นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 10 ขาขึ้นโลกลง]

บทนำ     https://ppantip.com/topic/39330773    ตอนที่ 1  https://ppantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2  https://ppantip.com/topic/39332020    ตอนที่ 3  https://ppantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/39333762     ตอนที่ 5  https://ppantip.com/topic/39336452 
ตอนที่ 6 https://ppantip.com/topic/39339433     ตอนที่ 7 https://ppantip.com/topic/39342387
ตอนที่ 8 https://ppantip.com/topic/39345239     ตอนที่ 9 https://ppantip.com/topic/39348500

              (นี่ข้าจะต้องตายเยี่ยงนี้หรือ?) พอลนึกในใจอย่างท้อแท้ เมื่อเคลื่อนไหวตามแต่ใจไม่ได้อีกแล้ว
              ขณะที่โดนหัตถ์แห่งความมืดจำนวนมากรัดพันทั่วร่าง โดยสอดแทรกในรูหูด้วย เช่นเดียวกับเซนซึ่งกำลังใช้แขนขาดิ้นรนบนพื้นห้องสุดชีวิต แต่เขาก็ค่อย ๆ นิ่งแน่ลงเหมือนปลาตาย ตามผิวหนังอันโดนสัมผัสเลยคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งตาขาวก็ถูกแทรกแซงให้มีสีดำตาม เส้นเลือดผุดเป็นสายโป่งพองเต็มที่ ราวกับอาจเกิดการระเบิดขึ้นมา
              ตอนนี้กำลังถูกง้างขากรรไกรออกจากกัน เพื่อเปิดอ้ากว้าง ๆ แล้วพวกมันก็เร่งพุ่งเข้าไปเป็นพรวนมิหยุด โดยผ่านหลอดอาหารกับลึกลงสู่ที่คาดมิถึง พอลจึงรู้สึกสั่นสะท้านเกินขีดขั้น มือเท้าแข็งเกร็งทันที ท้องไส้ปั่นป่วน จากนั้นจึงสั่นต่อเป็นเจ้าเข้า ครั้นหัตถ์แห่งความมืดได้ล้วงลึกลงถึงแก่นแท้แห่งวิญญาณ
              (พวกมันจะทำบ้าอะไรกับเรา?) พอลคิดด้วยความเคร่งเครียด ครั้นพยายามท้วงถามสิทธ์การขัดขืนให้ฟื้นคืนมา อันส่งผลให้แขนข้างเดียวยื่นออกไปเบื้องหน้าได้ทีละนิด เพื่อคว้ามือของคนผู้น้องซึ่งฝืนเหยียดมือมาที่เขาสุดความสามารถ ทว่ายังมีช่องว่างเกือบหนึ่งคืบ
              เขามองเห็นภาพเป็นเหล่าหัตถ์แห่งความมืดซึ่งบุกรุกเข้าไปในกายของเซนกำลังค่อย ๆ พุ่งสวนกลับมา พอส่วนปลายมือหลุดพรวดสู่ภายนอก เมื่อดึงอะไรบางอย่างออกมาด้วย ปากผู้น้องเลยกำลังส่องแสงสีน้ำเงินจากด้านใน โดยเริ่มด้วยวัตถุโปร่งใสเส้นหนึ่งที่โผล่ขึ้นและขยายตัวในบัดดล ประหนึ่งถูกเติมลมใส่ โดยคับช่วงลำคอแทบปลิ้น ซึ่งมันเป็นศีรษะของเซนนั่นเอง ณ สภาวะแตกตื่นเป็นอย่างมาก จากนั้นส่วนต่ออื่น ๆ จึงตามออกมาเรื่อย ๆ จนถึงครึ่งตัว 
              สภาพของพอลเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ครั้นรับทราบจากภาพในม่านตาของเซนที่เฝ้ามองร้องขอความช่วยเหลือก่อน จึงหันมองร่างกาย ณ เบื้องล่าง ทำให้จิตสำนึกทั้งคู่ออกมาภายนอกร่างกายแล้ว โดยเขามิรู้สึกเลยว่า ณ ร่างนั้นแขนด้วน ๆ ได้ฟื้นคืนสภาพดั่งเดิมแล้ว เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์คับขันอันตราย
