ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน กดโหวด กดกิฟ กดถูกใจ นะคะ
จากหัวกระทู้ที่แล้ว
GTW ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, ออมอำพัน ถูกใจ
จากคคห.ที่1กระทู้ที่แล้ว
GTW ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, ออมอำพัน ถูกใจ
ขอบคุณจากใจค่ะ
********************************************************
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
007
ขอรับ... อาจารย์!
“เอิ่มม์ พี่ชาย วิธีการตีสนิทของเจ้าเนี่ย... มันออกจะเห่ยไปหน่อยนะ”
แล้วราอูลล์ก็ใช้ความว่องไว มุดหลบกลิ้งตัวออกมา รีบลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือลาชายแปลกหน้าเอาดื้อๆ
แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอม ตามติดมาคว้าต้นคอเอาไว้อีก
“แต่ข้าจะสอนให้เจ้าเป็นนักรบผู้กล้าเชียวนะ!”
“ปู๊ดโธ่! ฯพณฯท่านโอษฐ์รัญจวนโจรขอรับ แค่ที่กระพ้มเจอท่านไม่กี่นาทีนี้ ก็เจ็บปวดทั้งที่ไม่ควรจะเป็น คิดเรอะว่ากระพ้มจะยินยอมด้วยง่ายๆ”
ราอูลล์ปัดมือชายแปลกหน้า แต่ตนเองกลับถูกคว้าข้อมือเอาไว้ ไม่รู้ถูกกดจุดเหน็บชาตรงไหน ทำให้คนถูกบังคับแข็งค้างไปทั้งตัว
“หรือเจ้าดูถูกวิชาของข้า ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้านี้คือ เจ้าของฉายา คอเพชรดาบทองคำสุดหล่อแสนร้ายกาจ... เอ็งจะเดินหนีไปง่ายๆ ไม่ได้!”
พอราอูลล์เห็นแล้วว่า ท่าทางคนแปลกหน้านี้ คงเป็นเพียงขี้เมาสติไม่ดี ที่ยังพอมีฝีมือ เขาเลยต้องเปลี่ยนการเจรจา มาเป็นเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“โถๆๆ ใจเย็นๆ นะจ๊ะคุณพี่...”
มือข้างที่ว่างและเริ่มขยับได้แล้ว ค่อยๆ ปลดมือที่กุมข้อมือนั้นออก
“คุณพี่คอเพชร นี้แสดงว่าสุราทั่วแผ่นดิน ต้องผ่านการลิ้มรสจากท่าน แต่เชื่อหรือไม่ มีไวน์ในอ่างเจิมของโบสถ์หนึ่ง รสชาติเกินจะบรรยาย รับรองว่าท่านไม่เคยได้ลิ้มลองที่ไหน”
คอเพชรดาบทองคำ คงรู้สึกน้ำลายสอขึ้นทันที และน่าจะเป็นนิสัยเสียของเขา พอได้ยินเรื่องสุราชั้นดี ก็เป็นอันลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
“ไวน์ในอ่างเจิม... ข้าเจอมานักต่อนัก ล้วนรสชาติสุนัขไม่รับประทาน”
“แต่นี้เป็นของเลิศรส เป็นความเร้นลับอย่างหนึ่งของหมู่บ้านเรเวลล์ เชียวนะ”
“ข้าไม่เชื่อ!”
“งั้นท่านก็ต้องไปพิสูจน์ ทางโน้นไง แค่กลับหลังหัน ฝีมือระดับท่าน ไปกลับแค่ไม่นาน รีบไปซะก่อน แล้วข้าจะรอ... รอตรงนี้ละ”
“ได้...”
ราอูลล์ไม่คิดว่า เจ้าของฉายาคอเพชรดาบทองคำ จะโง่ได้ขนาดนี้ แต่เขาจะไม่ยอมเผลอถามเด็ดขาดว่า จะเชื่อกันง่ายๆ อย่างนี้น่ะรึ
และพอชายแปลกหน้าท่าทางสติไม่ดีนั่นจากไป เขาก็รีบวิ่งหนีจะกลับโรงแรม... ซึ่งก็คือบ้านของเขากับคุณนายป้าสีมาร์ทันที
“เฮอะ! คอเหล็กคอไม้ ดาบผุๆ พังๆ อะไรที่ไหนล่ะ ดูก็รู้ว่าแค่พวกสติเสีย!”
เขายังบ่นอยู่ไม่วาย ถึงท่าทางชายคนนั้น จะเก่งกาจขนาดไหน การได้อยู่ใกล้ๆ ก็น่าจะทำให้พลอยโดนดูถูกเหยียดหยามไปด้วย
ระหว่างทาง ต้องผ่านป่าแห่งทอร์ส แม้เป็นผืนป่าขนาดเล็ก แต่มีต้นไม้ดึกดำบรรพ์สูงใหญ่ ยืนต้นอย่างเป็นระเบียบ คล้ายมีใครเคยบรรจงปลูก แต่ความเก่าแก่ ทำให้กิ่งก้านใบแทบเกลี้ยงโกร๋น แสงจากฟ้ายามราตรี ของคืนจันทร์เต็มดวงขณะนี้ ส่องผ่านลงมายังพื้นลานได้เต็มที่
มีเสียงผู้คน คล้ายสวดวิงวอน อาจเป็นพวกลัทธิรัตติกาลที่เขาเคยได้ยินว่า พวกมันเป็นวายร้าย ที่หวังจะควบคุมมหาอาณาจักรทั้งสาม
ราอูลล์หลบหลังไม้ต้นหนึ่ง ชะโงกมองการทำท่าทางประหลาดของพวกมัน
เป็นสามคน ซึ่งไม่รู้แน่ว่าคือใคร พวกมันสวมชุดดำ มีผ้ายาวผืนเล็กสีแดงเข้มพาดข้ามบ่า สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าส่วนบน ริมฝีปากเอ่ยบทสวดอะไรบางอย่างไม่หยุด ขณะคล้ายทำการเต้นรำบูชาแสงจันทรา ด้วยท่าทางแข็งๆ กระตุกๆ เป็นจังหวะ
แอบดูอยู่สักพัก ก็เห็นคล้ายดวงจันทร์เริ่มเข้าใจ มีแสงแวบวาบวาวขึ้นจากรัศมีของดวงเดือน...
“ไอ้พวกนี้มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...”
ณ อีกฟากหนึ่งของมหาอาณาจักร ที่นครแห่งแสง เจ้าอาคมอัชชาร์ บอกราชาซิริอัสส์ว่าจะทำการส่งมอบสิ่งสำคัญ ภายใต้จันทร์เพ็ญ ซึ่งเทพรัตติกาลจะมีอำนาจสูงสุดในค่ำคืนนี้
เมื่อทุกคนมาพร้อมในบริเวณพิธีกลางลานโล่ง กระทั่งราชายังต้องยืนรออยู่เบื้องล่าง เงยรอให้ผู้อยู่ด้านบนคืออัชชาร์ ร่ายเวทคาถาบูชาเทพเจ้าจนเสร็จสิ้น เมื่อเจ้าอาคมไม่เอ่ยอะไร ทุกคนก็ได้แต่นิ่งรอฟัง
จนกระทั่ง อัชชาร์หันกลับมา ปรายสายตามองอาการใจจดใจจ่อของราชานครแห่งแสง เขายิ้มอย่างพอใจ แล้วเริ่มประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน ร่ายเวทอีกไม่กี่คำ ก็แยกฝ่ามือออก กลับมีกล้าไม้ต้นหนึ่ง ลอยค้างอยู่ระหว่างกลาง
“นี้คือหน่อต้นอุดมธรรม กระหม่อมนำมาจากอาณาจักรแห่งความสมบูรณ์พูนสุข นับแต่นี้ไป ขอแค่ทุกคนในนครของเรา เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกวันสามเวลา ยามก่อนอรุณเบิกฟ้า หลังอาทิตย์ลับดวง และเวลาเที่ยงคืน ทุกคนกราบไหว้ต้นไม้นี้ หน่ออุดมธรรมจะโตขึ้นๆ ร้อยปีให้หลัง ดอกของมันก็จะบานสะพรั่งทั่วนครแห่งแสง เมื่อถึงตอนนั้น นครแห่งแสงจะเป็นมหาอาณาจักรอุดมธรรมอีกแห่ง...”
จบคำประกาศ บรรดาสาวกลัทธิเทพรัตติกาล พากันโห่ร้องชื่นชมยินดี พวกมันคล้ายถูกมอมเมา เพราะไม่มีสักคนจะขัดแย้ง เช่นว่า ในอีกร้อยปีข้างหน้า ย่อมนานเกินชั่วอายุคน แล้วพวกเขาจะได้อะไร
จากนั้น บรรดาสาวกก็เริ่มร่ายรำบูชา เต้นเป็นท่าแข็งๆ กระตุกๆ ไปรอบกองไฟใหญ่กลางลาน มีเจ้าลัทธิเทพรัตติกาลเฝ้ามองอย่างพึงพอใจ ส่วนราชาซิริอัสส์ ก็ภาคภูมิใจ ที่ตนได้เป็นส่วนหนึ่งในพิธีบูชาเทพรัตติกาลในครั้งนี้
หลังจากราอูลล์เลิกสนใจ พวกที่เต้นรำบูชาด้วยท่วงท่าแปลก ในป่าแห่งทอร์สแล้ว เขาก็กลับมาที่บ้าน... โรงแรมเล็กๆ ของสีมาร์ ซึ่งเวลานี้แขกสำคัญสามคนยังคงเหมาห้องพักทั้งหมด
“เว้ย! ยัยคุณนายป้าหน้ายักษ์ วันๆ ให้ข้ามาล้างชามกองพะเนินอยู่หน้าบ้าน นึกเรอะว่าใครเขาจะเชื่อว่าลูกค้ามากมาย หมู่บ้านทอร์สก็เล็กแค่นี้ ไม่ใช่ทางผ่านสำคัญ ใครๆ ก็รู้ว่า นานทีปีหนถึงจะมีใครมาพัก”
ราอูลล์บ่น เหมือนที่เคยบ่นอยู่ทุกวัน กับลูกไม้ล้างจานเยอะๆ คนจะได้นึกว่า ที่นี้มีของอร่อยให้รับประทาน
ล้างไปบ่นไปอีกสักพัก ชายชุดดำพาดผ้าแดงทั้งสามคน ก็เดินเร็วๆ ผ่านหน้าเขาไปเงียบๆ คล้ายไม่ทันสังเกตเห็นราอูลล์ด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มมองตาม
“ไอ้สามคนนี้ มันต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ เอาซี... ไอ้เซเรสส์ราอูลล์คนนี้ จะจัดการพวกมันเอง”
เพราะส่วนหนึ่ง เขาได้รับการปลูกฝัง ในฐานะของชาวนักรบผู้กล้า คราวใดที่นึกอยากจะเข้าไปยุ่งเหยิงช่วยเหลือผู้คน ราอูลล์จึงรีบทำทันที
เขาสะกดรอยตาม พวกมันได้อะไรสักอย่าง ห่อหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าใบโต แล้วช่วยกันแบกกลับที่พักอย่างเงียบเชียบ
“ที่แท้ เป็นพวกโจรร้ายนั่นเอง”
ราอูลล์ติดตามทุกฝีก้าว เรื่องสะกดรอยแบบตีนแมว เขาเก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าใคร
ระหว่างตามติดมาในทางเปลี่ยว อยู่ๆ ก็สะดุดอะไรสักอย่าง เขาเพ่งมองดู พอเห็นชัดๆ ก็ต้องโวยใส่
“อะไรวะ! ทำไมเป็นเจ้าอีกแล้วล่ะ!”
เป็นชายแปลกหน้าขี้เมา ที่คะยันคะยอจะให้เขาเป็นศิษย์นั่นเอง
“ทำไม... นี้มันทางหลวง ข้าคิดจะทำอะไร ไม่มีใครขัดขวางหรือปฏิเสธได้หรอกน่ะ”
คนพูด คล้ายขี้เมาเพิ่งล้มแผ่อยู่กับพื้น ขณะพูดยังไม่ลืมตาดูหน้าใครๆ
ราอูลล์ไม่อยากเสวนาด้วย หันกลับจะไปอีกทาง แต่ชายแปลกประหลาดกลับมายืนขวางหน้าเอาไว้เสียอีก
เป็นความว่องไวที่ราอูลล์ต้องชะงัก คนบ้าบอผู้นี้ อาจมีฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ
อีกฝ่ายชี้หน้าคนจะเดินหนี
“เรียกข้าว่าชาล์ล เฮอเนสส์-ชาล์ล หรือจะเรียกอาจารย์ก็รีบคุกเข่าอ้อนวอนเสียก่อน”
ราอูลล์ถึงกับขำ ยกคิ้วหลิ่วตา ถากถางคำพูดของฝ่ายตรงข้าม
ที่จริง ชาล์ล เฮอเนสส์ ก็ไม่ใช่คนแก่เฒ่าอะไรนัก คิ้วเข้ม แววตาคมกริบนั่น แสดงแววปราดเปรื่องจริงแท้ รูปร่างและท่วงทีการยืนหยัด การเดินเหิน ก็บ่งบอกพอสมควรว่าเขาก็มีดี
แต่ราอูลล์ไม่หมายจะเสวนาด้วย คราวนี้เขาแกล้งพยักเพยิด ส่งสายตาข้ามไหล่ชาล์ล ที่กำลังมั่นใจว่า อีกฝ่ายต้องรับตนเป็นอาจารย์แน่ๆ
เห็นราอูลล์ยังทำท่าแปลกๆ จึงถาม
“อะไร มีอะไรเรอะ!”
นี้คือไม่แน่ว่าชาล์ลกำลังเมาจริงๆ หรือแกล้งเมากันแน่
“ก็นั่นไง มีคน มีคนมาแล้วละ” คนถูกถาม ทำหน้าตาเป็นหวาดกลัว “ท่านเทพคอเพชรดาบทองคำ ช่วยข้าด้วย ข้ากลัวพวกมัน” และอ้อนวอน ราวเห็นเงาๆ ด้านหลัง เป็นศัตรูตัวฉกาจ
แต่ชาล์ลก็พุ่งไปทางบรรดาเงาแวบๆ นั่นจริงๆ ด้วยความเก่งกล้ากระมัง ทำให้คิดว่าเหล่านั้นคือมารร้าย ที่จะต้องจัดการ
ราอูลล์ถือโอกาสวิ่งหนี ใช้ความเร็วสูงสุด รีบกลับบ้าน แต่พอถึงมุมถนนสุดท้าย สิ่งหนึ่งก็คล้ายร่วงตุ้บมาจากกลางอากาศ...
เป็นชาล์ล ตกลงมานอนขวางทางเขา... อีกแล้ว
“อะไรวะ! ท่าทางการปรากฏตัว ไม่มีไอ้ที่สร้างสรรค์กว่านี้หรือยังไง”
ราอูลล์โวยใส่ คนนอนแผ่กลางพื้น ที่เพิ่งชันเข่าขึ้นมา ใช้อีกขาพาดไว้ แล้วกระดิกปลายเท้าเล่นอย่างสบายอารมณ์
“ไอ้หนุ่มน้อย เรามีโชคชะตาร่วมกัน เจ้าหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอกกับโชคชะตา”
“จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะลุง!”
(มีต่อ)
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 7 ขอรับ... อาจารย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
***************************************
จากหัวกระทู้ที่แล้ว
GTW ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, ออมอำพัน ถูกใจ
จากคคห.ที่1กระทู้ที่แล้ว
GTW ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, ออมอำพัน ถูกใจ
ขอบคุณจากใจค่ะ
********************************************************
007
ขอรับ... อาจารย์!
“เอิ่มม์ พี่ชาย วิธีการตีสนิทของเจ้าเนี่ย... มันออกจะเห่ยไปหน่อยนะ”
แล้วราอูลล์ก็ใช้ความว่องไว มุดหลบกลิ้งตัวออกมา รีบลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือลาชายแปลกหน้าเอาดื้อๆ
แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอม ตามติดมาคว้าต้นคอเอาไว้อีก
“แต่ข้าจะสอนให้เจ้าเป็นนักรบผู้กล้าเชียวนะ!”
“ปู๊ดโธ่! ฯพณฯท่านโอษฐ์รัญจวนโจรขอรับ แค่ที่กระพ้มเจอท่านไม่กี่นาทีนี้ ก็เจ็บปวดทั้งที่ไม่ควรจะเป็น คิดเรอะว่ากระพ้มจะยินยอมด้วยง่ายๆ”
ราอูลล์ปัดมือชายแปลกหน้า แต่ตนเองกลับถูกคว้าข้อมือเอาไว้ ไม่รู้ถูกกดจุดเหน็บชาตรงไหน ทำให้คนถูกบังคับแข็งค้างไปทั้งตัว
“หรือเจ้าดูถูกวิชาของข้า ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้านี้คือ เจ้าของฉายา คอเพชรดาบทองคำสุดหล่อแสนร้ายกาจ... เอ็งจะเดินหนีไปง่ายๆ ไม่ได้!”
พอราอูลล์เห็นแล้วว่า ท่าทางคนแปลกหน้านี้ คงเป็นเพียงขี้เมาสติไม่ดี ที่ยังพอมีฝีมือ เขาเลยต้องเปลี่ยนการเจรจา มาเป็นเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“โถๆๆ ใจเย็นๆ นะจ๊ะคุณพี่...”
มือข้างที่ว่างและเริ่มขยับได้แล้ว ค่อยๆ ปลดมือที่กุมข้อมือนั้นออก
“คุณพี่คอเพชร นี้แสดงว่าสุราทั่วแผ่นดิน ต้องผ่านการลิ้มรสจากท่าน แต่เชื่อหรือไม่ มีไวน์ในอ่างเจิมของโบสถ์หนึ่ง รสชาติเกินจะบรรยาย รับรองว่าท่านไม่เคยได้ลิ้มลองที่ไหน”
คอเพชรดาบทองคำ คงรู้สึกน้ำลายสอขึ้นทันที และน่าจะเป็นนิสัยเสียของเขา พอได้ยินเรื่องสุราชั้นดี ก็เป็นอันลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
“ไวน์ในอ่างเจิม... ข้าเจอมานักต่อนัก ล้วนรสชาติสุนัขไม่รับประทาน”
“แต่นี้เป็นของเลิศรส เป็นความเร้นลับอย่างหนึ่งของหมู่บ้านเรเวลล์ เชียวนะ”
“ข้าไม่เชื่อ!”
“งั้นท่านก็ต้องไปพิสูจน์ ทางโน้นไง แค่กลับหลังหัน ฝีมือระดับท่าน ไปกลับแค่ไม่นาน รีบไปซะก่อน แล้วข้าจะรอ... รอตรงนี้ละ”
“ได้...”
ราอูลล์ไม่คิดว่า เจ้าของฉายาคอเพชรดาบทองคำ จะโง่ได้ขนาดนี้ แต่เขาจะไม่ยอมเผลอถามเด็ดขาดว่า จะเชื่อกันง่ายๆ อย่างนี้น่ะรึ
และพอชายแปลกหน้าท่าทางสติไม่ดีนั่นจากไป เขาก็รีบวิ่งหนีจะกลับโรงแรม... ซึ่งก็คือบ้านของเขากับคุณนายป้าสีมาร์ทันที
“เฮอะ! คอเหล็กคอไม้ ดาบผุๆ พังๆ อะไรที่ไหนล่ะ ดูก็รู้ว่าแค่พวกสติเสีย!”
เขายังบ่นอยู่ไม่วาย ถึงท่าทางชายคนนั้น จะเก่งกาจขนาดไหน การได้อยู่ใกล้ๆ ก็น่าจะทำให้พลอยโดนดูถูกเหยียดหยามไปด้วย
ระหว่างทาง ต้องผ่านป่าแห่งทอร์ส แม้เป็นผืนป่าขนาดเล็ก แต่มีต้นไม้ดึกดำบรรพ์สูงใหญ่ ยืนต้นอย่างเป็นระเบียบ คล้ายมีใครเคยบรรจงปลูก แต่ความเก่าแก่ ทำให้กิ่งก้านใบแทบเกลี้ยงโกร๋น แสงจากฟ้ายามราตรี ของคืนจันทร์เต็มดวงขณะนี้ ส่องผ่านลงมายังพื้นลานได้เต็มที่
มีเสียงผู้คน คล้ายสวดวิงวอน อาจเป็นพวกลัทธิรัตติกาลที่เขาเคยได้ยินว่า พวกมันเป็นวายร้าย ที่หวังจะควบคุมมหาอาณาจักรทั้งสาม
ราอูลล์หลบหลังไม้ต้นหนึ่ง ชะโงกมองการทำท่าทางประหลาดของพวกมัน
เป็นสามคน ซึ่งไม่รู้แน่ว่าคือใคร พวกมันสวมชุดดำ มีผ้ายาวผืนเล็กสีแดงเข้มพาดข้ามบ่า สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าส่วนบน ริมฝีปากเอ่ยบทสวดอะไรบางอย่างไม่หยุด ขณะคล้ายทำการเต้นรำบูชาแสงจันทรา ด้วยท่าทางแข็งๆ กระตุกๆ เป็นจังหวะ
แอบดูอยู่สักพัก ก็เห็นคล้ายดวงจันทร์เริ่มเข้าใจ มีแสงแวบวาบวาวขึ้นจากรัศมีของดวงเดือน...
“ไอ้พวกนี้มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...”
ณ อีกฟากหนึ่งของมหาอาณาจักร ที่นครแห่งแสง เจ้าอาคมอัชชาร์ บอกราชาซิริอัสส์ว่าจะทำการส่งมอบสิ่งสำคัญ ภายใต้จันทร์เพ็ญ ซึ่งเทพรัตติกาลจะมีอำนาจสูงสุดในค่ำคืนนี้
เมื่อทุกคนมาพร้อมในบริเวณพิธีกลางลานโล่ง กระทั่งราชายังต้องยืนรออยู่เบื้องล่าง เงยรอให้ผู้อยู่ด้านบนคืออัชชาร์ ร่ายเวทคาถาบูชาเทพเจ้าจนเสร็จสิ้น เมื่อเจ้าอาคมไม่เอ่ยอะไร ทุกคนก็ได้แต่นิ่งรอฟัง
จนกระทั่ง อัชชาร์หันกลับมา ปรายสายตามองอาการใจจดใจจ่อของราชานครแห่งแสง เขายิ้มอย่างพอใจ แล้วเริ่มประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน ร่ายเวทอีกไม่กี่คำ ก็แยกฝ่ามือออก กลับมีกล้าไม้ต้นหนึ่ง ลอยค้างอยู่ระหว่างกลาง
“นี้คือหน่อต้นอุดมธรรม กระหม่อมนำมาจากอาณาจักรแห่งความสมบูรณ์พูนสุข นับแต่นี้ไป ขอแค่ทุกคนในนครของเรา เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกวันสามเวลา ยามก่อนอรุณเบิกฟ้า หลังอาทิตย์ลับดวง และเวลาเที่ยงคืน ทุกคนกราบไหว้ต้นไม้นี้ หน่ออุดมธรรมจะโตขึ้นๆ ร้อยปีให้หลัง ดอกของมันก็จะบานสะพรั่งทั่วนครแห่งแสง เมื่อถึงตอนนั้น นครแห่งแสงจะเป็นมหาอาณาจักรอุดมธรรมอีกแห่ง...”
จบคำประกาศ บรรดาสาวกลัทธิเทพรัตติกาล พากันโห่ร้องชื่นชมยินดี พวกมันคล้ายถูกมอมเมา เพราะไม่มีสักคนจะขัดแย้ง เช่นว่า ในอีกร้อยปีข้างหน้า ย่อมนานเกินชั่วอายุคน แล้วพวกเขาจะได้อะไร
จากนั้น บรรดาสาวกก็เริ่มร่ายรำบูชา เต้นเป็นท่าแข็งๆ กระตุกๆ ไปรอบกองไฟใหญ่กลางลาน มีเจ้าลัทธิเทพรัตติกาลเฝ้ามองอย่างพึงพอใจ ส่วนราชาซิริอัสส์ ก็ภาคภูมิใจ ที่ตนได้เป็นส่วนหนึ่งในพิธีบูชาเทพรัตติกาลในครั้งนี้
หลังจากราอูลล์เลิกสนใจ พวกที่เต้นรำบูชาด้วยท่วงท่าแปลก ในป่าแห่งทอร์สแล้ว เขาก็กลับมาที่บ้าน... โรงแรมเล็กๆ ของสีมาร์ ซึ่งเวลานี้แขกสำคัญสามคนยังคงเหมาห้องพักทั้งหมด
“เว้ย! ยัยคุณนายป้าหน้ายักษ์ วันๆ ให้ข้ามาล้างชามกองพะเนินอยู่หน้าบ้าน นึกเรอะว่าใครเขาจะเชื่อว่าลูกค้ามากมาย หมู่บ้านทอร์สก็เล็กแค่นี้ ไม่ใช่ทางผ่านสำคัญ ใครๆ ก็รู้ว่า นานทีปีหนถึงจะมีใครมาพัก”
ราอูลล์บ่น เหมือนที่เคยบ่นอยู่ทุกวัน กับลูกไม้ล้างจานเยอะๆ คนจะได้นึกว่า ที่นี้มีของอร่อยให้รับประทาน
ล้างไปบ่นไปอีกสักพัก ชายชุดดำพาดผ้าแดงทั้งสามคน ก็เดินเร็วๆ ผ่านหน้าเขาไปเงียบๆ คล้ายไม่ทันสังเกตเห็นราอูลล์ด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มมองตาม
“ไอ้สามคนนี้ มันต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ เอาซี... ไอ้เซเรสส์ราอูลล์คนนี้ จะจัดการพวกมันเอง”
เพราะส่วนหนึ่ง เขาได้รับการปลูกฝัง ในฐานะของชาวนักรบผู้กล้า คราวใดที่นึกอยากจะเข้าไปยุ่งเหยิงช่วยเหลือผู้คน ราอูลล์จึงรีบทำทันที
เขาสะกดรอยตาม พวกมันได้อะไรสักอย่าง ห่อหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าใบโต แล้วช่วยกันแบกกลับที่พักอย่างเงียบเชียบ
“ที่แท้ เป็นพวกโจรร้ายนั่นเอง”
ราอูลล์ติดตามทุกฝีก้าว เรื่องสะกดรอยแบบตีนแมว เขาเก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าใคร
ระหว่างตามติดมาในทางเปลี่ยว อยู่ๆ ก็สะดุดอะไรสักอย่าง เขาเพ่งมองดู พอเห็นชัดๆ ก็ต้องโวยใส่
“อะไรวะ! ทำไมเป็นเจ้าอีกแล้วล่ะ!”
เป็นชายแปลกหน้าขี้เมา ที่คะยันคะยอจะให้เขาเป็นศิษย์นั่นเอง
“ทำไม... นี้มันทางหลวง ข้าคิดจะทำอะไร ไม่มีใครขัดขวางหรือปฏิเสธได้หรอกน่ะ”
คนพูด คล้ายขี้เมาเพิ่งล้มแผ่อยู่กับพื้น ขณะพูดยังไม่ลืมตาดูหน้าใครๆ
ราอูลล์ไม่อยากเสวนาด้วย หันกลับจะไปอีกทาง แต่ชายแปลกประหลาดกลับมายืนขวางหน้าเอาไว้เสียอีก
เป็นความว่องไวที่ราอูลล์ต้องชะงัก คนบ้าบอผู้นี้ อาจมีฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ
อีกฝ่ายชี้หน้าคนจะเดินหนี
“เรียกข้าว่าชาล์ล เฮอเนสส์-ชาล์ล หรือจะเรียกอาจารย์ก็รีบคุกเข่าอ้อนวอนเสียก่อน”
ราอูลล์ถึงกับขำ ยกคิ้วหลิ่วตา ถากถางคำพูดของฝ่ายตรงข้าม
ที่จริง ชาล์ล เฮอเนสส์ ก็ไม่ใช่คนแก่เฒ่าอะไรนัก คิ้วเข้ม แววตาคมกริบนั่น แสดงแววปราดเปรื่องจริงแท้ รูปร่างและท่วงทีการยืนหยัด การเดินเหิน ก็บ่งบอกพอสมควรว่าเขาก็มีดี
แต่ราอูลล์ไม่หมายจะเสวนาด้วย คราวนี้เขาแกล้งพยักเพยิด ส่งสายตาข้ามไหล่ชาล์ล ที่กำลังมั่นใจว่า อีกฝ่ายต้องรับตนเป็นอาจารย์แน่ๆ
เห็นราอูลล์ยังทำท่าแปลกๆ จึงถาม
“อะไร มีอะไรเรอะ!”
นี้คือไม่แน่ว่าชาล์ลกำลังเมาจริงๆ หรือแกล้งเมากันแน่
“ก็นั่นไง มีคน มีคนมาแล้วละ” คนถูกถาม ทำหน้าตาเป็นหวาดกลัว “ท่านเทพคอเพชรดาบทองคำ ช่วยข้าด้วย ข้ากลัวพวกมัน” และอ้อนวอน ราวเห็นเงาๆ ด้านหลัง เป็นศัตรูตัวฉกาจ
แต่ชาล์ลก็พุ่งไปทางบรรดาเงาแวบๆ นั่นจริงๆ ด้วยความเก่งกล้ากระมัง ทำให้คิดว่าเหล่านั้นคือมารร้าย ที่จะต้องจัดการ
ราอูลล์ถือโอกาสวิ่งหนี ใช้ความเร็วสูงสุด รีบกลับบ้าน แต่พอถึงมุมถนนสุดท้าย สิ่งหนึ่งก็คล้ายร่วงตุ้บมาจากกลางอากาศ...
เป็นชาล์ล ตกลงมานอนขวางทางเขา... อีกแล้ว
“อะไรวะ! ท่าทางการปรากฏตัว ไม่มีไอ้ที่สร้างสรรค์กว่านี้หรือยังไง”
ราอูลล์โวยใส่ คนนอนแผ่กลางพื้น ที่เพิ่งชันเข่าขึ้นมา ใช้อีกขาพาดไว้ แล้วกระดิกปลายเท้าเล่นอย่างสบายอารมณ์
“ไอ้หนุ่มน้อย เรามีโชคชะตาร่วมกัน เจ้าหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอกกับโชคชะตา”
“จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะลุง!”
(มีต่อ)