บทนำ
https://ppantip.com/topic/39330773 ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/39332020 ตอนที่ 3
https://ppantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/39333762
“ก๊ากกก...!!!” เสียงคำรามดังลั่น ครั้นโผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำอย่างแสนเล่ห์เหลี่ยม ก่อนที่คมเขี้ยวจะฝังลึกบนช่วงคอของเจ้าอัลลิเกเตอร์
ดวงตาทั้งเรียวสองข้างที่มีสีน้ำโสโครกหดเล็กลง เรตินาภายในแต่ละข้างเหมือนไข่ไก่คู่วางซ้อนกันครึ่ง ๆ ส่อแววเหี้ยมโหด ขากรรไกรหนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าของฝ่ายตรงข้าม หากมีแรงบดขยี้มากเป็นคนละเรื่อง เพราะเข้าเนื้อเต็ม ๆ จนเกือบแหว่งออกจากกัน โลหิตจึงหลั่งไหลเจือปนในความสะอาดของแม่น้ำสายใหญ่
“ก๊ากกก...!!!” อีกฝ่ายเลยต้องเหวี่ยงหัวและเร่งสะบัดแรดเผือกมีปีกในปากให้ลอยขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้แต่หายใจรวยรินแล้ว
โดยหวังจะกระแทกคู่ต่อสู้ที่จู่ ๆ ก็ลอบจู่โจมเข้ามา ทว่าเจ้าอูปากลับพลิกตัวอย่างชาญฉลาด คางก็ล็อคได้ชะงัดนัก ทำให้เจตโก้ดาตนนี้ต้องถูกกระชากให้บิดกายควบคู่ตาม การโต้ตอบด้วยสัตว์เวทย์เลยพลาดเป้าหมาย โดยลอยมาตกลงน้ำไกลพอสมควร
สองนักล่าได้ตะลุมบอนสู่ใต้น้ำด้วยความดุร้าย พออีกฝ่ายออกอาวุธคลั่งสวนกลับบ้าง ทำให้บริเวณนั้นสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง คลื่นที่แผ่กระจายไปทั่วเลยทำลายความสงบ จันทร์เสี้ยวที่สะท้อนอยู่ก็ไม่คงรูปอีกแล้ว ร่างกายของกิ้งก่ายักษ์พยายามรัดพันอัลลิเกเตอร์สุดฤทธิ์
แรงกัดมีแต่จะย้ำให้หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ หางยาว ๆ ก็หมุนเกลียวกับของเหยื่อ เพื่อผนึกการโจมตีแทรกแซง ทว่าเจตโก้ดามีขาหน้ามากว่าเป็นสองเท่า มันจึงรีบถีบใส่ลำตัวของอูปาที่พาดอยู่ไม่ยั้งเท้าและยังสร้างแรงดันส่งให้ทั้งคู่ลอยขึ้น ณ ผิวน้ำด้วย เดือยทั้งหกที่ข้างหัวกิ้งก่ามีลักษณะคล้ายท่อไอเสีย ก๊าซร้อน ๆ ได้พรวดพุ่งออกมาราวเครื่องยนต์ติด
“ฟู่! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” เปลวเพลิงสีฟ้าเลยทะลักออกจากปากแบบมิขาดตอน ทั้ง ๆ ที่ยังงาบคอเหยื่ออยู่ให้แผดเผาในระยะสุดประชิด น้ำกระจายจากพลังโจมตี ทำให้เจ้าอัลลิเกเตอร์ต้องร่ำร้องสักพักหนึ่ง ก่อนปฏิกิริยาตอบสนองจะไม่เกิดขึ้นอีก
“ก๊ากกก...!!!” อูปาผู้ได้รับชัยชนะจึงคลายร่างเหยื่อและเหยียบดันตัวขึ้นเหนือลำน้ำ เพื่อประกาศศักดาทันที จากนั้นก็คาบใหม่อีกรอบ เมื่อจะลากอาหารที่ย่างสดไปส่วนหนึ่งแล้วไปบนฝั่ง โดยไม่ลืมของแถมอย่างนอมันก้าที่ลอยค้างเติ่งให้ตามมาด้วย เพราะหางอันแข็งแกว่งได้เกาะเกี่ยวเอาไว้
“ฮา ๆ เป็นอย่างไรล่ะ? ดีกว่าสไตล์การล่าครั้งเก่าก่อนใช่ไหม? มีรสนิยมก็สูงกว่าเดิมมาก” เฒ่ามาดิชกล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เขาลุกขึ้นและเดินออกจากพุ่มไม้รกชัฏ พร้อมกับปัดฝุ่นผงบนร่างกายไปด้วย
“... มันไม่เลวหรอกนะ แต่เจ้านี่กลายพันธุ์ไปตั้งนานแล้ว เนื่องด้วยปนเปื้อนอนุภาคดึกดำบรรพ์ตั้งแต่เล็ก ตอนนี้ก็ยังแปรสภาพไม่หยุดเลย สหายเอ้ย! เสี้ยมสอนวิธีการเยี่ยงนี้ จนผิดแผลงจากพฤติกรรมตามธรรมชาติแล้ว ข้าว่าไม่ดีนักน่ะ” ดิวทราจึงโยนยอดไม้ในมือทั้งข้างทิ้งลงพื้น จากนั้นก็กระพือปีกวิหคและบินขึ้นมาข้างกายเพื่อนแก่
“หึ ๆ นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ ดิวทรา! ภูตอย่างเจ้า ช่างยึดติดในกรอบจริง ๆ การวิวัฒนาการก็เป็นเช่นนี้เอง คิดเกินตัวไปได้ ฮา ๆ” มาดิชจึงเอ่ยปากออกมาอย่างยืนยันความคิด โดยเดินเข้าไปรับหน้าสัตว์เลี้ยงของตน ณ ริมฝั่งแม่น้ำ
“...” ดิวทราเลยมิพูดอันใด โดยได้แต่ต้องเคลื่อนไหวตาม
(แต่มันเร่งรัดไปนะ เกลอเอ้ย! สัตว์เวทย์พันธุ์นี้ไม่เคยว่ายน้ำได้มาก่อนเลย ไหนจะพ่นไฟเป็นอีก) แฟรี่ตัวเล็กคิดขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้
“อูปา! เจ้าทำได้ดีมาก มิเสียแรงที่ข้าเคี่ยวเข็ญมาหนัก” มาดิชพูดชมแบบยินดีขึ้น ระหว่างที่เดินเข้าไปลูบศีรษะของสัตว์เลื้อยคลาน
“ก๊ากกก...!!!” มันเองก็ขานตอบด้วยความฮึกเหิม เหยื่อในปากเลยหลุดร่วงลงพื้น ลิ้นสีชมพูของกิ้งก่ายักษ์ได้แลบออกและเลียใส่ใบหน้าของชายชรา
“อูปา! เจ้าเดรัจฉานลืมบุญคุณ” ทว่าพอเห็นดิวทราโบยบินไล่ ๆ มาอยู่ข้างหัวไหล่ของเจ้านาย สัตว์เวทย์จอมอิจฉาจึงบังคับอวัยวะยาว ๆ ให้ตวัดอย่างฉับพลัน เพื่อตบภูตปีกวิหคดั่งแมลงวัน จนเขาต้องกระเด็นออกไปไกลทีเดียว
“ฮา ๆ ดิวทรา มันแค่หยอกเล่นเจ้าน่า” มาดิชพอเห็นก็หัวเราะชอบใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าตัวของเพื่อนจิ๋ว
“ปล่อยข้านะ มาดิช วันนี้แหละ ข้าจะแสดงให้เจ้านี่เห็นว่าใครอยู่เหนือกว่าในห่วงโซ่อาหารกันแน่” ซึ่งเขาหน้าแดงจัดมาก โดยชูมือชูไม้โวยวายเป็นเด็กอนุบาลถูกหิ้ว ทั้งยังสุดพยายามพุ่งร่างเข้าใส่คู่กรณี เพื่อเตรียมปะทะด้วยตรง ๆ
ขอตัดมาในโลกอันมืดมิดและเย็นยะเยือก ณ ช่วงก่อนหน้านี้ เหล่าวิญญาณร่างโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังทุกข์ร้อนอยู่เช่นกัน ณ บนผิวเรียบราบ ปานกระจกเงาทมิฬที่มีลวดลายเรืองแสงสีม่วงประดับอย่างมีศิลป์ในหัวใจ พวกเขาบ้างเกลือกกลิ้งด้วยความเจ็ดปวด
“อ๊ากกก...!!!”x??? หลายเสียงกรีดร้องจึงบังเกิดขึ้นด้วย
บางรายถึงกับต้องคุกเข่าแน่นิ่ง สีหน้าจึงดูไม่ได้ เพราะตัวสั่นสะท้าน กะชักกระตุกมิหาย อีกส่วนก็ทรุดตัวลงอย่างว่าง่าย แล้วน้ำลายก็ฟูมปากเนืองนองบนพื้น เส้นเลือดปูดโปน โดยลามไปเรื่อย ๆ จนลำคอบวมเป่ง ถ้านี่มีเข็มมาทิ่มแทง คงจะแตกดังโพล่งเชียวล่ะ
เมื่อไข่สีดำบนแผ่นมือของแต่ละรายได้กะทอกเปลือก เพื่อฟักตัวเป็นลูกงูตัวเล็ก ๆ น่ารัก ยาวพอหนึ่งคืบ มันชูคอสักพักและฝังเขี้ยวต่อเลย เพราะจะทะลวงเข้าสู่เส้นเลือดกันดื้อ ๆ อย่างคลุ้มคลั่ง ปฏิกิริยาต่อต้านจึงปรากฏขึ้นตามมาเพียงมินานนัก
“จงเปิดใจให้กว้าง ๆ ซะ ไม่ต้องคิดอะไรมากอีกแล้ว เพื่อรอรับพลังจากข้าไป จากนั้นทุกสิ่ง ๆ จะดีขึ้นมาเอง ฮา ๆ ขอรับรองเลยนะ ว่าพวกเจ้าต้องมีความสุขอย่างแน่นอน” เนื่องมาจากเมื่อสักครู่นี้ [ความมืดมิด] ที่กอดอกลอยอยู่เบื้องสูงอย่างเดียวดาย ท่าทางดูทะมัดทะแมง เขากำลังแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจ
“ฉึก!” ทั้งยังยื่นมือออก เพื่อเอากรงเล็บทั้งคู่ไปแหวกหน้าอกและแสดงการแหกกระดูกซี่โครงโชว์ สิ่งที่พรวดพุ่งออกมามีรูปลักษณ์เป็นหยดน้ำสีดำ ลูกเท่าไข่ไก่ขนาดเบอร์ 0 พวกมันเปล่งประกายเวทย์สีม่วงขาวเรืองรองออกมาด้วย
“ดูนี่ซะ! ของขวัญจากข้าผู้นี้ พอรับไปแล้ว ก็อย่าให้เสียเปล่าล่ะ” การประกาศจึงมาพร้อมกับสายฝนห่าหนึ่ง แต่ไม่ทั่วฟ้า ซึ่งมีจำนวนมากพอดีกับฝ่ายรองรับ ด้วยความเร็วการร่วงหล่นของขนนกเพียงเส้นเดียว เพื่อให้ถึงมือของทุกคนโดยสวัสดิภาพ ซึ่งเป็นต้นเหตุของสถานการณ์ที่เพิ่งจะกล่าวถึงไป
“อา! โชคร้ายหน่อยนะ ข้าคงจะสามารถช่วยเหลือได้เพียงเท่านี้แหละ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแล้ว” พอกาลพ้นผ่านไปสักครู่ [ความมืดมิด] จึงต้องเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงมากอารมณ์ เมื่อถอนมือออกจากหน้าอกซึ่งรักษาตนเองเรียบร้อยแล้ว ส่วนฝูงชนเบื้องล่างก็ยังสู้ชีวิตกันต่อเนื่อง
“...”
“อ้าว! ท่านหลุดเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ความอุตสาหะ” ทว่ากลับต้องตกตะลึงถึงขนาดหนัก ครั้นสังเกตเห็นคนรู้จักปะปนอยู่เบื้องล่าง สีหน้าของเขาเลยรู้สึกกังขาเสียเหลือเกิน
“...”
(ดูท่าแล้ว น่าจะเมามายมาเลย) ข้อนี้ได้มาจากการประเมินแบบคร่าว ๆ จากเบื้องบน
นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 5 พานไม่ดี?]
ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/39332020 ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/39333762
“ก๊ากกก...!!!” เสียงคำรามดังลั่น ครั้นโผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำอย่างแสนเล่ห์เหลี่ยม ก่อนที่คมเขี้ยวจะฝังลึกบนช่วงคอของเจ้าอัลลิเกเตอร์
ดวงตาทั้งเรียวสองข้างที่มีสีน้ำโสโครกหดเล็กลง เรตินาภายในแต่ละข้างเหมือนไข่ไก่คู่วางซ้อนกันครึ่ง ๆ ส่อแววเหี้ยมโหด ขากรรไกรหนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าของฝ่ายตรงข้าม หากมีแรงบดขยี้มากเป็นคนละเรื่อง เพราะเข้าเนื้อเต็ม ๆ จนเกือบแหว่งออกจากกัน โลหิตจึงหลั่งไหลเจือปนในความสะอาดของแม่น้ำสายใหญ่
“ก๊ากกก...!!!” อีกฝ่ายเลยต้องเหวี่ยงหัวและเร่งสะบัดแรดเผือกมีปีกในปากให้ลอยขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้แต่หายใจรวยรินแล้ว
โดยหวังจะกระแทกคู่ต่อสู้ที่จู่ ๆ ก็ลอบจู่โจมเข้ามา ทว่าเจ้าอูปากลับพลิกตัวอย่างชาญฉลาด คางก็ล็อคได้ชะงัดนัก ทำให้เจตโก้ดาตนนี้ต้องถูกกระชากให้บิดกายควบคู่ตาม การโต้ตอบด้วยสัตว์เวทย์เลยพลาดเป้าหมาย โดยลอยมาตกลงน้ำไกลพอสมควร
สองนักล่าได้ตะลุมบอนสู่ใต้น้ำด้วยความดุร้าย พออีกฝ่ายออกอาวุธคลั่งสวนกลับบ้าง ทำให้บริเวณนั้นสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง คลื่นที่แผ่กระจายไปทั่วเลยทำลายความสงบ จันทร์เสี้ยวที่สะท้อนอยู่ก็ไม่คงรูปอีกแล้ว ร่างกายของกิ้งก่ายักษ์พยายามรัดพันอัลลิเกเตอร์สุดฤทธิ์
แรงกัดมีแต่จะย้ำให้หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ หางยาว ๆ ก็หมุนเกลียวกับของเหยื่อ เพื่อผนึกการโจมตีแทรกแซง ทว่าเจตโก้ดามีขาหน้ามากว่าเป็นสองเท่า มันจึงรีบถีบใส่ลำตัวของอูปาที่พาดอยู่ไม่ยั้งเท้าและยังสร้างแรงดันส่งให้ทั้งคู่ลอยขึ้น ณ ผิวน้ำด้วย เดือยทั้งหกที่ข้างหัวกิ้งก่ามีลักษณะคล้ายท่อไอเสีย ก๊าซร้อน ๆ ได้พรวดพุ่งออกมาราวเครื่องยนต์ติด
“ฟู่! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” เปลวเพลิงสีฟ้าเลยทะลักออกจากปากแบบมิขาดตอน ทั้ง ๆ ที่ยังงาบคอเหยื่ออยู่ให้แผดเผาในระยะสุดประชิด น้ำกระจายจากพลังโจมตี ทำให้เจ้าอัลลิเกเตอร์ต้องร่ำร้องสักพักหนึ่ง ก่อนปฏิกิริยาตอบสนองจะไม่เกิดขึ้นอีก
“ก๊ากกก...!!!” อูปาผู้ได้รับชัยชนะจึงคลายร่างเหยื่อและเหยียบดันตัวขึ้นเหนือลำน้ำ เพื่อประกาศศักดาทันที จากนั้นก็คาบใหม่อีกรอบ เมื่อจะลากอาหารที่ย่างสดไปส่วนหนึ่งแล้วไปบนฝั่ง โดยไม่ลืมของแถมอย่างนอมันก้าที่ลอยค้างเติ่งให้ตามมาด้วย เพราะหางอันแข็งแกว่งได้เกาะเกี่ยวเอาไว้
“ฮา ๆ เป็นอย่างไรล่ะ? ดีกว่าสไตล์การล่าครั้งเก่าก่อนใช่ไหม? มีรสนิยมก็สูงกว่าเดิมมาก” เฒ่ามาดิชกล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เขาลุกขึ้นและเดินออกจากพุ่มไม้รกชัฏ พร้อมกับปัดฝุ่นผงบนร่างกายไปด้วย
“... มันไม่เลวหรอกนะ แต่เจ้านี่กลายพันธุ์ไปตั้งนานแล้ว เนื่องด้วยปนเปื้อนอนุภาคดึกดำบรรพ์ตั้งแต่เล็ก ตอนนี้ก็ยังแปรสภาพไม่หยุดเลย สหายเอ้ย! เสี้ยมสอนวิธีการเยี่ยงนี้ จนผิดแผลงจากพฤติกรรมตามธรรมชาติแล้ว ข้าว่าไม่ดีนักน่ะ” ดิวทราจึงโยนยอดไม้ในมือทั้งข้างทิ้งลงพื้น จากนั้นก็กระพือปีกวิหคและบินขึ้นมาข้างกายเพื่อนแก่
“หึ ๆ นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ ดิวทรา! ภูตอย่างเจ้า ช่างยึดติดในกรอบจริง ๆ การวิวัฒนาการก็เป็นเช่นนี้เอง คิดเกินตัวไปได้ ฮา ๆ” มาดิชจึงเอ่ยปากออกมาอย่างยืนยันความคิด โดยเดินเข้าไปรับหน้าสัตว์เลี้ยงของตน ณ ริมฝั่งแม่น้ำ
“...” ดิวทราเลยมิพูดอันใด โดยได้แต่ต้องเคลื่อนไหวตาม
(แต่มันเร่งรัดไปนะ เกลอเอ้ย! สัตว์เวทย์พันธุ์นี้ไม่เคยว่ายน้ำได้มาก่อนเลย ไหนจะพ่นไฟเป็นอีก) แฟรี่ตัวเล็กคิดขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้
“อูปา! เจ้าทำได้ดีมาก มิเสียแรงที่ข้าเคี่ยวเข็ญมาหนัก” มาดิชพูดชมแบบยินดีขึ้น ระหว่างที่เดินเข้าไปลูบศีรษะของสัตว์เลื้อยคลาน
“ก๊ากกก...!!!” มันเองก็ขานตอบด้วยความฮึกเหิม เหยื่อในปากเลยหลุดร่วงลงพื้น ลิ้นสีชมพูของกิ้งก่ายักษ์ได้แลบออกและเลียใส่ใบหน้าของชายชรา
“อูปา! เจ้าเดรัจฉานลืมบุญคุณ” ทว่าพอเห็นดิวทราโบยบินไล่ ๆ มาอยู่ข้างหัวไหล่ของเจ้านาย สัตว์เวทย์จอมอิจฉาจึงบังคับอวัยวะยาว ๆ ให้ตวัดอย่างฉับพลัน เพื่อตบภูตปีกวิหคดั่งแมลงวัน จนเขาต้องกระเด็นออกไปไกลทีเดียว
“ฮา ๆ ดิวทรา มันแค่หยอกเล่นเจ้าน่า” มาดิชพอเห็นก็หัวเราะชอบใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าตัวของเพื่อนจิ๋ว
“ปล่อยข้านะ มาดิช วันนี้แหละ ข้าจะแสดงให้เจ้านี่เห็นว่าใครอยู่เหนือกว่าในห่วงโซ่อาหารกันแน่” ซึ่งเขาหน้าแดงจัดมาก โดยชูมือชูไม้โวยวายเป็นเด็กอนุบาลถูกหิ้ว ทั้งยังสุดพยายามพุ่งร่างเข้าใส่คู่กรณี เพื่อเตรียมปะทะด้วยตรง ๆ
ขอตัดมาในโลกอันมืดมิดและเย็นยะเยือก ณ ช่วงก่อนหน้านี้ เหล่าวิญญาณร่างโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังทุกข์ร้อนอยู่เช่นกัน ณ บนผิวเรียบราบ ปานกระจกเงาทมิฬที่มีลวดลายเรืองแสงสีม่วงประดับอย่างมีศิลป์ในหัวใจ พวกเขาบ้างเกลือกกลิ้งด้วยความเจ็ดปวด
“อ๊ากกก...!!!”x??? หลายเสียงกรีดร้องจึงบังเกิดขึ้นด้วย
บางรายถึงกับต้องคุกเข่าแน่นิ่ง สีหน้าจึงดูไม่ได้ เพราะตัวสั่นสะท้าน กะชักกระตุกมิหาย อีกส่วนก็ทรุดตัวลงอย่างว่าง่าย แล้วน้ำลายก็ฟูมปากเนืองนองบนพื้น เส้นเลือดปูดโปน โดยลามไปเรื่อย ๆ จนลำคอบวมเป่ง ถ้านี่มีเข็มมาทิ่มแทง คงจะแตกดังโพล่งเชียวล่ะ
เมื่อไข่สีดำบนแผ่นมือของแต่ละรายได้กะทอกเปลือก เพื่อฟักตัวเป็นลูกงูตัวเล็ก ๆ น่ารัก ยาวพอหนึ่งคืบ มันชูคอสักพักและฝังเขี้ยวต่อเลย เพราะจะทะลวงเข้าสู่เส้นเลือดกันดื้อ ๆ อย่างคลุ้มคลั่ง ปฏิกิริยาต่อต้านจึงปรากฏขึ้นตามมาเพียงมินานนัก
“จงเปิดใจให้กว้าง ๆ ซะ ไม่ต้องคิดอะไรมากอีกแล้ว เพื่อรอรับพลังจากข้าไป จากนั้นทุกสิ่ง ๆ จะดีขึ้นมาเอง ฮา ๆ ขอรับรองเลยนะ ว่าพวกเจ้าต้องมีความสุขอย่างแน่นอน” เนื่องมาจากเมื่อสักครู่นี้ [ความมืดมิด] ที่กอดอกลอยอยู่เบื้องสูงอย่างเดียวดาย ท่าทางดูทะมัดทะแมง เขากำลังแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจ
“ฉึก!” ทั้งยังยื่นมือออก เพื่อเอากรงเล็บทั้งคู่ไปแหวกหน้าอกและแสดงการแหกกระดูกซี่โครงโชว์ สิ่งที่พรวดพุ่งออกมามีรูปลักษณ์เป็นหยดน้ำสีดำ ลูกเท่าไข่ไก่ขนาดเบอร์ 0 พวกมันเปล่งประกายเวทย์สีม่วงขาวเรืองรองออกมาด้วย
“ดูนี่ซะ! ของขวัญจากข้าผู้นี้ พอรับไปแล้ว ก็อย่าให้เสียเปล่าล่ะ” การประกาศจึงมาพร้อมกับสายฝนห่าหนึ่ง แต่ไม่ทั่วฟ้า ซึ่งมีจำนวนมากพอดีกับฝ่ายรองรับ ด้วยความเร็วการร่วงหล่นของขนนกเพียงเส้นเดียว เพื่อให้ถึงมือของทุกคนโดยสวัสดิภาพ ซึ่งเป็นต้นเหตุของสถานการณ์ที่เพิ่งจะกล่าวถึงไป
“อา! โชคร้ายหน่อยนะ ข้าคงจะสามารถช่วยเหลือได้เพียงเท่านี้แหละ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแล้ว” พอกาลพ้นผ่านไปสักครู่ [ความมืดมิด] จึงต้องเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงมากอารมณ์ เมื่อถอนมือออกจากหน้าอกซึ่งรักษาตนเองเรียบร้อยแล้ว ส่วนฝูงชนเบื้องล่างก็ยังสู้ชีวิตกันต่อเนื่อง
“...”
“อ้าว! ท่านหลุดเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ความอุตสาหะ” ทว่ากลับต้องตกตะลึงถึงขนาดหนัก ครั้นสังเกตเห็นคนรู้จักปะปนอยู่เบื้องล่าง สีหน้าของเขาเลยรู้สึกกังขาเสียเหลือเกิน
“...”
(ดูท่าแล้ว น่าจะเมามายมาเลย) ข้อนี้ได้มาจากการประเมินแบบคร่าว ๆ จากเบื้องบน