              (นี่ต้องรับรู้เรื่องแบบนี้อีกแล้วรึ? โดยมิอาจช่วยเหลืออะไรเลย?) พอลคร่ำครวญในใจอีกครา ขณะที่กำลังโดนดึงขึ้นสู่เบื้องบน
              (ไม่! จะมิยินยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่ ตามคำสาบานในครั้งนั้น) เขาขบคิดอย่างจริงจังที่สุด
              (ข้าต้องสู้ต่อไป ใช่แล้ว! จะไม่ยอมแพ้แก่อะไรทั้งสิ้น) ณ พริบตาเดียว ข้อสรุปจึงก่อเป็นรูปเป็นร่างภายในจิตใต้สำนึกของตนเอง ในทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแขนที่เคยมิมี จับจ้องเขม็งชั่วอึดใจเชียวล่ะ และนั่นแหละส่งผลให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา 
              (เป็นวิญญาณแน่ ๆ) เขาคิดในใจด้วยความแม่นมั่น
              ดวงไฟแห่งชีวิตได้ลุกชุกโชนอย่างกะทันหัน เนื่องจากแรงฮึด ทำให้สามารถควบคุมตนเอง เขาได้ต่อสู้กับพลังความมืดและมีชัยชนะเหนือกว่าด้วยแสงสีน้ำเงินอันเจิดจ้า โดยแขนสลัดการยึดจับของหัตถ์แห่งความืดเป็นผลสำเร็จ ทำให้สามารถรีบบินเข้าไปฉุดรั้งร่างวิญญาณของเซนเอาไว้ก่อน เลยเกิดการชักเขยอขึ้นกลางอากาศ ในขณะนี้พวกเขาหลุดออกจากปากมาถึงบริเวณหน้าแข้งแล้ว   
              “ฟิ้ววว...!!!” ทว่าเงาที่พื้นห้องของร่างกายจริง ๆ ได้ผุดขึ้นมาเองเสมือนกับมีชีวิตจิตใจ 
              พวกมันก่อรูปเป็นลักษณะคล้ายเคียวโง้งเรียว ๆ พร้อมกับกวัดแกว่งอย่างเฉียบคมให้ไปเกี่ยวตัดวิญญาณ ณ พิกัดเหนือริมฝีปากจริงของพอล ผลลัพธ์ก็คือสะบั้นลงในชั่วอึดใจเดียว จากนั้นเหล่าอาวุธร้ายเลยต้องมลายสูญ เมื่ออุปสรรคมิคงอยู่ 
              “อ๊ากกก...!!!” ทำให้ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดสุดแสนและตกอยู่ในการควบคุมของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง เมื่อไร้ตัวฉุด พวกเขาจึงถูกดึงขึ้นไปให้ทะลุเพดานสู่ชั้นสาม 
              “เอาล่ะจ๊ะ พวกเรามาทานอาหารมื้อดึกกันเถอะ อะ! เดี๋ยวต้องแปรงฟันก่อนเข้านอนด้วยนะ” ณ ที่พักเหนือหนึ่งชั้น สาวใหญ่ในชุดนอนซีทรูกล่าวขึ้นอย่างร่าเริง เมื่อสวมเสื้อคลุมยาวสีเข้มทับบนร่าง เพื่อมิให้ลูกของเธอเห็นภาพไม่งาม 
              “โธ่! ท่านแม่ บอกอะไรบ่อย ๆ กันเนี่ย ข้าเป็นเด็กดีก็ต้องทราบอยู่แล้ว/พี่บ้า อย่าแย่งมากินของนะ” เด็กชายฝาแฝดสองคนในชุดนอนสีฟ้าก็เอ่ยปากขึ้นพร้อม ๆ กันด้วยบรรยากาศดี ๆ 
              “โครมมม...!!!/ข้าเป็นพี่มีสิทธิ์เหนือกว่าเสมอ/ไปตายซะ แค่เกิดก่อนหนึ่งวินาทีเดียวเอง” จากนั้นทั้งสองจึงสนิทสนมกันแรง ๆ ข้างโต๊ะนั่นแหละ โดยผู้เป็นน้องกระโดดเข้าใส่ก่อนดื้อ ๆ ทำให้พี่น้องกำลังปลุกปล้ำกันบนพื้นห้อง
              “พวกเจ้ารีบแยกกันเดี๋ยวนี้นะ” ผู้เป็นมารดาจึงต้องห้ามปรามที่ด้านข้างทันที
              “พี่พอล! ช่วยด้วย ตายนี้ไม่เอานะ/เซน! เร็วรีบคว้ามือของข้าเอาไว้” ซึ่งร่างวิญญาณทั้งสองก็โผล่ขึ้นมากลางวงพอดิบพอดี เมื่อประสานมือกันแล้ว พวกเขาเลยพยายามเอื้อมจับอะไรก็ได้ เพื่อยื้อตัวสุดกำลัง ทว่ากลับพ้นผ่านทั้งครอบครัวนี้ไปเฉย ๆ 
              (ทำไมถึงซวยสัดเยี่ยงนี้นะ?) ความมิเข้าใจจึงบังเกิดขึ้นในสมอง เนื่องจากยังตามสถานการณ์ไม่ทัน แถมพอผ่านขึ้นไปถึงชั้นที่สี่ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายแล้ว 
              “อาาา...!!!”x4 ทำให้พวกเขาเกือบเข้าไปร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาวัยดึกดำบรรพ์ซะด้วยสิ
              (หรือว่าสวรรค์จะเห็นใจข้า?) เซนคิดในใจ ทั้ง ๆ ที่ยังหวาดกลัวระดับขี้หดตดหาย
              (ต้องทำอย่างไรกัน? ถึงจะฟาดเคราะห์ครั้งนี้ไปได้) พอลครุ่นคิดจนศีรษะแทบแตกเลยทีเดียว
              เพราะกาลต่อมาหัตถ์แห่งความมืดเลยกระชากพวกเขาขึ้นสู่ฟากฟ้า ท่ามกลางแสงจันทร์เสี้ยวยามข้างแรม 11 ค่ำ โดยจับทั้งสองแยกห่างพอสมควร เลยลอยฉวัดเฉวียนออกจากกัน พอหลุดมาภายนอกอาคารแล้ว จึงสามารถสังเกตพบว่านอกจากพวกเขายังมีเหยื่อที่ถูกหัตถ์แห่งความมืดยื่นลงมาคว้าประปราย ณ เมืองแห่งนี้  
              “แกว๊กกก...!!!” ระห่างทางขาขึ้น พอลและเซนได้พานพบฝูงโดฟามิงม่าเข้าให้ 
              มันเป็นนกกระสาสีชมพูเข้มที่มีสี่ปีกซึ่งเร่งอพยพผ่านบริเวณนี้อยู่ กายใหญ่ รูปลักษณ์งามสง่า ทว่าถูกหัตถ์แห่งความมืดลูบคล่ำคราหนึ่ง พวกมันจึงถูกครอบงำจนหมดสิ้น เมื่อขนตามร่างถูกเจือปนด้วยอนุภาคทมิฬ จากนั้นก็บินเข้าเข่นฆ่ากันเองและร่วงหล่นตามไปทั้งฝูง
              ยิ่งมีความสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยผ่านม่านเมฆานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อสัมผัสแรงดันบรรยากาศต่ำและความหนาวเย็น ทำให้ต้องตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เพราะหัตถ์อันน่าสะพรึงกลับมียั้วเยี้ยเต็มนภาลัย เพื่อครอบคลุมหมดโลกทั้งใบ จำนวนของผู้มีเอี่ยวด้วยเลยมีหลายร้อยคน
              “กรอดดด...!!! ชักช้าเกินไปแล้ว รีบ ๆ มากันได้สักทีสิ” ทว่าจุดกำเนิดมีแค่แหล่งเดียวเท่านั้น แถมยังบ่นจัด เพราะรำคาญอีกต่างหาก มันเป็นกลุ่มมหึมาของอนุภาคแห่งสสารมืด ณ บรรยากาศชั้นเทอร์โมสเฟียร์ ซึ่งปรากฏจักรวาลขนาดหย่อม ๆ เป็นแก่นกลางราวกับดวงตาลูกมโหฬาร ผู้เฝ้ามองเหนือโลก
              เมื่อเข้ามาใกล้เพียงพอแล้ว ต้นตอได้สร้างมือแห่งความมืดขึ้นในจำนวนหนึ่งและวาดแขนเป็นวงกว้าง ณ เบื้องล่างด้วยความสวยงาม พื้นที่ภายในอันเคยว่างเปล่ามีแผ่นฟิล์มสีดำบังเกิดตรงกึ่งกลาง ปานอนุภาคถูกเร่งถึงขั้นวิกฤต จากนั้นก็ขยายสู่เส้นขอบให้บิดเบี้ยวสุด ๆ จนเป็นประตูมิติอย่างฉับพลัน
              “อ๊ากกก!!! ข้าไม่อยากเข้าไปในนั้น” เหยื่อที่ถึงก่อนโวยวายออกมา ก่อนจะถูกจับยัดใส่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทยอยตามกันหมดแบบไม่อาจแข็งข้อได้
              “พี่พอล!” ร่างวิญญาณของเซนได้ล่วงล้ำเข้าไปก่อน ด้วยท่วงท่าหันหลังให้และเอื้อมมือออกมา ทำให้ปลายนิ้วผ่านพ้นที่หลังสุด
              “เซน! คราวนี้ล่ะ ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้ จะไม่ยอมพลาดพลั้งอีกแล้ว” พอลก็ตะโกนลั่น เมื่อจะคว้าจับสุดแขน ในจังหวะเฉี่ยวชนกัน แต่กลับมิทันท่วงทีและหายไปตามครรลอง ท่ามกลางความมืดมิดที่รออยู่ภายในประตูมิติ 
              “เอาล่ะ เรียบร้อย รีบเข้าสู่อันดับต่อไปเถอะ ฮา ๆ” ตัวต้นเหตุเลยประกาศอย่างอารมณ์ดี
              เมื่อไม่มีแขกเหรื่ออันเชื้อเชิญมาเพิ่มอีกแล้ว เขาได้ย่อขนาดให้เล็กลงมาเหลือรัศมีไม่แน่นอนประมาณ 4 -5 เมตรแล้ว เขารีบเข้าสู่ประตูมิติเป็นรายสุดท้ายแบบด่วนที่สุด โดยสลายอาณาเขตมนตราที่กางอาณาเขตกั้นทั้งโลกควบคู่ด้วย เพื่อปกปิดกระทำครั้งนี้อย่างแยบคาย จากนั้นก็หายสาบสูญไปดั่งมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน
              “อ๊ากกก...!!!” เหล่าดวงวิญญาณที่หลุดเข้ามาได้เผชิญหน้ากับโลกอันมืดมิด มือสีดำมากจำนวนก็สญสลาย เนื่องจากมิจำเป็นอีกแล้ว ทว่ากลับดิ่งลงล่างอย่างกะทันหัน ทั้ง ๆ ที่มาเป็นขาขึ้นแท้ ๆ
              “ฮึ่ม! พวกเราสามารถบินได้นี่” โดยเหยื่อรายหนึ่งเกิดเอะใจขึ้นมา เขาจึงตะโกนบอกพลพรรคอย่างยินดีเป็นอย่างมาก หลาย ๆ คนเลยทดลองทำตามและสมหมายในที่สุด
              “โฮกกก...!!!”x3 เสียงคำรามอันกระหายโลหิตก็บังเกิดขึ้นจากเบื้องล่าง ประกายสีเงินที่เปล่งจากดวงตาทั้งหกข้าง เมื่อมันรับรู้ว่าผู้มาเยือนเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ เลยต้องมีปฏิกิริยาตอบสองทันที
              “ฟู่...!!!”x3 และสิ่งรับหน้าแขกเหรื่อก็คือลำพระเพลิงสีฟ้าขาวนั่นเอง ซึ่งพุ่งมากวาดเฉียง ๆ จากด้านลงสู่เบื้องบน 
              ฝ่ายตรงกันข้ามเป็นมังกรร้ายสามเศียรสีเงินที่สะบักสะบอมและถูกจองจำเอาไว้นั่นเอง ด้วยโซ่ทมิฬล่ามทั่วทั้งร่างกายขนาดมหึมา ประกายไฟในปาก ทำให้มองเห็นว่าทุกคอยาวเหวี่ยงขึ้นสุดแรง จนพันธนาการช่วงนั้นหลุดลุ่ย แล้วจึงโจมตีด้วยความแค้นเคือง
              “รีบหนีเร็ว เซน!” พอลรีบแจ้งเตือนผู้น้องซึ่งตื่นตัวแล้ว โดยเร่งคว้ามือบินไปด้วยกันอย่างว่องไวพอ แล้วเหล่าดวงวิญญาณจึงรีบชิ่งสุดตัวแบบสี่ทิศแปดทาง เพราะส่วนหนึ่งโดนฌาปนกิจให้จบลงแล้ว
              “อา! ข้านี่แย่มาก ลืมจัดการกับอาหารมื้อนี้ไปซะได้” ในจังหวะนี้แหละ เจ้าของถึงจะกลับเข้ามา ณ เบื้องบนกว่า เขาคือ [ความมืดมิด] และพอจำแลงร่างเป็นรูปแบบมนุษย์หยาบ ๆ เสร็จ ก็เตรียมจัดการเคลียร์สถานที่ให้บรรดาแขกเหรื่อ ผู้ถูกรับเชิญซึ่งกำลังหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่นจริง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่