และพยายามอธิบายว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเลยแม้แต่น้อย เธอกับสาวทอมเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน ผมปลอบใจเธอ สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเธอ และจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน
การได้คุยกันทำให้เธอคลายความกังวลได้มาก เราคุยกันนานหลายชั่วโมงจนเป็นเวลาดึก ผมไม่ได้เล่าเรื่องเงาดำที่ผมเจอในสามคืนที่ผ่านมาให้เธอฟัง เพราะเธอคงไม่เชื่อเรื่องนี้แน่นอน แล้วยิ่งถ้ารู้ว่าเงาดำนั้นเป็นเธอ เธอยิ่งไม่มีวันที่จะเชื่ออย่างน้อยคำพูดของเธอก็ทำให้รู้ว่าหลายวันที่ผ่านมา เธอเฝ้าคิดถึงผมโดยตลอด กลัวว่าผมจะทิ้งเธอไป เพียงเท่านี้ก็สามารถอธิบายได้ตรงกับที่อาบอกมาทั้งหมด
และผมเชื่อว่าเงาดำของหญิงสาวนั้น เป็นเธอจริงๆ
ผมเริ่มทบทวนคำพูดของเธออีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน เธอยังคงตอกย้ำเสมอว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่ได้คบหากับสาวทอมเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน อยากให้ผมเข้าใจเธอ คำพูดของเธอหมายความว่าอย่างไรกัน มันตรงกันข้ามกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
เป็นเพียงเพื่อนแล้วทำไมต้องไปอยู่กับสาวทอม หรือว่าจะเป็นจริงอย่างที่เธอบอก หรืออาจเป็นเพียงคำพูดโกหกเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา เพียงเพื่อเหนี่ยวรั้งไม่ให้ผมไปจากเธอ
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นผ่านไปทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ทุกอย่างเป็นไปตามที่อาบอกไว้ เงาดำไม่เคยมาหาผมอีกเลยนับจากนั้น ส่วนทางด้านแม่ของผมก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของอา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลย แม่คิดว่าคงจะต้องมีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน ด้วยความเป็นห่วงแม่จึงโทร.หาอา จึงได้รู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด
แม่เป็นห่วงมาก ขอให้ผมเลิกรากับเธอ ไม่ใช่เพราะรังเกียจเธอ แต่ขอให้ทำตามคำแนะนำของอา หลังจากนั้น ถ้าเธอหายเป็นปกติแล้ว ผมจะกลับไปคบหากับเธออีกก็ยังได้
แม่ให้เหตุผลอย่างน่าฟัง
แม่เป็นกังวลเรื่องของมนตร์ดำ ขอให้ผมออกห่างเรื่องพวกนี้ แล้วยังเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผมต้องตกใจ ว่าเรื่องของมนตร์ดำไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเป็นครั้งแรก!
อะไรนะ! ครอบครัวของเราเคยเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ
ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
แม่ถามผมว่า ยังจำเรื่องตอนที่น้องสาวของผมป่วยเข้าโรงพยาบาลได้หรือไม่ ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แล้วก็บอกแม่ไปว่ายังจำได้ดี น้องสาวผมป่วยเข้าโรงพยาบาลเป็นเวลากว่าสัปดาห์ ตอนนั้นผมยังเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลย
แต่นึกในใจว่า แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่แม่กำลังจะเล่านี้ด้วย
แม่เล่าต่อว่า อยู่ๆ น้องสาวก็ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นที่บ้านตกใจมาก พ่อกับแม่รีบเดินทางจากต่างจังหวัดไปเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาล อาการของน้องสาวแปลกมาก กลางวันอาการจะเป็นปกติ พอตกเย็นจนถึงช่วงค่ำจะมีอาการไข้ขึ้นสูง หนาว สั่น เป็นแบบนี้ทุกวัน หมอที่ตรวจอาการก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร ขอให้นอนพักรอดูอาการที่โรงพยาบาลไปก่อน สันนิษฐานเพียงแต่ว่าอาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงให้เพียงยาบำรุงร่างกาย เวลาผ่านไปหลายวัน อาการของน้องสาวก็ยังคงไม่ดีขึ้น ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย รู้เพียงแต่ว่าน้องสาวป่วยเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้น แล้วหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้
