ตอน 14
วังวน
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นผ่านพ้นไป ผมไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลย และหวังว่าเธอคงจะใช้เวลาคิดทบทวนในสิ่งที่ได้ทำลงไป จากนั้นเราควรที่จะพูดคุยกันอย่างจริงจังเสียที
เราควรเลิกรากัน... ดีที่สุด
เพราะเธอได้เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว
หากย้อนกลับไปทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็คงจะไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแค่คู่รักที่เคยรักกันมาก แต่วันหนึ่งอีกฝ่ายกลับหมดรัก แล้วไปมีใจให้กับอีกคน เรื่องราวทั้งหมดก็ควรจะจบลงด้วยการเลิกรา ส่วนตัวผมก็คงต้องหันหลังแล้วก็เดินออกมา
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น กลับไม่ง่ายอย่างนั้น
น้องที่เคาน์เตอร์โทรมาบอกว่า หลังจากคืนนั้นเธอเข้ามาที่คอนโดในช่วงเย็น แต่เป็นการเข้ามาเก็บของใช้ที่จำเป็นแล้วก็กลับออกไป โดยมีเพื่อนผู้หญิงขี่รถมอเตอร์ไซด์มารอรับ ไม่มีแม้แต่เงาของสาวทอม
ผมได้คุยกับแม่ของเธอบ้าง เธอไม่ได้กลับไปที่บ้าน คิดว่าน่าจะไม่อยู่ที่ไหนสักแห่งกับสาวทอม แต่ครั้นจะเช่าห้องพักก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ เพราะเงินเดือนของเธอไม่ได้สูงนัก ส่วนเวลากลางวันเธอก็ไปทำงานตามปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่ได้สั่งให้ลูกน้องคอยติดตามเธอว่าหลังเลิกงานจะมีใครมารับเธอหรือไม่ แล้วเธอไปพักอยู่ที่ไหน หากให้คอยสืบดูก็คงจะรู้ได้ไม่ยาก แต่เราจะเลิกกันอยู่แล้วนี่ ผมจะอยากรู้เรื่องเหล่านั้นไปทำไม
เวลาผ่านไปอีกหลายวัน เราก็ยังไม่ได้คุยกันเสียที จนวันหนึ่งผมเข้าไปในเฟสบุ๊คของเธอ ด้วยความเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง ไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้น มีเพียงการกดเช็คอินสถานที่ที่เธออยู่ ซึ่งทำให้ผมต้องแปลกใจมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดหนึ่งที่ไกลออกไป
เธอไปที่นั่นทำไมนะ!
แล้ววันหนึ่งผมก็โทรหาเธอจนได้ สอบถามเธอว่าเป็นยังไงบ้าง เธอดีใจมากที่ผมยังอยากที่จะติดต่อกับเธออยู่ เราคุยกันหลายเรื่องเป็นเวลานานพอสมควร เธอบ่นด้วยความน้อยใจว่าทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้างเลย ทุกอย่างไม่มีอะไร และไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด
ไม่มีอะไรอย่างนั้นเหรอ!
