บทนำ
https://ppantip.com/topic/39330773 ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/39332020 ตอนที่ 3
https://ppantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/39333762 ตอนที่ 5
https://ppantip.com/topic/39336452
ตอนที่ 6
https://ppantip.com/topic/39339433 ตอนที่ 7
https://ppantip.com/topic/39342387
ตอนที่ 8
https://ppantip.com/topic/39345239 ตอนที่ 9
https://ppantip.com/topic/39348500
ตอนที่ 10
https://ppantip.com/topic/39351580
“กึกกก...!!!” ครั้นพบเห็นลำคอเล็ก ๆ บนร่างน้อย ๆ เอียงกระเท่เร่เฉยเลย เนื่องจากมือซ้ายเรียวงามเพิ่งจะมาบิดให้หักอย่างรวบรัดจากด้านหลังนั่นเอง ปีกทั้งคู่ที่กำลังกระพืออยู่ด้วยความยินดีเลยตกและร่วงหล่นลงพื้น หากแขนอีกข้างมิมาช้อนเอาไว้ก่อน
“ไม่นะ! หลานของข้า” เสียงใส ๆ จึงได้ปรากฏขึ้นมาแบบมิทราบตำแหน่ง ไอมนตราโทนเขียวขจีเลยผุดขึ้นมาทันทีจากความว่างเปล่า
“...” พิกัดข้าง ๆ นั้นเอง มนุษย์กิ้งก่าร่างใหญ่กว่า 2 เมตรอีกผู้หนึ่งก็กำลังทำตาค้างสุด ๆ ควบคู่กันด้วย ท่ามกลางความเงียบสงัด ณ วิหารชั้นในของศูนย์ใหญ่แห่งนิกายออโรร่า กว้างขวางและเพดานสูงมาก กึ่งกลางมีบ่อน้ำน้อยโหญ่เรียงเป็นตับ
มือที่ถือพลองยาวเก้าปล่องถึงกับกระแทกปลายสู่พื้น จนเกิดเสียงดังกังวาน สิ่งนี้ยาวขนาดตัวผู้ใช้ สีของมันเหลืองทองแวววาว ลำแก่นใหญ่เท่าข้อมือ แถมขาโก้ง ๆ ทั้งสองข้างอันมีเล็บแหลมที่นิ้วเท้าก็ครูดแผ่นกระเบื้องให้เสียหายในบัดดล ครั้นยืนอึ้งอยู่ด้านหน้าของแท่นบูชา ตรงกลาง ณ สุดฝั่งซ้ายมือ เกล็ดสีเขียวมรกตบนร่างตั้งชันขึ้นโดยอัตโนมัติ ถ้าสังเกตจากส่วนไร้เสื้อผ้าคล้ายขอทานสุดโสโครกเข้าปกคลุม
นันย์ตาของเขาแดงฉานเบิกกว้างออก ตามข้อต่อทั่วร่างมีหนามแหลมคมโผล่ให้เห็นชัดเจน หางแกร่งยาวฟาดระพื้น ข้างศีรษะซึ่งมีท่อไอเสียด้านละสามอันกำลังคุกรุ่นเต็มที จึงต้องระบายก๊าซแรงดันแรงสู่ห้วงอากาศ ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างก็ค่ำมืดไปแล้ว ทั้งยังหาได้มีสายลมเย็นโชยเข้ามาเลยสักนิด
(ตายแล้ว! โฟรก้า เผ่าพันธุ์แฟรี่ปีกวิหคตนสุดท้าย) เขาคิดในใจอย่างตื่นตระหนกยิ่งนัก จากนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่ผู้ลงมือปลิดชีพเจ้าภูตตัวน้อย ณ เบื้องหน้า โดยห่างออกมาต่างระดับสัก 6 เมตรได้
