ตอน 20
ความหวัง
“ความหวัง
คือ สิ่งเดียวที่คาดหวัง”
ผมยอมรับเลยว่า หลังจากที่ได้เดินทางไปหาอาแล้ว ใจของผมมีความหวังขึ้นมาทันที ผมนึกถึงภาพเธอคนเดิมที่ผมรู้จัก อ่อนหวานอ่อนโยน เพียบพร้อมไปทุกอย่างที่ผมคิดจะใช้ชีวิตคู่ด้วย อีกไม่นานเธอจะหายเป็นปกติ ผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง จนลืมคำเตือนของอาไปเสียสนิทเลยว่า จะมีปัญหาความวุ่นวายอีกมากมายเกิดขึ้นนับจากนี้ไป รวมถึงการทำพิธีช่วยเธอในช่วงเจ็ดวันที่ผมจะต้องตักบาตรทุกวัน
“อย่างได้ขาดไปแม้แต่วันเดียว”
และถึงตอนนี้ปัญหาความวุ่นวายได้เกิดขึ้นแล้ว
ช่วงเย็นใกล้พลบค่ำ ผมยังขับรถไม่ถึงห้อง ยังเหลือระยะทางอีกไกลพอสมควร แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ใกล้ถึงหรือยัง รอทานข้าวอยู่นะ”
เธอโทร.มาสอบถามว่าผมเดินทางใกล้ถึงรึยัง เธอกลับมาที่คอนโดตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว วันนี้เธอดูเป็นปกติมากกว่าทุกวัน บอกว่าอยากเจอผมมาก หลังจากไม่ได้เจอกันนานหลายสัปดาห์
ผมขับรถกลับอย่างมีความหวัง ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างทันทีทันใด
ผมเคาะประตู ครู่เดียวประตูห้องก็เปิด เธอเข้ามาสวมกอดผมด้วยความดีใจ ผมรู้สึกได้ว่าเป็นเธอคนเดิมที่รู้จักอย่างแน่นอน หรือว่าเธอจะหายดีแล้วจริงๆ
ผมทำทีเป็นชวนเธอทานข้าวที่ห้อง จึงเริ่มหุงข้าว จากนั้นก็ไปซื้อกับข้าวที่เธอชอบมานั่งทานด้วยกัน ระหว่างทานข้าวทุกอย่างเป็นปกติ เธออารมณ์ดีกว่าทุกวัน ไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวให้เห็น และระหว่างนั่งทานข้าวอยู่นั้น เธอก็สอบถามถึงธุระที่ผมไปทำในวันนี้ ว่าไปทำอะไร ที่ไหน
ผมตัดสินใจเล่าให้เธอฟังอย่างไม่ปิดบัง ด้วยไม่อยากโกหก ผมเล่าถึงเรื่องที่ไปพบอาให้ฟังอย่างคราวๆ อาตรวจดวงแล้วพบว่าเธอกำลังมีเคราะห์ในช่วงเบญจเพส และกำลังต้องมนตร์ดำที่สาวทอมได้ทำไว้ อาบอกเอาไว้อย่างนั้น
เธอกำลังต้องมนตร์ดำ
เธอดูเป็นปกติในระหว่างที่ฟังเรื่องที่ผมเล่า เป็นความเงียบที่น่าสะพรึงกลัว
“ไม่ใช่สิ” ผมคิดในใจ
เธอดูเงียบเกินไป มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว
เธอฟังเรื่องที่ผมเล่าพลางก้มหน้าทานข้าวจนผมที่ยาวของเธอแทบจะปิดบังใบหน้า เธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมขณะพูดอยู่ด้วยซ้ำ ในขณะที่ผมเล่าต่อไปเรื่อยๆ และคอยสังเกตอาการที่เปลี่ยนไปอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น
ผมรู้ดีว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติกำลังจะเกิดขึ้น
เธอหยุดนิ่งสักครู่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ตาของเธอขวางแสดงอารมณ์โกรธฉุนเฉียว แต่ไม่มองมาที่หน้าผม จากนั้นเธอก็กระแทกช้อนกับจานข้าวเสียงดัง แล้วอารมณ์ฉุนเฉียวที่ถูกเก็บไว้ก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
เธอต่อว่าผมต่างๆ นานาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ด้วยเสียงที่ดังลั่นห้อง ต่อว่าผมที่ไปเชื่อเรื่องงมงายแบบนี้ได้อย่างไร เธอไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ไม่มีเรื่องของมนตร์ดำอะไรทั้งสิ้น สาวทอมเป็นเพียงเพื่อนที่รู้จักกัน ไม่มีอะไรพิเศษ เธอพูดเสียงดังราวกับคนบ้าเสียสติ พูดไม่หยุด พูดไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการบ่น ด้วยเสียงที่ดังลั่นห้อง
ผมยอมรับเลยว่ารู้สึกตกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้เธอแสดงอาการลักษณะนี้บ้าง แต่เป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ แต่คราวนี้ผมได้เห็นอาการคลุ้มคลั่งด้วยตาของผมเอง
บางครั้งเหมือนเธอกำลังพูดกับตัวเอง แต่บางครั้งก็พูดกับผม ไม่ต่างกับคนที่มีอาการทางจิต ผมนั่งฟังเธอพูดซ้ำไปซ้ำมา วกวน หาสาระสำคัญอะไรไม่ได้ พลางสังเกตอากัปกิริยาที่เกิดขึ้น โดยไม่พูดตอบโต้อะไรออกไป
เธอไม่สบตาผมเลย!
ใช่แล้ว ตลอดเวลาที่มีปัญหา เหมือนเธอพยายามหลบสายตาโดยตลอด ไม่มองหน้า ก้มหน้าก้มตา หันหน้าหลีกหนี ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน แต่คราวนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจน
เธอไม่มองหน้าผม ไม่ใช่สิ! ไม่สบตาต่างหาก
เป็นอย่างที่อาบอกเอาไว้ไม่มีผิด
“ไหน อยู่ไหน! ของที่ปลุกเสก ไปเอามาเลย เดี๋ยวจะกินให้ดู ไปเอามาเดี๋ยวนี้ มีเท่าไหร่จะกินให้หมด”
เธอยังคงอาละวาด สบถด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเสียงดังต่อไป
ผมนิ่งเงียบไม่พูด หรือตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น
เธอหยิบเอากระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มจนหมด จากนั้นก็ขว้างลงพื้นเสียงดัง โดยที่ไม่รู้เลยว่าน้ำอัดลมคือสิ่งที่เธอกำลังถามถึงอยู่นั่นเอง
หลังจากนั้นดูเหมือนเธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเธอเองได้อีกแล้ว เธอขึ้นไปยืนบนเตียง ชี้หน้าด่าทอผมด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เสียงของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ
เธอเสียงดังเกินไปเสียแล้ว ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นข้างห้องจะต้องพลอยตกอกตกใจไปด้วย
ผมลุกขึ้นไปยืนบนเตียง จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่ดวงตาของเธอ แล้วบอกให้เธอหยุดเดี๋ยวนี้ ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ดวงตาของผม จากนั้นทุกอย่างก็สงบลงทันที เธอกระโดดลงจากเตียง แล้วก็รีบร้อนเก็บของใส่กระเป๋าถือ จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องไปทันที
ผมตกตะลึงกับภาพที่เห็น จากนั้นค่อยๆ ทรุดตัวนั่งบนเตียง มองไปรอบๆ ทุกอย่างเละเทะไปหมด จานข้าวคว่ำ เศษอาหารกระจายเต็มพื้นห้อง ผมได้แต่ถอนใจ เธอช่างไม่รู้เลยว่าข้าว น้ำดื่ม รวมถึงน้ำอัดลมที่เธอได้กินดื่มไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ปลุกเสกทั้งสิ้น
ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่อาบอกไว้
แล้วคำพูดของอาก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ระหว่างที่เราพูดคุยกัน อาพูดพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“หลังจากที่มีปัญหาแล้ว เคยมองตาเธอบ้างไหมว่าเป็นอย่างไร”
ผมตอบอาไปว่า แทบจะไมได้มองตาเธอเลย
‘นั่นสิ ทำไมนะ’ ผมถามตัวเอง
ผมอดแปลกใจไม่ได้ ปกติผมจะมองตาเธออยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เราคุยกัน ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะผมไม่ได้มองตาเธอหรอก แต่เป็นเธอเองนั่นแหล่ะที่คอยหลบตาอยู่ตลอดเวลา
แล้วการมองตาเธอมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ!
อาอธิบายให้ฟังว่า ถ้าลองสังเกตให้ดี จะเห็นว่าคนที่ต้องมนตร์ดำจะไม่ยอมสบตาคนอื่น หลบหน้าหลบตา อาพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ถ้าไม่เชื่อ! ก็ลองจ้องมองไปที่ดวงตาของเธอดูสิ แล้วจะได้เห็นอะไรดีๆ
ผมได้เห็นอะไรดีๆ อย่างที่อาบอกแล้ว
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 20)
ตอน 20
ความหวัง
ผมยอมรับเลยว่า หลังจากที่ได้เดินทางไปหาอาแล้ว ใจของผมมีความหวังขึ้นมาทันที ผมนึกถึงภาพเธอคนเดิมที่ผมรู้จัก อ่อนหวานอ่อนโยน เพียบพร้อมไปทุกอย่างที่ผมคิดจะใช้ชีวิตคู่ด้วย อีกไม่นานเธอจะหายเป็นปกติ ผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง จนลืมคำเตือนของอาไปเสียสนิทเลยว่า จะมีปัญหาความวุ่นวายอีกมากมายเกิดขึ้นนับจากนี้ไป รวมถึงการทำพิธีช่วยเธอในช่วงเจ็ดวันที่ผมจะต้องตักบาตรทุกวัน
“อย่างได้ขาดไปแม้แต่วันเดียว”
และถึงตอนนี้ปัญหาความวุ่นวายได้เกิดขึ้นแล้ว
ช่วงเย็นใกล้พลบค่ำ ผมยังขับรถไม่ถึงห้อง ยังเหลือระยะทางอีกไกลพอสมควร แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ใกล้ถึงหรือยัง รอทานข้าวอยู่นะ”
เธอโทร.มาสอบถามว่าผมเดินทางใกล้ถึงรึยัง เธอกลับมาที่คอนโดตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว วันนี้เธอดูเป็นปกติมากกว่าทุกวัน บอกว่าอยากเจอผมมาก หลังจากไม่ได้เจอกันนานหลายสัปดาห์
ผมขับรถกลับอย่างมีความหวัง ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างทันทีทันใด
ผมเคาะประตู ครู่เดียวประตูห้องก็เปิด เธอเข้ามาสวมกอดผมด้วยความดีใจ ผมรู้สึกได้ว่าเป็นเธอคนเดิมที่รู้จักอย่างแน่นอน หรือว่าเธอจะหายดีแล้วจริงๆ
ผมทำทีเป็นชวนเธอทานข้าวที่ห้อง จึงเริ่มหุงข้าว จากนั้นก็ไปซื้อกับข้าวที่เธอชอบมานั่งทานด้วยกัน ระหว่างทานข้าวทุกอย่างเป็นปกติ เธออารมณ์ดีกว่าทุกวัน ไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวให้เห็น และระหว่างนั่งทานข้าวอยู่นั้น เธอก็สอบถามถึงธุระที่ผมไปทำในวันนี้ ว่าไปทำอะไร ที่ไหน
ผมตัดสินใจเล่าให้เธอฟังอย่างไม่ปิดบัง ด้วยไม่อยากโกหก ผมเล่าถึงเรื่องที่ไปพบอาให้ฟังอย่างคราวๆ อาตรวจดวงแล้วพบว่าเธอกำลังมีเคราะห์ในช่วงเบญจเพส และกำลังต้องมนตร์ดำที่สาวทอมได้ทำไว้ อาบอกเอาไว้อย่างนั้น
เธอกำลังต้องมนตร์ดำ
เธอดูเป็นปกติในระหว่างที่ฟังเรื่องที่ผมเล่า เป็นความเงียบที่น่าสะพรึงกลัว
“ไม่ใช่สิ” ผมคิดในใจ
เธอดูเงียบเกินไป มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว
เธอฟังเรื่องที่ผมเล่าพลางก้มหน้าทานข้าวจนผมที่ยาวของเธอแทบจะปิดบังใบหน้า เธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมขณะพูดอยู่ด้วยซ้ำ ในขณะที่ผมเล่าต่อไปเรื่อยๆ และคอยสังเกตอาการที่เปลี่ยนไปอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น
ผมรู้ดีว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติกำลังจะเกิดขึ้น
เธอหยุดนิ่งสักครู่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ตาของเธอขวางแสดงอารมณ์โกรธฉุนเฉียว แต่ไม่มองมาที่หน้าผม จากนั้นเธอก็กระแทกช้อนกับจานข้าวเสียงดัง แล้วอารมณ์ฉุนเฉียวที่ถูกเก็บไว้ก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
เธอต่อว่าผมต่างๆ นานาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ด้วยเสียงที่ดังลั่นห้อง ต่อว่าผมที่ไปเชื่อเรื่องงมงายแบบนี้ได้อย่างไร เธอไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ไม่มีเรื่องของมนตร์ดำอะไรทั้งสิ้น สาวทอมเป็นเพียงเพื่อนที่รู้จักกัน ไม่มีอะไรพิเศษ เธอพูดเสียงดังราวกับคนบ้าเสียสติ พูดไม่หยุด พูดไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการบ่น ด้วยเสียงที่ดังลั่นห้อง
ผมยอมรับเลยว่ารู้สึกตกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้เธอแสดงอาการลักษณะนี้บ้าง แต่เป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ แต่คราวนี้ผมได้เห็นอาการคลุ้มคลั่งด้วยตาของผมเอง
บางครั้งเหมือนเธอกำลังพูดกับตัวเอง แต่บางครั้งก็พูดกับผม ไม่ต่างกับคนที่มีอาการทางจิต ผมนั่งฟังเธอพูดซ้ำไปซ้ำมา วกวน หาสาระสำคัญอะไรไม่ได้ พลางสังเกตอากัปกิริยาที่เกิดขึ้น โดยไม่พูดตอบโต้อะไรออกไป
เธอไม่สบตาผมเลย!
ใช่แล้ว ตลอดเวลาที่มีปัญหา เหมือนเธอพยายามหลบสายตาโดยตลอด ไม่มองหน้า ก้มหน้าก้มตา หันหน้าหลีกหนี ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน แต่คราวนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจน
เธอไม่มองหน้าผม ไม่ใช่สิ! ไม่สบตาต่างหาก
เป็นอย่างที่อาบอกเอาไว้ไม่มีผิด
“ไหน อยู่ไหน! ของที่ปลุกเสก ไปเอามาเลย เดี๋ยวจะกินให้ดู ไปเอามาเดี๋ยวนี้ มีเท่าไหร่จะกินให้หมด”
เธอยังคงอาละวาด สบถด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเสียงดังต่อไป
ผมนิ่งเงียบไม่พูด หรือตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น
เธอหยิบเอากระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มจนหมด จากนั้นก็ขว้างลงพื้นเสียงดัง โดยที่ไม่รู้เลยว่าน้ำอัดลมคือสิ่งที่เธอกำลังถามถึงอยู่นั่นเอง
หลังจากนั้นดูเหมือนเธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเธอเองได้อีกแล้ว เธอขึ้นไปยืนบนเตียง ชี้หน้าด่าทอผมด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เสียงของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ
เธอเสียงดังเกินไปเสียแล้ว ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นข้างห้องจะต้องพลอยตกอกตกใจไปด้วย
ผมลุกขึ้นไปยืนบนเตียง จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่ดวงตาของเธอ แล้วบอกให้เธอหยุดเดี๋ยวนี้ ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ดวงตาของผม จากนั้นทุกอย่างก็สงบลงทันที เธอกระโดดลงจากเตียง แล้วก็รีบร้อนเก็บของใส่กระเป๋าถือ จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องไปทันที
ผมตกตะลึงกับภาพที่เห็น จากนั้นค่อยๆ ทรุดตัวนั่งบนเตียง มองไปรอบๆ ทุกอย่างเละเทะไปหมด จานข้าวคว่ำ เศษอาหารกระจายเต็มพื้นห้อง ผมได้แต่ถอนใจ เธอช่างไม่รู้เลยว่าข้าว น้ำดื่ม รวมถึงน้ำอัดลมที่เธอได้กินดื่มไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ปลุกเสกทั้งสิ้น
ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่อาบอกไว้
แล้วคำพูดของอาก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ระหว่างที่เราพูดคุยกัน อาพูดพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“หลังจากที่มีปัญหาแล้ว เคยมองตาเธอบ้างไหมว่าเป็นอย่างไร”
ผมตอบอาไปว่า แทบจะไมได้มองตาเธอเลย
‘นั่นสิ ทำไมนะ’ ผมถามตัวเอง
ผมอดแปลกใจไม่ได้ ปกติผมจะมองตาเธออยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เราคุยกัน ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะผมไม่ได้มองตาเธอหรอก แต่เป็นเธอเองนั่นแหล่ะที่คอยหลบตาอยู่ตลอดเวลา
แล้วการมองตาเธอมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ!
อาอธิบายให้ฟังว่า ถ้าลองสังเกตให้ดี จะเห็นว่าคนที่ต้องมนตร์ดำจะไม่ยอมสบตาคนอื่น หลบหน้าหลบตา อาพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ถ้าไม่เชื่อ! ก็ลองจ้องมองไปที่ดวงตาของเธอดูสิ แล้วจะได้เห็นอะไรดีๆ
ผมได้เห็นอะไรดีๆ อย่างที่อาบอกแล้ว
by พรนับพัน
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด