$$$$ต่อจากกระทู้เก่า
https://ppantip.com/topic/37751186 $$$$
หลังจากผ่านเรื่องของ Block Trade หวังว่าความรู้ที่ผมนำมาแชร์ คงทำให้พวกท่านได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปของตลาดหุ้นไทย แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้เรามาต่อกันที่สาเหตุประการที่ 2 ที่เข้ามามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยกันดีกว่าและผมคิดว่าสาเหตุนี้ก็เป็นสาเหตุที่เขย่าวงการตลาดหุ้นไทยไม่แพ้กัน โดยต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเองก็เป็น 1 ในคนที่สนใจและกำลังพัฒนาในเรื่องนี้อยู่และอยากเชิญทุกคนมาพัฒนาร่วมกัน จึงขออนุญาตให้ความรู้และใส่ประสบการณ์ส่วนตัวในเนื้อหานี้ หากมีข้อผิดพลาดหรือไม่ตรงกับมุมมองของท่านใดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ
ประการที่ 2 การเข้ามาของ Robot Trade & System Trade
ต้องยอมรับว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องสำคัญกับทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจหลักทรัพย์ที่ตอนนี้แทบทุก Broker ต่างมุ่งเน้นธีมธุรกิจไปในแบบออนไลน์พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนในเรื่องการส่งเสริมการเทรดออนไลน์แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมช่วยส่งคำสั่งที่พัฒนาไปจากเดิมตามสไตล์ของแต่ละ Broker รวมถึงเพิ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ทั้งการแจ้งเตือน การวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อให้นักลงทุนท่วงทันเหตุการณ์สำคัญของตลาดและสามารถนำไปเป็นข้อมูลเพื่อช่วยยกระดับการเทรดของตนเองในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเทคโนโลยีที่เข้ามาและมีผลกระทบต่อตลาดมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของ
“หุ่นยนต์เทรด”
การเข้ามาของหุ่นยนต์ส่งคำสั่งอัตโนมัติ
หุ่นยนต์เทรด หมายถึง
โปรแกรมที่ช่วยส่งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ โดยแค่นักลงทุนใส่แบบแผนหรือ logic ลงไป โปรแกรมจะทำการส่งคำสั่งซื้อ-ขายทันทีเมื่อข้อมูลหรือราคาเข้าสู่เงื่อนไขที่กำหนด ช่วยให้นักลงทุนไม่ลังเลและไม่ใช้อารมณ์ในการซื้อขายและไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอในการลงทุน ซึ่งหุ่นยนต์เทรดอาจจะถูกออกแบบให้อยู่ในรูปโปรแกรมที่ทาง Broker จัดทำขึ้นหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ หรืออาจจะอยู่ในรูปการใช้โปรแกรมอื่น ๆ สร้างขึ้นมาตามความสามารถและความถนัดของนักลงทุนแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม
ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการลงทุนทุกวันนี้มีสัดส่วนของหุ่นยนต์ปะปนอยู่พอสมควร แต่หลายคนคงคิดว่าหุ่นยนต์นั้นเป็นเรื่องที่รายใหญ่ใช้เอาเปรียบรายย่อย รายย่อยไม่สามารถเข้าถึงเรื่องเหล่านี้ได้ แล้วคำถามคือเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะผู้คุมกฎสั่งห้ามไม่ให้รายย่อยใช้ ? เปล่าเลยครับ ไม่ใช่แบบนั้นเลย เป็นเพราะพวกท่านยังไม่มีความรู้อย่างเพียงพอในเรื่องของการพัฒนาและนำพาตัวเองเข้าสู่การใช้หุ่นยนต์เทรดต่างหาก และบางคนก็มัวแต่รอให้ Broker นำเสนอสิ่งเหล่านั้นให้ ฟังดูแล้วอาจจะเกินจริง แต่พวกท่านเชื่อไหมว่าในทุกวันนี้มีรายย่อยหลายคนที่สามารถพัฒนาตัวเองไปใช้หรือใกล้เคียงกับการใช้หุ่นยนต์เทรดกันแล้ว เพราะฉะนั้นผมขอให้ทุกคนเปิดกว้างและพร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องหุ่นยนต์เทรดไปพร้อม ๆ กันผ่านบทความนี้
นักลงทุนที่มีหุ่นยนต์เทรดจะกำไรในการลงทุน ?
นี่เป็นอีก 1 ตัวอย่างของการเข้าใจแบบผิด ๆ ในตลาด รายย่อยหลายคนเข้าใจว่าการครอบครองหุ่นยนต์เทรดจะทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ จึงพยายามแสวงหาหุ่นยนต์เพื่อนำมาใช้ พร้อมกล่าวโทษว่าพวกที่ใช้หุ่นยนต์เป็นพวกเอารัดเอาเปรียบ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วนักลงทุนที่ใช้หุ่นยนต์นั้นมีคนที่ไม่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนประสบความสำเร็จอยู่หลายเท่า เพียงแต่เขาเหล่านั้นไม่ได้มีจุดยืนที่ดูดีและเสียงไม่ดังเท่าคนที่ประสบความสำเร็จในการออกมาป่าวประกาศให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งตัวอย่างพวกท่านสามารถเห็นได้จากตลาด FOREX ที่ทุกวันนี้นักลงทุนเกินกว่า 50% ใช้หุ่นยนต์เทรดกันแทบทั้งสิ้น แต่ก็มีหลายคนที่หมดตัวให้กับตลาดนี้ พวกท่านคงสงสัยใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องหุ่นยนต์เทรดกันดีกว่า
อยากใช้หุ่นยนต์ต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจการลงทุนอย่างเป็นระบบ (System Trade)
ผมเป็นคนนึงที่ชอบอ่านกระทู้ของทั้งบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนและไม่ประสบความสำเร็จ โดยขอชื่นชมเขาเหล่านั้นที่กล้าจะเปิดอกแชร์เรื่องราวความผิดพลาดของตนเองให้ทุกคนได้รับรู้ และสังเกตว่าแทบทุกกระทู้มักมีคนแนะนำว่าหากอยากประสบความสำเร็จในการลงทุน
ต้องมีระบบเทรด หรือแม้กระทั่งเทพสินธรคนดังก็ให้เครดิตกับเรื่องการมีระบบเทรดและหาเงินกินเหลาในตลาด TFEX ได้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่บางคนยังไม่รู้แม้กระทั่งความหมายของระบบเทรด รู้แค่ว่าหากมีระบบเทรดก็สามารถทำให้เรากำไรได้อย่างคนอื่นเขา โดยไม่รู้ว่าเลยว่ากว่านักลงทุนคนนึงที่ใช้ระบบเทรดแล้วอยู่รอดและประสบความสำเร็จ เขาผ่านความล้มเหลวมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกับการใช้ระบบเทรด
แล้วอะไร คือระบบเทรด ?
หากพูดถึงเรื่องระบบเทรด ผมเองก็ไม่รู้ว่าถ้าพวกท่านเดินไปถามคน 10 คนจะพูดเหมือนกันสักคนหรือไม่ แต่ถ้าพวกท่านเดินมาถามผม ผมคงให้ความหมายว่า
เป็นการที่เราสร้างแบบแผนหรือกำหนด Logic ในการลงทุนไว้อย่างชัดเจน เพื่อหาจุดยึดเหนี่ยวในการตัดสินซื้อขาย เพื่อไม่ให้เราหวั่นไหวต่อปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิด Bias ในการตัดสินใจ โดยระบบเทรดจะต้องบอกจุดเข้าและจุดออกที่เห็นได้ชัดเจนและมีความเป็นรูปธรรม ส่วนใหญ่มักจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคเนื่องจากมีคุณสมบัติ คือเห็นจุดตัดสินใจที่แน่ชัด เช่น การทะลุแนวรับ-แนวต้านของราคา การตัดขึ้น-ลงของ Indicator ต่างจากข้อมูลพื้นฐานหรือข่าวที่บางครั้งอาจต้องใช้ความรู้และประสบการณ์มาวิเคราะห์เพิ่มเติมก่อนแปรเปลี่ยนเป็นการตัดสินใจซื้อขาย และอาจก่อให้เกิดการใช้ความรู้สึกและอารมณ์มามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในแต่ละครั้ง
มาถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าพวกท่านที่ใช้เทคนิคในการลงทุนคงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็เป็น 1 ในคนมีระบบเทรด แต่อย่างไรก็ตามผมอยากเตือนให้ทุกคนระวังไว้สักนิด เพราะไม่ใช่นักเทคนิคทุกคนที่จะเป็นนักลงทุนที่ใช้ระบบเทรด แม้ว่าพวกเขาจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคเหมือนกัน แต่หากถ้าใครยังใส่ความคิดวิเคราะห์เพิ่มเติมทุกครั้งก่อนตัดสินใจจะซื้อหรือจะขาย ดังนั้นอยากให้พวกท่านลองสังเกตตัวเองดูว่า ในทุกครั้งที่เครื่องมือทางเทคนิคของพวกท่านส่งสัญญาณซื้อขาย พวกท่านตัดสินใจทำตามทุกครั้งหรือแต่ละครั้งต้องมานั่งดูปัจจัยอื่น ๆ แล้วค่อยตัดสินใจเองอีกที หากถ้าท่านยังเป็นอย่างหลัง แสดงว่าท่านยังไม่ได้ใช้การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น ? ลองคิดดูว่านะครับ ว่าหากวันนึงมีหุ่นยนต์เข้ามา หุ่นยนต์เขาไม่รู้หรอกว่า ครั้งใดควรเทรดครั้งใดไม่ควรเทรดแบบที่ท่านกำลังทำ ดังนั้นผมอยากให้ท่านทำความเข้าใจอีกครั้งว่า ระบบเทรดที่ใช้จะต้องเป็นตรรกะที่ชัดเจนและต้องทำตามทุกครั้งโดยปราศจากการใช้สมอง(อารมณ์)ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อขาย และนี้คงเป็นตลกร้ายที่นักลงทุนหลายคนบอกกับคนอื่นว่าตัวเองเป็นนักลงทุนที่ใช้ระบบเทรด แต่สุดท้ายไม่ทำตามระบบแล้วพอพลาดเสียหายกลับโทษว่าระบบเทรดที่ใช้อยู่ไม่ดี
ระบบเทรด V.S. ระบบเทรดที่ดี
หลังจากเข้าใจเรื่องระบบเทรดแล้ว นักลงทุนบางคนคงรู้สึกพึงพอใจที่ตนเองมีระบบเทรดและกำลังใช้ระบบเทรดอย่างถูกต้องอยู่ หรือบางคนเองก็รู้สึกคล้อยตามและเห็นด้วยว่าการมีระบบเทรดเป็นเรื่องที่น่าสนใจ จึงลองพยายามหามาใช้บ้าง โดยทำการเปิดกราฟแล้วลองหยิบ Indicator มาสักตัวหนึ่ง เช่น moving average 2 เส้นมาทำการตัดกัน จากนั้นทำการเฝ้าดูและซื้อขายตามทุกครั้งที่มีสัญญาณนี้เกิดขึ้น ซึ่งผมเองก็ขอแสดงความก็ยินดีกับทุกคนด้วย เพราะพวกท่านกำลังเป็นนักลงทุนที่ลงทุนด้วยระบบเทรดเป็นที่เรียบร้อย … แต่ไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีคำถามที่พวกท่านต้องหาคำตอบกันต่อ ว่าทำไมนักลงทุนบางท่านที่เป็นระบบเทรดแล้วถึงยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ? นั้นเป็นเพราะแม้ว่าพวกท่านจะใช้ระบบเทรดแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบที่ท่านใช้จะสามารถทำกำไรในตลาดได้ ลองคิดดูนะครับ หากถ้าเรามีวินัยในการซื้อขายอย่างเคร่งครัด แต่ทุกครั้งที่ซื้อขายขาดประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงหนีไม่พ้นการขาดทุนอย่างแน่นอน นั้นแหละคือคำถามที่ท่านต้องถามตัวเองต่อ ว่าทุกวันนี้ระบบเทรดที่ท่านใช้อยู่ดีจริงไหม ?
