สวัสดีครับ พวกเราคือกลุ่มนักลงทุนที่จัดทำบทความเกี่ยวกับ Block Trade และตลาด TFEX เมื่อปีก่อน ดังกระทู้ต่อไปนี้...
https://ppantip.com/topic/37751186 >> ผมคิดว่าทุกวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปแล้ว (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
https://ppantip.com/topic/37767278 >> [ตอนจบ] ผมคิดว่าทุกวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปแล้ว (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
https://ppantip.com/topic/37784213 >> ภาพลวงตาและความผิดเพี้ยนของปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน
https://ppantip.com/topic/37787501 >> นักลงทุนรายย่อยกำลังฆ่าฟันกันเอง และตลาดหุ้นห้ามลงต่อ!
https://ppantip.com/topic/37812688 >> การจัดฉากของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย
https://ppantip.com/topic/37824913 >> ตั้งสติและเตรียมพร้อมรับมือกับสภาวะตลาดด้วยเหตุและผล (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ว่าเรื่องเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกบิดเบือนจากพื้นฐานที่ควรจะเป็น และถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับกลุ่มคนบางกลุ่ม โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และน่าตกใจสักเพียงใด เราจึงอยากมาอัพเดทสถานการณ์ให้ทุกท่านได้รับรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตผ่านบทความนี้
*********สำหรับท่านที่ไม่สะดวกอ่านบทความ สามารถรับชม Clip Video สรุปได้ใน Spoil **********
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตลาดหุ้นไทยเป็น 1 ใน 25 ของตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หากวัดตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) จะพบว่า ประเทศไทยมีตลาดหุ้นใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 21 ของโลก ที่ 9 เอเชีย และเป็นที่ 2 ของอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 135% ของ GDP ทั้งประเทศ
ตารางแสดง 25 อันดับของตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.stockmarketclock.com/exchanges (15/7/2019)
ตัวเลขแสดงอันดับข้างต้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ที่ตลาดหุ้นไทยสามารถติดอยู่ใน Top 25 ของโลก แต่พวกท่านทราบหรือไม่ว่ายังมีเรื่องราวที่น่ายินดีมากขึ้นไปอีก นั่นคือ
ตลาดหุ้นไทยมีสถิติบางอย่างที่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ! สถิติดังกล่าวนั้นคืออะไร ? เราจะมาติดตามจากข้อมูลดัต่อไปนี้
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยติด 1 ใน 3 ของตลาดหุ้นที่มีความผันผวน “ต่ำ” ที่สุดใน Top25
“ปัญหาของการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา คือความผันผวนที่สูง” เป็นนิยามที่ตำราทั้งหลายได้กล่าวไว้ แต่คงต้องยกเว้นสำหรับบางประเทศ และหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย เพราะหากพิจารณาจากค่าความผันผวนแล้ว จะพบว่าตลาดหุ้นไทยมีค่าความผันผวนที่ต่ำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ตารางแสดงส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนรายวันในตลาดหุ้น Top 25 ช่วง 5 ปีปัจจุบัน
จากตารางข้างต้น จะพบว่าตลาดหุ้นไทยมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนรายวันเท่ากับ 0.74 หมายความว่า โดยทั่วไปผลตอบแทนต่อวันจะมีค่า +/- ประมาณ 0.74% เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับดัชนีหลักอย่างนิกเคอิ ที่มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.27 แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นประมาณ 60% และจากผลลัพธ์ดังกล่าว
ทำให้ประเทศไทยมีค่าความผันผวนต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ใน 25 ประเทศ แตกต่างจากประเทศที่กำลังพัฒนาใกล้เคียงกับเรา เช่น อินโดนีเซีย ที่อยู่ในอันดับที่ 12
นอกจากนี้ พวกเรายังพบข้อมูลบางอย่างที่บ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีสิ่งผิดปกติที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น นั่นคือ...
ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนลดลงมากที่สุด เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน !
โดยปกติแล้ว ความผันผวนที่ต่ำนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสักเท่าใดนัก ถ้าหากตลาดหุ้นไทยมีโครงสร้างความผันผวนต่ำมาตั้งแต่แรก แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นกัน เพราะความผันผวนที่ลดลงมานี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีหลังเท่านั้น โดยสามารถเปรียบเทียบได้จากข้อมูลดังนี้
ตาราง Ranking ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ 5 ปีปัจจุบันเปรียบเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้า
จากตารางจะพบว่าในช่วงปี 2010-2014 ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนของผลตอบแทนรายวันสูงถึงวันละ 1.13% แต่หลังจากนั้นในช่วง 5 ปีถัดมาจนถึงปัจจุบันกลับมีความผันผวนลดลงมาเหลือเพียง 0.74% เท่านั้น ส่งผลให้เป็นตลาดที่มีการปรับเปลี่ยน Ranking ความผันผวนมากที่สุด โดยกระโดดขึ้นมาถึง 11 อันดับ (จากอันดับที่ 14 ขึ้นมาอันดับที่ 3) ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่อยู่หัวตาราง ที่แต่เดิมประเทศเหล่านั้นมีความผันผวนต่ำมาแต่แรกอยู่ก่อนแล้ว เช่น มาเลเซียที่ครองแชมป์ความผันผวนต่ำสุดในอดีต ก็ยังคงมีความผันผวนต่ำเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน หรือสิงคโปร์ที่ถูกไทยแซง ก็ตกจากอันดับที่ 2 มาเป็นอันดับที่ 4 เท่านั้น ดังนั้น
คงมีแต่ตลาดหุ้นไทยที่กำลังมีการเคลื่อนไหวของตลาดที่หายไปอย่างน่าตกใจมากที่สุดในโลก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พวกท่านดีใจกับสถิติเหล่านี้กันบ้างหรือไม่? พวกเราเชื่อว่าคงมีนักลงทุนหลายท่านที่ไม่ได้รู้สึกปลื้มปีติและยินดีกับสถิติดังกล่าวแน่ๆ โดยเฉพาะท่านที่รักการเล่นหุ้นและเก็งกำไรเป็นรอบๆ แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ หากเราวิเคราะห์เฉพาะปีปัจจุบัน ยังมีเรื่องที่โหดร้ายกว่านั้นสำหรับพวกเขา ซึ่งจะเป็นอะไรลองมาติดตามข้อมูลต่อไปนี้ครับ
Block Trade และสงครามค่าธรรมเนียม วิกฤตใหม่ของตลาดหุ้นไทย ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/37751186 >> ผมคิดว่าทุกวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปแล้ว (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
https://ppantip.com/topic/37767278 >> [ตอนจบ] ผมคิดว่าทุกวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปแล้ว (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
https://ppantip.com/topic/37784213 >> ภาพลวงตาและความผิดเพี้ยนของปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน
https://ppantip.com/topic/37787501 >> นักลงทุนรายย่อยกำลังฆ่าฟันกันเอง และตลาดหุ้นห้ามลงต่อ!
https://ppantip.com/topic/37812688 >> การจัดฉากของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย
https://ppantip.com/topic/37824913 >> ตั้งสติและเตรียมพร้อมรับมือกับสภาวะตลาดด้วยเหตุและผล (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ว่าเรื่องเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกบิดเบือนจากพื้นฐานที่ควรจะเป็น และถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับกลุ่มคนบางกลุ่ม โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และน่าตกใจสักเพียงใด เราจึงอยากมาอัพเดทสถานการณ์ให้ทุกท่านได้รับรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตผ่านบทความนี้
*********สำหรับท่านที่ไม่สะดวกอ่านบทความ สามารถรับชม Clip Video สรุปได้ใน Spoil **********
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตลาดหุ้นไทยเป็น 1 ใน 25 ของตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หากวัดตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) จะพบว่า ประเทศไทยมีตลาดหุ้นใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 21 ของโลก ที่ 9 เอเชีย และเป็นที่ 2 ของอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 135% ของ GDP ทั้งประเทศ
ตารางแสดง 25 อันดับของตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.stockmarketclock.com/exchanges (15/7/2019)
ตัวเลขแสดงอันดับข้างต้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ที่ตลาดหุ้นไทยสามารถติดอยู่ใน Top 25 ของโลก แต่พวกท่านทราบหรือไม่ว่ายังมีเรื่องราวที่น่ายินดีมากขึ้นไปอีก นั่นคือ ตลาดหุ้นไทยมีสถิติบางอย่างที่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ! สถิติดังกล่าวนั้นคืออะไร ? เราจะมาติดตามจากข้อมูลดัต่อไปนี้
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยติด 1 ใน 3 ของตลาดหุ้นที่มีความผันผวน “ต่ำ” ที่สุดใน Top25
“ปัญหาของการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา คือความผันผวนที่สูง” เป็นนิยามที่ตำราทั้งหลายได้กล่าวไว้ แต่คงต้องยกเว้นสำหรับบางประเทศ และหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย เพราะหากพิจารณาจากค่าความผันผวนแล้ว จะพบว่าตลาดหุ้นไทยมีค่าความผันผวนที่ต่ำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ตารางแสดงส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนรายวันในตลาดหุ้น Top 25 ช่วง 5 ปีปัจจุบัน
จากตารางข้างต้น จะพบว่าตลาดหุ้นไทยมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนรายวันเท่ากับ 0.74 หมายความว่า โดยทั่วไปผลตอบแทนต่อวันจะมีค่า +/- ประมาณ 0.74% เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับดัชนีหลักอย่างนิกเคอิ ที่มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.27 แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นประมาณ 60% และจากผลลัพธ์ดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยมีค่าความผันผวนต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ใน 25 ประเทศ แตกต่างจากประเทศที่กำลังพัฒนาใกล้เคียงกับเรา เช่น อินโดนีเซีย ที่อยู่ในอันดับที่ 12
นอกจากนี้ พวกเรายังพบข้อมูลบางอย่างที่บ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีสิ่งผิดปกติที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น นั่นคือ...
ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนลดลงมากที่สุด เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน !
โดยปกติแล้ว ความผันผวนที่ต่ำนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสักเท่าใดนัก ถ้าหากตลาดหุ้นไทยมีโครงสร้างความผันผวนต่ำมาตั้งแต่แรก แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นกัน เพราะความผันผวนที่ลดลงมานี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีหลังเท่านั้น โดยสามารถเปรียบเทียบได้จากข้อมูลดังนี้
ตาราง Ranking ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ 5 ปีปัจจุบันเปรียบเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้า
จากตารางจะพบว่าในช่วงปี 2010-2014 ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนของผลตอบแทนรายวันสูงถึงวันละ 1.13% แต่หลังจากนั้นในช่วง 5 ปีถัดมาจนถึงปัจจุบันกลับมีความผันผวนลดลงมาเหลือเพียง 0.74% เท่านั้น ส่งผลให้เป็นตลาดที่มีการปรับเปลี่ยน Ranking ความผันผวนมากที่สุด โดยกระโดดขึ้นมาถึง 11 อันดับ (จากอันดับที่ 14 ขึ้นมาอันดับที่ 3) ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่อยู่หัวตาราง ที่แต่เดิมประเทศเหล่านั้นมีความผันผวนต่ำมาแต่แรกอยู่ก่อนแล้ว เช่น มาเลเซียที่ครองแชมป์ความผันผวนต่ำสุดในอดีต ก็ยังคงมีความผันผวนต่ำเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน หรือสิงคโปร์ที่ถูกไทยแซง ก็ตกจากอันดับที่ 2 มาเป็นอันดับที่ 4 เท่านั้น ดังนั้น คงมีแต่ตลาดหุ้นไทยที่กำลังมีการเคลื่อนไหวของตลาดที่หายไปอย่างน่าตกใจมากที่สุดในโลก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พวกท่านดีใจกับสถิติเหล่านี้กันบ้างหรือไม่? พวกเราเชื่อว่าคงมีนักลงทุนหลายท่านที่ไม่ได้รู้สึกปลื้มปีติและยินดีกับสถิติดังกล่าวแน่ๆ โดยเฉพาะท่านที่รักการเล่นหุ้นและเก็งกำไรเป็นรอบๆ แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ หากเราวิเคราะห์เฉพาะปีปัจจุบัน ยังมีเรื่องที่โหดร้ายกว่านั้นสำหรับพวกเขา ซึ่งจะเป็นอะไรลองมาติดตามข้อมูลต่อไปนี้ครับ