เธอเป็นโฉมงามผมขาวที่ลื่นสลวยส่องประกายดวงดาว เมื่อดัดเป็นลอนและยาวถึงบริเวณสะโพก ผู้เปลือยเปล่าซึ่งยืนอวดเรือนร่างระหงอยู่ภายในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำหรับบำเพ็ญเพียรทางจิตวิญญาณ โดยเลยริมขอบสระไปสักระยะหนึ่งน่ะ
ส่วนสูง 170 เซนติเมตร ตอนนี้แช่อยู่แค่ครึ่งหน้าแข้ง ดวงเนตรสีเงิน หางตามีรอยสักทองคำคล้ายปีกนกฟีนิกซ์วนถึงปลายคิ้ว ท้องน้อยปรากฏตราประทับอาคม ผิวพรรณผ่องดั่งคริสตัล คู่ปทุมภันตระง่านงัน ยิ่งมีไอน้ำเกาะและไหลรินตามทรวดทรงเลยได้อรรถรสจริง ๆ
“ท่านมาสายแล้ว อย่างน้อยก็ช้าไปถึงสองวันทีเดียว” เมื่อเยื้องย่างก้าวฝ่าผืนน้ำใสมาเรื่อย ๆ เพื่อเข้าหาเขาอย่างช้า ๆ เธอได้กล่าวเรียบราบด้วยน้ำเสียงอันเพราะพริ้ง ทั้ง ๆ ที่ในกำมือขวายังถือซากไร้ชีวิตของแฟรี่ตัวน้อยอยู่เลย แขนอีกข้างเลยตกแต่งปอยผมที่เปียกปอนข้างหูให้ดูดี อนุภาคเจ็ดสีแห่งมนตราภายในบ่อก็ล่องลอยขึ้นตลอด เพื่อส่งเสริมบรรยากาศอันลี้ลับ
“ใจเย็น ๆ ก่อน สหายข้า!” หลังจากมือซ้ายที่ว่างเปล่าเร่งยื่นไปคว้าดวงแสงสีเขียวเอาไว้ ณ ระดับหน้าอกอย่างเร่งร้อน มนุษย์กิ้งก่าเลยต้องพึมพำเบา ๆ พร้อมกับจับจ้องโดยมิกระพริบตา จนอีกฝ่ายเดินขึ้นบันไดข้างสระซึ่งมีขั้นน้อย ๆ มาอยู่ในระนาบเดียวกันแล้ว
“หวังว่าจะเตรียมต้อนรับพวกท่านได้ไม่บกพร่องนะ ดูสิ ข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจถึงระดับนี้เลย” ในระหว่างที่ระยะห่างค่อย ๆ หดสั้นลง อีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน แล้วกล่าวขึ้นและกางแขนออกจากกันทันที ครั้นเปิดเผยทุกสัดส่วนโดยไม่มิสนกระไรทั้งสิ้น
“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” เสียงใส ๆ คำรามด้วยความคลั่งแค้น ดวงแสงสีเขียวเปล่งออร่าออกมาเพิ่มขึ้นอีก กระนั้นสิ่งนี้ก็ยังโดนฉุดดึงจากพวกพ้องอยู่นั่นแหละ
“เฮ้อออ...!!! ทางนี้ก็ด้วยรึเนี่ย? ข้าคาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” พอพยายามข้างค้างในท่วงท่าเดิม มนุษย์กิ้งก่าจึงอดถอนถอยใจยาว ๆ คราหนึ่งมิได้
(จบสิ้น! นี่ข้าทำอะไรไม่ได้แล้วหรือ?) เขานึกขึ้นด้วยความคับข้องใจ ท่าทีย่ำแย่ลงอย่างชัดเจน ก่อนจะฟื้นคืนในเวลามินาน แล้วมือขวาก็ต้องกวัดแกว่งศาสตราวุธยาวเป็นวงแหวน ซ้ายกะขวาข้างละรอบหนึ่งและตั้งท่าให้พร้อมเตรียมต่อสู้ศึก
“อย่าคิดมากไปเลย คิ ๆ งั้นข้าขอมอบสิ่งที่ท่านต้องการให้ก็แล้วกัน” เมื่อประเมินอารมณ์ของอีกฝ่ายเสร็จ เธอกลับขว้างของที่ถืออยู่ในมือใส่อีกฝ่ายดื้อ ๆ เมื่อหยุดยั้งลงโดยเว้นช่องว่างพอสมควร โฟรก้าซึ่งตายแล้วเลยลอยละลิ่วเข้าหาอย่างกะทันหัน