ดังนั้นหากใครอยากประสบความสำเร็จด้านการใช้หุ่นยนต์ ก้าวแรกของคนทุกคนต้องหาระบบเทรดที่ดีให้ได้ก่อน
แล้วระบบเทรดที่ดีหาได้อย่างไร ?
การหาระบบเทรดที่ดีถือเป็นหัวใจสำคัญที่นักลงทุนสายระบบทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพต้องการแสวงหา
และผมคิดว่าใครที่สามารถผ่านบททดสอบในจุดนี้ได้ พวกท่านจะกลายเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้น โดยไม่ต้องพึ่งพา Robot เสียเลยด้วยซ้ำ ผมอยากให้ทุกคนคิดตามกันมานะครับ ว่าพวกท่านจะหาระบบเทรดที่ดีได้อย่างไร ? แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือต้องเป็น logic ที่ชนะตลาดในระยะยาว หากใครกำลังคิดแบบนี้อยู่ผมขอบอกว่าพวกท่านกำลังเดินมาถูกทางแล้ว แต่พวกท่านจะทำอย่างไรในการทดสอบ ? คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยย้อนกราฟกลับไปดูเทคนิคของตนเองและจดบันทึกผลลัพธ์ที่ผ่านมาของ Indicator ที่ตนเองใช้ ซึ่งสิ่งที่พวกท่านกำลังถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ที่เราเรียกว่าการทดสอบอดีตหรือ Back Test ดังนั้นลองมาดูรูปแบบรวมถึงวิธีการ Back test แล้วท่านจะได้เริ่มรับรู้ว่าพวกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้เฉพาะทางนั้นมีความได้เปรียบนักลงทุนทั่วไปอยู่มากน้อยแค่ไหน
*ในบทความนี้ขอลงเฉพาะพื้นฐานนะครับเพื่อให้ทุกคนเข้าใจอย่างทั่วถึง โดยไม่ได้กล่าวถึงการตั้งสมมุติฐานเชิงลึกและทดสอบแบบละเอียดแต่อย่างใด
รูปแสดงขั้นตอนการ Back test ด้วยการจดบันทึกลงในโปรแกรม Excel
จากรูปจะเห็นว่านี่คือวิธี Back test ที่นักลงทุนหลายคนกำลังทำอยู่ ด้วยการนำผลลัพธ์ใส่ลงไปในโปรแกรมพื้นฐานอย่าง Excel พร้อมผูกสูตรต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณและประมวลผล ซึ่งบางคนก็อาจใช้วิธีที่ย้อนหลังไปกว่านั้นคือจดบันทึกลงในกระดาษ และนั้นแหละคือวิธีที่ผมใช้เมื่อ 8 ปีก่อน โดยวางเป้าหมายว่าจะหาระบบเทรดที่ดีภายในเวลาอันสั้นสุด สักประมาณ 3 หรือ 6 เดือน ซึ่งการทดสอบแต่ละ Logic ผ่านไปด้วยความยากลำบาก ยิ่งทดสอบนานปีหรือเงื่อนไขซับซ้อนเท่าไรยิ่งใช้เวลาที่นานขึ้น และผมก็ใช้เวลาอยู่กับมันมาเป็นเวลา 2 ปี โดยมีความเชื่อที่ว่าหากใช้โปรแกรมอื่น ๆ หรือเรียนรู้เรื่องเขียนโปรแกรมเพิ่มไปก็ไม่น่าที่ทำให้การประมวลผลนั้นดีขึ้นสักเท่าไหร่ ทำให้ตัวเองเข้าสู่ comfort zone เป็นที่เรียบร้อย ในตอนนั้นผมกำลังปิดกั้นตัวเองและกำลังดูถูกพวกเทคโนโลยีใหม่ ๆ และมันกลายเป็นเรื่องที่ผมทำผิดพลาด ซึ่งในวันนี้ผมไม่อยากให้ใครต้องผิดพลาดเหมือนผมอีกจึงอยากออกมาแชร์ให้กับทุกท่านได้รับรู้
[ตอนจบ] ผมคิดว่าทุกวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปแล้ว (อยากให้ทุกคนได้อ่าน)
หลังจากผ่านเรื่องของ Block Trade หวังว่าความรู้ที่ผมนำมาแชร์ คงทำให้พวกท่านได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปของตลาดหุ้นไทย แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้เรามาต่อกันที่สาเหตุประการที่ 2 ที่เข้ามามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยกันดีกว่าและผมคิดว่าสาเหตุนี้ก็เป็นสาเหตุที่เขย่าวงการตลาดหุ้นไทยไม่แพ้กัน โดยต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเองก็เป็น 1 ในคนที่สนใจและกำลังพัฒนาในเรื่องนี้อยู่และอยากเชิญทุกคนมาพัฒนาร่วมกัน จึงขออนุญาตให้ความรู้และใส่ประสบการณ์ส่วนตัวในเนื้อหานี้ หากมีข้อผิดพลาดหรือไม่ตรงกับมุมมองของท่านใดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ
ประการที่ 2 การเข้ามาของ Robot Trade & System Trade
ต้องยอมรับว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องสำคัญกับทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจหลักทรัพย์ที่ตอนนี้แทบทุก Broker ต่างมุ่งเน้นธีมธุรกิจไปในแบบออนไลน์พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนในเรื่องการส่งเสริมการเทรดออนไลน์แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมช่วยส่งคำสั่งที่พัฒนาไปจากเดิมตามสไตล์ของแต่ละ Broker รวมถึงเพิ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ทั้งการแจ้งเตือน การวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อให้นักลงทุนท่วงทันเหตุการณ์สำคัญของตลาดและสามารถนำไปเป็นข้อมูลเพื่อช่วยยกระดับการเทรดของตนเองในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเทคโนโลยีที่เข้ามาและมีผลกระทบต่อตลาดมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “หุ่นยนต์เทรด”
การเข้ามาของหุ่นยนต์ส่งคำสั่งอัตโนมัติ
หุ่นยนต์เทรด หมายถึง โปรแกรมที่ช่วยส่งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ โดยแค่นักลงทุนใส่แบบแผนหรือ logic ลงไป โปรแกรมจะทำการส่งคำสั่งซื้อ-ขายทันทีเมื่อข้อมูลหรือราคาเข้าสู่เงื่อนไขที่กำหนด ช่วยให้นักลงทุนไม่ลังเลและไม่ใช้อารมณ์ในการซื้อขายและไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอในการลงทุน ซึ่งหุ่นยนต์เทรดอาจจะถูกออกแบบให้อยู่ในรูปโปรแกรมที่ทาง Broker จัดทำขึ้นหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ หรืออาจจะอยู่ในรูปการใช้โปรแกรมอื่น ๆ สร้างขึ้นมาตามความสามารถและความถนัดของนักลงทุนแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม
ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการลงทุนทุกวันนี้มีสัดส่วนของหุ่นยนต์ปะปนอยู่พอสมควร แต่หลายคนคงคิดว่าหุ่นยนต์นั้นเป็นเรื่องที่รายใหญ่ใช้เอาเปรียบรายย่อย รายย่อยไม่สามารถเข้าถึงเรื่องเหล่านี้ได้ แล้วคำถามคือเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะผู้คุมกฎสั่งห้ามไม่ให้รายย่อยใช้ ? เปล่าเลยครับ ไม่ใช่แบบนั้นเลย เป็นเพราะพวกท่านยังไม่มีความรู้อย่างเพียงพอในเรื่องของการพัฒนาและนำพาตัวเองเข้าสู่การใช้หุ่นยนต์เทรดต่างหาก และบางคนก็มัวแต่รอให้ Broker นำเสนอสิ่งเหล่านั้นให้ ฟังดูแล้วอาจจะเกินจริง แต่พวกท่านเชื่อไหมว่าในทุกวันนี้มีรายย่อยหลายคนที่สามารถพัฒนาตัวเองไปใช้หรือใกล้เคียงกับการใช้หุ่นยนต์เทรดกันแล้ว เพราะฉะนั้นผมขอให้ทุกคนเปิดกว้างและพร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องหุ่นยนต์เทรดไปพร้อม ๆ กันผ่านบทความนี้
นักลงทุนที่มีหุ่นยนต์เทรดจะกำไรในการลงทุน ?
นี่เป็นอีก 1 ตัวอย่างของการเข้าใจแบบผิด ๆ ในตลาด รายย่อยหลายคนเข้าใจว่าการครอบครองหุ่นยนต์เทรดจะทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ จึงพยายามแสวงหาหุ่นยนต์เพื่อนำมาใช้ พร้อมกล่าวโทษว่าพวกที่ใช้หุ่นยนต์เป็นพวกเอารัดเอาเปรียบ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วนักลงทุนที่ใช้หุ่นยนต์นั้นมีคนที่ไม่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนประสบความสำเร็จอยู่หลายเท่า เพียงแต่เขาเหล่านั้นไม่ได้มีจุดยืนที่ดูดีและเสียงไม่ดังเท่าคนที่ประสบความสำเร็จในการออกมาป่าวประกาศให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งตัวอย่างพวกท่านสามารถเห็นได้จากตลาด FOREX ที่ทุกวันนี้นักลงทุนเกินกว่า 50% ใช้หุ่นยนต์เทรดกันแทบทั้งสิ้น แต่ก็มีหลายคนที่หมดตัวให้กับตลาดนี้ พวกท่านคงสงสัยใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องหุ่นยนต์เทรดกันดีกว่า
อยากใช้หุ่นยนต์ต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจการลงทุนอย่างเป็นระบบ (System Trade)
ผมเป็นคนนึงที่ชอบอ่านกระทู้ของทั้งบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนและไม่ประสบความสำเร็จ โดยขอชื่นชมเขาเหล่านั้นที่กล้าจะเปิดอกแชร์เรื่องราวความผิดพลาดของตนเองให้ทุกคนได้รับรู้ และสังเกตว่าแทบทุกกระทู้มักมีคนแนะนำว่าหากอยากประสบความสำเร็จในการลงทุนต้องมีระบบเทรด หรือแม้กระทั่งเทพสินธรคนดังก็ให้เครดิตกับเรื่องการมีระบบเทรดและหาเงินกินเหลาในตลาด TFEX ได้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่บางคนยังไม่รู้แม้กระทั่งความหมายของระบบเทรด รู้แค่ว่าหากมีระบบเทรดก็สามารถทำให้เรากำไรได้อย่างคนอื่นเขา โดยไม่รู้ว่าเลยว่ากว่านักลงทุนคนนึงที่ใช้ระบบเทรดแล้วอยู่รอดและประสบความสำเร็จ เขาผ่านความล้มเหลวมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกับการใช้ระบบเทรด
แล้วอะไร คือระบบเทรด ?
หากพูดถึงเรื่องระบบเทรด ผมเองก็ไม่รู้ว่าถ้าพวกท่านเดินไปถามคน 10 คนจะพูดเหมือนกันสักคนหรือไม่ แต่ถ้าพวกท่านเดินมาถามผม ผมคงให้ความหมายว่า เป็นการที่เราสร้างแบบแผนหรือกำหนด Logic ในการลงทุนไว้อย่างชัดเจน เพื่อหาจุดยึดเหนี่ยวในการตัดสินซื้อขาย เพื่อไม่ให้เราหวั่นไหวต่อปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิด Bias ในการตัดสินใจ โดยระบบเทรดจะต้องบอกจุดเข้าและจุดออกที่เห็นได้ชัดเจนและมีความเป็นรูปธรรม ส่วนใหญ่มักจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคเนื่องจากมีคุณสมบัติ คือเห็นจุดตัดสินใจที่แน่ชัด เช่น การทะลุแนวรับ-แนวต้านของราคา การตัดขึ้น-ลงของ Indicator ต่างจากข้อมูลพื้นฐานหรือข่าวที่บางครั้งอาจต้องใช้ความรู้และประสบการณ์มาวิเคราะห์เพิ่มเติมก่อนแปรเปลี่ยนเป็นการตัดสินใจซื้อขาย และอาจก่อให้เกิดการใช้ความรู้สึกและอารมณ์มามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในแต่ละครั้ง
มาถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าพวกท่านที่ใช้เทคนิคในการลงทุนคงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็เป็น 1 ในคนมีระบบเทรด แต่อย่างไรก็ตามผมอยากเตือนให้ทุกคนระวังไว้สักนิด เพราะไม่ใช่นักเทคนิคทุกคนที่จะเป็นนักลงทุนที่ใช้ระบบเทรด แม้ว่าพวกเขาจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคเหมือนกัน แต่หากถ้าใครยังใส่ความคิดวิเคราะห์เพิ่มเติมทุกครั้งก่อนตัดสินใจจะซื้อหรือจะขาย ดังนั้นอยากให้พวกท่านลองสังเกตตัวเองดูว่า ในทุกครั้งที่เครื่องมือทางเทคนิคของพวกท่านส่งสัญญาณซื้อขาย พวกท่านตัดสินใจทำตามทุกครั้งหรือแต่ละครั้งต้องมานั่งดูปัจจัยอื่น ๆ แล้วค่อยตัดสินใจเองอีกที หากถ้าท่านยังเป็นอย่างหลัง แสดงว่าท่านยังไม่ได้ใช้การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น ? ลองคิดดูว่านะครับ ว่าหากวันนึงมีหุ่นยนต์เข้ามา หุ่นยนต์เขาไม่รู้หรอกว่า ครั้งใดควรเทรดครั้งใดไม่ควรเทรดแบบที่ท่านกำลังทำ ดังนั้นผมอยากให้ท่านทำความเข้าใจอีกครั้งว่า ระบบเทรดที่ใช้จะต้องเป็นตรรกะที่ชัดเจนและต้องทำตามทุกครั้งโดยปราศจากการใช้สมอง(อารมณ์)ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อขาย และนี้คงเป็นตลกร้ายที่นักลงทุนหลายคนบอกกับคนอื่นว่าตัวเองเป็นนักลงทุนที่ใช้ระบบเทรด แต่สุดท้ายไม่ทำตามระบบแล้วพอพลาดเสียหายกลับโทษว่าระบบเทรดที่ใช้อยู่ไม่ดี
ระบบเทรด V.S. ระบบเทรดที่ดี
หลังจากเข้าใจเรื่องระบบเทรดแล้ว นักลงทุนบางคนคงรู้สึกพึงพอใจที่ตนเองมีระบบเทรดและกำลังใช้ระบบเทรดอย่างถูกต้องอยู่ หรือบางคนเองก็รู้สึกคล้อยตามและเห็นด้วยว่าการมีระบบเทรดเป็นเรื่องที่น่าสนใจ จึงลองพยายามหามาใช้บ้าง โดยทำการเปิดกราฟแล้วลองหยิบ Indicator มาสักตัวหนึ่ง เช่น moving average 2 เส้นมาทำการตัดกัน จากนั้นทำการเฝ้าดูและซื้อขายตามทุกครั้งที่มีสัญญาณนี้เกิดขึ้น ซึ่งผมเองก็ขอแสดงความก็ยินดีกับทุกคนด้วย เพราะพวกท่านกำลังเป็นนักลงทุนที่ลงทุนด้วยระบบเทรดเป็นที่เรียบร้อย … แต่ไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีคำถามที่พวกท่านต้องหาคำตอบกันต่อ ว่าทำไมนักลงทุนบางท่านที่เป็นระบบเทรดแล้วถึงยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ? นั้นเป็นเพราะแม้ว่าพวกท่านจะใช้ระบบเทรดแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบที่ท่านใช้จะสามารถทำกำไรในตลาดได้ ลองคิดดูนะครับ หากถ้าเรามีวินัยในการซื้อขายอย่างเคร่งครัด แต่ทุกครั้งที่ซื้อขายขาดประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงหนีไม่พ้นการขาดทุนอย่างแน่นอน นั้นแหละคือคำถามที่ท่านต้องถามตัวเองต่อ ว่าทุกวันนี้ระบบเทรดที่ท่านใช้อยู่ดีจริงไหม ? ดังนั้นหากใครอยากประสบความสำเร็จด้านการใช้หุ่นยนต์ ก้าวแรกของคนทุกคนต้องหาระบบเทรดที่ดีให้ได้ก่อน
แล้วระบบเทรดที่ดีหาได้อย่างไร ?
การหาระบบเทรดที่ดีถือเป็นหัวใจสำคัญที่นักลงทุนสายระบบทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพต้องการแสวงหา และผมคิดว่าใครที่สามารถผ่านบททดสอบในจุดนี้ได้ พวกท่านจะกลายเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้น โดยไม่ต้องพึ่งพา Robot เสียเลยด้วยซ้ำ ผมอยากให้ทุกคนคิดตามกันมานะครับ ว่าพวกท่านจะหาระบบเทรดที่ดีได้อย่างไร ? แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือต้องเป็น logic ที่ชนะตลาดในระยะยาว หากใครกำลังคิดแบบนี้อยู่ผมขอบอกว่าพวกท่านกำลังเดินมาถูกทางแล้ว แต่พวกท่านจะทำอย่างไรในการทดสอบ ? คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยย้อนกราฟกลับไปดูเทคนิคของตนเองและจดบันทึกผลลัพธ์ที่ผ่านมาของ Indicator ที่ตนเองใช้ ซึ่งสิ่งที่พวกท่านกำลังถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ที่เราเรียกว่าการทดสอบอดีตหรือ Back Test ดังนั้นลองมาดูรูปแบบรวมถึงวิธีการ Back test แล้วท่านจะได้เริ่มรับรู้ว่าพวกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้เฉพาะทางนั้นมีความได้เปรียบนักลงทุนทั่วไปอยู่มากน้อยแค่ไหน
*ในบทความนี้ขอลงเฉพาะพื้นฐานนะครับเพื่อให้ทุกคนเข้าใจอย่างทั่วถึง โดยไม่ได้กล่าวถึงการตั้งสมมุติฐานเชิงลึกและทดสอบแบบละเอียดแต่อย่างใด
รูปแสดงขั้นตอนการ Back test ด้วยการจดบันทึกลงในโปรแกรม Excel
จากรูปจะเห็นว่านี่คือวิธี Back test ที่นักลงทุนหลายคนกำลังทำอยู่ ด้วยการนำผลลัพธ์ใส่ลงไปในโปรแกรมพื้นฐานอย่าง Excel พร้อมผูกสูตรต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณและประมวลผล ซึ่งบางคนก็อาจใช้วิธีที่ย้อนหลังไปกว่านั้นคือจดบันทึกลงในกระดาษ และนั้นแหละคือวิธีที่ผมใช้เมื่อ 8 ปีก่อน โดยวางเป้าหมายว่าจะหาระบบเทรดที่ดีภายในเวลาอันสั้นสุด สักประมาณ 3 หรือ 6 เดือน ซึ่งการทดสอบแต่ละ Logic ผ่านไปด้วยความยากลำบาก ยิ่งทดสอบนานปีหรือเงื่อนไขซับซ้อนเท่าไรยิ่งใช้เวลาที่นานขึ้น และผมก็ใช้เวลาอยู่กับมันมาเป็นเวลา 2 ปี โดยมีความเชื่อที่ว่าหากใช้โปรแกรมอื่น ๆ หรือเรียนรู้เรื่องเขียนโปรแกรมเพิ่มไปก็ไม่น่าที่ทำให้การประมวลผลนั้นดีขึ้นสักเท่าไหร่ ทำให้ตัวเองเข้าสู่ comfort zone เป็นที่เรียบร้อย ในตอนนั้นผมกำลังปิดกั้นตัวเองและกำลังดูถูกพวกเทคโนโลยีใหม่ ๆ และมันกลายเป็นเรื่องที่ผมทำผิดพลาด ซึ่งในวันนี้ผมไม่อยากให้ใครต้องผิดพลาดเหมือนผมอีกจึงอยากออกมาแชร์ให้กับทุกท่านได้รับรู้