แต่ที่จริงแล้วตลอดหลายวันที่ผ่านมา หมอไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้เลย มีการประชุมกับอาจารย์หมออยู่หลายครั้ง แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ แม่บอกว่า น้องสาวมีอาการหวาดกลัว โดยเฉพาะช่วงค่ำที่มีอาการไข้ขึ้น หนาวสั่น ไม่กล้านอนหลับ บอกเพียงแต่ว่ามีบางอย่างคอยติดตาม เป็นบางอย่างที่น่ากลัวคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงค่ำคืน จากนั้นน้องสาวก็เล่าให้แม่ฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวบริเวณชายแดน ระหว่างที่นั่งทานข้าวกับเพื่อนอยู่นั้นก็ได้มีขอทานเป็นหญิงวัยกลางคนมาขอเงิน แต่น้องสาวปฏิเสธที่จะให้ หญิงขอทานแสดงท่าทีไม่พอใจ จากนั้นเมื่อน้องสาวเผลอก็เดินเข้ามาใช้นิ้วแตะสัมผัสที่แขนเบาๆ น้องสาวรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมาสัมผัสที่แขน จึงได้หันไปมอง ก็ตกใจมากเมื่อเห็น หญิงขอทานยืนอมยิ้มอยู่ด้านข้าง แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อน้องสาวเดินทางกลับมาที่บ้านก็ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล
น้องสาวเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็เพียงแค่รับฟัง ส่วนแม่กังวลกับเรื่องที่ได้ฟังนี้มาก อาการของน้องสาวไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นยังคงทรุดหนักมากขึ้นทุกคืน กลางคืนแทบไม่ได้พักผ่อน หวาดผวา เป็นไข้ตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว แม่จึงตัดสินใจโทร.หาอา เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง อาตรวจดวงของน้องสาวแล้วก็บอกว่า น้องสาวถูกมนตร์ดำจริงๆ จังหวัดที่น้องสาว เดินทางไปเป็นจังหวัดที่เป็นชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของ
การทำมนตร์ดำนี้อย่างมาก แล้วหญิงขอทานนั่นเองที่เป็นคนทำมนตร์ดำใส่น้องสาว อาอธิบายให้แม่ฟังอย่างนั้น
หลังจากนั้นอาก็ทำพิธีแก้มนตร์ดำให้กับน้องสาว จากนั้นน้องสาวก็อาการดีขึ้น เรียกว่าหายเป็นปกติทันทีถึงจะถูก หมอและคณะแพทย์ในโรงพยาบาลต่างแปลกใจ อยู่ๆ อาการก็หายเป็นปกติ ทั้งที่ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยว่าป่วย
เป็นอะไรด้วยซ้ำ
วันถัดมาน้องสาวก็ออกจากโรงพยาบาล ไม่มีอาการเป็นไข้ หนาวสั่น หวาดกลัวในช่วงค่ำคืนเหมือนที่ผ่านมาอีกเลยนับจากนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแม่ น้องสาว แล้วก็อาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เพราะคนในครอบครัวคนอื่นไม่มีใครเชื่อเรื่องพวกนี้ จึงไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จนมาวันนี้ด้วยความเป็นห่วงผมที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับมนตร์ดำ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ตามที แต่ก็ทำให้แม่อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
แม่ขอให้ผมเลิกรากับเธอ!
นี่เป็นคำขอร้องของผู้ที่เป็นแม่
ตอนหน้ามาถึงตอนจบแล้วนะครับ!
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
ตอนนี้หนังสือพร้อมส่งแล้วนะครับ
หากสนใจ inbox ได้ทาง Facebook Page : สำนักพิมพ์ คุณหนูชูใจ
ได้เลยนะครับ (หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป)
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 27)
ตอน 27
ความผูกพัน
อากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
คำพูดเพียงสั้นๆ ของอา กลับทำให้สมองถึงกับมึนงง คิดอะไรไม่ออก เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเงาดำที่ผมเห็น ผมค่อยๆ นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรก วันที่สอง และวันที่สามที่ชัดที่สุด เงาดำ หญิงสาวที่ถูกชโลมด้วยสีดำดวงตากลมโตสีดำช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ใช่แล้ว! ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางใช้มืออีกข้างกุมที่ขมับ
ผมนึกออกแล้ว ที่จริงแล้วดวงตาคู่นี้ผมเคยเห็นมาก่อน
เงาดำที่เห็นเป็นเธอจริงๆ ด้วย
อาอธิบายว่า ผมกับเธอมีดวงจิตที่ผูกพันกัน การที่เธอมาเข้าฝันนั้น เป็นเพราะว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ เธอไม่ได้จะมาทำร้าย หรือทำให้หวาดกลัว เธอมาขอความช่วยเหลือ
อาย้ำคำพูดเดิม
“มาขอความช่วยเหลือ”
ผมนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตอนนั้น โดยเฉพาะในคืนที่สามที่เห็นใบหน้า ของหญิงสาวอย่างชัดเจน อาการโอบกอด ความรู้สึกที่สัมผัส เงาดำไม่ได้จะเข้าสิงร่างของผมอย่างที่เข้าใจ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการโอบกอดเป็นความผูกพัน ที่จริงแล้วถ้าผมขจัดความกลัวออกไปได้
ผมจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเธอ
ดวงจิตของเธอพยายามต่อสู้กับมนตร์ดำ แต่ไม่เป็นผล มนตร์ดำเข้าครอบงำเธอจนไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ความผูกพันทำให้เธอมาขอความช่วยเหลือ ส่วนที่ผมเห็นของเหลวสีดำทั่วทั้งตัวเธอ ไม่เว้นแม้แต่ดวงตานั้น ก็คือมนตร์ดำที่ครอบงำตัวเธอนั่นเอง
ต่อไปเงาดำนั้นจะไม่มาหาผมอีกแล้ว เพราะผมรู้แล้วว่าเป็นเธอ อาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะวกกลับมาพูดเรื่องของผมกับเธออีกครั้ง ไม่มีวิธีไหนจะช่วยเธอได้อีกแล้ว คงต้องสุดแล้วแต่เวรกรรมที่เธอได้กระทำไว้ในอดีตชาติ เธอจะผ่านสิ่งเลวร้ายนี้ไปได้ ผมกับเธอหมดเวรหมดกรรมกันแล้ว
“เลิกรา แล้วก็รีบออกมาจากชีวิตเธอเสีย เป็นวิธีที่ดีที่สุด”
หลังจากวางหูจากอาแล้ว ผมรู้สึกสับสนว้าวุ่น เธอกำลังเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ แล้วจะให้ผมทิ้งเธอไปได้ยังไง มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเต็มที หลังจากได้คุยกับอาแล้ว ผมก็โทร.หาเธอทันที
วันนี้เธอดูมีอาการปกติ เธอร้องไห้บอกว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอคิดถึงผมมาก เธอคิดว่าผมจะไม่โทร.หาเธออีกแล้ว และพยายามอธิบายว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเลยแม้แต่น้อย เธอกับสาวทอมเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน ผมปลอบใจเธอ สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเธอ และจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน
การได้คุยกันทำให้เธอคลายความกังวลได้มาก เราคุยกันนานหลายชั่วโมงจนเป็นเวลาดึก ผมไม่ได้เล่าเรื่องเงาดำที่ผมเจอในสามคืนที่ผ่านมาให้เธอฟัง เพราะเธอคงไม่เชื่อเรื่องนี้แน่นอน แล้วยิ่งถ้ารู้ว่าเงาดำนั้นเป็นเธอ เธอยิ่งไม่มีวันที่จะเชื่ออย่างน้อยคำพูดของเธอก็ทำให้รู้ว่าหลายวันที่ผ่านมา เธอเฝ้าคิดถึงผมโดยตลอด กลัวว่าผมจะทิ้งเธอไป เพียงเท่านี้ก็สามารถอธิบายได้ตรงกับที่อาบอกมาทั้งหมด
และผมเชื่อว่าเงาดำของหญิงสาวนั้น เป็นเธอจริงๆ
ผมเริ่มทบทวนคำพูดของเธออีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน เธอยังคงตอกย้ำเสมอว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่ได้คบหากับสาวทอมเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน อยากให้ผมเข้าใจเธอ คำพูดของเธอหมายความว่าอย่างไรกัน มันตรงกันข้ามกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
เป็นเพียงเพื่อนแล้วทำไมต้องไปอยู่กับสาวทอม หรือว่าจะเป็นจริงอย่างที่เธอบอก หรืออาจเป็นเพียงคำพูดโกหกเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา เพียงเพื่อเหนี่ยวรั้งไม่ให้ผมไปจากเธอ
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นผ่านไปทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ทุกอย่างเป็นไปตามที่อาบอกไว้ เงาดำไม่เคยมาหาผมอีกเลยนับจากนั้น ส่วนทางด้านแม่ของผมก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของอา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลย แม่คิดว่าคงจะต้องมีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน ด้วยความเป็นห่วงแม่จึงโทร.หาอา จึงได้รู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด
แม่เป็นห่วงมาก ขอให้ผมเลิกรากับเธอ ไม่ใช่เพราะรังเกียจเธอ แต่ขอให้ทำตามคำแนะนำของอา หลังจากนั้น ถ้าเธอหายเป็นปกติแล้ว ผมจะกลับไปคบหากับเธออีกก็ยังได้
แม่ให้เหตุผลอย่างน่าฟัง
แม่เป็นกังวลเรื่องของมนตร์ดำ ขอให้ผมออกห่างเรื่องพวกนี้ แล้วยังเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผมต้องตกใจ ว่าเรื่องของมนตร์ดำไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเป็นครั้งแรก!
อะไรนะ! ครอบครัวของเราเคยเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ
ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
แม่ถามผมว่า ยังจำเรื่องตอนที่น้องสาวของผมป่วยเข้าโรงพยาบาลได้หรือไม่ ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แล้วก็บอกแม่ไปว่ายังจำได้ดี น้องสาวผมป่วยเข้าโรงพยาบาลเป็นเวลากว่าสัปดาห์ ตอนนั้นผมยังเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลย
แต่นึกในใจว่า แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่แม่กำลังจะเล่านี้ด้วย
แม่เล่าต่อว่า อยู่ๆ น้องสาวก็ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นที่บ้านตกใจมาก พ่อกับแม่รีบเดินทางจากต่างจังหวัดไปเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาล อาการของน้องสาวแปลกมาก กลางวันอาการจะเป็นปกติ พอตกเย็นจนถึงช่วงค่ำจะมีอาการไข้ขึ้นสูง หนาว สั่น เป็นแบบนี้ทุกวัน หมอที่ตรวจอาการก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร ขอให้นอนพักรอดูอาการที่โรงพยาบาลไปก่อน สันนิษฐานเพียงแต่ว่าอาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงให้เพียงยาบำรุงร่างกาย เวลาผ่านไปหลายวัน อาการของน้องสาวก็ยังคงไม่ดีขึ้น ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย รู้เพียงแต่ว่าน้องสาวป่วยเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้น แล้วหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้
แต่ที่จริงแล้วตลอดหลายวันที่ผ่านมา หมอไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้เลย มีการประชุมกับอาจารย์หมออยู่หลายครั้ง แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ แม่บอกว่า น้องสาวมีอาการหวาดกลัว โดยเฉพาะช่วงค่ำที่มีอาการไข้ขึ้น หนาวสั่น ไม่กล้านอนหลับ บอกเพียงแต่ว่ามีบางอย่างคอยติดตาม เป็นบางอย่างที่น่ากลัวคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงค่ำคืน จากนั้นน้องสาวก็เล่าให้แม่ฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวบริเวณชายแดน ระหว่างที่นั่งทานข้าวกับเพื่อนอยู่นั้นก็ได้มีขอทานเป็นหญิงวัยกลางคนมาขอเงิน แต่น้องสาวปฏิเสธที่จะให้ หญิงขอทานแสดงท่าทีไม่พอใจ จากนั้นเมื่อน้องสาวเผลอก็เดินเข้ามาใช้นิ้วแตะสัมผัสที่แขนเบาๆ น้องสาวรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมาสัมผัสที่แขน จึงได้หันไปมอง ก็ตกใจมากเมื่อเห็น หญิงขอทานยืนอมยิ้มอยู่ด้านข้าง แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อน้องสาวเดินทางกลับมาที่บ้านก็ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล
น้องสาวเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็เพียงแค่รับฟัง ส่วนแม่กังวลกับเรื่องที่ได้ฟังนี้มาก อาการของน้องสาวไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นยังคงทรุดหนักมากขึ้นทุกคืน กลางคืนแทบไม่ได้พักผ่อน หวาดผวา เป็นไข้ตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว แม่จึงตัดสินใจโทร.หาอา เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง อาตรวจดวงของน้องสาวแล้วก็บอกว่า น้องสาวถูกมนตร์ดำจริงๆ จังหวัดที่น้องสาว เดินทางไปเป็นจังหวัดที่เป็นชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของ
การทำมนตร์ดำนี้อย่างมาก แล้วหญิงขอทานนั่นเองที่เป็นคนทำมนตร์ดำใส่น้องสาว อาอธิบายให้แม่ฟังอย่างนั้น
หลังจากนั้นอาก็ทำพิธีแก้มนตร์ดำให้กับน้องสาว จากนั้นน้องสาวก็อาการดีขึ้น เรียกว่าหายเป็นปกติทันทีถึงจะถูก หมอและคณะแพทย์ในโรงพยาบาลต่างแปลกใจ อยู่ๆ อาการก็หายเป็นปกติ ทั้งที่ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยว่าป่วย
เป็นอะไรด้วยซ้ำ
วันถัดมาน้องสาวก็ออกจากโรงพยาบาล ไม่มีอาการเป็นไข้ หนาวสั่น หวาดกลัวในช่วงค่ำคืนเหมือนที่ผ่านมาอีกเลยนับจากนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแม่ น้องสาว แล้วก็อาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เพราะคนในครอบครัวคนอื่นไม่มีใครเชื่อเรื่องพวกนี้ จึงไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จนมาวันนี้ด้วยความเป็นห่วงผมที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับมนตร์ดำ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ตามที แต่ก็ทำให้แม่อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
แม่ขอให้ผมเลิกรากับเธอ!
นี่เป็นคำขอร้องของผู้ที่เป็นแม่
ตอนหน้ามาถึงตอนจบแล้วนะครับ!
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
ตอนนี้หนังสือพร้อมส่งแล้วนะครับ
หากสนใจ inbox ได้ทาง Facebook Page : สำนักพิมพ์ คุณหนูชูใจ
ได้เลยนะครับ (หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป)