“ธนาธร” แถลงปิดคดีหุ้นวีลัค ลั่น ความผิดคือต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.
https://www.thairath.co.th/news/politic/1704868

“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แถลงปิดคดีหุ้นวีลัคมีเดีย ย้ำ ไม่เกี่ยวยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นแค่เรื่องคุณสมบัติ ส.ส. ที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ย้ำ ความผิดคือต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.
 
วันที่ 15 พ.ย. 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะสิ้นสุดลงหรือไม่ ในวันที่ 20 พ.ย. นี้ โดยสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้ 
 
นายธนาธร ยืนยันว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย ปิดตัวตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 ก่อนที่ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จะประกาศออกมา และนิตยสารของบริษัทที่ผ่านมาก็ไม่เคยให้คุณทางการเมืองกับตนเอง และไม่เคยให้โทษกับคู่แข่ง 
 
อีกทั้งจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครมีหลักฐานเพียงพอที่จะมาหักล้างในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสงสัยถึงเรื่องการส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ข้อเท็จจริงยังสอบสวนไม่สิ้นกระบวนความ ว่าเอาข้อมูลที่ครบถ้วนที่ไหนไป
 
“ถ้าถามว่าผมผิดอะไร คำตอบคือ ไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ ไม่ใช่เรื่องให้พรรคกู้เงิน แต่คือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.”
 
พร้อมกันนี้ นายธนาธร ยังย้ำถึงความฝันที่ต้องการเห็นคนในประเทศไทยได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และไม่มีรัฐประหารอีกในอนาคต และพรรคอนาคตใหม่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตามกฎหมาย เมื่อผลเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไรก็ยังเดินหน้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สู้ในสภาฯ อย่างสง่างาม ให้พี่น้องเห็นความตั้งใจจริงในการทำงาน รณรงค์แก้รัฐธรรมนูญอย่างสันติ ย้ำว่า ถึงเวลาที่จะต้องพาสังคมกลับสู่ความเป็นปกติ
 
อย่างไรก็ตาม นายธนาธร ระบุทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรก็จะเดินหน้าทำงานสร้างสรรค์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และคดีการถือหุ้น วี-ลัค ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่เกี่ยวกับการยุติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค เพราะเป็นเพียงเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. ซึ่งในฐานะหัวหน้าพรรคไม่มีคดีอะไรติดตัว และแม้มีคนสนับสนุนพรรคอยู่มาก แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เชื่อในความจริงใจของเรา ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
 
ทั้งนี้ ในขณะที่ นายธนาธร แถลง พบว่ามี นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ส.ส.ในพรรคอนาคตใหม่ มาร่วมให้กำลังใจด้วย.
 
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/videos/1010681892599384/
 

---

“วิษณุ”บอกไม่เคยเห็นโหวตเปลี่ยนตัวปธ.กมธ.
https://www.innnews.co.th/politics/news_533222/
 
"วิษณุ" บอกไม่เคยเห็นโหวตเปลี่ยนประธาน กมธ. ชี้ "เสรีพิศุทธ์" แจ้งความเอาผิดนายกฯ-พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ หากไม่ใช้อำนาจ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกมาชี้แจง ไม่ทราบรายละเอียดเลขาฯ ครม.ทำหนังสือถามประกันสังคมนำเงินกองทุนปล่อยกู้ 
 
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) จะขอมติจากเสียงคณะกรรมาธิการฯ เพื่อเปลี่ยน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ออกจากการเป็นประธานกรรมาธิการ เพราะเป็นเรื่องของสภา และไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะการเปลี่ยนประธาน อาจจะเป็นการลาออก แต่การที่จะโหวตออก ย้ำว่า ไม่เคยเห็น
 
ขณะเดียวกัน ปฏิเสธตอบคำถามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ไปชี้แจงด้วยตนเองสามารถทำได้หรือไม่ โดยนายวิษณุ ได้อธิบายข้อกฎหมายที่คณะกรรมาธิการ สามารถออกคำสั่งให้มาชี้แจงได้ ซึ่งอาจจะเป็นการขอความร่วมมือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 และข้อบังคับ หรือเป็นการสั่งให้มาตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการ ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ. 2554
 
ซึ่งการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงที่ผ่านมา ไม่ได้อ้างการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ ดังกล่าว เพราะการใช้คำสั่ง ตาม พ.ร.บ. ได้นั้น จะต้องเป็นความผิดทางอาญา จึงจะสั่งให้ไปชี้แจงได้ ดังนั้น จึงไม่ทราบว่า หนังสือที่เชิญมาในขณะนี้เป็นการใช้คำสั่งตาม พ.ร.บ.หรือขอความร่วมมือ
ทั้งนี้ ในส่วนของนายกรัฐมนตรี ที่ได้ส่งเอกสารชี้แจงแทน ก็ได้พยายามทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 และข้อบังคับ ถือว่า จบแล้ว แต่หากคณะกรรมาธิการ เห็นว่ายังไม่จบ ก็ถือว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ และไม่ขอตอบแทนว่า การเรียกมาครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 นั้น นายกรัฐมนตรี สามารถทำหนังสือชี้แจงแทนได้อีกหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และกรรมาธิการ ไม่สามารถตอบแทนได้
 
นายวิษณุ ยังกล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดที่ นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือถึง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการพิจารณาความเป็นไปได้ในการบริหารจัดการเงินกองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์ เช่น การกู้ยืม โดย เรื่องนี้จะต้องถามสำนักงานประกันสังคมว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยยืนยันว่า ตนไม่ทราบ และไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
 
พร้อมเปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. เพราะถ้านำเข้า ตนต้องทราบรายละเอียด ซึ่งหากจะมีการใช้เงินกองทุนประกันสังคม จะให้ ครม. อนุมัติได้หรือไม่ ยังตอบไม่ถูก ซึ่งหากติดในเรื่องของข้อกฎหมาย ครม. ก็ไม่สามารถอนุมัติได้ แต่เข้าใจว่าที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานประกันสังคมว่าสามารถนำเงินมาใช้ได้หรือไม่ รวมถึงวิธีการใช้ว่าจะต้องใช้อย่างไร ทางกระทรวงฯ ก็คงจะมีหนังสือตอบกลับมาว่าไม่สามารถทำได้ เพราะหากจะทำจะต้องแก้กฎหมาย