แสงดาวกระจ่างฟ้า แสงจันทร์จ้าแจ่ม ปราศจากเมฆหมอกแม้เบาบาง ทำให้ค่ำคืนนี้สว่างไสว ลานโล่งกลางป่าดึกดำบรรพ์ของหมู่บ้านทอร์ส ไม่เหลือใครอื่น นอกจากคู่ลูกศิษย์อาจารย์ใหม่หมาด บนโขดหินใหญ่
“อูลล์ กรุณาเอาหัวออกไปจากไหล่ข้า!”
ใครไม่เห็น คงเข้าใจว่า สองหนุ่มมีการอิงซบ ดื่มเหล้าเคล้าแสงจันทรา แต่ความจริงคือ ชาล์ลเพียงนั่งพิงอยู่กับหินใหญ่ ส่วนราอูลล์ขึ้นไปนอนพาด หงายหน้ามองดาว เอาศีรษะยันต้นคออีกคนเอาไว้ กันกลิ้งตกลงมา
“ที่ชวนมากินเหล้ากับข้า ไม่ได้ให้ลามปามมานอนทับบ่าข้าแบบนี้!”
เสียงชาล์ลอ้อแอ้ได้ที่ สะบัดไหล่ไล่ แต่ลูกศิษย์หมาดๆ ไม่ยอมขยับ
“ลุกขึ้น!!!”
“ไม่อ่า... จารย์ ข้าไม่มีรมณ์จะลุก...”
ราอูลล์ทำเป็นบิดขี้เกียจ ยกมือเผยใต้วงแขน ให้ยิ่งเข้าใกล้ใบหน้าอีกฝ่าย
แต่ชาล์ลดูจะไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่พูดว่า
“นี้ถ้าข้าไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ ก็ไม่มีใครจะยอมแล้วละนะ”
“เฮอะๆ อย่าได้หลงตัวเองขนาดนั้นเลยจารย์”
กลิ่นตัวเขาคงไม่อาจทำอะไรได้ ราอูลล์จึงเปลี่ยนท่ามากอดอก ขยับดุนๆ ศีรษะที่พิงต้นคออีกฝ่ายให้ถนัดเหมือนเดิม
“ที่ไม่มีรมณ์ขยับนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศิษย์อาจารย์ไรนี้เลยสักนิด ข้ากลุ้มเรื่องของตัวข้าเองต่างหากล่ะ”
“เฮอะๆๆ...” ชาล์ลหัวเราะบ้าง คล้ายล้อเลียนอีกคน กระดกสุราเข้าปากอีกเกือบครึ่งขวด แล้วจึงพูดว่า “... ไอ้หนุ่มน้อย... อายุเพียงแค่นี้ จะมารู้จักกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรนักหนา”
ราอูลล์ยังหงายหน้ามองดาว ขณะยืนยันว่า
“จริงๆ นะจารย์ชาล์ล ข้ารู้สึกเหมือนผ่านเรื่องราวบางอย่างมา แต่ว่า... ข้ากลับลืมมันไปหมดเลยน่ะซี...”
แล้วเขาก็พลิกตัวมานั่งให้ถนัด พูดจาเป็นจริงเป็นจังกว่าเดิม
“คือ... มันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เลยนะ แต่ข้ากลับจำอะไรไม่ได้เลย”
ชาล์ลส่งเสียงอืออาอย่างใช้ความคิด ยกนิ้วชี้ส่ายไปมาประกอบสิ่งที่กำลังจะพูด
“นั่นก็ยังดี... เจ้าก็ยังดีกว่าข้า ไม่ต้องดื่มสุรา ก็สามารถลืมเรื่องราวต่างๆ ได้ แต่ข้านี่สิ... ยังต้องอาศัยมันอยู่”
พูดจบ อาจารย์หมาดๆ ของราอูลล์ชูขวดสุราขึ้นฟ้า กล่าวอวยชัยให้พรตนเอง แล้วก็กระดกสุรารวดเดียวหมดขวด
“เรื่อง... เรื่องไรเหรอจารย์”
“ไม่ต้องยุ่ง!”
คนถูกถามตวาดกลับ อยู่ๆ ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาเฉยๆ จนถึงกับผุดลุก
“ข้าจะสอนเจ้าเป็นสิ่งแรกเลยนะ นั่นคือ... สงบปากเอาไว้ ไม่ต้องซักถามอะไร โดยเฉพาะเกี่ยวกับตัวข้า!”
ชาล์ลคล้ายแค่โยนขวดเหล้าเปล่าให้ แต่แฝงพละกำลังล้ำลึก กระแทกอกราอูลล์จนจุก กลิ้งตกจากก้อนหินใหญ่
“อูยยย!.. ได้ๆ สงบปากเอาไว้... ได้... ได้เลย...”
“ข้าหมายถึง เหตุผลต่างๆ จะทำให้เจ้าเข้าใจเองได้ ว่าอะไรคืออะไร”
ระหว่างพูด ชาล์ลก็พาดตัวลงแทนที่ที่ราอูลล์นอนแผ่อยู่เมื่อครู่ พอจบคำสุดท้าย ก็คอพับ ทำท่าคล้ายผล็อยหลับไปทันที
“อ้าว! ไรวะจารย์... อยู่ๆ ก็หลับง่ายๆ ...อย่าเพิ่งสิ ไปนอนบ้านข้าก็ได้...”
“ไม่ ข้าไม่ชอบพวกคนรวย พวกมีอันจะกินมันไร้สาระ ข้าไม่ชอบหรอกนะ พวกนอนตั่งนอนเตียง ที่นอนใหญ่โต”
ชาล์ลงึมงำตอบยืดยาว ราวมีเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ
“ไม่หรอกจารย์ บ้านข้าก็พออยู่ได้ ห้องหับคับแคบไม่พอตั้งตั่งเตียงใหญ่โตอะไรหรอกน่ะ”
“ไม่ๆๆๆ คนจนข้าก็ยิ่งเกลียด...”
“อ้าว! ทำไมยุ่งยากอย่างงั้นล่ะชีวิตจารย์เนี่ย?”
“ไม่ยุ่งๆ ก็แค่เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า”
สองมือชาล์ล ปัดไปมา ทั้งที่ยังหลับตา คล้ายรำคาญแมลงป้วนเปี้ยนสักตัว
“ก็...ไหนๆ ท่านก็ถ่ายทอดวิชานักรบชั้นรอง ไว้สู้กับพวกฝีมือชั้นสองชั้นสามให้ข้า ก็ถือเป็นการตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ไงล่ะ”
“โว้ยยยย! ทำไมเซ้าซี้น่าเบื่ออย่างนี้วะ!”
ในที่สุด ชาล์ลก็ล้มเลิกความคิดจะนอน ยันกายลุกขึ้น แล้วทำเอะอะชี้ไปทางหนึ่ง
“นั่นๆ สาวที่ไหนหลงเดินมาดึกๆ ดื่นๆ”
ราอูลล์หันขวับไปมอง พอไม่เห็นมีใครก็รู้ว่าถูกหลอก ทว่าเมื่อหันกลับมา ร่างของชาล์ลก็อันตรธานไปแล้ว
จากนั้นมีเสียงกู่วู้ๆ อยู่เหนือหัว เขาแหงนขึ้นมอง เห็นเพียงร่างชาล์ลเหินอากาศอยู่ลิบๆ ก่อนจะไกลจนลับสายตา
“วิถีผู้กล้าาาาาาาาา... ล่องลอยตามสายลมมมมม... ดาบใหญ่ข้าแสนคมมมม มาดมสิหมู่มาาาาาาารรรร!!!”
ถึงตอนนี้ ราอูลล์ชักไม่แน่ใจ ที่ชาล์ลใส่ๆ ไว้ในหัวตน จะมีเชื้อบ้าบอปนอยู่ด้วยบ้างหรือเปล่าหนอ...
ที่นครแห่งแสง ตั้งแต่เจ้าอัชชาร์กลับมาจากการค้นหาสมบัติล้ำค่าจะนครอุดมธรรม เขาก็เริ่มดำเนินแผนการ ที่อดทนรอมานานนับสิบปี
บนโต๊ะหมากรุก คู่เล่นคือสาวกคนสนิท ซึ่งมีตำแหน่งสูงในลัทธิเทพรัตติกาล
เกมที่เกิดขึ้นปราศจากการเดิมพัน ทว่า... แต่ละตัวหมากที่จะขยับไปตามช่องทาง เจ้าอาคมล้วนครุ่นคิด ตาใดดีร้ายอย่างไร ต้องหลบเลี่ยงหรือเดินเกมสองชั้นสามชั้นอย่างไร
“เจ้ารู้หรือไม่...” เจ้าอาคมเอ่ยขึ้นเบาๆ ระหว่างคลึงหัวหมากตัวขุน ขณะใช้ความคิด
“... ชีวิต กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างหน้า แท้จริงต้องผ่านการบงการจากอะไรบางอย่าง”
คนถูกตั้งคำถาม ทั้งไม่กล้าตอบ ทั้งไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอื่นใด ก้มศีรษะคำนับแล้วเอ่ยเบาๆ
“ข้าน้อยด้อยปัญญา หากเจ้าลัทธิไม่แนะนำสั่งสอน ก็จะเป็นเพียงโง่ดักดาน แต่คนโง่คนนี้ ยังส่งคนไปกระทำการบางอย่าง ไว้สำเร็จเรียบร้อย รับรองท่านเจ้าลัทธิจะต้องพึงพอใจ”
คำท้าย คนพูดพูดอย่างประจบ แต่... มีหรือที่เจ้าอาคมอัชชาร์จะประเมินไม่ได้ ว่าเรื่องราวที่กระทำลับหลังตนนั้น... คือสิ่งไร...
(มีต่อ)
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 8 การเผชิญหน้า... ครั้งแรก?
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
----------------------------------------------------
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน กดโหวด กดกิฟ กดถูกใจ นะคะ
จากหัวกระทู้ที่แล้ว
Phakin (ภาคิน) ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 หลงรัก, Lady Star 919 ทึ่ง, ออมอำพัน ถูกใจ, GTW ถูกใจ, แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear ถูกใจ
จากความคิดเห็นที่๑กระทู้ที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 1182478 ขำกลิ้ง, Lady Star 919 ขำกลิ้ง, ออมอำพัน ถูกใจ, GTW ถูกใจ, แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear ถูกใจ
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับความคิดเห็นจาก อาจารย์จี GTW และคุณสมาชิกหมายเลข 1182478 นะคะ
************************************************
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
008
การเผชิญหน้าครั้งแรก
แสงดาวกระจ่างฟ้า แสงจันทร์จ้าแจ่ม ปราศจากเมฆหมอกแม้เบาบาง ทำให้ค่ำคืนนี้สว่างไสว ลานโล่งกลางป่าดึกดำบรรพ์ของหมู่บ้านทอร์ส ไม่เหลือใครอื่น นอกจากคู่ลูกศิษย์อาจารย์ใหม่หมาด บนโขดหินใหญ่
“อูลล์ กรุณาเอาหัวออกไปจากไหล่ข้า!”
ใครไม่เห็น คงเข้าใจว่า สองหนุ่มมีการอิงซบ ดื่มเหล้าเคล้าแสงจันทรา แต่ความจริงคือ ชาล์ลเพียงนั่งพิงอยู่กับหินใหญ่ ส่วนราอูลล์ขึ้นไปนอนพาด หงายหน้ามองดาว เอาศีรษะยันต้นคออีกคนเอาไว้ กันกลิ้งตกลงมา
“ที่ชวนมากินเหล้ากับข้า ไม่ได้ให้ลามปามมานอนทับบ่าข้าแบบนี้!”
เสียงชาล์ลอ้อแอ้ได้ที่ สะบัดไหล่ไล่ แต่ลูกศิษย์หมาดๆ ไม่ยอมขยับ
“ลุกขึ้น!!!”
“ไม่อ่า... จารย์ ข้าไม่มีรมณ์จะลุก...”
ราอูลล์ทำเป็นบิดขี้เกียจ ยกมือเผยใต้วงแขน ให้ยิ่งเข้าใกล้ใบหน้าอีกฝ่าย
แต่ชาล์ลดูจะไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่พูดว่า
“นี้ถ้าข้าไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ ก็ไม่มีใครจะยอมแล้วละนะ”
“เฮอะๆ อย่าได้หลงตัวเองขนาดนั้นเลยจารย์”
กลิ่นตัวเขาคงไม่อาจทำอะไรได้ ราอูลล์จึงเปลี่ยนท่ามากอดอก ขยับดุนๆ ศีรษะที่พิงต้นคออีกฝ่ายให้ถนัดเหมือนเดิม
“ที่ไม่มีรมณ์ขยับนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศิษย์อาจารย์ไรนี้เลยสักนิด ข้ากลุ้มเรื่องของตัวข้าเองต่างหากล่ะ”
“เฮอะๆๆ...” ชาล์ลหัวเราะบ้าง คล้ายล้อเลียนอีกคน กระดกสุราเข้าปากอีกเกือบครึ่งขวด แล้วจึงพูดว่า “... ไอ้หนุ่มน้อย... อายุเพียงแค่นี้ จะมารู้จักกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรนักหนา”
ราอูลล์ยังหงายหน้ามองดาว ขณะยืนยันว่า
“จริงๆ นะจารย์ชาล์ล ข้ารู้สึกเหมือนผ่านเรื่องราวบางอย่างมา แต่ว่า... ข้ากลับลืมมันไปหมดเลยน่ะซี...”
แล้วเขาก็พลิกตัวมานั่งให้ถนัด พูดจาเป็นจริงเป็นจังกว่าเดิม
“คือ... มันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เลยนะ แต่ข้ากลับจำอะไรไม่ได้เลย”
ชาล์ลส่งเสียงอืออาอย่างใช้ความคิด ยกนิ้วชี้ส่ายไปมาประกอบสิ่งที่กำลังจะพูด
“นั่นก็ยังดี... เจ้าก็ยังดีกว่าข้า ไม่ต้องดื่มสุรา ก็สามารถลืมเรื่องราวต่างๆ ได้ แต่ข้านี่สิ... ยังต้องอาศัยมันอยู่”
พูดจบ อาจารย์หมาดๆ ของราอูลล์ชูขวดสุราขึ้นฟ้า กล่าวอวยชัยให้พรตนเอง แล้วก็กระดกสุรารวดเดียวหมดขวด
“เรื่อง... เรื่องไรเหรอจารย์”
“ไม่ต้องยุ่ง!”
คนถูกถามตวาดกลับ อยู่ๆ ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาเฉยๆ จนถึงกับผุดลุก
“ข้าจะสอนเจ้าเป็นสิ่งแรกเลยนะ นั่นคือ... สงบปากเอาไว้ ไม่ต้องซักถามอะไร โดยเฉพาะเกี่ยวกับตัวข้า!”
ชาล์ลคล้ายแค่โยนขวดเหล้าเปล่าให้ แต่แฝงพละกำลังล้ำลึก กระแทกอกราอูลล์จนจุก กลิ้งตกจากก้อนหินใหญ่
“อูยยย!.. ได้ๆ สงบปากเอาไว้... ได้... ได้เลย...”
“ข้าหมายถึง เหตุผลต่างๆ จะทำให้เจ้าเข้าใจเองได้ ว่าอะไรคืออะไร”
ระหว่างพูด ชาล์ลก็พาดตัวลงแทนที่ที่ราอูลล์นอนแผ่อยู่เมื่อครู่ พอจบคำสุดท้าย ก็คอพับ ทำท่าคล้ายผล็อยหลับไปทันที
“อ้าว! ไรวะจารย์... อยู่ๆ ก็หลับง่ายๆ ...อย่าเพิ่งสิ ไปนอนบ้านข้าก็ได้...”
“ไม่ ข้าไม่ชอบพวกคนรวย พวกมีอันจะกินมันไร้สาระ ข้าไม่ชอบหรอกนะ พวกนอนตั่งนอนเตียง ที่นอนใหญ่โต”
ชาล์ลงึมงำตอบยืดยาว ราวมีเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ
“ไม่หรอกจารย์ บ้านข้าก็พออยู่ได้ ห้องหับคับแคบไม่พอตั้งตั่งเตียงใหญ่โตอะไรหรอกน่ะ”
“ไม่ๆๆๆ คนจนข้าก็ยิ่งเกลียด...”
“อ้าว! ทำไมยุ่งยากอย่างงั้นล่ะชีวิตจารย์เนี่ย?”
“ไม่ยุ่งๆ ก็แค่เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า”
สองมือชาล์ล ปัดไปมา ทั้งที่ยังหลับตา คล้ายรำคาญแมลงป้วนเปี้ยนสักตัว
“ก็...ไหนๆ ท่านก็ถ่ายทอดวิชานักรบชั้นรอง ไว้สู้กับพวกฝีมือชั้นสองชั้นสามให้ข้า ก็ถือเป็นการตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ไงล่ะ”
“โว้ยยยย! ทำไมเซ้าซี้น่าเบื่ออย่างนี้วะ!”
ในที่สุด ชาล์ลก็ล้มเลิกความคิดจะนอน ยันกายลุกขึ้น แล้วทำเอะอะชี้ไปทางหนึ่ง
“นั่นๆ สาวที่ไหนหลงเดินมาดึกๆ ดื่นๆ”
ราอูลล์หันขวับไปมอง พอไม่เห็นมีใครก็รู้ว่าถูกหลอก ทว่าเมื่อหันกลับมา ร่างของชาล์ลก็อันตรธานไปแล้ว
จากนั้นมีเสียงกู่วู้ๆ อยู่เหนือหัว เขาแหงนขึ้นมอง เห็นเพียงร่างชาล์ลเหินอากาศอยู่ลิบๆ ก่อนจะไกลจนลับสายตา
“วิถีผู้กล้าาาาาาาาา... ล่องลอยตามสายลมมมมม... ดาบใหญ่ข้าแสนคมมมม มาดมสิหมู่มาาาาาาารรรร!!!”
ถึงตอนนี้ ราอูลล์ชักไม่แน่ใจ ที่ชาล์ลใส่ๆ ไว้ในหัวตน จะมีเชื้อบ้าบอปนอยู่ด้วยบ้างหรือเปล่าหนอ...
ที่นครแห่งแสง ตั้งแต่เจ้าอัชชาร์กลับมาจากการค้นหาสมบัติล้ำค่าจะนครอุดมธรรม เขาก็เริ่มดำเนินแผนการ ที่อดทนรอมานานนับสิบปี
บนโต๊ะหมากรุก คู่เล่นคือสาวกคนสนิท ซึ่งมีตำแหน่งสูงในลัทธิเทพรัตติกาล
เกมที่เกิดขึ้นปราศจากการเดิมพัน ทว่า... แต่ละตัวหมากที่จะขยับไปตามช่องทาง เจ้าอาคมล้วนครุ่นคิด ตาใดดีร้ายอย่างไร ต้องหลบเลี่ยงหรือเดินเกมสองชั้นสามชั้นอย่างไร
“เจ้ารู้หรือไม่...” เจ้าอาคมเอ่ยขึ้นเบาๆ ระหว่างคลึงหัวหมากตัวขุน ขณะใช้ความคิด
“... ชีวิต กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างหน้า แท้จริงต้องผ่านการบงการจากอะไรบางอย่าง”
คนถูกตั้งคำถาม ทั้งไม่กล้าตอบ ทั้งไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอื่นใด ก้มศีรษะคำนับแล้วเอ่ยเบาๆ
“ข้าน้อยด้อยปัญญา หากเจ้าลัทธิไม่แนะนำสั่งสอน ก็จะเป็นเพียงโง่ดักดาน แต่คนโง่คนนี้ ยังส่งคนไปกระทำการบางอย่าง ไว้สำเร็จเรียบร้อย รับรองท่านเจ้าลัทธิจะต้องพึงพอใจ”
คำท้าย คนพูดพูดอย่างประจบ แต่... มีหรือที่เจ้าอาคมอัชชาร์จะประเมินไม่ได้ ว่าเรื่องราวที่กระทำลับหลังตนนั้น... คือสิ่งไร...
(มีต่อ)