ตอน 8
และแล้ว!
เสียงฝีเท้าก็เงียบหยุดลง จากนั้นก็ก้าวเดินอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงนั้นค่อยๆ ไกลออกไป
ข้อความถูกอ่านแล้ว! ไม่มีข้อความใดตอบกลับ ขณะที่แว่วเสียงประตูเปิดและถูกปิดลง เธอรู้ตัวแล้วและเดินกลับไปที่ห้องพักตามเดิม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเอามือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาจนเต็มใบหน้า โชคดีที่เธอเปิดอ่านข้อความได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ครู่ต่อมาผมก็ได้รับข้อความจากเธอ คืนนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย เราจึงตกลงกันว่า เธอคงต้องค้างคืนที่ห้องของพี่ชายไปก่อนเพื่อความปลอดภัย เธอเห็นด้วย สำหรับตอนนี้ผมคงต้องรอให้แฟนของเธอขับรถออกไปเสียก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จากนั้นจึงค่อยกลับ ค่ำคืนนี้ช่างเป็นคืนที่ยาวนานเสียเหลือเกิน
ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอจัดการเอง เธอบอกอย่างนั้น
เสียงโทรศัพท์จากรถยนต์ฝั่งตรงข้ามดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ชายที่นั่งอยู่ในรถกำลังคุยกับใครบางคน ซึ่งก็พอเดาได้ว่าเป็นเธอนั่นเอง จากนั้นก็สตาร์ตรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรอเวลาอีกพักใหญ่เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต จากนั้นจึงค่อยขับรถออกไป ซึ่งก็เป็นเวลาใกล้จะตีสองแล้ว
แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี แต่ก็ได้ทิ้งสัญญาณอันตรายเอาไว้ให้กับเราสองคน
เธอเล่าให้ฟังในภายหลังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เริ่มต้นจากช่วงเย็น วันนั้นแฟนของเธอไม่ได้ไปทำงาน จึงได้ชวนเธอให้ไปทำธุระที่บ้านแม่ของฝ่ายชาย แต่เธอปฏิเสธ จนทำให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง กว่าที่แฟนของเธอจะกลับจากการทำธุระก็เป็นเวลาค่ำมืดเข้าไปแล้ว และด้วยความไม่พอใจที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้แฟนของเธอปฏิเสธที่จะไปส่งเธอในเมือง จากนั้นทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีกครั้ง เธอบอกเลิกกับแฟนอีกครั้ง และก็ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว จนในที่สุดก็ต้องยินยอมขับรถไปส่งเธอในเมือง ก็เป็นช่วงจังหวะที่ผมเห็นรถแฟนของเธอขับเข้ามาภายในซอยนั่นเอง และตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงที่รถทั้งสองคันยังคงจอดเพื่อรออะไรบางอย่าง ก็เป็นเธอนั่นเอง เธอแสร้งโทร.ถามแฟนว่าถึงบ้านรึยัง ขณะที่ฝ่ายชายแก้ตัวว่ากำลังดื่มเหล้าอยู่บ้านเพื่อนละแวกบ้านนี้เอง
ภัยอันตรายเริ่มเข้าใกล้เราสองคนทุกขณะ ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ คงจะถูกจับได้สักวัน ผมเริ่มกังวลเพียงแต่ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเธอ ถ้าแฟนของเธอรู้ว่าเธอมีชายอื่น อาจจะทำร้ายเธอหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ส่วนเธอกลับคิดต่าง เธอไม่กลัวอันตรายใดๆ ที่จะเกิดขึ้น เพียงแต่กลัวว่าถ้าเรื่องบานปลายจะทำให้การมาคบกับผมทำได้ยากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเราทั้งสองคนจะมีเหตุผลที่ต่างกัน แต่ก็เห็นตรงกันว่าควรจะให้เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อน จากนั้นจึงค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่อีกครั้ง ช่วงนี้คงจะอันตรายเกินไป หลังจากนั้นเธอก็ยังคงทำตัวเหมือนเป็นปกติด้วยออกมาค้างห้องพี่ชายและห้องเพื่อน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เพียงแต่ผมไม่ได้ขับรถไปรับเท่านั้น
และหลังจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นคืนนั้น เธอกับแฟนก็มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันมากขึ้น แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรากันได้เสียที ทุกอย่างอึมครึมไม่มีทางออกอยู่เช่นเดิม
เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะจนคิดว่าปลอดภัยดีแล้ว เราทั้งคู่ก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม สลับสับเปลี่ยนโรงแรมเป็นว่าเล่น ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม และไม่มีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกเลย ขณะที่แฟนของเธอคงคิดปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่สนใจจะติดตามเธออีกต่อไป นิ่งเงียบ ซึมเศร้าตามลำพัง แต่ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอต่อไป
“ต่อไปผู้ชายคนนั้น จะไม่มีทางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเราได้อีกแล้วค่ะ” เธอกล่าวอย่างมั่นใจ ซึ่งผมก็ไม่รู้เพราะอะไร ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนี้ และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เธอบอกเอาไว้ แฟนของเธอไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเราสองคนอีกเลย เธอออกมาอยู่กับผมยาวนานมากขึ้น บางสัปดาห์แทบจะอยู่ด้วยกันทุกวัน โดยไม่ได้กลับไปที่บ้านเลย
ถึงตอนนี้เราสองคนเริ่มเบื่อที่จะใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ อาศัยอยู่ในโรงแรมแล้ว เพราะต้องเจอเรื่องน่าเบื่อในทุกเช้าที่ต้องคอยเก็บข้าวของเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมทุกวัน ครั้นจะพักอยู่โรงแรมเดิมหลายๆ วันก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ประกอบกับช่วงหลังแฟนของเธอไม่ได้มาวุ่นวายอะไรอีกต่อไป ทำให้เราเริ่มมองหาห้องพักที่เงียบสงบสักแห่ง
เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
“ตกลงเราสองคนจะเช่าห้องนี้ค่ะ”
หลายวันต่อมาเราก็ได้ห้องพักที่เราต้องการแล้ว
คืนวันของความสุขเคลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในห้องพักของเรา โดยไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องใดๆ และหลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ผมทำงานอยู่ที่จังหวัดนี้เป็นเวลาสองปีแล้ว และในเช้าวันหนึ่งผมก็ทราบข่าวจากหัวหน้าว่าจะต้องย้ายไปทำงานที่จังหวัดอื่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่าห้าร้อยกิโลเมตร ถือว่าไกลเอาการทีเดียว ขณะที่ผมมีเวลาสองสัปดาห์สำหรับเตรียมการเดินทาง
ผมบอกเรื่องการย้ายที่ทำงานให้เธอรู้โดยทันที
เธอตกใจกับเรื่องนี้มาก จนกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน ตลอดสองสัปดาห์เธอมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด วิตกกังวลหลายเรื่อง กลัวความการย้ายครั้งนี้จะทำให้ความรักของเราพังทลายลง เราใช้เวลาคุยกันครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนการเดินทาง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอคลายความกังวลไปได้ ผมให้สัญญาว่าจะเดินทางกลับมาหาเธอทุกสัปดาห์ ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจขึ้น เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันไม่เคยที่จะเตรียมใจสำหรับการจากกัน อีกทั้งระยะทางที่ไกลมากอีกด้วย
ผมกลับมาย้อนนึกดูว่า ถ้าวันนั้นผมไม่มีเหตุที่จะต้องจากเธอมา เรื่องราวทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น มันเป็นความน่าสะพรึงกลัว
จนผมไม่อาจทำใจให้เชื่อได้!
แล้วก็ถึงวันที่ต้องเดินทาง
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
by พรนับพัน
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
เมื่อเขียนถึงตอนนี้แล้วรู้สึกอยากฟังเพลงนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 8)
ตอน 8
และแล้ว!
เสียงฝีเท้าก็เงียบหยุดลง จากนั้นก็ก้าวเดินอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงนั้นค่อยๆ ไกลออกไป
ข้อความถูกอ่านแล้ว! ไม่มีข้อความใดตอบกลับ ขณะที่แว่วเสียงประตูเปิดและถูกปิดลง เธอรู้ตัวแล้วและเดินกลับไปที่ห้องพักตามเดิม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเอามือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาจนเต็มใบหน้า โชคดีที่เธอเปิดอ่านข้อความได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ครู่ต่อมาผมก็ได้รับข้อความจากเธอ คืนนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย เราจึงตกลงกันว่า เธอคงต้องค้างคืนที่ห้องของพี่ชายไปก่อนเพื่อความปลอดภัย เธอเห็นด้วย สำหรับตอนนี้ผมคงต้องรอให้แฟนของเธอขับรถออกไปเสียก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จากนั้นจึงค่อยกลับ ค่ำคืนนี้ช่างเป็นคืนที่ยาวนานเสียเหลือเกิน
ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอจัดการเอง เธอบอกอย่างนั้น
เสียงโทรศัพท์จากรถยนต์ฝั่งตรงข้ามดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ชายที่นั่งอยู่ในรถกำลังคุยกับใครบางคน ซึ่งก็พอเดาได้ว่าเป็นเธอนั่นเอง จากนั้นก็สตาร์ตรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรอเวลาอีกพักใหญ่เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต จากนั้นจึงค่อยขับรถออกไป ซึ่งก็เป็นเวลาใกล้จะตีสองแล้ว
แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี แต่ก็ได้ทิ้งสัญญาณอันตรายเอาไว้ให้กับเราสองคน
เธอเล่าให้ฟังในภายหลังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เริ่มต้นจากช่วงเย็น วันนั้นแฟนของเธอไม่ได้ไปทำงาน จึงได้ชวนเธอให้ไปทำธุระที่บ้านแม่ของฝ่ายชาย แต่เธอปฏิเสธ จนทำให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง กว่าที่แฟนของเธอจะกลับจากการทำธุระก็เป็นเวลาค่ำมืดเข้าไปแล้ว และด้วยความไม่พอใจที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้แฟนของเธอปฏิเสธที่จะไปส่งเธอในเมือง จากนั้นทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีกครั้ง เธอบอกเลิกกับแฟนอีกครั้ง และก็ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว จนในที่สุดก็ต้องยินยอมขับรถไปส่งเธอในเมือง ก็เป็นช่วงจังหวะที่ผมเห็นรถแฟนของเธอขับเข้ามาภายในซอยนั่นเอง และตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงที่รถทั้งสองคันยังคงจอดเพื่อรออะไรบางอย่าง ก็เป็นเธอนั่นเอง เธอแสร้งโทร.ถามแฟนว่าถึงบ้านรึยัง ขณะที่ฝ่ายชายแก้ตัวว่ากำลังดื่มเหล้าอยู่บ้านเพื่อนละแวกบ้านนี้เอง
ภัยอันตรายเริ่มเข้าใกล้เราสองคนทุกขณะ ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ คงจะถูกจับได้สักวัน ผมเริ่มกังวลเพียงแต่ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเธอ ถ้าแฟนของเธอรู้ว่าเธอมีชายอื่น อาจจะทำร้ายเธอหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ส่วนเธอกลับคิดต่าง เธอไม่กลัวอันตรายใดๆ ที่จะเกิดขึ้น เพียงแต่กลัวว่าถ้าเรื่องบานปลายจะทำให้การมาคบกับผมทำได้ยากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเราทั้งสองคนจะมีเหตุผลที่ต่างกัน แต่ก็เห็นตรงกันว่าควรจะให้เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อน จากนั้นจึงค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่อีกครั้ง ช่วงนี้คงจะอันตรายเกินไป หลังจากนั้นเธอก็ยังคงทำตัวเหมือนเป็นปกติด้วยออกมาค้างห้องพี่ชายและห้องเพื่อน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เพียงแต่ผมไม่ได้ขับรถไปรับเท่านั้น
และหลังจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นคืนนั้น เธอกับแฟนก็มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันมากขึ้น แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรากันได้เสียที ทุกอย่างอึมครึมไม่มีทางออกอยู่เช่นเดิม
เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะจนคิดว่าปลอดภัยดีแล้ว เราทั้งคู่ก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม สลับสับเปลี่ยนโรงแรมเป็นว่าเล่น ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม และไม่มีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกเลย ขณะที่แฟนของเธอคงคิดปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่สนใจจะติดตามเธออีกต่อไป นิ่งเงียบ ซึมเศร้าตามลำพัง แต่ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอต่อไป
“ต่อไปผู้ชายคนนั้น จะไม่มีทางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเราได้อีกแล้วค่ะ” เธอกล่าวอย่างมั่นใจ ซึ่งผมก็ไม่รู้เพราะอะไร ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนี้ และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เธอบอกเอาไว้ แฟนของเธอไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเราสองคนอีกเลย เธอออกมาอยู่กับผมยาวนานมากขึ้น บางสัปดาห์แทบจะอยู่ด้วยกันทุกวัน โดยไม่ได้กลับไปที่บ้านเลย
ถึงตอนนี้เราสองคนเริ่มเบื่อที่จะใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ อาศัยอยู่ในโรงแรมแล้ว เพราะต้องเจอเรื่องน่าเบื่อในทุกเช้าที่ต้องคอยเก็บข้าวของเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมทุกวัน ครั้นจะพักอยู่โรงแรมเดิมหลายๆ วันก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ประกอบกับช่วงหลังแฟนของเธอไม่ได้มาวุ่นวายอะไรอีกต่อไป ทำให้เราเริ่มมองหาห้องพักที่เงียบสงบสักแห่ง
เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
“ตกลงเราสองคนจะเช่าห้องนี้ค่ะ”
หลายวันต่อมาเราก็ได้ห้องพักที่เราต้องการแล้ว
คืนวันของความสุขเคลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในห้องพักของเรา โดยไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องใดๆ และหลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ผมทำงานอยู่ที่จังหวัดนี้เป็นเวลาสองปีแล้ว และในเช้าวันหนึ่งผมก็ทราบข่าวจากหัวหน้าว่าจะต้องย้ายไปทำงานที่จังหวัดอื่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่าห้าร้อยกิโลเมตร ถือว่าไกลเอาการทีเดียว ขณะที่ผมมีเวลาสองสัปดาห์สำหรับเตรียมการเดินทาง
ผมบอกเรื่องการย้ายที่ทำงานให้เธอรู้โดยทันที
เธอตกใจกับเรื่องนี้มาก จนกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน ตลอดสองสัปดาห์เธอมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด วิตกกังวลหลายเรื่อง กลัวความการย้ายครั้งนี้จะทำให้ความรักของเราพังทลายลง เราใช้เวลาคุยกันครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนการเดินทาง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอคลายความกังวลไปได้ ผมให้สัญญาว่าจะเดินทางกลับมาหาเธอทุกสัปดาห์ ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจขึ้น เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันไม่เคยที่จะเตรียมใจสำหรับการจากกัน อีกทั้งระยะทางที่ไกลมากอีกด้วย
ผมกลับมาย้อนนึกดูว่า ถ้าวันนั้นผมไม่มีเหตุที่จะต้องจากเธอมา เรื่องราวทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น มันเป็นความน่าสะพรึงกลัว
จนผมไม่อาจทำใจให้เชื่อได้!
แล้วก็ถึงวันที่ต้องเดินทาง
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
by พรนับพัน
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
เมื่อเขียนถึงตอนนี้แล้วรู้สึกอยากฟังเพลงนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น