สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของและน่าจะเป็นกระทู้สุดท้าย
เรื่องมีอยู่ว่าผมกับแฟนคบกันและอยู่ด้วยมาจะ 7 ปีแล้ว เราสองคนก็ทำงานกันทั้งคู่ ผมทำงานขับรถใน กทม และปริมลฑล ส่วนแฟนทำงานบริษัท ช่วงระหว่างหลายปีที่ผ่านมา แฟนผมก็ทำงานและมีเวลาให้ผมมาตลอด อาจจะเยอะบ้างน้อยบ้างและแฟนผมไม่เคย ละเลยผมแบบ100% เลย จนว่าช่วย 1-2 ปีมานี่ มีปัญหาเรื่องจนต้องรบกวนเธออยู่บ่อย และผมก็ยังคอยดูและเธอในส่วนผมจะพอทำให้ได้หรือจะเรียกว่าทำให้แทบจะทุกอย่างเลย เช่นงานบ้าน เรื่องสัตว์เลื้ยง บางครั้งเรื่องการส่งเธอที่ทำงาน แต่พักๆหลังมาแฟนผมมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้นงานเยอะขึ้นความเครียดก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกันแต่เงินก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย แน่นอนว่ามีความเครียดเธอก็ต้องหาที่ระบายหรือปรับทุกข์ก็เป็นใครไม่ได้นอกจากผม เพราะ พ่อกับแม่ของเธอมองว่าเธอเป็นเด็กนอกคอก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าอับอายหรือเสียเชื่อเสียงให้กับวงตระกูล แค่เรียนไม่จบ ป.ตรี (เพราะแม่เธอเอาเงินไปส่งพี่สาวเธอเรียนจนจบป.ตรี แต่ไม่ได้ส่งเธอเรียนต่อ) ทุกครั้งแต่ที่เธอจนที่ TOXIC หรือ Bully หรือมีปัญหาที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งวันนั้นเป็นวันที่ bad day สุดๆ ก็มีแต่ผมที่คุยด้วยและรับฟัง และอยู่ฝั่งเธอไม่ว่าเธอจะถูกหรือจะผิด แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยผมที่สภาพคล่องทางการเงินยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ทำให้แฟนผมมีกิริยาท่าทีเปลี่ยนไปมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เช่น ชักสีหน้าเวลาวานหยิบอะไรให้เล็กๆน้อย พูดคำแรงๆที่เธอไม่เคยพูด อธิบายเรื่องที่เธอเจอมาใส่อารมณ์เหมือนผมเป็นคนโง่ที่ไม่เข้าใจอะไรที่เธอเล่ามาเลย ไม่ใส่อะไรแม้กระทั้งสิ่งของที่เป็นของเธอหล่นตามพื้นหรือแม้กระทั้งเสื้อผ้าที่เธอถอดออกจากหลังกลับมาจากที่ทำงาน จนหลายสัปดาห์มานี่ ยิ่งหนักกว่าเดิม คือ เธอกลับบ้านดึกมาก เช่น เที่ยงคืน 5 ทุ่ม และผมก็ติดต่อเธอได้บ้างไม่ได้พอติดต่อได้เธอก็บอกเตรียมส่งสินค้าอยู่ ผมก็ไม่อยากจะคิดให้มันเป็นการวิตกกังวล แต่เวลาผมทำอะไรให้เธอ เหมือนที่ผมเคยทำ เธอไม่แม้แต่จะดีใจหรือขอบคุณหรือดีใจกับสิ่งผมทำให้ รวมไปถึงเวลาที่ผมเข้าใจเธอแต่เธอกลับพูดเหมือนผมเสร่อว่าจะมาออกความเห็นทำไม จนลามไปเรื่องบนเตียงด้วยที่ละเลยจนดูเหมือนผมไม่มีสิทธิทำอะไรกับเธอเลย ตอนนี้สำหรับผมมันแย่ไปหมด ผมไม่มีกำลังใจแม้แต่จะทำงาน ทุกอย่างมันหนักไปหมด เหมือนผมต้องแบกแรงเพิ่มอีก 1.5G ตลอดเวลา กินอะไรก็ไม่อร่อย ไม่มีเวลาเมนูที่อยากกินในหัวมัน blank ไปหมด ผมก็คิดได้แค่ว่า ผมคงไม่มีเงินมากพอที่จะทำให้เธอมีความสุขได้ และพยายามทำงานให้มากกว่าเดิม แต่เมื่อผมได้เรื่องหางานให้มากกว่าเดิมสักพัก ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่เธอจะทำให้ผมเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจ หรือ ถูกด้อยค่าในความตัวผมจากเธออยู่เสมอ ผมเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย ผมเคยไปจอดรอที่สภาพแห่งนึงในกรุงเทพและชั่งใจอยู่ว่าผมจะทำมันจริงหรือ มันสมควรแก่เวลาและเหตุผลแล้วหรือ ผมก็ไม่ตัดสินใจทำมันเป็น เพราะผมนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง เมื่อพ่อแม่กับรู้ข่าว เขาจะอยู่กันยังไง เขาจะทุกข์แค่ไหน แฟนผมจะโดนตราหน้าว่ายังไง ใครจะเข้ามาถามคำถามเธอบ้างและตอนนั้นเธอจะรู้สึกยังไง เศร้า เสียใจ รู้สึกผิด หรือ ตกใจ และ เฉยๆ แต่ที่ผมคิดมากที่สุดคือพ่อกับแม่ เขารักผมมากเขากลัวผมลำบากตั้งแต่เล็กๆ เลี้ยงผมดีสุดเท่าที่เขาจะเลี้ยงได้ด้วยฐานะการเงินที่จำกัดจำเขียด เวลาวันนั้นแม่ก็โทรมาหาผมพอดี และผมก็ตัดสินใจกลับบ้านก่อนเพื่อสงบใจ เพราะผมป่วยเป็น Panic disorder ตั้งแต่เด็กเนื่องด้วยสังคมที่ผมโตมาและสิ่งที่ผมได้ทุกกระทำมาจนผมมีอาการครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามาเล่าให้ทุกคนฟัง หรือ จะขอความเห็นจากทุกคน ดีไหม ผมแค่ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครเพราะญาติพี่น้องก็ต่างมีภาระหน้าที่เป็นของตัวเอง และ ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องพวกนี่ไปใส่พวกเขา แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
แฟนไม่ใส่ใจ ละเลย และพูดกับเราแบบไม่คิดคำพูดว่าเราจะรับได้ไหม
เรื่องมีอยู่ว่าผมกับแฟนคบกันและอยู่ด้วยมาจะ 7 ปีแล้ว เราสองคนก็ทำงานกันทั้งคู่ ผมทำงานขับรถใน กทม และปริมลฑล ส่วนแฟนทำงานบริษัท ช่วงระหว่างหลายปีที่ผ่านมา แฟนผมก็ทำงานและมีเวลาให้ผมมาตลอด อาจจะเยอะบ้างน้อยบ้างและแฟนผมไม่เคย ละเลยผมแบบ100% เลย จนว่าช่วย 1-2 ปีมานี่ มีปัญหาเรื่องจนต้องรบกวนเธออยู่บ่อย และผมก็ยังคอยดูและเธอในส่วนผมจะพอทำให้ได้หรือจะเรียกว่าทำให้แทบจะทุกอย่างเลย เช่นงานบ้าน เรื่องสัตว์เลื้ยง บางครั้งเรื่องการส่งเธอที่ทำงาน แต่พักๆหลังมาแฟนผมมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้นงานเยอะขึ้นความเครียดก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกันแต่เงินก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย แน่นอนว่ามีความเครียดเธอก็ต้องหาที่ระบายหรือปรับทุกข์ก็เป็นใครไม่ได้นอกจากผม เพราะ พ่อกับแม่ของเธอมองว่าเธอเป็นเด็กนอกคอก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าอับอายหรือเสียเชื่อเสียงให้กับวงตระกูล แค่เรียนไม่จบ ป.ตรี (เพราะแม่เธอเอาเงินไปส่งพี่สาวเธอเรียนจนจบป.ตรี แต่ไม่ได้ส่งเธอเรียนต่อ) ทุกครั้งแต่ที่เธอจนที่ TOXIC หรือ Bully หรือมีปัญหาที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งวันนั้นเป็นวันที่ bad day สุดๆ ก็มีแต่ผมที่คุยด้วยและรับฟัง และอยู่ฝั่งเธอไม่ว่าเธอจะถูกหรือจะผิด แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยผมที่สภาพคล่องทางการเงินยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ทำให้แฟนผมมีกิริยาท่าทีเปลี่ยนไปมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เช่น ชักสีหน้าเวลาวานหยิบอะไรให้เล็กๆน้อย พูดคำแรงๆที่เธอไม่เคยพูด อธิบายเรื่องที่เธอเจอมาใส่อารมณ์เหมือนผมเป็นคนโง่ที่ไม่เข้าใจอะไรที่เธอเล่ามาเลย ไม่ใส่อะไรแม้กระทั้งสิ่งของที่เป็นของเธอหล่นตามพื้นหรือแม้กระทั้งเสื้อผ้าที่เธอถอดออกจากหลังกลับมาจากที่ทำงาน จนหลายสัปดาห์มานี่ ยิ่งหนักกว่าเดิม คือ เธอกลับบ้านดึกมาก เช่น เที่ยงคืน 5 ทุ่ม และผมก็ติดต่อเธอได้บ้างไม่ได้พอติดต่อได้เธอก็บอกเตรียมส่งสินค้าอยู่ ผมก็ไม่อยากจะคิดให้มันเป็นการวิตกกังวล แต่เวลาผมทำอะไรให้เธอ เหมือนที่ผมเคยทำ เธอไม่แม้แต่จะดีใจหรือขอบคุณหรือดีใจกับสิ่งผมทำให้ รวมไปถึงเวลาที่ผมเข้าใจเธอแต่เธอกลับพูดเหมือนผมเสร่อว่าจะมาออกความเห็นทำไม จนลามไปเรื่องบนเตียงด้วยที่ละเลยจนดูเหมือนผมไม่มีสิทธิทำอะไรกับเธอเลย ตอนนี้สำหรับผมมันแย่ไปหมด ผมไม่มีกำลังใจแม้แต่จะทำงาน ทุกอย่างมันหนักไปหมด เหมือนผมต้องแบกแรงเพิ่มอีก 1.5G ตลอดเวลา กินอะไรก็ไม่อร่อย ไม่มีเวลาเมนูที่อยากกินในหัวมัน blank ไปหมด ผมก็คิดได้แค่ว่า ผมคงไม่มีเงินมากพอที่จะทำให้เธอมีความสุขได้ และพยายามทำงานให้มากกว่าเดิม แต่เมื่อผมได้เรื่องหางานให้มากกว่าเดิมสักพัก ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่เธอจะทำให้ผมเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจ หรือ ถูกด้อยค่าในความตัวผมจากเธออยู่เสมอ ผมเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย ผมเคยไปจอดรอที่สภาพแห่งนึงในกรุงเทพและชั่งใจอยู่ว่าผมจะทำมันจริงหรือ มันสมควรแก่เวลาและเหตุผลแล้วหรือ ผมก็ไม่ตัดสินใจทำมันเป็น เพราะผมนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง เมื่อพ่อแม่กับรู้ข่าว เขาจะอยู่กันยังไง เขาจะทุกข์แค่ไหน แฟนผมจะโดนตราหน้าว่ายังไง ใครจะเข้ามาถามคำถามเธอบ้างและตอนนั้นเธอจะรู้สึกยังไง เศร้า เสียใจ รู้สึกผิด หรือ ตกใจ และ เฉยๆ แต่ที่ผมคิดมากที่สุดคือพ่อกับแม่ เขารักผมมากเขากลัวผมลำบากตั้งแต่เล็กๆ เลี้ยงผมดีสุดเท่าที่เขาจะเลี้ยงได้ด้วยฐานะการเงินที่จำกัดจำเขียด เวลาวันนั้นแม่ก็โทรมาหาผมพอดี และผมก็ตัดสินใจกลับบ้านก่อนเพื่อสงบใจ เพราะผมป่วยเป็น Panic disorder ตั้งแต่เด็กเนื่องด้วยสังคมที่ผมโตมาและสิ่งที่ผมได้ทุกกระทำมาจนผมมีอาการครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามาเล่าให้ทุกคนฟัง หรือ จะขอความเห็นจากทุกคน ดีไหม ผมแค่ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครเพราะญาติพี่น้องก็ต่างมีภาระหน้าที่เป็นของตัวเอง และ ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องพวกนี่ไปใส่พวกเขา แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