“ปล่อยข้านะ” ดวงแสงได้ขัดขืนจากการยึดจับของพรรคพวกสำเร็จแล้ว มันจึงเร่งรอรับร่างของบุคคลสำคัญโดยมิรีรอ
“หลานเอ้ย! ปัญญาของเจ้าทึบเกินไปจริง ๆ” ครั้นพอพยุงร่างอยู่แล้วกลางอากาศ ดวงแสงสีเขียวจึงกล่าวด้วยความเสียใจ ประกายที่มีเลยหม่นลงด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็สาบสูญพร้อมกันในที่สุด
“ท่านไม่น่าเลือกกระทำแบบนี้เลย ช่างโง่เขลานัก” มนุษย์กิ้งก่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม โดยเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ทว่าสาวเจ้าซึ่งกำลังก้าวเดินแบบนุ่งดินห่มฟ้าก็แค่เบะปากเท่านั้นเอง
“พวกเรามาเริ่มจริง ๆ กันเถิด ข้าหวังว่าทางท่านคงมิเบื่อหน่ายแน่” จากนั้นจึงยิ้มแย้มอย่างมีจริตจะก้าน แล้วก็เปลี่ยนท่าทีเป็นไร้เดียงสาแทนในชั่วอึดใจ เธอได้ทำสีหน้าตื่นตระหนกถึงขีดสุด ทั้งยังตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียงแปดหลอดว่า
“กรี๊ดดด...!!! มีคนร้ายลักลอบเข้ามาหวังสังหาร เพื่อนของข้าก็เสร็จไปแล้ว นักรบหญิงอารักขาเอ้ย! จงรีบมาจับกุมเจ้าบ้ากามรายนี้โดยพลัน” พอสิ้นสุดสำเนียงการขอความช่วยเหลือ โดยผู้ส่งสัญญาณย่อตัวลงและใช้สองมือปกปิดสัดส่วนสงวนอย่างได้รางวัลตุ๊กตาทอง วงเวทย์แจ้งเหตุเตือนภัยภายในวิหารเลยทำงานในทันใด ทุก ๆ ทางเข้าออกจึงถูกม่านมนตราปิดผนึกเอาไว้ทั้งหมด
“ปึง!x2/ท่านสังฆราช ขอให้ทรงปลอดภัยเถอะ/ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำซะแล้ว กล้ามาล่วงเกินราชวงศ์ของฟอเรสทีเรียได้/ฯลฯ” ในจังหวะนั้นเอง ประตูใหญ่ด้านหน้าและหลังของวิหารชั้นในก็ถูกกระแทกให้เปิดออกด้วยความดุดัน พร้อมกับเหล่าเสียงร่ำร้องจอแจ เพราะมีเหล่าอิสตรีในชุดเกราะอัศวินเต็มยศสีขาววิ่งกรูเข้าหาจากสองฟากฝั่งกันอย่างอลม่าน
“ศัตรูเป็นอมนุตย์ เร็ว! รีบจัดขบวนอันดับที่สี่” เมื่อพบสถานการณ์ภายในแล้ว ความเคร่งเครียดจึงบังเกิดขึ้นตาม จากนั้นหัวหน้ากองจึงตะโกนบอกรหัส เพื่อโอบอ้อมผู้บุกรุกเอาไว้ด้วยความรัดกุม รังสีสังหารของแต่ละนางแผ่พุ่งออกมามิยั้งมือ
“เจ้าหญิง ไม่ต้องกลัว หน่วยดรุณีอุทิศกายมาคุ้มครองท่านแล้ว” โดยสตรีวัยเยาว์ซึ่งยศศักดิ์สูงที่สุดได้เร่งแทรกร่างเข้าบดบังระหว่างกลาง เรเปียร์สีแดงเพลิงซึ่งยาวหนึ่งเมตรได้ตั้งท่าพร้อมประจันกับมนุษย์กิ้งก่า
ผมสีฟ้าที่ยาวถึงท้ายทอย ใบหน้าเรียวบวกกับปากนิดจมูกหน่อย สูง 165 เซนติเมตร ทำให้น่ารักน่าเอ็นดูมิใช่ย่อย ร่างเพรียวแนวนักกีฬาถูกสวมด้วยชุดรัดติ้วสีขาวทั้งตัว โดยทับชุดเกราะเน้นการเคลื่อนไหวอีกชั้น จึงคล่องแคล้วและคงความสวยงามไม่ให้เลือนหาย
“โอ้! ท่านนี่ ช่างเปิดเผยไปแล้ว” ทั้งยังมีนักบวชสาวผู้ไว้เปียสายยาวสีดำถึงข้อเท้า มันทะลุหมวกแม่ชีออกมาด้านหลังศีรษะ เธอรีบคลี่เสื้อคลุมบนเรือนร่างอันเปลือยปลายโดยมิรอช้า พร้อมกับยื่นส่งมือให้ เพื่อช่วยเหลืออีกฝ่าย
ร่างสะโอดสะองที่สูง 1.7 เมตรในชุดนักบวชยาวสีครีม เธอจึงมีความเรียบร้อยเป็นพื้นฐานอยู่ก่อน แต่ด้วยเอวเล็ก หน้าอกใหญ่โต สะโพกอีกบานตะไทและสุ่มเสียงอันน่าฟังที่เอ่ยปากอย่างชวนปวดหัว เสน่ห์เลยยิ่งถูกยกระดับขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ขอบใจนะ เพื่อนของข้า” ผู้ถูกห่อหุ้มเลยกล่าวด้วยความยินดี แล้วก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่งด้วยการประคองของสหายแอบยั่วยวน
“จงตายซะเถิด เจ้าโจรชั่ว!” ภายใต้การล้อมกรอบของนักรบหญิง 20 คน อาวุธเวทย์ในมือของผู้พิทักษ์คนแรกได้วาดเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็ว โดยควงสว่านควบคู่ ขณะที่ร่างทะยานเข้าหา เพื่อทิ่งแทงหน้าอกของอีกฝ่าย ส่วนเรียวแหลมจึงเปล่งพลังอัคคีอันร้อนแรงไปด้วย
นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 10 เปิดอกกลางวิหาร]
ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/39332020 ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/39333762 ตอนที่ 5 https://ppantip.com/topic/39336452
ตอนที่ 6 https://ppantip.com/topic/39339433 ตอนที่ 7 https://ppantip.com/topic/39342387
ตอนที่ 8 https://ppantip.com/topic/39345239 ตอนที่ 9 https://ppantip.com/topic/39348500
ตอนที่ 10 https://ppantip.com/topic/39351580
“กึกกก...!!!” ครั้นพบเห็นลำคอเล็ก ๆ บนร่างน้อย ๆ เอียงกระเท่เร่เฉยเลย เนื่องจากมือซ้ายเรียวงามเพิ่งจะมาบิดให้หักอย่างรวบรัดจากด้านหลังนั่นเอง ปีกทั้งคู่ที่กำลังกระพืออยู่ด้วยความยินดีเลยตกและร่วงหล่นลงพื้น หากแขนอีกข้างมิมาช้อนเอาไว้ก่อน
“ไม่นะ! หลานของข้า” เสียงใส ๆ จึงได้ปรากฏขึ้นมาแบบมิทราบตำแหน่ง ไอมนตราโทนเขียวขจีเลยผุดขึ้นมาทันทีจากความว่างเปล่า
“...” พิกัดข้าง ๆ นั้นเอง มนุษย์กิ้งก่าร่างใหญ่กว่า 2 เมตรอีกผู้หนึ่งก็กำลังทำตาค้างสุด ๆ ควบคู่กันด้วย ท่ามกลางความเงียบสงัด ณ วิหารชั้นในของศูนย์ใหญ่แห่งนิกายออโรร่า กว้างขวางและเพดานสูงมาก กึ่งกลางมีบ่อน้ำน้อยโหญ่เรียงเป็นตับ
มือที่ถือพลองยาวเก้าปล่องถึงกับกระแทกปลายสู่พื้น จนเกิดเสียงดังกังวาน สิ่งนี้ยาวขนาดตัวผู้ใช้ สีของมันเหลืองทองแวววาว ลำแก่นใหญ่เท่าข้อมือ แถมขาโก้ง ๆ ทั้งสองข้างอันมีเล็บแหลมที่นิ้วเท้าก็ครูดแผ่นกระเบื้องให้เสียหายในบัดดล ครั้นยืนอึ้งอยู่ด้านหน้าของแท่นบูชา ตรงกลาง ณ สุดฝั่งซ้ายมือ เกล็ดสีเขียวมรกตบนร่างตั้งชันขึ้นโดยอัตโนมัติ ถ้าสังเกตจากส่วนไร้เสื้อผ้าคล้ายขอทานสุดโสโครกเข้าปกคลุม
นันย์ตาของเขาแดงฉานเบิกกว้างออก ตามข้อต่อทั่วร่างมีหนามแหลมคมโผล่ให้เห็นชัดเจน หางแกร่งยาวฟาดระพื้น ข้างศีรษะซึ่งมีท่อไอเสียด้านละสามอันกำลังคุกรุ่นเต็มที จึงต้องระบายก๊าซแรงดันแรงสู่ห้วงอากาศ ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างก็ค่ำมืดไปแล้ว ทั้งยังหาได้มีสายลมเย็นโชยเข้ามาเลยสักนิด
(ตายแล้ว! โฟรก้า เผ่าพันธุ์แฟรี่ปีกวิหคตนสุดท้าย) เขาคิดในใจอย่างตื่นตระหนกยิ่งนัก จากนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่ผู้ลงมือปลิดชีพเจ้าภูตตัวน้อย ณ เบื้องหน้า โดยห่างออกมาต่างระดับสัก 6 เมตรได้
เธอเป็นโฉมงามผมขาวที่ลื่นสลวยส่องประกายดวงดาว เมื่อดัดเป็นลอนและยาวถึงบริเวณสะโพก ผู้เปลือยเปล่าซึ่งยืนอวดเรือนร่างระหงอยู่ภายในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำหรับบำเพ็ญเพียรทางจิตวิญญาณ โดยเลยริมขอบสระไปสักระยะหนึ่งน่ะ
ส่วนสูง 170 เซนติเมตร ตอนนี้แช่อยู่แค่ครึ่งหน้าแข้ง ดวงเนตรสีเงิน หางตามีรอยสักทองคำคล้ายปีกนกฟีนิกซ์วนถึงปลายคิ้ว ท้องน้อยปรากฏตราประทับอาคม ผิวพรรณผ่องดั่งคริสตัล คู่ปทุมภันตระง่านงัน ยิ่งมีไอน้ำเกาะและไหลรินตามทรวดทรงเลยได้อรรถรสจริง ๆ
“ท่านมาสายแล้ว อย่างน้อยก็ช้าไปถึงสองวันทีเดียว” เมื่อเยื้องย่างก้าวฝ่าผืนน้ำใสมาเรื่อย ๆ เพื่อเข้าหาเขาอย่างช้า ๆ เธอได้กล่าวเรียบราบด้วยน้ำเสียงอันเพราะพริ้ง ทั้ง ๆ ที่ในกำมือขวายังถือซากไร้ชีวิตของแฟรี่ตัวน้อยอยู่เลย แขนอีกข้างเลยตกแต่งปอยผมที่เปียกปอนข้างหูให้ดูดี อนุภาคเจ็ดสีแห่งมนตราภายในบ่อก็ล่องลอยขึ้นตลอด เพื่อส่งเสริมบรรยากาศอันลี้ลับ
“ใจเย็น ๆ ก่อน สหายข้า!” หลังจากมือซ้ายที่ว่างเปล่าเร่งยื่นไปคว้าดวงแสงสีเขียวเอาไว้ ณ ระดับหน้าอกอย่างเร่งร้อน มนุษย์กิ้งก่าเลยต้องพึมพำเบา ๆ พร้อมกับจับจ้องโดยมิกระพริบตา จนอีกฝ่ายเดินขึ้นบันไดข้างสระซึ่งมีขั้นน้อย ๆ มาอยู่ในระนาบเดียวกันแล้ว
