นักวิชาการเตือน! เลือกหุ้นเองอาจพา “ทัวร์ลง” พร้อมชี้คนไทยควรขยันสร้าง Active Income และเลี่ยง “กับดัก Home Bias”
’นักวิชาการด้านการเงิน‘ออกโรงเตือนนักลงทุนมือใหม่ที่นิยมเลือกหุ้นรายตัวเองจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น การไถทวิตเตอร์ อ่านกลุ่มไลน์ หรือการติดตามข่าวโซเชียลมีเดียเท่านั้นว่า เป็นเส้นทางที่อาจนำไปสู่การขาดทุนในระยะยาว
โดยระบุว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากเลือกหุ้นเองโดยไม่มีความรู้หรือการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน โอกาสที่จะ “ชนะตลาด” ยิ่งเป็นไปได้ยาก
ทำไมการเลือกหุ้นเองถึงเสี่ยง?
1. ข้อมูลไม่เพียงพอ: นักลงทุนที่อาศัยข้อมูลจากแหล่งโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียวมักได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือแม้แต่เป็นข้อมูลที่ผิดพลาด
2. ความเข้าใจที่ไม่ลึกซึ้ง: การเลือกหุ้นรายตัวต้องอาศัยการวิเคราะห์งบการเงิน ปัจจัยพื้นฐาน และเทคนิคขั้นสูง ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักขาดทักษะเหล่านี้
3. ตลาดหุ้นไทยที่ซบเซา: สถิติย้อนหลัง 5 ปี (2019-2024) แสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P 500) ให้ผลตอบแทนรวมกว่า 104% (เงินลงทุน 100 บาท เพิ่มเป็น 204 บาท) ในขณะที่ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ให้ผลตอบแทนติดลบถึง -9% (เงินลงทุน 100 บาท เหลือเพียง 91 บาท)
หลีกเลี่ยง “กับดัก Home Bias”
“Home Bias” หมายถึง การที่นักลงทุนเลือกลงทุนในตลาดหรือสินทรัพย์ในประเทศตนเองเพียงอย่างเดียว เนื่องจากความคุ้นเคยหรือความเชื่อมั่นที่สูงเกินไป ซึ่งในกรณีของประเทศไทย ความลำเอียงนี้อาจทำให้พลาดโอกาสลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงกว่า
นักวิชาการแนะนำว่า นักลงทุนควร กระจายการลงทุน ในสินทรัพย์ระดับโลก เช่น
• กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ
• กองทุน ETF ที่ติดตามดัชนีตลาดหุ้นชั้นนำ เช่น S&P 500, NASDAQ หรือ MSCI World
คำแนะนำสำหรับคนไทย:
1. เน้นสร้าง Active Income
สำหรับคนทั่วไป การหาเงินจากการทำงานหรือสร้างรายได้ Active Income เป็นวิธีที่ปลอดภัยและแน่นอนกว่าการพยายาม “เล่นหุ้น” โดยปราศจากความรู้
2. เลือกกองทุนแทนการเลือกหุ้นเอง
การลงทุนผ่านกองทุนรวมช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด และมีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญดูแลการลงทุนให้
3. พัฒนาความรู้ด้านการเงิน
หากต้องการลงทุนเอง ควรศึกษาข้อมูลด้านการเงิน การวิเคราะห์หุ้น และความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกเพิ่มเติม
4. คิดถึงอนาคตระยะยาว
การลงทุนควรมุ่งเน้นผลตอบแทนในระยะยาว อย่าหลงเชื่อกระแสหรือข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ
ตลาดหุ้นไม่ใช่เกมที่เล่นง่าย หากคนส่วนใหญ่สามารถเลือกหุ้นแล้วชนะตลาดได้ ตลาดก็จะไม่มีความท้าทายอีกต่อไป การลงทุนอย่างรอบคอบและกระจายความเสี่ยงคือกุญแจสำคัญ และสำหรับคนไทย การขยันสร้าง Active Income และหลีกเลี่ยงกับดัก Home Bias คือหนทางที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
นักวิชาการเตือน! เลือกหุ้นเองอาจพา “ทัวร์ลง” พร้อมชี้คนไทยควรขยันสร้าง Active Income และเลี่ยง “กับดัก Home Bias”
’นักวิชาการด้านการเงิน‘ออกโรงเตือนนักลงทุนมือใหม่ที่นิยมเลือกหุ้นรายตัวเองจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น การไถทวิตเตอร์ อ่านกลุ่มไลน์ หรือการติดตามข่าวโซเชียลมีเดียเท่านั้นว่า เป็นเส้นทางที่อาจนำไปสู่การขาดทุนในระยะยาว
โดยระบุว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากเลือกหุ้นเองโดยไม่มีความรู้หรือการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน โอกาสที่จะ “ชนะตลาด” ยิ่งเป็นไปได้ยาก
ทำไมการเลือกหุ้นเองถึงเสี่ยง?
1. ข้อมูลไม่เพียงพอ: นักลงทุนที่อาศัยข้อมูลจากแหล่งโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียวมักได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือแม้แต่เป็นข้อมูลที่ผิดพลาด
2. ความเข้าใจที่ไม่ลึกซึ้ง: การเลือกหุ้นรายตัวต้องอาศัยการวิเคราะห์งบการเงิน ปัจจัยพื้นฐาน และเทคนิคขั้นสูง ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักขาดทักษะเหล่านี้
3. ตลาดหุ้นไทยที่ซบเซา: สถิติย้อนหลัง 5 ปี (2019-2024) แสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P 500) ให้ผลตอบแทนรวมกว่า 104% (เงินลงทุน 100 บาท เพิ่มเป็น 204 บาท) ในขณะที่ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ให้ผลตอบแทนติดลบถึง -9% (เงินลงทุน 100 บาท เหลือเพียง 91 บาท)
หลีกเลี่ยง “กับดัก Home Bias”
“Home Bias” หมายถึง การที่นักลงทุนเลือกลงทุนในตลาดหรือสินทรัพย์ในประเทศตนเองเพียงอย่างเดียว เนื่องจากความคุ้นเคยหรือความเชื่อมั่นที่สูงเกินไป ซึ่งในกรณีของประเทศไทย ความลำเอียงนี้อาจทำให้พลาดโอกาสลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงกว่า
นักวิชาการแนะนำว่า นักลงทุนควร กระจายการลงทุน ในสินทรัพย์ระดับโลก เช่น
• กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ
• กองทุน ETF ที่ติดตามดัชนีตลาดหุ้นชั้นนำ เช่น S&P 500, NASDAQ หรือ MSCI World
คำแนะนำสำหรับคนไทย:
1. เน้นสร้าง Active Income
สำหรับคนทั่วไป การหาเงินจากการทำงานหรือสร้างรายได้ Active Income เป็นวิธีที่ปลอดภัยและแน่นอนกว่าการพยายาม “เล่นหุ้น” โดยปราศจากความรู้
2. เลือกกองทุนแทนการเลือกหุ้นเอง
การลงทุนผ่านกองทุนรวมช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด และมีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญดูแลการลงทุนให้
3. พัฒนาความรู้ด้านการเงิน
หากต้องการลงทุนเอง ควรศึกษาข้อมูลด้านการเงิน การวิเคราะห์หุ้น และความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกเพิ่มเติม
4. คิดถึงอนาคตระยะยาว
การลงทุนควรมุ่งเน้นผลตอบแทนในระยะยาว อย่าหลงเชื่อกระแสหรือข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ
ตลาดหุ้นไม่ใช่เกมที่เล่นง่าย หากคนส่วนใหญ่สามารถเลือกหุ้นแล้วชนะตลาดได้ ตลาดก็จะไม่มีความท้าทายอีกต่อไป การลงทุนอย่างรอบคอบและกระจายความเสี่ยงคือกุญแจสำคัญ และสำหรับคนไทย การขยันสร้าง Active Income และหลีกเลี่ยงกับดัก Home Bias คือหนทางที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว