“เตือนสติแชร์ลูกโซ่” หยุดมโน! ผลตอบแทน 100% ในตลาดหุ้นไม่มีอยู่จริง!

          สวัสดีครับ ในช่วงนี้มีประเด็นเรื่องแชร์ลูกโซ่ในสังคมการลงทุน ทำให้มีผู้โชคร้ายหลายคนต้องตกเป็นเหยื่อ สร้างความเดือดร้อนจนบางท่านถึงกับต้องสูญเสียเงินเก็บที่สะสมมาทั้งชีวิต เราจึงอยากเป็น 1 ในกลุ่มคนที่ให้ข้อมูลเพื่อลดปัญหานี้ โดยเราจะกลับมาให้ความรู้เรื่องการลงทุนอย่างถูกต้องอีกครั้งต่อจากนี้

                 - พบกับบทความหลักได้ ทุกวันพฤหัสเวลา 17.00 น. ในทุกสัปดาห์ที่ PANTIP
                 - พบกับเกร็ดความรู้, สรุปข้อมูล Block Trade และแนวโน้มของทุกเช้าทาง Line Square และ Facebook : TFEX For Future

รวมบทความเกี่ยวกับ TFEX และ Block Trade ของพวกเรา เม่าอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

“ทุกวันนี้พวกท่านมีรายได้พอใช้หรือไม่? ถ้าคำตอบคือ ยังไม่พอ! เรามีโอกาสที่ดีมานำเสนอครับ มาร่วมลงทุนไปกับเรา ด้วยระบบ AI อัจฉริยะที่ใช้ในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ โดยพวกท่านจะได้ผลตอบแทน 10-15% ต่อเดือน การันตีคืนเงินต้น 100% ! อย่ามัวรอช้านะครับ เพราะเรารับอีกเพียง 10 ท่านเท่านั้น !! สนใจติดต่อมาได้ที่ Line Square : TFEX For Future”

            ไม่น่าเชื่อนะครับ เพียงประโยคสั้นๆ ไม่กี่บรรทัด ก็สามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั่วทั้งประเทศ โดยคิดเป็นมูลค่าสูงกว่าหมื่นล้านบาท และที่สำคัญ ... เรื่องราวของแชร์ลูกโซ่นี้ เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในทุกยุคทุกสมัย ต่างกันเพียงรูปแบบการนำเสนอ โดยในยุคปัจจุบัน แชร์ลูกโซ่ได้ใช้ตลาดการเงินเป็นเครื่องมือหลักในการหลอกล่อนักลงทุน รวมไปถึงการอ้างอิงคำศัพท์ทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และในฐานะที่พวกเราเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ใกล้ชิดกับเครื่องมือเหล่านี้ จึงอยากออกมาตีแผ่ความจริงเพื่อเตือนสติของทุกท่าน ไม่ให้หลงกลกับภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง

            พวกเราจะอธิบายให้มือใหม่ทุกท่านรู้จักผลตอบแทนและความเสี่ยงของตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ รวมไปถึงเรื่อง AI หรือ หุ่นยนต์เทรด และทำให้ทุกท่านได้ทราบว่า การทำผลตอบแทนในระดับ 100% นั้นสามารถทำได้จริง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งมีเงื่อนไขบางอย่างที่แชร์ลูกโซ่ทุกกองได้โฆษณาไว้ แต่ไม่สามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติ ! โดยเราจะเริ่มต้นจากข้อมูลที่แท้จริงของการลงทุนในตลาดหุ้นดังต่อไปนี้

ทำความเข้าใจผลตอบที่เกิดขึ้นจริงของตลาดหุ้นเจ้าหอบเงิน

            พวกท่านคิดว่าโดยทั่วไปตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกี่เปอร์เซ็นต์ ต่อปี? 20, 50 หรือ 100 เปอร์เซ็นต์? หากใครที่กำลังคิดเช่นนี้ ผมขอให้ทุกท่านดึงความคาดหวังของตัวเองลงมาพบเจอกับความเป็นจริง เพราะแท้จริงแล้วตลาดหุ้นแทบไม่เคยให้ผลตอบเกินกว่า 20% ในแต่ละปี โดยเฉพาะ 5 ปีหลังสุด ที่จะเห็นได้ว่าตลาดแทบจะไม่มีการเติบโตขึ้นเลย ซึ่งพวกท่านสามารถทำความเข้าใจในเรื่องผลตอบแทนของตลาดหุ้นได้ ดังนี้
ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1.กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital gain) หมายถึง ส่วนต่างที่เกิดจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน กับราคาหุ้นในขณะที่เราซื้อมา โดยหากหุ้นที่เรากำลังถือครองอยู่นั้น มีแนวโน้มธุรกิจที่สดใส นักลงทุนย่อมมีความต้องการหุ้นตัวนั้น และมีแรงซื้อผลักดันให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากแนวโน้มของธุรกิจเกิดการฝืดเคืองก็จะทำให้คนต้องการขายมากกว่า หุ้นก็จะปรับตัวลดลง ดังนั้นจะสังเกตว่าผลตอบแทนในส่วนนี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งทางบวกและทางลบ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มในแต่ละปี

2.เงินปันผล (Dividend) มันคือส่วนที่ทางบริษัทให้การตอบแทนความไว้วางใจแก่นักลงทุน ที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นเจ้าของร่วม (หุ้นส่วน) กับบริษัท เมื่อมีกำไรบริษัทก็จะปันกำไรส่วนหนึ่งคืนให้กับนักลงทุน หรือที่เราเรียกว่า เงินปันผล โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ปีละ 1 – 2 ครั้ง แต่หากในปีใดที่บริษัทไม่มีกำไรก็อาจจะไม่มีการปันผลคืนกลับมา ดังนั้นผลตอบแทนในส่วนนี้ก็จะอยู่ระหว่าง 0-5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับกำไรที่เกิดขึ้น

เราลองมาดูสรุปผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังของตลาดหุ้นจากข้อมูล ดังนี้
 
ตารางแสดงผลตอบแทนในแต่ละปีของตลาดหุ้นไทย


          จากตาราง จะพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.85% โดยแบ่งออกเป็น ส่วนต่างราคา (Capital gain) 4.79% และ เงินปันผล (Dividend) 3.06% โดยตัวเลขดังกล่าว เป็นตัวเลขที่นักลงทุนที่ลงทุนให้ตลาดหุ้นอยู่เป็นประจำ รับรู้และยอมรับกันมาตลอด เพราะรู้ว่านี้คือ “ความจริง” ของผลตอบแทนที่เขาคาดหวังกันในแต่ละปี รวมไปถึงตลาดหุ้นในต่างประเทศเอง ก็ไม่ได้มีค่าเฉลี่ยที่แตกต่างจากนี้มากนัก และมันห่างไกลจากคำโฆษณาชวนเชื่อของแชร์ลูกโซ่อย่างมาก ดังนั้นหมายความว่า ไม่มีใครที่สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้ 100% ต่อปี ! 

หากพวกเราสรุปแบบนี้ทุกท่านคงส่ายหัวและหยุดอ่านบทความนี้อย่างแน่นอน

            เพราะทุกท่านคงอยากโต้แย้งกลับมาว่า มีคนรู้จักหรือเคยเห็นคนที่เขาสามารถเล่นหุ้นได้ 100% ต่อปีจริง ใช่ครับ! คำตอบคือมีอย่างแน่นอน แม้ว่าโดยเฉลี่ยตลาดหุ้นจะโตปีละไม่ถึง 10% แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกตัวจะโตเท่ากัน เพราะตลาดหุ้นนั้นมีรางวัลมอบให้กับผู้ที่มีความสามารถและความพยายาม โดยแม้ว่าค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนตลาดหุ้นจะไม่ถึง 10% แต่หากพิจารณารายตัวแล้ว กลับพบว่ามีหุ้นบางตัวที่โตมากกว่า 100% ต่อปี แล้วพวกท่านคิดว่าจะมีโอกาสสักเท่าใดที่เราจะเห็นหุ้นเหล่านั้น ?
 
3% คือตัวเลขของจำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกินกว่า 100% ในแต่ละปีกระทิงเริงร่า

            หากพวกท่านเป็นนักลงทุนที่กำลังแสวงหาหุ้น Undervalue ที่ปรับตัวขึ้นเกิน 100% ในแต่ละปี พวกท่านต้องมีความพยายามมาก เพราะท่านเป็นเพียงคนส่วนน้อยที่ลงทุนหุ้นทางตรงแล้วจะได้พบกับหุ้นที่ขึ้นแรงเหล่านี้ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีรายละเอียด ดังนี้

ตารางแสดงปริมาณและรายชื่อหุ้นที่ขึ้นเกินกว่า 100% ในแต่ละปีในช่วง 5 ปีหลังสุด

*คิดจากราคาปิดของปีนั้น (t) เทียบกับราคาปิดของปีก่อนหน้า (t-1) 
 
            จากตารางจะพบว่าในช่วง 5 ปีหลังสุด มีหุ้นที่ปรับตัวจากต้นปีไปจนถึงสิ้นปีสูงกว่า 100% ทั้งหมด 131 ตัว จากทั้งหมด 778 ตัว และเมื่อพิจารณาเป็นรายปี จะพบว่าค่าเฉลี่ยที่เราจะสามารถเห็นหุ้นปิดยืนเหนือกว่า 100% อยู่ที่ปีละ 27.8 ตัว หรือคิดเป็น 3.57% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะปีล่าสุด (2018) ที่มีแค่เพียง 9 ตัว หรือ 1% เท่านั้น ! ซึ่งตัวเลขนี้คงไม่ต่างอะไรกับการถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวเลย

            คราวนี้ทุกท่านคงได้รับรู้ถึงความจริงกันแล้วนะครับ ว่าแม้ตลาดหุ้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับ 100% ได้ แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก และต่อให้พวกเราไม่เสนอสถิติเหล่านี้ออกมา ก็เชื่อว่าทุกคนสามารถใช้วิจารณญาณคาดคะเนในเรื่องดังกล่าวได้ แล้วพวกท่านคิดว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่เจอคนที่สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นให้พวกท่านเกินกว่า 100% จริงหรือ ?

            มันคงเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ หากผู้ที่หลงกลให้กับแชร์ลูกโซ่นั้นเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ขาดความรู้ ขาดการวิเคราะห์ และใช้แต่ความโลภนำเหตุผล แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแชร์ลูกโซ่บางกองที่สามารถหลอกได้ในทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการชั้นสูง การแพทย์ บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างพนักงานในบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ที่น่าจะรู้เรื่องราวในส่วนนี้ดีอยู่แล้ว 

            แล้วพวกท่านสงสัยเหมือนกันไหมครับ ว่าตรรกะง่ายๆ ที่ใช้วิจารณญาณก็สามารถตัดสินเรื่องความเป็นไปไม่ได้ออกแล้ว

“ทำไมเขาเหล่านั้น ถึงยังหลงกลให้กับพวกแชร์ลูกโซ่อยู่อีก” 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่