ตอนจบ
คำขอร้องของแม่ ทำให้ผมคิดมากไปหลายวัน ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญกับชีวิตของผมครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เธอยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยังคงไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนเดิม เมื่อวานพูดอีกอย่าง พออีกวันกลับทำอีกอย่าง อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พักหลังเธอมีอาการเงียบเฉย ซึมเศร้ามากขึ้น คงถึงเวลาที่ผมจะต้องทำใจ...
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของเราเริ่มห่างเหินมากขึ้น พูดคุยกันน้อยลง ผมไม่ได้เดินทำงกลับไปยังจังหวัดที่เธออยู่เป็นเดือนที่สอง เวลากำลังทำหน้าที่ของมัน เยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เดินทางไปที่ห้องของเรา แต่ก็ยังคงเช่าห้องเอาไว้ คิดว่าหากวันใดเธอกลับมา จะได้ไม่ต้องหาห้องเช่าใหม่ เพราะเธอชอบห้องนี้มาก เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้ ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงเสียที เพราะความจริงแล้ว ห้องนี้แทบจะว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของอะไรที่เป็นของเธอ เธอเก็บข้าวของทุกอย่าง ออกไปตั้งนานแล้ว และนี่ก็คือความจริงที่ผมควรยอมรับให้ได้เสียที สายลมเย็นสบายยามเย็นโชยปะทะใบหน้าในช่วงที่แสงอาทิตย์สอดส่อง สวยงามก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยความมืด ในขณะที่กระจกรถยนต์ถูกเปิดออก ผมสูดอากาศภายนอกที่สดชื่นเย็นสบาย พลางนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้เมื่อปีก่อน เมื่อผมไดได้เจอเธอครั้งแรก แล้วตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง เวลาหนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย
ผมถูกปลดปล่อยจากพันธนาการทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพราะคำขอร้องของแม่ที่ช่วยให้การตัดสินใจของผมง่ายขึ้น ผมพร้อมที่จะเลิกรากับเธอแล้ว
วันนี้ผมเดินทางมาเก็บของทุกอย่างในห้อง จากนั้นก็คืนห้องพัก กล่าวขอบคุณน้องพนักงานที่เคาน์เตอร์ที่ช่วยเหลือมาโดยตลอด จากนี้ไปผมคงไม่ได้เดินทำงกลับมาที่จังหวัดนี้อีกแล้ว ผมเลือกที่จะให้ความเหินห่างบอกลาความสัมพันธ์ของเรา ไม่มีการบอกเลิก เพราะเธอก็คงจะเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้เหมือนเคย ปล่อยให้เวลาผ่านไป คงจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น หลังจากนั้นเราแทบไม่ได้คุยกันอีกเลย จนต่างฝ่ายต่างเงียบหายจากกันในที่สุด และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ความรักของเราสิ้นสุดลงแล้ว!
ผมใช้เวลาว่างกลับมานึกถึงเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง
การได้เจอกันของคนสองคน เริ่มต้นจากความคุ้นเคย และสนิทสนมกัน อย่างรวดเร็ว ซึ่งผมเชื่อว่า เราเคยเจอกันและรักกันมาก่อนตั้งแต่อดีตชำติ แต่ด้วยเวรกรรมที่แต่ละคนได้กระทำกันไว้ ทำให้ไม่สามารถครองคู่กันได้ จำต้องแยกทางกัน เหมือนเรื่องราวที่ถูกขีดเขียนเอาไว้ล่วงหน้า มีช่วงเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปราวกับว่าเป็นเพียงความฝัน ทิ้งเอาไว้เพียงความทรงจำดีๆ ความสุขตลอดช่วงระยะเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน และเรื่องราวเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นเราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอที่ผมยังคงบันทึกเอาไว้ โทร.เข้ามา
เธอโทร.เข้ามาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ด่าทอต่อว่าผมด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เธอพูดเพียงแต่ว่า
“รู้นะว่ากำลังทำอะไร...” เธอกล่าวซ้ำไปซ้ำมา ด้วยความงุนงง ผมพยายามถามเธอว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น อารมณ์ของเธอยังคงรุนแรงไม่ยอมหยุด จนในที่สุดผมได้ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่า เรื่องราวระหว่างเรามันจบลงแล้ว ผมไม่คิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญตอนนี้ผมมีแฟนใหม่แล้ว!
อารมณ์ของเธอสงบลงทันที เงียบไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็วางสายไป เธอรู้นิสัยของผมดี หากว่าได้เลิกรากันแล้ว และไปคบหญิงคนอื่น ผมจะไม่มีทางกลับไปหญิงสาวที่เลิกราแล้วอย่างแน่นอน ทั้งที่จริงแล้ว ผมยังไม่ได้มีใครใหม่ การบอกเธอไปอย่างนั้น คงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ทุกอย่างจะได้จบลงเสียที
ผมถอนหายใจพลางคิดว่า หลายเดือนแล้วเธอยังไม่ดีขึ้นเลย คงได้แต่ภาวนาให้เธอหายเป็นปกติโดยเร็ววัน สำหรับผมคงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงของเธอ
หลังจากนั้นลูกน้องคนสนิทก็โทร.มาเล่าให้ฟังว่าเธอได้ไปคุยด้วย แล้วก็เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งเธอนั่งรถไปกับสาวทอม อยู่ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับ มาด้วยความเร็ว จากนั้นก็ขับปาดหน้าเบียดรถของสาวทอมจนไถลตกข้างทางหวุดหวิดจะพลิกคว่ำ เธอปักใจเชื่อว่ารถยนต์คันนั้นจงใจที่จะทำร้ายเธอและสาวทอม และยังเชื่ออีกว่าผมเป็นคนว่าจ้างรถยนต์คันนั้นให้ไปทำร้ายเธอ ลูกน้องของผมได้ฟังเธอเล่าก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็บอกไปว่า เป็นไปไม่ได้ ลูกน้องรู้จักนิสัยของผมดี ผมไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นแน่ และ ถ้าหากคิดจะทำ ยังไงผมก็ต้องโทร.หาเขา ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทให้เป็นคนทำเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างที่สำคัญ ลูกน้องบอกเธอไปว่า ผมมีแฟนใหม่แล้ว ไม่คิดจะสนใจ เธออีกต่อไป
ไม่ว่าเธอจะเชื่อเรื่องผมบอกหรือไม่ว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าผมได้มีคนรักใหม่แล้ว นั่นหมายถึงความสัมพันธ์ของเราได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์
หลังจากเหตุการณ์นั้น เราไม่ได้คุยกันอีกเลย ถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเวลากว่าแปดปี ผมยังมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ และเธอก็คงจะเก็บเบอร์โทรศัพท์ของผมเอาไว้ แต่เราทั้งคู่เลือกที่จะไม่ติดต่อกัน ต่างฝ่ายต่างเก็บเรื่องราวดีๆ ของกันและกันไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ อย่างไม่เคยลืมเลือน
บทส่งท้าย
ผม : หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ทำให้ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า “มนตร์ดำ” มีอยู่จริง และไม่ควรที่จะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะทุกอย่างที่ได้กระทำโดยอาศัยฤทธิ์ของมนตร์ดำ ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างเวรกรรมให้กับบุคคลอื่นทั้งสิ้น และสักวันหนึ่งเวรกรรมที่ได้กระทำนี้ ก็จะส่งผลต่อผู้ที่ไปเกี่ยวข้องอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผมยังคงดำเนินชีวิตต่อไป ผมไม่ได้เจอเธออีกเลย หลังจากนั้นได้มีโอกาสกลับไปจังหวัดที่เธออยู่บ้างแทบจะนับครั้งได้ แต่ยังคงสอบถามกับลูกน้องอยู่เสมอว่าได้เจอเธอบ้างหรือไม่ ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง และมักจะฝากลูกน้องไปบอกกับเธอว่า “ผมคิดถึงเธอ” และทุกครั้งที่เธอได้ฟังก็จะยิ้ม อย่างมีความสุข
เธอ : ผมไม่ได้คุยกับเธอ หรือคนในครอบครัวของเธออีกเลยนับจากนั้น จึงไม่รู้ว่าความเชื่อของเธอได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ เธอเชื่อเรื่องมนตร์ดำนี้บ้างไหม และอาการที่เกิดจากมนตร์ดำได้หายไปเมื่อไหร่ หรือเธออาจจะไม่เคยรู้สึกเลยว่า เธอได้เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนในช่วงเวลานั้น แต่ คิดว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามที่อาได้บอกเอาไว้ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เธอก็จะหายเป็นปกติกลับมาเป็นเธอคนเดิม และมนตร์ดำที่ครอบงำจิตใจของเธอเสื่อมสลายไปตาม จากการสอบถามข่าวคราวของเธอกับลูกน้อง ก็ได้รู้ว่าเธอเป็นปกติทุกอย่าง ไม่มีข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอคงจะหายเป็นปกติ และได้พบกับสิ่งที่ดีในชีวิตต่อไปจากนี้
สาวทอม : การกระทำของสาวทอด้วยการใช้มนตร์ดำบังคับจิตใจคนอื่น ไมว่าจะเป็นเสี่ยที่เคยทำงานด้วย เธอ หรืออาจจะมีคนอื่นอีกหลายคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างเวรกรรมให้กับคนอื่นทั้งสิ้น และที่ผ่านมาก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป อีกทั้งอายังเตือนอีกว่าคนที่ไปเกี่ยวข้องกับมนตร์ดำ สักวันมนตร์ดำที่นำไปทำร้ายคนอื่น จะกลับมาทำร้ายตัวเองในที่สุด ไม่มีข่าวคราวของสาวทอมอีกเลย และผมก็ไม่สนใจที่จะสืบว่าตอนนี้สาวทอมเป็นอย่างไรบ้างได้รับผลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วหรือยัง ทุกอย่างเงียบหายอย่างที่ควรจะเป็น คงได้แต่อโหสิกรรมให้กับการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเท่านั้น
แฟนของเธอ : แฟนของเธอคือคนที่รักเธออย่างแท้จริง อยู่เคียงข้างและให้อภัยเธอแทบทุกอย่าง ผมเชื่อว่าตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา แฟนของเธอรู้อย่างแน่นอนว่าเธอมีคนอื่น แต่ด้วยความรัก จึงทำได้เพียงแค่รอคอยให้หญิงอันเป็นที่รักคิดได้ เขาอาจจะยังคงอยู่ที่บ้านของเธอต่อไป หรือย้ายออกไปแล้ว เพราะไม่สามารถอดทนกับพฤติกรรมของเธอได้ หรือทั้งคู่ได้กลับไปใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วก็เป็นได้ และที่สำคัญผมไม่เคยได้ข่าวว่าเธอตั้งท้องในช่วงเวลาแปดปีที่ผ่าน เพราะการมีลูกเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุด
อา : ผมไม่ได้คุยกับอาอีกเลยหลังจากนั้น ได้ยินข่าวจากแม่ว่าอาป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล แม่ได้เดินทางไปเยี่ยมอำ ซึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อาซูบผอมไปมาก จนถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าอาป่วยเป็นอะไร เพียงแต่มีข่าวลือว่า อาได้ช่วยรักษาคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับมนตร์ดำมาตลอดหลายปี รักษาให้คนหายนับไม่ถ้วน จนลือกันว่าผู้ที่ทำมนตร์ดำเหล่านี้บางคน มีวิชาอาคมที่เหนือกว่าโกรธแค้น และได้ทำมนตร์ดำใส่อา จนเป็นเหตุให้อาต้องล้มป่วยหนัก ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก ไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้นว่าอาป่วยเป็นอะไรกันแน่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอานิสงส์ของการช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน จะดลบันดาลให้อามีสุขภาพที่ดี รอดพ้นจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป
ทุกวันนี้อาหายป่วยและกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิม
(ตอนนี้หลายคนคงทราบดีกันแล้วว่าอาได้เสียชีวิตแล้ว)
“มนตร์ดำ” เชื่อว่าเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง ผู้ที่ได้พบเจอล้วนแล้วแต่ เคยได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ในอดีตชาติ ไม่ควรที่ใครคนใดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่ำนี้โดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการสร้างเวรกรรมให้เกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด...
-- The End --
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
ตอนนี้หนังสือพร้อมส่งแล้วนะครับ (เหลืออยู่ไม่ถึง 10 เล่มแล้วครับ)
หากสนใจ inbox ได้ทาง Facebook Page : สำนักพิมพ์ คุณหนูชูใจ
ได้เลยนะครับ (หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป)
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอนจบ)
ตอนจบ
คำขอร้องของแม่ ทำให้ผมคิดมากไปหลายวัน ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญกับชีวิตของผมครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เธอยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยังคงไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนเดิม เมื่อวานพูดอีกอย่าง พออีกวันกลับทำอีกอย่าง อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พักหลังเธอมีอาการเงียบเฉย ซึมเศร้ามากขึ้น คงถึงเวลาที่ผมจะต้องทำใจ...
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของเราเริ่มห่างเหินมากขึ้น พูดคุยกันน้อยลง ผมไม่ได้เดินทำงกลับไปยังจังหวัดที่เธออยู่เป็นเดือนที่สอง เวลากำลังทำหน้าที่ของมัน เยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เดินทางไปที่ห้องของเรา แต่ก็ยังคงเช่าห้องเอาไว้ คิดว่าหากวันใดเธอกลับมา จะได้ไม่ต้องหาห้องเช่าใหม่ เพราะเธอชอบห้องนี้มาก เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้ ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงเสียที เพราะความจริงแล้ว ห้องนี้แทบจะว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของอะไรที่เป็นของเธอ เธอเก็บข้าวของทุกอย่าง ออกไปตั้งนานแล้ว และนี่ก็คือความจริงที่ผมควรยอมรับให้ได้เสียที สายลมเย็นสบายยามเย็นโชยปะทะใบหน้าในช่วงที่แสงอาทิตย์สอดส่อง สวยงามก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยความมืด ในขณะที่กระจกรถยนต์ถูกเปิดออก ผมสูดอากาศภายนอกที่สดชื่นเย็นสบาย พลางนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้เมื่อปีก่อน เมื่อผมไดได้เจอเธอครั้งแรก แล้วตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง เวลาหนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย
ผมถูกปลดปล่อยจากพันธนาการทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพราะคำขอร้องของแม่ที่ช่วยให้การตัดสินใจของผมง่ายขึ้น ผมพร้อมที่จะเลิกรากับเธอแล้ว
วันนี้ผมเดินทางมาเก็บของทุกอย่างในห้อง จากนั้นก็คืนห้องพัก กล่าวขอบคุณน้องพนักงานที่เคาน์เตอร์ที่ช่วยเหลือมาโดยตลอด จากนี้ไปผมคงไม่ได้เดินทำงกลับมาที่จังหวัดนี้อีกแล้ว ผมเลือกที่จะให้ความเหินห่างบอกลาความสัมพันธ์ของเรา ไม่มีการบอกเลิก เพราะเธอก็คงจะเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้เหมือนเคย ปล่อยให้เวลาผ่านไป คงจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น หลังจากนั้นเราแทบไม่ได้คุยกันอีกเลย จนต่างฝ่ายต่างเงียบหายจากกันในที่สุด และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ความรักของเราสิ้นสุดลงแล้ว!
ผมใช้เวลาว่างกลับมานึกถึงเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง
การได้เจอกันของคนสองคน เริ่มต้นจากความคุ้นเคย และสนิทสนมกัน อย่างรวดเร็ว ซึ่งผมเชื่อว่า เราเคยเจอกันและรักกันมาก่อนตั้งแต่อดีตชำติ แต่ด้วยเวรกรรมที่แต่ละคนได้กระทำกันไว้ ทำให้ไม่สามารถครองคู่กันได้ จำต้องแยกทางกัน เหมือนเรื่องราวที่ถูกขีดเขียนเอาไว้ล่วงหน้า มีช่วงเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปราวกับว่าเป็นเพียงความฝัน ทิ้งเอาไว้เพียงความทรงจำดีๆ ความสุขตลอดช่วงระยะเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน และเรื่องราวเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นเราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอที่ผมยังคงบันทึกเอาไว้ โทร.เข้ามา
เธอโทร.เข้ามาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ด่าทอต่อว่าผมด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เธอพูดเพียงแต่ว่า
“รู้นะว่ากำลังทำอะไร...” เธอกล่าวซ้ำไปซ้ำมา ด้วยความงุนงง ผมพยายามถามเธอว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น อารมณ์ของเธอยังคงรุนแรงไม่ยอมหยุด จนในที่สุดผมได้ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่า เรื่องราวระหว่างเรามันจบลงแล้ว ผมไม่คิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญตอนนี้ผมมีแฟนใหม่แล้ว!
อารมณ์ของเธอสงบลงทันที เงียบไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็วางสายไป เธอรู้นิสัยของผมดี หากว่าได้เลิกรากันแล้ว และไปคบหญิงคนอื่น ผมจะไม่มีทางกลับไปหญิงสาวที่เลิกราแล้วอย่างแน่นอน ทั้งที่จริงแล้ว ผมยังไม่ได้มีใครใหม่ การบอกเธอไปอย่างนั้น คงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ทุกอย่างจะได้จบลงเสียที
ผมถอนหายใจพลางคิดว่า หลายเดือนแล้วเธอยังไม่ดีขึ้นเลย คงได้แต่ภาวนาให้เธอหายเป็นปกติโดยเร็ววัน สำหรับผมคงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงของเธอ
หลังจากนั้นลูกน้องคนสนิทก็โทร.มาเล่าให้ฟังว่าเธอได้ไปคุยด้วย แล้วก็เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งเธอนั่งรถไปกับสาวทอม อยู่ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับ มาด้วยความเร็ว จากนั้นก็ขับปาดหน้าเบียดรถของสาวทอมจนไถลตกข้างทางหวุดหวิดจะพลิกคว่ำ เธอปักใจเชื่อว่ารถยนต์คันนั้นจงใจที่จะทำร้ายเธอและสาวทอม และยังเชื่ออีกว่าผมเป็นคนว่าจ้างรถยนต์คันนั้นให้ไปทำร้ายเธอ ลูกน้องของผมได้ฟังเธอเล่าก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็บอกไปว่า เป็นไปไม่ได้ ลูกน้องรู้จักนิสัยของผมดี ผมไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นแน่ และ ถ้าหากคิดจะทำ ยังไงผมก็ต้องโทร.หาเขา ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทให้เป็นคนทำเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างที่สำคัญ ลูกน้องบอกเธอไปว่า ผมมีแฟนใหม่แล้ว ไม่คิดจะสนใจ เธออีกต่อไป
ไม่ว่าเธอจะเชื่อเรื่องผมบอกหรือไม่ว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าผมได้มีคนรักใหม่แล้ว นั่นหมายถึงความสัมพันธ์ของเราได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์
หลังจากเหตุการณ์นั้น เราไม่ได้คุยกันอีกเลย ถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเวลากว่าแปดปี ผมยังมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ และเธอก็คงจะเก็บเบอร์โทรศัพท์ของผมเอาไว้ แต่เราทั้งคู่เลือกที่จะไม่ติดต่อกัน ต่างฝ่ายต่างเก็บเรื่องราวดีๆ ของกันและกันไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ อย่างไม่เคยลืมเลือน
บทส่งท้าย
ผม : หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ทำให้ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า “มนตร์ดำ” มีอยู่จริง และไม่ควรที่จะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะทุกอย่างที่ได้กระทำโดยอาศัยฤทธิ์ของมนตร์ดำ ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างเวรกรรมให้กับบุคคลอื่นทั้งสิ้น และสักวันหนึ่งเวรกรรมที่ได้กระทำนี้ ก็จะส่งผลต่อผู้ที่ไปเกี่ยวข้องอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผมยังคงดำเนินชีวิตต่อไป ผมไม่ได้เจอเธออีกเลย หลังจากนั้นได้มีโอกาสกลับไปจังหวัดที่เธออยู่บ้างแทบจะนับครั้งได้ แต่ยังคงสอบถามกับลูกน้องอยู่เสมอว่าได้เจอเธอบ้างหรือไม่ ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง และมักจะฝากลูกน้องไปบอกกับเธอว่า “ผมคิดถึงเธอ” และทุกครั้งที่เธอได้ฟังก็จะยิ้ม อย่างมีความสุข
เธอ : ผมไม่ได้คุยกับเธอ หรือคนในครอบครัวของเธออีกเลยนับจากนั้น จึงไม่รู้ว่าความเชื่อของเธอได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ เธอเชื่อเรื่องมนตร์ดำนี้บ้างไหม และอาการที่เกิดจากมนตร์ดำได้หายไปเมื่อไหร่ หรือเธออาจจะไม่เคยรู้สึกเลยว่า เธอได้เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนในช่วงเวลานั้น แต่ คิดว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามที่อาได้บอกเอาไว้ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เธอก็จะหายเป็นปกติกลับมาเป็นเธอคนเดิม และมนตร์ดำที่ครอบงำจิตใจของเธอเสื่อมสลายไปตาม จากการสอบถามข่าวคราวของเธอกับลูกน้อง ก็ได้รู้ว่าเธอเป็นปกติทุกอย่าง ไม่มีข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอคงจะหายเป็นปกติ และได้พบกับสิ่งที่ดีในชีวิตต่อไปจากนี้
สาวทอม : การกระทำของสาวทอด้วยการใช้มนตร์ดำบังคับจิตใจคนอื่น ไมว่าจะเป็นเสี่ยที่เคยทำงานด้วย เธอ หรืออาจจะมีคนอื่นอีกหลายคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างเวรกรรมให้กับคนอื่นทั้งสิ้น และที่ผ่านมาก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป อีกทั้งอายังเตือนอีกว่าคนที่ไปเกี่ยวข้องกับมนตร์ดำ สักวันมนตร์ดำที่นำไปทำร้ายคนอื่น จะกลับมาทำร้ายตัวเองในที่สุด ไม่มีข่าวคราวของสาวทอมอีกเลย และผมก็ไม่สนใจที่จะสืบว่าตอนนี้สาวทอมเป็นอย่างไรบ้างได้รับผลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วหรือยัง ทุกอย่างเงียบหายอย่างที่ควรจะเป็น คงได้แต่อโหสิกรรมให้กับการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเท่านั้น
แฟนของเธอ : แฟนของเธอคือคนที่รักเธออย่างแท้จริง อยู่เคียงข้างและให้อภัยเธอแทบทุกอย่าง ผมเชื่อว่าตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา แฟนของเธอรู้อย่างแน่นอนว่าเธอมีคนอื่น แต่ด้วยความรัก จึงทำได้เพียงแค่รอคอยให้หญิงอันเป็นที่รักคิดได้ เขาอาจจะยังคงอยู่ที่บ้านของเธอต่อไป หรือย้ายออกไปแล้ว เพราะไม่สามารถอดทนกับพฤติกรรมของเธอได้ หรือทั้งคู่ได้กลับไปใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วก็เป็นได้ และที่สำคัญผมไม่เคยได้ข่าวว่าเธอตั้งท้องในช่วงเวลาแปดปีที่ผ่าน เพราะการมีลูกเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุด
อา : ผมไม่ได้คุยกับอาอีกเลยหลังจากนั้น ได้ยินข่าวจากแม่ว่าอาป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล แม่ได้เดินทางไปเยี่ยมอำ ซึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อาซูบผอมไปมาก จนถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าอาป่วยเป็นอะไร เพียงแต่มีข่าวลือว่า อาได้ช่วยรักษาคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับมนตร์ดำมาตลอดหลายปี รักษาให้คนหายนับไม่ถ้วน จนลือกันว่าผู้ที่ทำมนตร์ดำเหล่านี้บางคน มีวิชาอาคมที่เหนือกว่าโกรธแค้น และได้ทำมนตร์ดำใส่อา จนเป็นเหตุให้อาต้องล้มป่วยหนัก ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก ไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้นว่าอาป่วยเป็นอะไรกันแน่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอานิสงส์ของการช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน จะดลบันดาลให้อามีสุขภาพที่ดี รอดพ้นจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป
ทุกวันนี้อาหายป่วยและกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิม
(ตอนนี้หลายคนคงทราบดีกันแล้วว่าอาได้เสียชีวิตแล้ว)
“มนตร์ดำ” เชื่อว่าเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง ผู้ที่ได้พบเจอล้วนแล้วแต่ เคยได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ในอดีตชาติ ไม่ควรที่ใครคนใดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่ำนี้โดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการสร้างเวรกรรมให้เกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด...
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
ตอนนี้หนังสือพร้อมส่งแล้วนะครับ (เหลืออยู่ไม่ถึง 10 เล่มแล้วครับ)
หากสนใจ inbox ได้ทาง Facebook Page : สำนักพิมพ์ คุณหนูชูใจ
ได้เลยนะครับ (หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป)