คบกันมา 7 ปีแต่แค่รักมันคงไม่พอ

ผมกับแฟนคบกันมาตั้งแต่ มหาลัยปี 1 จนตอนนี้ก็ประมาณ 7 ปี หลังจากจบมหาลัยผมก็เริ่มทำงานทันทีผมทำงานประจำมาได้ประมาน 3 ปี เงินเดือนประมานเดือนละ 18-20k ส่วนแฟนผมธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่จบมาได้เงินประมานเดือนละ 500k ขึ้นอยู่กับยอดขายของ เราทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่พาพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมาคุยแล้วรับทราบด้วยกันแล้ว แฟนผมอาศัยอยู่กับพ่อแม่เหมือนกับผม ผมทำงานเป็นแบบ WFH ปกติผมจะไปหาอยู่บ้านแฟนปีละ 5-6 เดือน สลับกลับบ้านมาอยู่ดูแลพ่อแม่ ไม่นานนี้เราเรื่องคุยกันเรื่องอนาคตกันบ้าง เช่นเรื่องการแต่งงาน
แต่คำตอบที่ผมได้ยินเริ่มทำให้ผมคิดว่าจริงๆแล้วเธอได้รักผมบ้างหรือป่าว เขาบอกว่าอยากแต่งงานตอนอายุประมาณ 35-40 หรืออาจจะไม่แต่ง ต้องรอดูพฤติกรรม(การใช้เงินของ)ผมก่อน?

ซึ่งเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่เราได้ไปเที่ยวตปท.แล้วกลับมาบ้าน ซึ่งเงินเก้บของผมเกือบทั้งหมด หมดไปกับทริปนี้ แฟนผมอยากพักที่ดีๆวิวสวยๆ(ค่ารร.คืนละ 10000 ++ พักไป 2 คืน) เที่ยวแบบกินหรูอยู่แพง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ทริปนี้เราตกลงกันว่าจะหาร 2 ทุกอย่าง (ค่ารร. ค่ากิน) แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ต่างคนต่างเลี้ยงซึ่งงบในการเที่ยวทั้งหมดเราเท่ากัน แต่แฟนผมได้เครื่องสำอางติดมือกลับไปประมาณ 10000 บาท ++ ส่วนผมได้ ฟิกเกอติดมือไปประมาน 2000 บาท ซึ่งหมายความว่าทริปนี้ส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนจ่ายก่อน (ค่าเช่ารถ 3-4วัน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน) ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถือว่าเป็นการได้ไปเที่ยวกับแฟนผม แต่ช่วงท้ายๆทริปก็แฟนผมจะจ่ายพวกค่ากินเพราะผมหมดเพราะจ่ายไปช่วงต้นๆของทริปไปแล้ว

แต่หลังจากกลับมาจากทริปไม่กี่วันผมก็ลงสตอรี่พอตลงทุนของผม หลังจากนั้นเธอก็ไม่คุยกับผมไปประมาน 3 วัน จนยอมคุยกับผม ผมถึงรู้ว่า เธอน้อยใจที่หลังๆมานี้ผมไม่ค่อยได้ treat(เลี้ยง) เธอมากเท่าที่ควรจนเธอคิดว่าเธอไม่สำคัญ ซึ่งจริงๆ ผมก็เลี้ยงปกติเท่าที่ผมไหวเช่นไปกินข้าวกัน มื้อละ 400 500 ผมก็จ่ายเองตลอดแค่ไม่ได้บอกออกมาว่าเลี้ยงซึ่งเมื่อก่อนผมจะบอกว่าเลี้ยง ซึ่งผมก็เข้าใจในจุดนี้ว่าผญ.เขาอาจจะอยากมี moment แฟนเลี้ยงบ้างแต่ เนื่องด้วยปีนี้ผมเก็บเงินอย่างหนักเพื่อที่ไปเที่ยวตปท.ครั้งแรกของผมกับแฟนไม่ติดขัดใดๆ ผมจึงมีบางครั้งที่ผมขอหารครึ่งในสิ่งที่บางครั้งผมไม่ไหว เช่น ค่ารร.ตอนไปเที่ยวตจว.(4000-6000) หรือ อาหารมื้อละ 1000++ ทุกครั้งที่ผมไปบ้านแฟน แฟนผมจะชวนไปเที่ยวตจว. ซึ่งแต่ละครั้งไป 3-4 วัน หมดเงินไปประมาน 15-20k ตลอด 

หลังจากนั้นก็คุยเรื่องอนาคตรวมไปถึงเรื่องแต่งงาน

ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสงสัยว่าจริงๆแล้วเธอได้รักผมบ้างหรือป่าวหรือรักเพียงแค่คนที่สามารถเลี้ยงดูเธอได้ ผมยอมรับว่าผมยังหาเงินได้ไม่เท่าเธอในตอนนี้ แต่ผมก็พยายามอยู่ตลอด วันไหนที่ผมทำงานกะบ่ายหรือดึกช่วงเช้าผมก็จะไปวิ่ง grab car ก่อนแล้วกลับมาทำงานต่อ หลังจากเลิกงานผมก็จะทำโปรเจคที่คิดว่าจะสามารถหาเงินได้ในอนาคต(side hustle)วันละ 3-4 ชม. ศึกษาลงทุน เก็บออมทุกๆเดือน ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ เงินทุกบาทที่ผมหาได้แทบจะเรียกว่าใช้กับแฟนผมอย่างเดียวเลยก็ได้ ยังดีที่ทางบ้านผมไม่ได้ลำบากอะไรไม่ต้องส่งเงินให้พ่อให้แม่ แล้วผมกำลังจะวางแผนสอบภาษาเพื่อที่จะไปเก็บที่ออสของโครงการ work and holiday อีก 

มาถึงตรงนี้ผมก็ไม่เคยขอเงินเธอใช้ ยืมเงิน หรือยุ่งเกี่ยวกับเงินของเธอแม้แต่บาทเดียว แล้วผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอด้วยนอกจากกำลังใจ การซับพอร์ต แบบที่คนรักเขามีให้กัน แต่นี่เธอนอกจากจะไม่ได้ให้กำลังใจผมแล้ว ยังคอยลงสตอรี่ แซะ กระแนะกระแหน ผมอีก เวลาผมไปบ้านแฟน แฟนก็ชวนไปเที่ยวตจว. ซึ่งผมก็ไม่เคยปฏิเสธ เธออาจจะมีปมที่พ่อเธอไม่เลี้ยงดูแล้วเกาะแม่กินไม่ช่วยแม่เธอทำมาหากิน(ครอบครั้วแฟนผมค่อนข้างเกือบจะลำบาก) แต่ผมสงสัยว่าเวลา 7 ปีไม่ได้แสดงให้เธอเห็นเลยหรอว่าผมเป็นคนแบบไหนเป็นเหมือนพ่อเขาไหม แล้วพอผมได้ยินคำตอบแบบนี้มันทำให้ผมเริ่มคิดว่า ที่ผมทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร การสร้างครอบครัวที่ไม่แน่นอน การอกหัก หรือเป็นโสดตอนวัยกลางคน ผมไม่คิดจะเป็นพนง.กินเงินเดือนไปตลอด project ที่ผมทำก็เอาความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานมาทำ ผมควรจะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ดีครับ 

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านจนจบ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่