CH4
https://ppantip.com/topic/36506911/
CH3
https://ppantip.com/topic/36458658
CH2
https://ppantip.com/topic/36452680
CH1
https://ppantip.com/topic/36449069
บทที่ 4
เด็กคนหนึ่งมีหน้าที่เฝ้าหีบแห่งแสงสว่างมานานแสนนาน เขาคือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทำหน้าที่ถือกุญแจศักดิ์สิทธิ์ และพิทักษ์รักษาหีบแห่งแสงสว่างตลอดชีวิตอันเป็นนิรันดร์
เสียงแง้มประตูวิหารบานใหญ่ดังฝืดๆ แสงส่องลอดเข้ามาด้านในที่มืดอับในวิหารแห่งนั้น
“สงสัยมานานแล้วว่าในวิหารมีสิ่งใดเก็บซ่อนอยู่” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัย10ขวบ ดังแว่วเข้ามาในวิหาร เธอแอบขโมยกุญแจที่ล็อคประตูวิหารได้แล้วจึงแอบเข้ามาด้วยความสงสัยใคร่รู้ และต้องประหลาดใจเมื่อพบเด็กอีกคนนั่งบนเก้าอี้หินในห้องโถงแห่งนั้น
“ข้าชื่อ อลิส แล้วเธอล่ะเป็นใคร?” เด็กหญิงถามขึ้นก่อน พร้อมกล่าวแนะนำตัวเอง
“ข้าเป็นผู้ถือกุญแจและผู้ดูแลหีบแห่งแสง นามว่า..ออซวีน”
เมื่อเด็กสองคนมาพบกัน ก็ถูกชะตาและกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว
“ไปเล่นข้างนอกกันเถอะ” อลิสชวน
“แต่ว่า ข้าทิ้งหน้าที่นี้ไปไม่ได้ ข้ามีหน้าที่เฝ้าหีบแห่งแสงสว่างอยู่ในวิหารแห่งนี้” ออซวีนตอบหน้าเศร้าทั้งที่ใจจริงอยากจะออกไปเล่นกับเธออย่างที่สุด
“เอาเถอะน่า แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หีบแห่งแสงไม่หนีไปไหนหรอก ในวิหารเย็นและมืดจะตาย ไม่น่าอยู่เลยสักนิด”
แล้วเด็กหญิงก็จูงมือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ไปยังสถานที่โปร่งโล่งอันกว้างขวาง เท้าของเขาเหยียบผืนหญ้าสีเขียวขจีเอนลู่ไปตามสายลม ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่นสัมผัสกับใบหญ้าซึ่งเท้าของเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน รับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ห้อมล้อมอยู่รอบกาย
เด็กหญิงแอบชวนออซวีนไปเล่นข้างนอกด้วยกันบ่อยครั้งจนกระทั่งถูกผู้ใหญ่จับได้ กุญแจถูกยึดคืนไป วิหารถูกปิดตายลง ไม่มีใครเข้าออกอีกต่อไป
ออซวีนรอแล้วรอเล่าอย่างเดียวดายเพียงลำพังในวิหาร แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของเด็กหญิงจะมาปรากฏ ออซวีนนั้นมีแต่ความเศร้า ทั้งเหงาจับใจ แต่ก็จำเป็นต้องเฝ้าหีบเอาไว้ ไม่สามารถหนีไปไหนได้
ภาพค่อยๆเลือนหายไปกระทั่งทุกอย่างมืดดำ แล้วจากนั้นภาพเหตุการณ์ถัดมาก็ปรากฏขึ้น
ประตูวิหารเปิดออก ร่างหนึ่งย่างกรายเข้ามาในวิหาร ปิศาจหนุ่มผิวนิลผู้มีใบหูยาวแหลมพร้อมกับปีกนก ‘คาริออน’ นั่นเอง เขาเดินตรงเข้ามาทีหีบศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเป้าหมายสำคัญ ออซวีนปรากฏกายยืนขวางเอาไว้ ปิศาจหนุ่มไม่สามารถเข้ามาใกล้หีบใบนั้นได้เลย ด้วยพลังที่หุ้มกายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดวงนี้สว่างเจิดจ้าเกินกว่าความมืดจะเข้าใกล้
“วิญญาณศักดิ์สิทธิ์” คาริออนกล่าว “เจ้ามาอยู่ด้วยกันกับเราเถิด ที่นี่มืดและหนาวเย็น ไม่มีใครสนใจเจ้าหรอก พวกเขาทิ้งเจ้าไว้ราวกับของไร้ค่าอย่างไม่ใยดี”
คาริออนพยายามหว่านล้อมว่า จะมีประโยชน์อันใดกัน ที่ต้องคอยอยู่เฝ้าหีบเก่าๆใบนี้เยี่ยงนักโทษในเรือนจำ
แสงสว่างจ้าที่เปล่งออกมาจากร่างของออซวีนนั้นซีดจางลง คาริออนเดินเข้ามาใกล้ ย่อกายลงข้างๆเด็กน้อยผู้ถือหีบไว้ในมือ
ปิศาจหนุ่มแสยะยิ้มด้วยแววตามีชัย ตบไหล่เด็กน้อยเบาๆ “ดีมาก เป็นเด็กดี และมากับข้าพร้อมทั้งหีบใบนี้”
เจ้าหญิงเอมิริสลืมตาขึ้น ถ่ายทอดสิ่งที่เห็นในนิมิตให้หญิงชราด้วยการบอกเล่า
“ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่าหีบศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยไป เป็นฝีมือของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” หญิงชราพูดพร้อมถอนหายใจสายหน้า แล้วจึงขอตัวไปทำธุระบางอย่าง ส่วนเอมิริสนั้นบอกว่า จะขอใช้เวลาเงียบๆในวิหารแห่งนี้คนเดียวซักพัก แม่เฒ่าพยักหน้าแล้วปลีกตัวออกไป
เสียงฝีเท้าหนักๆเข้ามายังภายในวิหาร เมื่อหันไปก็พบชายหนุ่ม ยืนหอบเบาๆ เขาเหลียวมองด้วยท่าทีหลบๆซ่อนๆ ปราดเข้ามายังแท่นหินที่เธอยืนอยู่ ทำเสียง ชูววว์
“ถ้ายัยนั่นโผล่มาถามหาข้า บอกว่าไม่เห็นข้าเข้ามานะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องช่วยโกหกด้วยเนี่ย”
“เอ่าน่าขอร้องล่ะ แล้วจะตอบแทนบุญคุณให้ ถือว่าช่วยหน่อยแล้วกัน”
แล้วเขาก็อ้อมไปมุดหลบอยู่หลังแท่นหิน เสียงฝีเท้าอีกเสียงหนึ่งวิ่งตามเข้ามาติดๆ บรุยย์เน่ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้า
“เห็นแอนเดรียสบ้างมั้ย?” หล่อนถามเสียงใส “ข้ารู้สึกเหมือนเห็นเขาวิ่งเข้ามาในนี้แวบๆ”
“แอนเดรียสไม่ได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ เห็นไปด้วยกันเมื่อเช้านี้นี่นา” เอมิริสเจรจาอย่างอ้อมๆ
“แปลกจริง ไม่ได้เข้ามาในนี้หรอกหรือ” หล่อนสอดส่องมองหาร่างของแอนเดรียสแต่ไม่พบ ริบฝีปากอิ่มบ่นขมุบขมับ
เมื่อไม่พบแอนเดรียสก็ออกไปค้นหาเป้าหมายของหล่อนต่อ พอร่างของบรุยเน่ย์หายลับไปแล้ว แอนเดรียสก็ออกมาจากที่ซ่อน
“ขอบใจที่ช่วยข้าให้เป็นอิสระ ยัยนั่นเกาะอย่างกับปลิงไม่ยอมปล่อย”
วูบหนึ่งที่ประสานตากับแอนเดรียส หล่อนรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ภาพปรากฏให้เห็นในความคิดว่าที่อกซ้ายของชายหนุ่ม มีปานประหลาดรูปเกลียวควันสีดำซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิด
เอมิริสจึงถามเขาขึ้นว่า “เจ้ามีปานรูปเกลียวควันสีดำบนอกซ้ายที่ติดตัวมาแต่กำเนิดใช่หรือไม่”
เขาสะดุ้งแปลกใจต่อคำถาม แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมคำถามว่า “รู้ได้ยังไง”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีผู้รู้ที่แท้จริงอาจเป็นแหวนวงนี้ที่ข้าสวมมันอยู่ เหมือนมันพยายามบอกอะไรกับข้าเสมอๆ บางครั้งก็เป็นภาพปรากฏในความฝันและในความคิดขณะลืมตา บางครั้งก็ปรากฏเป็นความรู้สึก” “และข้ารู้สึกว่าเวทย์มนตร์ดำไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยไม่ว่าใครก็ตาม เจ้าไม่ควรใช้มันโดยเด็ดขาด”
แล้วแอนเดรียสก็ทำในสิ่งตรงข้ามคือเรียกมังกรมนตร์ดำออกมา มันม้วนตัวไปรอบๆกายของเขา
เอมิริสกรีดร้องเมื่อเห็นมังกรในระยะประชิด
“มันไม่ทำอันตรายเจ้าหรอกถ้าข้าไม่สั่ง” เขากล่าวยิ้มๆ “มันคือเพื่อนรักของข้า และเจ้าเป็นผู้โชคดีคนเดียวในหมู่บ้านที่ได้เห็น ไม่มีใครรู้หรือเคยเห็นมังกรเวทย์มนตร์ เพราะข้าซุ่มฝึกฝนตามลำพังในป่าช่วงเวลากลางคืน”
มังกรปราดเข้ามาพันร่างเอมิริสที่สะดุ้งร้องเสียงแหลมราวกับเหยื่อถูกงูรัด
“และถ้าเจ้าช่วยข้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ก็จะดีมาก” เขาบอกเธอ แล้วมังกรก็ ม้วนตัวเลื้อยไปบนแขนหายกลับไปในร่างของเขา
เอมิริสวิ่งหนีออกมาจากวิหารและพบสาวน้อย ซึ่งถามเอมิริสว่าวิ่งหนีอะไรมาหน้าตื่น เอมิริสโผกอดร้องให้ หล่อนปลอบเจ้าหญิงและชวนไปที่บ้านของเธอ ทั้งสองพูดคุยกัน และเอมิริสก็ได้เล่าความจริงเรื่องแอนเดรียสให้เธอฟัง บรุยเนย์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หล่อยตกใจมากเนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้คือหมู่บ้านมนตร์ขาว สถานที่ซึ่งมนตร์ดำคือสิ่งต้องห้าม และไม่ควรมีผู้ใดในหมู่บ้านมีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนั้น แต่บรุยเน่ย์บอกเอมิริสว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครมิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายกับแอนเดรียส เขาจะต้องถูกจับตัวไปลงโทษ พร้อมกันนั้นก็เขียนจดหมายฉบับหนึ่งฝากเอมิริสไปให้
นิยายกลายเป็นนิทาน CH5
CH3 https://ppantip.com/topic/36458658
CH2 https://ppantip.com/topic/36452680
CH1 https://ppantip.com/topic/36449069
เด็กคนหนึ่งมีหน้าที่เฝ้าหีบแห่งแสงสว่างมานานแสนนาน เขาคือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทำหน้าที่ถือกุญแจศักดิ์สิทธิ์ และพิทักษ์รักษาหีบแห่งแสงสว่างตลอดชีวิตอันเป็นนิรันดร์
เสียงแง้มประตูวิหารบานใหญ่ดังฝืดๆ แสงส่องลอดเข้ามาด้านในที่มืดอับในวิหารแห่งนั้น
“สงสัยมานานแล้วว่าในวิหารมีสิ่งใดเก็บซ่อนอยู่” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัย10ขวบ ดังแว่วเข้ามาในวิหาร เธอแอบขโมยกุญแจที่ล็อคประตูวิหารได้แล้วจึงแอบเข้ามาด้วยความสงสัยใคร่รู้ และต้องประหลาดใจเมื่อพบเด็กอีกคนนั่งบนเก้าอี้หินในห้องโถงแห่งนั้น
“ข้าชื่อ อลิส แล้วเธอล่ะเป็นใคร?” เด็กหญิงถามขึ้นก่อน พร้อมกล่าวแนะนำตัวเอง
“ข้าเป็นผู้ถือกุญแจและผู้ดูแลหีบแห่งแสง นามว่า..ออซวีน”
เมื่อเด็กสองคนมาพบกัน ก็ถูกชะตาและกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว
“ไปเล่นข้างนอกกันเถอะ” อลิสชวน
“แต่ว่า ข้าทิ้งหน้าที่นี้ไปไม่ได้ ข้ามีหน้าที่เฝ้าหีบแห่งแสงสว่างอยู่ในวิหารแห่งนี้” ออซวีนตอบหน้าเศร้าทั้งที่ใจจริงอยากจะออกไปเล่นกับเธออย่างที่สุด
“เอาเถอะน่า แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หีบแห่งแสงไม่หนีไปไหนหรอก ในวิหารเย็นและมืดจะตาย ไม่น่าอยู่เลยสักนิด”
แล้วเด็กหญิงก็จูงมือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ไปยังสถานที่โปร่งโล่งอันกว้างขวาง เท้าของเขาเหยียบผืนหญ้าสีเขียวขจีเอนลู่ไปตามสายลม ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่นสัมผัสกับใบหญ้าซึ่งเท้าของเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน รับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ห้อมล้อมอยู่รอบกาย
เด็กหญิงแอบชวนออซวีนไปเล่นข้างนอกด้วยกันบ่อยครั้งจนกระทั่งถูกผู้ใหญ่จับได้ กุญแจถูกยึดคืนไป วิหารถูกปิดตายลง ไม่มีใครเข้าออกอีกต่อไป
ออซวีนรอแล้วรอเล่าอย่างเดียวดายเพียงลำพังในวิหาร แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของเด็กหญิงจะมาปรากฏ ออซวีนนั้นมีแต่ความเศร้า ทั้งเหงาจับใจ แต่ก็จำเป็นต้องเฝ้าหีบเอาไว้ ไม่สามารถหนีไปไหนได้
ภาพค่อยๆเลือนหายไปกระทั่งทุกอย่างมืดดำ แล้วจากนั้นภาพเหตุการณ์ถัดมาก็ปรากฏขึ้น
ประตูวิหารเปิดออก ร่างหนึ่งย่างกรายเข้ามาในวิหาร ปิศาจหนุ่มผิวนิลผู้มีใบหูยาวแหลมพร้อมกับปีกนก ‘คาริออน’ นั่นเอง เขาเดินตรงเข้ามาทีหีบศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเป้าหมายสำคัญ ออซวีนปรากฏกายยืนขวางเอาไว้ ปิศาจหนุ่มไม่สามารถเข้ามาใกล้หีบใบนั้นได้เลย ด้วยพลังที่หุ้มกายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดวงนี้สว่างเจิดจ้าเกินกว่าความมืดจะเข้าใกล้
“วิญญาณศักดิ์สิทธิ์” คาริออนกล่าว “เจ้ามาอยู่ด้วยกันกับเราเถิด ที่นี่มืดและหนาวเย็น ไม่มีใครสนใจเจ้าหรอก พวกเขาทิ้งเจ้าไว้ราวกับของไร้ค่าอย่างไม่ใยดี”
คาริออนพยายามหว่านล้อมว่า จะมีประโยชน์อันใดกัน ที่ต้องคอยอยู่เฝ้าหีบเก่าๆใบนี้เยี่ยงนักโทษในเรือนจำ
แสงสว่างจ้าที่เปล่งออกมาจากร่างของออซวีนนั้นซีดจางลง คาริออนเดินเข้ามาใกล้ ย่อกายลงข้างๆเด็กน้อยผู้ถือหีบไว้ในมือ
ปิศาจหนุ่มแสยะยิ้มด้วยแววตามีชัย ตบไหล่เด็กน้อยเบาๆ “ดีมาก เป็นเด็กดี และมากับข้าพร้อมทั้งหีบใบนี้”
เจ้าหญิงเอมิริสลืมตาขึ้น ถ่ายทอดสิ่งที่เห็นในนิมิตให้หญิงชราด้วยการบอกเล่า
“ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่าหีบศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยไป เป็นฝีมือของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” หญิงชราพูดพร้อมถอนหายใจสายหน้า แล้วจึงขอตัวไปทำธุระบางอย่าง ส่วนเอมิริสนั้นบอกว่า จะขอใช้เวลาเงียบๆในวิหารแห่งนี้คนเดียวซักพัก แม่เฒ่าพยักหน้าแล้วปลีกตัวออกไป
เสียงฝีเท้าหนักๆเข้ามายังภายในวิหาร เมื่อหันไปก็พบชายหนุ่ม ยืนหอบเบาๆ เขาเหลียวมองด้วยท่าทีหลบๆซ่อนๆ ปราดเข้ามายังแท่นหินที่เธอยืนอยู่ ทำเสียง ชูววว์
“ถ้ายัยนั่นโผล่มาถามหาข้า บอกว่าไม่เห็นข้าเข้ามานะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องช่วยโกหกด้วยเนี่ย”
“เอ่าน่าขอร้องล่ะ แล้วจะตอบแทนบุญคุณให้ ถือว่าช่วยหน่อยแล้วกัน”
แล้วเขาก็อ้อมไปมุดหลบอยู่หลังแท่นหิน เสียงฝีเท้าอีกเสียงหนึ่งวิ่งตามเข้ามาติดๆ บรุยย์เน่ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้า
“เห็นแอนเดรียสบ้างมั้ย?” หล่อนถามเสียงใส “ข้ารู้สึกเหมือนเห็นเขาวิ่งเข้ามาในนี้แวบๆ”
“แอนเดรียสไม่ได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ เห็นไปด้วยกันเมื่อเช้านี้นี่นา” เอมิริสเจรจาอย่างอ้อมๆ
“แปลกจริง ไม่ได้เข้ามาในนี้หรอกหรือ” หล่อนสอดส่องมองหาร่างของแอนเดรียสแต่ไม่พบ ริบฝีปากอิ่มบ่นขมุบขมับ
เมื่อไม่พบแอนเดรียสก็ออกไปค้นหาเป้าหมายของหล่อนต่อ พอร่างของบรุยเน่ย์หายลับไปแล้ว แอนเดรียสก็ออกมาจากที่ซ่อน
“ขอบใจที่ช่วยข้าให้เป็นอิสระ ยัยนั่นเกาะอย่างกับปลิงไม่ยอมปล่อย”
วูบหนึ่งที่ประสานตากับแอนเดรียส หล่อนรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ภาพปรากฏให้เห็นในความคิดว่าที่อกซ้ายของชายหนุ่ม มีปานประหลาดรูปเกลียวควันสีดำซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิด
เอมิริสจึงถามเขาขึ้นว่า “เจ้ามีปานรูปเกลียวควันสีดำบนอกซ้ายที่ติดตัวมาแต่กำเนิดใช่หรือไม่”
เขาสะดุ้งแปลกใจต่อคำถาม แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมคำถามว่า “รู้ได้ยังไง”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีผู้รู้ที่แท้จริงอาจเป็นแหวนวงนี้ที่ข้าสวมมันอยู่ เหมือนมันพยายามบอกอะไรกับข้าเสมอๆ บางครั้งก็เป็นภาพปรากฏในความฝันและในความคิดขณะลืมตา บางครั้งก็ปรากฏเป็นความรู้สึก” “และข้ารู้สึกว่าเวทย์มนตร์ดำไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยไม่ว่าใครก็ตาม เจ้าไม่ควรใช้มันโดยเด็ดขาด”
แล้วแอนเดรียสก็ทำในสิ่งตรงข้ามคือเรียกมังกรมนตร์ดำออกมา มันม้วนตัวไปรอบๆกายของเขา
เอมิริสกรีดร้องเมื่อเห็นมังกรในระยะประชิด
“มันไม่ทำอันตรายเจ้าหรอกถ้าข้าไม่สั่ง” เขากล่าวยิ้มๆ “มันคือเพื่อนรักของข้า และเจ้าเป็นผู้โชคดีคนเดียวในหมู่บ้านที่ได้เห็น ไม่มีใครรู้หรือเคยเห็นมังกรเวทย์มนตร์ เพราะข้าซุ่มฝึกฝนตามลำพังในป่าช่วงเวลากลางคืน”
มังกรปราดเข้ามาพันร่างเอมิริสที่สะดุ้งร้องเสียงแหลมราวกับเหยื่อถูกงูรัด
“และถ้าเจ้าช่วยข้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ก็จะดีมาก” เขาบอกเธอ แล้วมังกรก็ ม้วนตัวเลื้อยไปบนแขนหายกลับไปในร่างของเขา
เอมิริสวิ่งหนีออกมาจากวิหารและพบสาวน้อย ซึ่งถามเอมิริสว่าวิ่งหนีอะไรมาหน้าตื่น เอมิริสโผกอดร้องให้ หล่อนปลอบเจ้าหญิงและชวนไปที่บ้านของเธอ ทั้งสองพูดคุยกัน และเอมิริสก็ได้เล่าความจริงเรื่องแอนเดรียสให้เธอฟัง บรุยเนย์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หล่อยตกใจมากเนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้คือหมู่บ้านมนตร์ขาว สถานที่ซึ่งมนตร์ดำคือสิ่งต้องห้าม และไม่ควรมีผู้ใดในหมู่บ้านมีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนั้น แต่บรุยเน่ย์บอกเอมิริสว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครมิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายกับแอนเดรียส เขาจะต้องถูกจับตัวไปลงโทษ พร้อมกันนั้นก็เขียนจดหมายฉบับหนึ่งฝากเอมิริสไปให้