ผมแปลกใจกับคำพูดของเธอ ไม่มีอะไรได้ยังไง เธอลืมสิ่ที่ได้ทำไปแล้วหรือยังไง
เธอยังบ่นต่อไปว่า ทำไมต้องสั่งให้ลูกน้องคอยติดตามเธอด้วย เป็นเพียงแค่อารมณ์ตัดพ้น ไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวใดๆ ออกมา เธอไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย สาวทอมเป็นเพียงเพื่อน ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยสักนิด เธอไม่ได้มีใครอื่น และยังคงรักผมเหมือนเดิม
เธอกำลังทำให้ผมใจอ่อน
ผมงุนงงกับคำพูดของเธอ จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะโทรมาคุยและบอกเลิกกับเธอ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผมจึงไม่สามารถบอกเลิกกับเธอได้ เธอทำสำเร็จ ทำให้ผมใจอ่อนเสียแล้ว
วันนี้เธอดูเป็นปกติกว่าทุกวัน ไม่ได้มีอารมณ์แปรปรวนเหมือนวันก่อนๆ ไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อน คำพูดนี้หลุดออกจากปากของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองว่าได้ทำอะไรลงไป ผมรู้สึกได้ว่าเธอพูดจริง ไมได้โกหก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกับข้ามกับสิ่งที่เธอกำลังบอก โดยเฉพาะเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า เธอกำลังต้องการอะไรกันแน่ จะเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้ทำไม ในเมื่อมีคนอื่นแล้ว
ผมแสดงความห่วงใยเธอด้วยการขอให้เธอกลับมาพักที่คอนโดเหมือนเดิม และรับประกันว่าจะไม่มีใครไปรบกวนเธอ จะปล่อยให้เธอใช้ชีวิตที่เงียบสงบอย่างที่ต้องการ เธอปฏิเสธพร้อมกับให้เหตุผลว่า ขอใช้เวลาอยู่ที่อื่นสักพัก หากจิตใจดีขึ้นแล้วก็จะกลับไปพักที่คอนโด
หลังจากนั้นเราได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง เธอเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ย้อนกลับไปก่อนคืนวันเลี้ยงรุ่น เพื่อนสนิทของเธอสมัยเรียนหลายคนโทรมาชวนให้ไปงานเลี้ยงให้ได้ จนเธอไม่สามารถปฏิเสธได้ต้องไปในที่สุด ในงานเลี้ยงมีเพื่อนสมัยเรียนหลายคน และสาวทอมก็มาด้วยกันกับเพื่อนของเธอคนหนึ่ง เมื่อสาวทอมเห็นเธอก็พยายามจะทำความรู้จัก และหลังจากงานเลี้ยงในคืนนั้น สาวทอมพยายามโทรหาเธอหลายครั้ง คงจะได้เบอร์โทร.จากเพื่อนในกลุ่ม และพยายามแวะเวียนมาหาที่ห้อง แต่ไม่ได้ค้างคืน หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทสนมกัน และความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้ เธอย้ำแทบจะตลอดเวลา
ผมเชื่อว่าเรื่องที่เธอเล่านั้นเป็นความจริง แต่ก็ยังคงไม่ลืมว่าเธอออกไปพักค้างแรมกับสาวทอมแทบทุกคืน และเธอก็โกหกผมมาโดยตลอด วันต่อมาผมเข้าไปดูเฟสบุ๊กของเธออีกครั้ง กลับต้องแปลกใจ เนื่องจากเธอเช็คอินอยู่ที่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลไปกว่าสี่ร้อยกิโลเมตร คราวที่แล้วก็ครั้งหนึ่ง แล้วคราวนี้ก็อีก เธอไปทำอะไรที่จังหวัดเหล่านี้กันนะ
ผมตัดสินใจโทรหาเธอ เมื่อเธอรับสายก็ได้ยินเสียงเพลงที่ดังมาก เหมือนกำลังอยู่ในงานคอนเสิร์ตที่ไหนสักแห่ง เธอเล่าอย่างไม่ปิดบัง เป็นเพราะว่าสาวทอมต้องเดินทางมาทำงาน แต่เนื่องจากมีอาการป่วย จึงกังวลว่าจะขับรถระหว่างทางไกลไม่ไหว จึงขอร้องให้เธอนั่งรถมาเป็นเพื่อน ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก พยายามเข้ามาหลับในรถ แต่อากาศที่ร้อนก็ทำให้นอนไม่หลับ กว่างานคอนเสิร์ตจะเลิกก็น่าจะใกล้สว่างเต็มที ในคืนนั้นเธอโทรหาผมหลายครั้ง จนในที่สุดก็ไม่สามารถติดต่อได้ เข้าใจว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์น่าจะหมด จนช่วงบ่ายของอีกวัน เธอโทรหาผมแล้วก็เล่าให้ฟังว่า กว่าเธอจะได้เดินทางออกมาจากงานคอนเสิร์ตก็เกือบรุ่งเช้าอีกวัน แต่สาวทอมพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะเดินทางกลับทันที อ้างว่าขับรถกลับไม่ไหว จึงต้องเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง และก็เป็นเวลาบ่ายกว่าจะได้เดินทางกลับ แล้วเหตุการณ์ที่น่าสงสัยก็ผ่านไป
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 14)
ตอน 14
วังวน
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นผ่านพ้นไป ผมไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลย และหวังว่าเธอคงจะใช้เวลาคิดทบทวนในสิ่งที่ได้ทำลงไป จากนั้นเราควรที่จะพูดคุยกันอย่างจริงจังเสียที
เราควรเลิกรากัน... ดีที่สุด
เพราะเธอได้เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว
หากย้อนกลับไปทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็คงจะไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแค่คู่รักที่เคยรักกันมาก แต่วันหนึ่งอีกฝ่ายกลับหมดรัก แล้วไปมีใจให้กับอีกคน เรื่องราวทั้งหมดก็ควรจะจบลงด้วยการเลิกรา ส่วนตัวผมก็คงต้องหันหลังแล้วก็เดินออกมา
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น กลับไม่ง่ายอย่างนั้น
น้องที่เคาน์เตอร์โทรมาบอกว่า หลังจากคืนนั้นเธอเข้ามาที่คอนโดในช่วงเย็น แต่เป็นการเข้ามาเก็บของใช้ที่จำเป็นแล้วก็กลับออกไป โดยมีเพื่อนผู้หญิงขี่รถมอเตอร์ไซด์มารอรับ ไม่มีแม้แต่เงาของสาวทอม
ผมได้คุยกับแม่ของเธอบ้าง เธอไม่ได้กลับไปที่บ้าน คิดว่าน่าจะไม่อยู่ที่ไหนสักแห่งกับสาวทอม แต่ครั้นจะเช่าห้องพักก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ เพราะเงินเดือนของเธอไม่ได้สูงนัก ส่วนเวลากลางวันเธอก็ไปทำงานตามปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่ได้สั่งให้ลูกน้องคอยติดตามเธอว่าหลังเลิกงานจะมีใครมารับเธอหรือไม่ แล้วเธอไปพักอยู่ที่ไหน หากให้คอยสืบดูก็คงจะรู้ได้ไม่ยาก แต่เราจะเลิกกันอยู่แล้วนี่ ผมจะอยากรู้เรื่องเหล่านั้นไปทำไม
เวลาผ่านไปอีกหลายวัน เราก็ยังไม่ได้คุยกันเสียที จนวันหนึ่งผมเข้าไปในเฟสบุ๊คของเธอ ด้วยความเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง ไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้น มีเพียงการกดเช็คอินสถานที่ที่เธออยู่ ซึ่งทำให้ผมต้องแปลกใจมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดหนึ่งที่ไกลออกไป
เธอไปที่นั่นทำไมนะ!
แล้ววันหนึ่งผมก็โทรหาเธอจนได้ สอบถามเธอว่าเป็นยังไงบ้าง เธอดีใจมากที่ผมยังอยากที่จะติดต่อกับเธออยู่ เราคุยกันหลายเรื่องเป็นเวลานานพอสมควร เธอบ่นด้วยความน้อยใจว่าทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้างเลย ทุกอย่างไม่มีอะไร และไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด
ไม่มีอะไรอย่างนั้นเหรอ!
ผมแปลกใจกับคำพูดของเธอ ไม่มีอะไรได้ยังไง เธอลืมสิ่ที่ได้ทำไปแล้วหรือยังไง
เธอยังบ่นต่อไปว่า ทำไมต้องสั่งให้ลูกน้องคอยติดตามเธอด้วย เป็นเพียงแค่อารมณ์ตัดพ้น ไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวใดๆ ออกมา เธอไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย สาวทอมเป็นเพียงเพื่อน ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยสักนิด เธอไม่ได้มีใครอื่น และยังคงรักผมเหมือนเดิม
เธอกำลังทำให้ผมใจอ่อน
ผมงุนงงกับคำพูดของเธอ จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะโทรมาคุยและบอกเลิกกับเธอ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผมจึงไม่สามารถบอกเลิกกับเธอได้ เธอทำสำเร็จ ทำให้ผมใจอ่อนเสียแล้ว
วันนี้เธอดูเป็นปกติกว่าทุกวัน ไม่ได้มีอารมณ์แปรปรวนเหมือนวันก่อนๆ ไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อน คำพูดนี้หลุดออกจากปากของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองว่าได้ทำอะไรลงไป ผมรู้สึกได้ว่าเธอพูดจริง ไมได้โกหก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกับข้ามกับสิ่งที่เธอกำลังบอก โดยเฉพาะเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า เธอกำลังต้องการอะไรกันแน่ จะเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้ทำไม ในเมื่อมีคนอื่นแล้ว
ผมแสดงความห่วงใยเธอด้วยการขอให้เธอกลับมาพักที่คอนโดเหมือนเดิม และรับประกันว่าจะไม่มีใครไปรบกวนเธอ จะปล่อยให้เธอใช้ชีวิตที่เงียบสงบอย่างที่ต้องการ เธอปฏิเสธพร้อมกับให้เหตุผลว่า ขอใช้เวลาอยู่ที่อื่นสักพัก หากจิตใจดีขึ้นแล้วก็จะกลับไปพักที่คอนโด
หลังจากนั้นเราได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง เธอเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ย้อนกลับไปก่อนคืนวันเลี้ยงรุ่น เพื่อนสนิทของเธอสมัยเรียนหลายคนโทรมาชวนให้ไปงานเลี้ยงให้ได้ จนเธอไม่สามารถปฏิเสธได้ต้องไปในที่สุด ในงานเลี้ยงมีเพื่อนสมัยเรียนหลายคน และสาวทอมก็มาด้วยกันกับเพื่อนของเธอคนหนึ่ง เมื่อสาวทอมเห็นเธอก็พยายามจะทำความรู้จัก และหลังจากงานเลี้ยงในคืนนั้น สาวทอมพยายามโทรหาเธอหลายครั้ง คงจะได้เบอร์โทร.จากเพื่อนในกลุ่ม และพยายามแวะเวียนมาหาที่ห้อง แต่ไม่ได้ค้างคืน หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทสนมกัน และความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้ เธอย้ำแทบจะตลอดเวลา
ผมเชื่อว่าเรื่องที่เธอเล่านั้นเป็นความจริง แต่ก็ยังคงไม่ลืมว่าเธอออกไปพักค้างแรมกับสาวทอมแทบทุกคืน และเธอก็โกหกผมมาโดยตลอด วันต่อมาผมเข้าไปดูเฟสบุ๊กของเธออีกครั้ง กลับต้องแปลกใจ เนื่องจากเธอเช็คอินอยู่ที่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลไปกว่าสี่ร้อยกิโลเมตร คราวที่แล้วก็ครั้งหนึ่ง แล้วคราวนี้ก็อีก เธอไปทำอะไรที่จังหวัดเหล่านี้กันนะ
ผมตัดสินใจโทรหาเธอ เมื่อเธอรับสายก็ได้ยินเสียงเพลงที่ดังมาก เหมือนกำลังอยู่ในงานคอนเสิร์ตที่ไหนสักแห่ง เธอเล่าอย่างไม่ปิดบัง เป็นเพราะว่าสาวทอมต้องเดินทางมาทำงาน แต่เนื่องจากมีอาการป่วย จึงกังวลว่าจะขับรถระหว่างทางไกลไม่ไหว จึงขอร้องให้เธอนั่งรถมาเป็นเพื่อน ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก พยายามเข้ามาหลับในรถ แต่อากาศที่ร้อนก็ทำให้นอนไม่หลับ กว่างานคอนเสิร์ตจะเลิกก็น่าจะใกล้สว่างเต็มที ในคืนนั้นเธอโทรหาผมหลายครั้ง จนในที่สุดก็ไม่สามารถติดต่อได้ เข้าใจว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์น่าจะหมด จนช่วงบ่ายของอีกวัน เธอโทรหาผมแล้วก็เล่าให้ฟังว่า กว่าเธอจะได้เดินทางออกมาจากงานคอนเสิร์ตก็เกือบรุ่งเช้าอีกวัน แต่สาวทอมพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะเดินทางกลับทันที อ้างว่าขับรถกลับไม่ไหว จึงต้องเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง และก็เป็นเวลาบ่ายกว่าจะได้เดินทางกลับ แล้วเหตุการณ์ที่น่าสงสัยก็ผ่านไป
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด