'ศรีสุวรรณ' ฉะ 'วิษณุ' แจงคุณสมบัติ 'บิ๊กตู่' แนะลาออกรองนายกฯ ไปเป็นตุลาการศาล
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2748342
‘ศรีสุวรรณ’ ฉะ ‘วิษณุ’ แจงคุณสมบัติ ‘บิ๊กตู่’ แนะลาออกรองนายกฯ ไปเป็นตุลาการศาล
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160
(5) และมาตรา 44 (15) เพราะเหตุเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” หรือไม่
โดยศาลสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสําเนาคําร้องให้ผู้ถูกร้องเพื่อยื่นคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน
15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสําเนาคําร้อง
แต่การที่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ใช้โอกาสในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา อธิบายแทน
พล.อ.ประยุทธ์ โดยที่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งให้ช่วยอธิบาย หลังจาก
นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องคุณสมบัติของพล.อ.
ประยุทธ์ ว่าอาจไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพล.อ.
ประยุทธ์ ในตำแหน่งหัวหน้าคสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
“นายวิษณุ อ้างคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีระหว่าง คสช. กับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ว่าในคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับดังกล่าว ไม่มีส่วนไหนที่เขียนว่าหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในคำพิพากษาดังกล่าว เพียงแต่ระบุว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าพนักงาน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งหัวหน้าคสช. จึงไม่ขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ เนื่องจากตอนเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ”
การชี้แจงของนาย
วิษณุ อาจถือได้ว่าเป็นการจัดการงานนอกสั่ง และก้าวล่วงการวินิจฉัย หรือชี้นำการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริต
อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 วรรคสาม ประกอบ ม.39 (3) ซึ่งมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับได้ เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในกรณีนี้ เป็นคำร้องที่อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
“นายวิษณุเป็นนักกฎหมาย ควรรู้จักกาลเทศะ และวางตัว วางคำพูดให้เหมาะสม เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ไปตามคำชี้แจงของนายวิษณุ ก็จะเกิดการครหากับศาลขึ้นมาได้ ถ้านายวิษณุ อยากจะวินิจฉัยเรื่องนี้เสียเอง ควรลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แล้วมาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อมั่นว่าจะผ่านการสรรหาและการลงมติเลือกของ ส.ว.ได้อย่างแน่นอน อย่ามัวแต่ทำตัวเป็นเนติบริกร จนทำให้หลักกฎหมายสั่นคลอน
กลายเป็นที่ครหาของคนทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่เลย” นายศรีสุวรรณ กล่าว
JJNY: 'ศรีสุวรรณ' ฉะ 'วิษณุ' แจงคุณสมบัติ 'บิ๊กตู่'แนะไปเป็นตุลาการศาลฯ/โพลชี้กว่า 72% เห็นแถลงวันแรกปชช.ไม่ได้ประโยชน์ฯ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2748342
‘ศรีสุวรรณ’ ฉะ ‘วิษณุ’ แจงคุณสมบัติ ‘บิ๊กตู่’ แนะลาออกรองนายกฯ ไปเป็นตุลาการศาล
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160
(5) และมาตรา 44 (15) เพราะเหตุเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” หรือไม่
โดยศาลสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสําเนาคําร้องให้ผู้ถูกร้องเพื่อยื่นคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน
15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสําเนาคําร้อง
แต่การที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ใช้โอกาสในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา อธิบายแทนพล.อ.ประยุทธ์ โดยที่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งให้ช่วยอธิบาย หลังจากนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าอาจไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งหัวหน้าคสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
“นายวิษณุ อ้างคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีระหว่าง คสช. กับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ว่าในคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับดังกล่าว ไม่มีส่วนไหนที่เขียนว่าหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในคำพิพากษาดังกล่าว เพียงแต่ระบุว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าพนักงาน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งหัวหน้าคสช. จึงไม่ขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ เนื่องจากตอนเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ”
การชี้แจงของนายวิษณุ อาจถือได้ว่าเป็นการจัดการงานนอกสั่ง และก้าวล่วงการวินิจฉัย หรือชี้นำการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริต
อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 วรรคสาม ประกอบ ม.39 (3) ซึ่งมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับได้ เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในกรณีนี้ เป็นคำร้องที่อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
“นายวิษณุเป็นนักกฎหมาย ควรรู้จักกาลเทศะ และวางตัว วางคำพูดให้เหมาะสม เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ไปตามคำชี้แจงของนายวิษณุ ก็จะเกิดการครหากับศาลขึ้นมาได้ ถ้านายวิษณุ อยากจะวินิจฉัยเรื่องนี้เสียเอง ควรลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แล้วมาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อมั่นว่าจะผ่านการสรรหาและการลงมติเลือกของ ส.ว.ได้อย่างแน่นอน อย่ามัวแต่ทำตัวเป็นเนติบริกร จนทำให้หลักกฎหมายสั่นคลอน
กลายเป็นที่ครหาของคนทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่เลย” นายศรีสุวรรณ กล่าว