“หวังว่าจะเตรียมต้อนรับพวกท่านได้ไม่บกพร่องนะ ดูสิ ข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจถึงระดับนี้เลย” ในระหว่างที่ระยะห่างค่อย ๆ หดสั้นลง อีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน แล้วกล่าวขึ้นและกางแขนออกจากกันทันที ครั้นเปิดเผยทุกสัดส่วนโดยไม่มิสนกระไรทั้งสิ้น
“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” เสียงใส ๆ คำรามด้วยความคลั่งแค้น ดวงแสงสีเขียวเปล่งออร่าออกมาเพิ่มขึ้นอีก กระนั้นสิ่งนี้ก็ยังโดนฉุดดึงจากพวกพ้องอยู่นั่นแหละ
“เฮ้อออ...!!! ทางนี้ก็ด้วยรึเนี่ย? ข้าคาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” พอพยายามข้างค้างในท่วงท่าเดิม มนุษย์กิ้งก่าจึงอดถอนถอยใจยาว ๆ คราหนึ่งมิได้
(จบสิ้น! นี่ข้าทำอะไรไม่ได้แล้วหรือ?) เขานึกขึ้นด้วยความคับข้องใจ ท่าทีย่ำแย่ลงอย่างชัดเจน ก่อนจะฟื้นคืนในเวลามินาน แล้วมือขวาก็ต้องกวัดแกว่งศาสตราวุธยาวเป็นวงแหวน ซ้ายกะขวาข้างละรอบหนึ่งและตั้งท่าให้พร้อมเตรียมต่อสู้ศึก
“อย่าคิดมากไปเลย คิ ๆ งั้นข้าขอมอบสิ่งที่ท่านต้องการให้ก็แล้วกัน” เมื่อประเมินอารมณ์ของอีกฝ่ายเสร็จ เธอกลับขว้างของที่ถืออยู่ในมือใส่อีกฝ่ายดื้อ ๆ เมื่อหยุดยั้งลงโดยเว้นช่องว่างพอสมควร โฟรก้าซึ่งตายแล้วเลยลอยละลิ่วเข้าหาอย่างกะทันหัน
“ปล่อยข้านะ” ดวงแสงได้ขัดขืนจากการยึดจับของพรรคพวกสำเร็จแล้ว มันจึงเร่งรอรับร่างของบุคคลสำคัญโดยมิรีรอ
“หลานเอ้ย! ปัญญาของเจ้าทึบเกินไปจริง ๆ” ครั้นพอพยุงร่างอยู่แล้วกลางอากาศ ดวงแสงสีเขียวจึงกล่าวด้วยความเสียใจ ประกายที่มีเลยหม่นลงด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็สาบสูญพร้อมกันในที่สุด
“ท่านไม่น่าเลือกกระทำแบบนี้เลย ช่างโง่เขลานัก” มนุษย์กิ้งก่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม โดยเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ทว่าสาวเจ้าซึ่งกำลังก้าวเดินแบบนุ่งดินห่มฟ้าก็แค่เบะปากเท่านั้นเอง
“พวกเรามาเริ่มจริง ๆ กันเถิด ข้าหวังว่าทางท่านคงมิเบื่อหน่ายแน่” จากนั้นจึงยิ้มแย้มอย่างมีจริตจะก้าน แล้วก็เปลี่ยนท่าทีเป็นไร้เดียงสาแทนในชั่วอึดใจ เธอได้ทำสีหน้าตื่นตระหนกถึงขีดสุด ทั้งยังตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียงแปดหลอดว่า
“กรี๊ดดด...!!! มีคนร้ายลักลอบเข้ามาหวังสังหาร เพื่อนของข้าก็เสร็จไปแล้ว นักรบหญิงอารักขาเอ้ย! จงรีบมาจับกุมเจ้าบ้ากามรายนี้โดยพลัน” พอสิ้นสุดสำเนียงการขอความช่วยเหลือ โดยผู้ส่งสัญญาณย่อตัวลงและใช้สองมือปกปิดสัดส่วนสงวนอย่างได้รางวัลตุ๊กตาทอง วงเวทย์แจ้งเหตุเตือนภัยภายในวิหารเลยทำงานในทันใด ทุก ๆ ทางเข้าออกจึงถูกม่านมนตราปิดผนึกเอาไว้ทั้งหมด
“ปึง!x2/ท่านสังฆราช ขอให้ทรงปลอดภัยเถอะ/ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำซะแล้ว กล้ามาล่วงเกินราชวงศ์ของฟอเรสทีเรียได้/ฯลฯ” ในจังหวะนั้นเอง ประตูใหญ่ด้านหน้าและหลังของวิหารชั้นในก็ถูกกระแทกให้เปิดออกด้วยความดุดัน พร้อมกับเหล่าเสียงร่ำร้องจอแจ เพราะมีเหล่าอิสตรีในชุดเกราะอัศวินเต็มยศสีขาววิ่งกรูเข้าหาจากสองฟากฝั่งกันอย่างอลม่าน
“ศัตรูเป็นอมนุตย์ เร็ว! รีบจัดขบวนอันดับที่สี่” เมื่อพบสถานการณ์ภายในแล้ว ความเคร่งเครียดจึงบังเกิดขึ้นตาม จากนั้นหัวหน้ากองจึงตะโกนบอกรหัส เพื่อโอบอ้อมผู้บุกรุกเอาไว้ด้วยความรัดกุม รังสีสังหารของแต่ละนางแผ่พุ่งออกมามิยั้งมือ
“เจ้าหญิง ไม่ต้องกลัว หน่วยดรุณีอุทิศกายมาคุ้มครองท่านแล้ว” โดยสตรีวัยเยาว์ซึ่งยศศักดิ์สูงที่สุดได้เร่งแทรกร่างเข้าบดบังระหว่างกลาง เรเปียร์สีแดงเพลิงซึ่งยาวหนึ่งเมตรได้ตั้งท่าพร้อมประจันกับมนุษย์กิ้งก่า
ผมสีฟ้าที่ยาวถึงท้ายทอย ใบหน้าเรียวบวกกับปากนิดจมูกหน่อย สูง 165 เซนติเมตร ทำให้น่ารักน่าเอ็นดูมิใช่ย่อย ร่างเพรียวแนวนักกีฬาถูกสวมด้วยชุดรัดติ้วสีขาวทั้งตัว โดยทับชุดเกราะเน้นการเคลื่อนไหวอีกชั้น จึงคล่องแคล้วและคงความสวยงามไม่ให้เลือนหาย
“โอ้! ท่านนี่ ช่างเปิดเผยไปแล้ว” ทั้งยังมีนักบวชสาวผู้ไว้เปียสายยาวสีดำถึงข้อเท้า มันทะลุหมวกแม่ชีออกมาด้านหลังศีรษะ เธอรีบคลี่เสื้อคลุมบนเรือนร่างอันเปลือยปลายโดยมิรอช้า พร้อมกับยื่นส่งมือให้ เพื่อช่วยเหลืออีกฝ่าย
ร่างสะโอดสะองที่สูง 1.7 เมตรในชุดนักบวชยาวสีครีม เธอจึงมีความเรียบร้อยเป็นพื้นฐานอยู่ก่อน แต่ด้วยเอวเล็ก หน้าอกใหญ่โต สะโพกอีกบานตะไทและสุ่มเสียงอันน่าฟังที่เอ่ยปากอย่างชวนปวดหัว เสน่ห์เลยยิ่งถูกยกระดับขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ขอบใจนะ เพื่อนของข้า” ผู้ถูกห่อหุ้มเลยกล่าวด้วยความยินดี แล้วก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่งด้วยการประคองของสหายแอบยั่วยวน
“จงตายซะเถิด เจ้าโจรชั่ว!” ภายใต้การล้อมกรอบของนักรบหญิง 20 คน อาวุธเวทย์ในมือของผู้พิทักษ์คนแรกได้วาดเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็ว โดยควงสว่านควบคู่ ขณะที่ร่างทะยานเข้าหา เพื่อทิ่งแทงหน้าอกของอีกฝ่าย ส่วนเรียวแหลมจึงเปล่งพลังอัคคีอันร้อนแรงไปด้วย